fbpx
วิกิพีเดีย

บางระจัน

สำหรับความหมายอื่น ดูที่ บางระจัน (แก้ความกำกวม)

บางระจัน เป็นค่ายป้องกันตัวเองของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่าง ๆ ที่พากันมาหลบภัยจากกองทัพพม่าที่บางระจัน ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้หลายครั้ง และมีกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านวีรกรรมความกล้าหาญในประวัติศาสตร์ไทย โดยมีอนุสาวรีย์สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมในครั้งนี้ในตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี

ที่ตั้งค่ายบางระจัน เมื่อเทียบกับในปัจจุบัน

เบื้องหลัง

ปี พ.ศ. 2307 กองทัพพม่าภายใต้การนำของเนเมียวสีหบดียกเข้ามาในขอบคัณธสีมาด้านด่านระแหงแขวงเมืองตาก โดยกวาดต้อนผู้คนตัดกำลังของกรุงศรีอยุธยาทางหัวเมืองเหนือ ในขณะที่มังมหานรธา ตีเข้ามาทางหัวเมืองใต้ สกัดกำลังจากชายทะเลทิศใต้ โดยหมายใจบรรจบเข้าที่กรุงศรีอยุธยา

ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2308 กองทัพของเนเมียวสีหบดีได้มาหยุดอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหนึ่งเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทางเมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงแอบคบคิดกันต่อสู้ ในเดือน 3 พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพากันคบคิดอุบายเพื่อล่อลวงทหารพม่า ทั้งรวบรวมผู้คนไว้เพื่อทำการต่อไป ในบรรดาชาวบ้านที่ร่วมกันอยู่นี้มีหัวหน้าที่สำคัญคือ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งได้หลอกลวงทหารพม่านำไปหาทรัพย์สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเชื่อตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปยังบางระจัน

ในเวลานั้นชาวเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เข้ามาหลบอาศัยอยู่ที่บางระจันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีอาหารอุดมสมบูรณ์ ข้าศึกตามเข้าไปได้ยาก ชาวบ้านทั้งหลายจึงพาพรรคพวกครอบครัวอพยพหันมาพึ่งพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งมีกิตติศัพท์ว่ามีความเชี่ยวชาญทางวิทยาคมมาก ต่อมานายแท่นและผู้มีชื่ออื่น ๆ ชักชวนชาวบ้านได้อีกประมาณ 400 คนเศษพากันมาอยู่ที่บ้านบางระจัน หลังจากนั้นก็ตั้งค่ายขึ้นล้อมรอบบ้านบางระจัน 2 ค่าย เพื่อป้องกันทหารพม่าที่จะยกติดตามมาและเพื่อจัดหากำลังและศัตราวุธในแถบตำบลนั้น นอกจากนี้มีคนไทยชั้นหัวหน้าที่เข้ามาร่วมด้วยอีก 7 คน คือ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันหนวดเขี้ยว นายทองแสงใหญ่ นายดอกไม้ และนายทองแก้ว รวมหัวหน้าที่สำคัญของค่ายบางระจันครั้งนั้นรวม 11 คน ตั้งกองสู้กับกองทัพพม่า

การตีค่ายบางระจัน

การรบครั้งที่ 1
ทหารพม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญยกพลมาประมาณ 100 เศษ มาตามจับพันเรืองเมื่อถึงบ้านบางระจัน ก็หยุดอยู่ ณ ฝั่งลำธารบางระจัน นายแท่นจัดคนให้รักษาค่ายแล้วนำคน 200 ข้ามแม่น้ำไปรบกับพม่า ทหารพม่าไม่ทันรู้ตัวยิงปืนได้เพียงนัดเดียวชาวไทยซึ่งมีอาวุธสั้นทั้งนั้นก็กรูเข้าไล่ฟันแทงพม่าถึงขั้นตะลุมบอน พลทหารพม่าล้มตายหมดเหลือแต่ตัวนายสองคนขึ้นม้าหนีไปได้ ไปแจ้งความให้นายทัพพม่าที่ค่ายแขวงเมืองวิเศษชัยชาญทราบ และส่งข่าวให้แม่ทัพใหญ่คือเนเมียวสีหบดี ซึ่งตั้งค่ายใหญ่อยู่ ณ ปากน้ำพระประสบทราบด้วย
การรบครั้งที่ 2
เนเมียวสีหบดีจึงแต่งให้งาจุนหวุ่น คุมพล 500 มาตีค่ายบางระจัน นายแท่นก็ยกพลออกรบ ตีทัพพม่าแตกพ่ายล้มตายเป็นอันมาก แม่ทัพพม่าได้เกณฑ์ทหารเพิ่มเป็น 700 คน ให้เยกินหวุ่นคุมพลยกมาตีค่ายบางระจัน ทัพพม่าก็ถูกตีแตกพ่ายอีกเป็นครั้งที่ 2
การรบครั้งที่ 3
เมื่อกองทัพพม่าต้องแตกพ่ายหลายครั้ง เนเมียวสีหบดีเห็นว่าจะประมาทกำลังของชาวบ้านบางระจันต่อไปอีกไม่ได้ จึงเกณฑ์พลเพิ่มเป็น 900 คน ