fbpx
วิกิพีเดีย

ลิเกฮูลู

ลิเกฮูลู หรือ ดิเกฮูลู เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวมลายูมุสลิมภาคใต้ของไทย ขึ้นบทเป็นเพลงประกอบดนตรีและจังหวะตบมือ

ที่มา

มีผู้ให้ที่มาของดิเกฮูลูเอาไว้หลายสำนวน ในที่นี้จะขอหยิบยกออกมา 2 สำนวน กล่าวคือ หนึ่ง ตามสำนวนที่รับรู้กันโดยทั่วไป มีผู้รู้บางท่านได้ศึกษาไว้ว่าดิเก (Dikir) มีรากศัพท์มาจากคำว่าซี เกร์ ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ หมายถึงการอ่านทำนองเสนาะ ส่วนคำว่าฮูลู แปลว่าใต้หรือทิศใต้ รวมความแล้วหมายถึงการขับบทกลอนเป็นทำนองเสนาะจากทางใต้1 ท่านผู้รู้ยังได้กล่าวไว้อีกว่า ลิเกฮูลูน่าจะเกิดขึ้นเริ่มแรกที่อำเภอรามัน ซึ่งไม่ทราบแน่ว่าผู้ริเริ่มนี้คือใคร ข้อสนับสนุนก็คือชาวปัตตานีเรียกคนในอำเภอรามันว่าคนฮูลู ในขณะที่คนมาเลเซียเรียกศิลปะนี้ว่า "ลิเกปารัต" ซึ่งปารัต แปลว่าเหนือ จึงเป็นที่ยืนยันได้ว่า ดิเกฮูลู หรือดิเกปารัตนี้มาจากทางเหนือของมาเลเซียและทางใต้ของปัตตานี2 ซึ่งก็คือบริเวณอำเภอรามัน จังหวัดยะลา

และสำนวนที่สอง จากการศึกษาของประพนธ์ เรืองณรงค์ ในหนังสือ "บุหงาปัตตานี คติชนไทยมุสลิมชายแดนภาคใต้"3 คำว่าลิเก หรือลิเก ในพจนานุกรม Kamus Dewan พิมพ์โดยสมาคมภาษาและหนังสือประเทศมาเลเซียเรียกลิเกเป็นดิเกร์เป็นศัพท์เปอร์เซีย มีสองความหมายคือ เพลงสวดสรรเสริญพระเจ้า ปกติเป็นการขับร้องเนื่องในเทศกาลวันกำเนิดพระนะบีมุฮัมมัด ชาวมุสลิมเรียกงานเมาลิด เรียกการสวดดังกล่าวนี้ว่า "ดิเกเมาลิด"

นอกจากนี้ดิเกยังหมายถึงกลอนเพลงโต้ตอบ นิยมเล่ากันเป็นกลุ่มหรือเป็นคณะ โดยมีไม้ไผ่มาตัดท่อนสั้นแล้วหุ้มกาบไม้ข้างหนึ่งทำให้เกิดเสียงดัง แล้วร้องรำทำเพลงขับแก้กันตามประสาชาวป่า (ว่ากันว่าไม้ไผ่หุ้มกาบไม้นี้ได้กลายเป็นบานอ หรือรือปานา หรือรำมะนาที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้)

ประพนธ์ เรืองณรงค์ ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ดิเกน่าจะมาจากความหมายที่สอง คือกลอนเพลงโต้ตอบ นิยมเล่นกันเป็นหมู่คณะ ซึ่งเป็นการร้องเพลงลำตัดภาษาอาหรับ ที่เรียกว่า "ซีเกร์มีรฮาแบ" การร้องเป็นภาษาอาหรับ ถึงแม้จะไพเราะแต่คนไม่เข้าใจ จึงนำเอาเนื้อเพลงภาษาพื้นเมือง ซึ่งก็คือภาษายาวีตีเข้ากับรำมะนา จึงกลายเป็นดิเกฮูลูมาตราบเท่าปัจจุบัน

และการแสดงประเภทนี้น่าจะมีขึ้นครั้งแรก ณ ท้องที่เหนือลำน้ำอันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำปัตตานี ซึ่งชาวบ้านเรียกฮูลู หรือทิศฮูลู (ฝ่ายใต้ลำน้ำเรียกฮิเล) ตรงทิศฮูลูเป็นแหล่งกำเนิดฮูลูนั้น เข้าใจว่าคือท้องที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี และอำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

ดิเกฮูลูคณะหนึ่งๆ จะมีสมาชิกประมาณ 10 กว่าคน เป็นชายล้วน เป็นผู้ขับร้องต้นเสียง 1-3 คน ที่เหลือจะเป็นลูกคู่ และอาจมีนักร้องภายนอกวงมาสมทบร่วมสนุกอีกก็ได้

บทกลอนที่ใช้ขับร้องนั้น เรียกเป็นภาษามลายูท้องถิ่นว่าปันตน หรือปาตง เวลาแสดงใช้ขับกลอนโต้ตอบ ไม่ได้แสดงเป็นเรื่องราวดังเช่นการละเล่นพื้นบ้านอย่างอื่น เช่น มะโย่ง หรือมโนห์รา

การแต่งกาย

การแต่งกายของผู้เล่นดิเกฮูลู สมัยก่อนมักแต่งชุดอย่างชาวบ้านทั่วไปคือ โพกหัว สวมเสื้อคอกลม นุ่งโสร่ง บางครั้งเหน็บขวานไว้ข่มขวัญคู่ต่อสู้ ต่อมามีการแต่งกายแบบเล่นสิละ (ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชาวใต้) คือนอกจากจะนุ่งกางเกงขายาวธรรมดาเหมือนแต่เดิม ก็นุ่งผ้าโสร่งซอเกตลายสวยสดทับข้างนอกสั้นเหนือเข่าเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง พร้อมกับมีผ้าลือปักคาดสะเอว นอกนั้นก็สวมเสื้อคอกลมมีผ้าโพกศีรษะเหมือนเดิม ปัจจุบันนิยมแต่งกายแบบสมัยนิยม หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละคณะให้มีสีสันสดใสสะดุดตา

เวทีแสดง

จะยกพื้นประมาณ 1 เมตร เปิดโล่งไม่มีม่าน ไม่มีฉาก ลูกคู่จะขึ้นไปนั่งล้อมวง ร้องรับและตบมือโยกตัวให้เข้ากับจังหวะดนตรี ส่วนผู้ร้องหรือผู้โต้กลอนจะลุกขึ้นยืนข้างๆ วงลูกคู่ ถ้ากรณีมีการประชันกัน แต่ละคณะจะขึ้นไปอยู่บนเวทีด้วยกัน แต่ล้อมวงแยกกันพอสมควร การแสดงก็ผลัดกันร้องทีละรอบทั้งรุกทั้งรับ เป็นที่ครึกครื้นแก่ผู้ชม

ดนตรีดิเกฮูลูประกอบด้วยรำมะนาอย่างน้อย 2 ใบ ใช้ตีดำเนินจังหวะในการแสดง ฆ้อง 1 วง เป็นเครื่องกำกับจังหวะ ตีสม่ำเสมอประกอบการแสดง นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบและเป็นที่นิยมกันว่ามีส่วนทำให้สนุกสนานกันมากยิ่งขึ้น เช่น ขลุ่ย ลูกแซก แต่จังหวะที่ใช้เป็นประเพณีในการเล่นคือ การตบมือ

การแสดง

การแสดงจะเริ่มต้นการแสดงด้วยดนตรีโหมโรงเป็นการเรียกผู้ชมและเร้าอารมณ์คนดู สมัยก่อนมีการไหว้ครูในกรณีที่มีการประชันกันระหว่างหมู่บ้าน (หรืออาจมีหมอผีของแต่ละฝ่ายปัดรังควานไล่ผีคู่ต่อสู้ก็มี) ปัจจุบันสู้กันด้วยศิลปะหรือคารมอย่างเดียว เมื่อลูกคู่โหมโรงเสร็จ ต่อจากนั้นนักร้องต้นเสียงจะออกมาวาดลวดลายด้วยเพลงในจังหวะต่างๆ ทีละคน เริ่มต้นเนื้อร้องกล่าวถึงความประสงค์ในการเล่น แล้วจึงเข้าสู่เรื่องราวแสดง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องราวจากเหตุการณ์บ้านเมือง ปัญหาท้องถิ่น ความรักของหนุ่มสาว หรือเรื่องตลกโปกฮา

จากการสัมภาษณ์นายหะมะ แบลือแบ หรือแบมะ หัวหน้าคณะการแสดงดิเกฮูลู "มะ ยะหา" เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2547 ที่บ้านในอำเภอยะหา จังหวัดยะลา ผู้ซึ่งเป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้านศิลปกรรม สาขาการแสดงลิเกฮูลู4 แบมะสันนิษฐานว่าดิเกฮูลูน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันหรือถ่ายทอดซึ่งกันและกันกับการแสดงลำตัดในภาคกลาง เนื่องจากมีการประชันกันทั้งในด้านน้ำเสียงและไหวพริบในการโต้ตอบ

กรณีที่มีการประชัน หรือบางครั้งก็เป็นเรื่องราวกระทบกระแทกเสียดสีกัน หรือหยิบยกปัญหาต่างๆ มากล่าวเพื่อให้ผู้ชมชื่นชอบในการใช้คารมและปฏิภาณของผู้แสดง นับว่าเป็นการให้ความบันเทิง พร้อมทั้งให้ความรู้ สั่งสอนชาวบ้านผู้ชมไปในตัว

ประเพณีการแข่งขันจะมีการประชันระหว่างคณะต่างๆ เพื่อหาคณะที่ชนะเลิศในแต่ละปีที่มีกันมาตั้งแต่ในอดีต การตัดสินแตกต่างจากปัจจุบันเล็กน้อย คือในอดีตจะตัดสินผ่านพลังเสียง ไหวพริบในการโต้ตอบ ในการแสดงลูกคู่จึงนั่งล้อมกันเป็นวงกลม หัวหน้าวงจะอยู่ตรงกลาง การนั่งล้อมวงเพื่อให้เสียงรวมกันจุดเดียว ท่ารำประกอบการแสดงจะไม่หลากหลาย และเนื้อร้องเป็นภาษามลายู ปัจจุบันการแข่งขันจะตัดสินจากท่าทางของลูกคู่ด้วย ดังนั้นจึงต้องปรับรูปแบบในการนั่งเป็นนั่งเรียงหน้ากระดานเพื่อให้ผู้ชมได้เห็นท่ารำของลูกคู่อย่างชัดเจน ในส่วนของเนื้อร้องได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นภาษาไทยควบคู่ไปกับการร้องเป็นภาษามลายู

ลักษณะพิเศษของดิเกฮูลู คือหัวหน้าคณะหรือผู้ร้องนำสามารถเดินทางไปแสดงในที่ต่างๆ ในพื้นที่ที่มีคณะดิเกฮูลูได้โดยไม่ต้องมีลูกคู่ไปด้วย เพราะสามารถไปแสดงร่วมกับลูกคู่ของคณะอื่นๆ ได้

แบมะเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเข้ามาแสดงดิเกฮูลูว่า เมื่อสมัยวัยรุ่นได้ไปดูดิเกฮูลูที่มาเล่นในอำเภอยะหา รู้สึกสนใจอยากที่จะเรียนรู้จึงไปขอเรียนจากคณะที่เข้ามาแสดงที่อำเภอ จนกระทั่งมีความรู้เพียงพอที่จะมาแสดงและตั้งวงเป็นของตัวเอง

แบมะได้ปรับรูปแบบการแสดงดิเกฮูลูของตนโดยการนำเพลงลูกทุ่งเข้ามาผสมผสานในการร้อง มิได้มีไว้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการรณรงค์ โดยเนื้อหาในเพลงจะเกี่ยวข้องกับศาสนา สถานการณ์ปัจจุบัน และสอดแทรกข่าวสารจากรัฐบาล เช่น เรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความสะอาด โรคเอดส์ ความรักชาติ ความสามัคคี เศรษฐกิจพอเพียง การเลือกตั้ง และภัยร้ายของยาเสพติด เข้าไปในเนื้อหาที่ใช้แสดง

พบว่าการแสดงดิเกฮูลูเป็นอีกสื่อหนึ่งที่สามารถเข้าถึงชาวบ้าน ทั้งยังเป็นตัวช่วยหนึ่งในการเผยแพร่รณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจถึงภัยร้ายต่างๆ และข้อปฏิบัติที่ถูกต้องดังที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี

การแสดงดิเกฮูลู แต่เดิมนิยมแสดงในงานพิธีต่างๆ เช่น มาแกปูโล๊ะ (งานแต่งงาน) พิธีเข้าสุหนัต งานเมาลิด งานฮารีรายอ งานบุญ และแสดงเพื่อแก้บน เป็นการขอพรจากพระอัลลอฮฺโดยผ่านการแสดงดิเก ปัจจุบันยังแสดงในงานเทศกาลต่างๆ ร่วมกับมหรสพอื่นๆ เช่น ในงานพิธีถวายพระพรวันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นต้น หรือเป็นการแสดงเพื่อมีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง

ดังเช่นคณะดิเกฮูลูที่กล่าวถึงในงานโฆษณาชุดสำนึกรักบ้านเกิดข้างต้น หรือที่รู้จักกันในนามของดิเกฮูลูคณะแหลมทราย ของนายเจะปอ สะแม แห่งตำบลบางตาวา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นคณะเครือข่ายเพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะบริเวณรอบอ่าวปัตตานี การแสดงจะมีเนื้อหากล่าวถึงวิถีชีวิตของชุมชนประมงชายฝั่ง เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ การแก้ปัญหาต่างๆ ของประมงพื้นบ้าน และวิถีชีวิตแต่ละวัน

โดยการแสดงออกผ่านท่าทางประกอบและการตบมือ เช่น การใช้มือแสดงท่าทาง โดยการโบกมือกวักมือ หมายถึงเรียกให้กลับบ้านให้มาดูแลทะเลบ้านเรา ท่าทางการตบมือเหมือนปลา เหมือนกับการแสดงให้เห็นถึงการเอาตัวรอดของปลาให้หลุดพ้นจากการตามล่า ทำลายจากระเบิด อวนลาก อวนรุก และท่าทางการตบมือชักเชือก ที่แสดงถึงความร่วมมือ ความสามัคคี โดยใช้เชือก ซึ่งเป็นเครื่องมือจับปลาของชาวประมงพื้นบ้าน เป็นสื่อให้เกิดพลังชุมชน เป็นต้น

ปัจจุบันดิเกฮูลูแสดงกันทั่วไปในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา นราธิวาส สงขลา สตูล และปัตตานี

อ้างอิง

เกฮ, หร, เกฮ, เป, นการละเล, นพ, นบ, านของชาวมลาย, สล, มภาคใต, ของไทย, นบทเป, นเพลงประกอบดนตร, และจ, งหวะตบม, เน, อหา, มา, การแต, งกาย, เวท, แสดง, การแสดง, างอ, งท, มา, แก, ไขม, ให, มาของด, เกฮ, เอาไว, หลายสำนวน, ในท, จะขอหย, บยกออกมา, สำนวน, กล, าวค, หน, ตามสำ. liekhulu hrux diekhulu epnkarlaelnphunbankhxngchawmlayumuslimphakhitkhxngithy khunbthepnephlngprakxbdntriaelacnghwatbmux enuxha 1 thima 2 karaetngkay 3 ewthiaesdng 4 karaesdng 5 xangxingthima aekikhmiphuihthimakhxngdiekhuluexaiwhlaysanwn inthinicakhxhyibykxxkma 2 sanwn klawkhux hnung tamsanwnthirbruknodythwip miphurubangthanidsuksaiwwadiek Dikir miraksphthmacakkhawasi ekr sungepnphasaxahrb hmaythungkarxanthanxngesnaa swnkhawahulu aeplwaithruxthisit rwmkhwamaelwhmaythungkarkhbbthklxnepnthanxngesnaacakthangit1 thanphuruyngidklawiwxikwa liekhulunacaekidkhunerimaerkthixaephxramn sungimthrabaenwaphurierimnikhuxikhr khxsnbsnunkkhuxchawpttanieriykkhninxaephxramnwakhnhulu inkhnathikhnmaelesiyeriyksilpaniwa liekpart sungpart aeplwaehnux cungepnthiyunynidwa diekhulu hruxdiekpartnimacakthangehnuxkhxngmaelesiyaelathangitkhxngpttani2 sungkkhuxbriewnxaephxramn cnghwdyalaaelasanwnthisxng cakkarsuksakhxngpraphnth eruxngnrngkh inhnngsux buhngapttani khtichnithymuslimchayaednphakhit 3 khawaliek hruxliek inphcnanukrm Kamus Dewan phimphodysmakhmphasaaelahnngsuxpraethsmaelesiyeriykliekepndiekrepnsphthepxresiy misxngkhwamhmaykhux ephlngswdsrresriyphraeca pktiepnkarkhbrxngenuxnginethskalwnkaenidphranabimuhmmd chawmuslimeriyknganemalid eriykkarswddngklawniwa diekemalid nxkcaknidiekynghmaythungklxnephlngottxb niymelaknepnklumhruxepnkhna odymiimiphmatdthxnsnaelwhumkabimkhanghnungthaihekidesiyngdng aelwrxngrathaephlngkhbaekkntamprasachawpa waknwaimiphhumkabimniidklayepnbanx hruxruxpana hruxramanathiichknmacnthukwnni praphnth eruxngnrngkh idihkhwamehnineruxngniwa dieknacamacakkhwamhmaythisxng khuxklxnephlngottxb niymelnknepnhmukhna sungepnkarrxngephlnglatdphasaxahrb thieriykwa siekrmirhaaeb karrxngepnphasaxahrb thungaemcaipheraaaetkhnimekhaic cungnaexaenuxephlngphasaphunemuxng sungkkhuxphasayawitiekhakbramana cungklayepndiekhulumatrabethapccubnaelakaraesdngpraephthninacamikhunkhrngaerk n thxngthiehnuxlanaxnepntnkaenidaemnapttani sungchawbaneriykhulu hruxthishulu fayitlanaeriykhiel trngthishuluepnaehlngkaenidhulunn ekhaicwakhuxthxngthixaephxmayx cnghwdpttani aelaxaephxbnnngsta xaephxebtng cnghwdyaladiekhulukhnahnung camismachikpraman 10 kwakhn epnchaylwn epnphukhbrxngtnesiyng 1 3 khn thiehluxcaepnlukkhu aelaxacminkrxngphaynxkwngmasmthbrwmsnukxikkidbthklxnthiichkhbrxngnn eriykepnphasamlayuthxngthinwapntn hruxpatng ewlaaesdngichkhbklxnottxb imidaesdngepneruxngrawdngechnkarlaelnphunbanxyangxun echn maoyng hruxmonhrakaraetngkay aekikhkaraetngkaykhxngphuelndiekhulu smykxnmkaetngchudxyangchawbanthwipkhux ophkhw swmesuxkhxklm nungosrng bangkhrngehnbkhwaniwkhmkhwykhutxsu txmamikaraetngkayaebbelnsila silpakartxsupxngkntwkhxngchawit khuxnxkcakcanungkangekngkhayawthrrmdaehmuxnaetedim knungphaosrngsxektlayswysdthbkhangnxksnehnuxekhaekhaipxikchnhnung phrxmkbmiphaluxpkkhadsaexw nxknnkswmesuxkhxklmmiphaophksirsaehmuxnedim pccubnniymaetngkayaebbsmyniym hruximkkhunxyukbkarxxkaebbkhxngaetlakhnaihmisisnsdissadudtaewthiaesdng aekikhcaykphunpraman 1 emtr epidolngimmiman immichak lukkhucakhunipnnglxmwng rxngrbaelatbmuxoyktwihekhakbcnghwadntri swnphurxnghruxphuotklxncalukkhunyunkhang wnglukkhu thakrnimikarprachnkn aetlakhnacakhunipxyubnewthidwykn aetlxmwngaeykknphxsmkhwr karaesdngkphldknrxngthilarxbthngrukthngrb epnthikhrukkhrunaekphuchmdntridiekhuluprakxbdwyramanaxyangnxy 2 ib ichtidaenincnghwainkaraesdng khxng 1 wng epnekhruxngkakbcnghwa tismaesmxprakxbkaraesdng nxkcakniyngmiekhruxngdntrithiichprakxbaelaepnthiniymknwamiswnthaihsnuksnanknmakyingkhun echn khluy lukaesk aetcnghwathiichepnpraephniinkarelnkhux kartbmuxkaraesdng aekikhkaraesdngcaerimtnkaraesdngdwydntriohmorngepnkareriykphuchmaelaeraxarmnkhndu smykxnmikarihwkhruinkrnithimikarprachnknrahwanghmuban hruxxacmihmxphikhxngaetlafaypdrngkhwanilphikhutxsukmi pccubnsukndwysilpahruxkharmxyangediyw emuxlukkhuohmorngesrc txcaknnnkrxngtnesiyngcaxxkmawadlwdlaydwyephlngincnghwatang thilakhn erimtnenuxrxngklawthungkhwamprasngkhinkareln aelwcungekhasueruxngrawaesdng sungxaccaepneruxngrawcakehtukarnbanemuxng pyhathxngthin khwamrkkhxnghnumsaw hruxeruxngtlkopkhacakkarsmphasnnayhama aebluxaeb hruxaebma hwhnakhnakaraesdngdiekhulu ma yaha emuxwnthi 7 minakhm ph s 2547 thibaninxaephxyaha cnghwdyala phusungepnkhruphumipyyaithy dansilpkrrm sakhakaraesdngliekhulu4 aebmasnnisthanwadiekhulunacamiswnekiywphnhruxthaythxdsungknaelaknkbkaraesdnglatdinphakhklang enuxngcakmikarprachnknthngindannaesiyngaelaihwphribinkarottxbkrnithimikarprachn hruxbangkhrngkepneruxngrawkrathbkraaethkesiydsikn hruxhyibykpyhatang maklawephuxihphuchmchunchxbinkarichkharmaelaptiphankhxngphuaesdng nbwaepnkarihkhwambnething phrxmthngihkhwamru sngsxnchawbanphuchmipintwpraephnikaraekhngkhncamikarprachnrahwangkhnatang ephuxhakhnathichnaelisinaetlapithimiknmatngaetinxdit kartdsinaetktangcakpccubnelknxy khuxinxditcatdsinphanphlngesiyng ihwphribinkarottxb inkaraesdnglukkhucungnnglxmknepnwngklm hwhnawngcaxyutrngklang karnnglxmwngephuxihesiyngrwmkncudediyw tharaprakxbkaraesdngcaimhlakhlay aelaenuxrxngepnphasamlayu pccubnkaraekhngkhncatdsincakthathangkhxnglukkhudwy dngnncungtxngprbrupaebbinkarnngepnnngeriynghnakradanephuxihphuchmidehntharakhxnglukkhuxyangchdecn inswnkhxngenuxrxngidmikarprbepliynepnphasaithykhwbkhuipkbkarrxngepnphasamlayulksnaphiesskhxngdiekhulu khuxhwhnakhnahruxphurxngnasamarthedinthangipaesdnginthitang inphunthithimikhnadiekhuluidodyimtxngmilukkhuipdwy ephraasamarthipaesdngrwmkblukkhukhxngkhnaxun idaebmaelathungcuderimtninkarekhamaaesdngdiekhuluwa emuxsmywyrunidipdudiekhuluthimaelninxaephxyaha rusuksnicxyakthicaeriynrucungipkhxeriyncakkhnathiekhamaaesdngthixaephx cnkrathngmikhwamruephiyngphxthicamaaesdngaelatngwngepnkhxngtwexngaebmaidprbrupaebbkaraesdngdiekhulukhxngtnodykarnaephlnglukthungekhamaphsmphsaninkarrxng miidmiiwephuxkhwambnethingethann hakmiwtthuprasngkhephuxichinkarrnrngkh odyenuxhainephlngcaekiywkhxngkbsasna sthankarnpccubn aelasxdaethrkkhawsarcakrthbal echn eruxngkhunthrrmcriythrrm khwamsaxad orkhexds khwamrkchati khwamsamkhkhi esrsthkicphxephiyng kareluxktng aelaphyraykhxngyaesphtid ekhaipinenuxhathiichaesdngphbwakaraesdngdiekhuluepnxiksuxhnungthisamarthekhathungchawban thngyngepntwchwyhnunginkarephyaephrrnrngkhihprachachnekhaicthungphyraytang aelakhxptibtithithuktxngdngthiklawmaidepnxyangdikaraesdngdiekhulu aetedimniymaesdnginnganphithitang echn maaekpuola nganaetngngan phithiekhasuhnt nganemalid nganharirayx nganbuy aelaaesdngephuxaekbn epnkarkhxphrcakphraxllxh odyphankaraesdngdiek pccubnyngaesdnginnganethskaltang rwmkbmhrsphxun echn innganphithithwayphraphrwnechlimphrachnmphrrsa epntn hruxepnkaraesdngephuxmiwtthuprasngkhxyangidxyanghnungdngechnkhnadiekhuluthiklawthunginnganokhsnachudsanukrkbanekidkhangtn hruxthiruckkninnamkhxngdiekhulukhnaaehlmthray khxngnayecapx saaem aehngtablbangtawa xaephxhnxngcik cnghwdpttani epnkhnaekhruxkhayephuxplukcitsanukinkarxnurkssingaewdlxmodyechphaabriewnrxbxawpttani karaesdngcamienuxhaklawthungwithichiwitkhxngchumchnpramngchayfng echn pyhaekiywkbkarprakxbxachiph karaekpyhatang khxngpramngphunban aelawithichiwitaetlawnodykaraesdngxxkphanthathangprakxbaelakartbmux echn karichmuxaesdngthathang odykarobkmuxkwkmux hmaythungeriykihklbbanihmaduaelthaelbanera thathangkartbmuxehmuxnpla ehmuxnkbkaraesdngihehnthungkarexatwrxdkhxngplaihhludphncakkartamla thalaycakraebid xwnlak xwnruk aelathathangkartbmuxchkechuxk thiaesdngthungkhwamrwmmux khwamsamkhkhi odyichechuxk sungepnekhruxngmuxcbplakhxngchawpramngphunban epnsuxihekidphlngchumchn epntnpccubndiekhuluaesdngknthwipinphunthi 5 cnghwdchayaednphakhit khux yala nrathiwas sngkhla stul aelapttanixangxing aekikhhttp kanchanapisek or th oncc cgi text cgi no 3694 http www nfe go th 95 SouthWay Dikay html praphnth eruxngnrngkh buhngapttani khtichnithymuslimchayaednphakhit krungethph mtichn 2540 hna 147 158 raylaexiydekiywkbprawti aelarangwlthiidrbkhxngnayhama aebluxaeb xyuin phawiniy ecriyying ethiynikhepriybichtwexngephuxeplngaesng mtichn krungethph 2546 hna 100 105 hrux http www thaiwisdom org p pum tea pum sum south2 htm http www codi or th index php option articles amp task viewarticle amp artid 101 amp Itemid 3ekhathungcak https th wikipedia org w index php title liekhulu amp oldid 7958769, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม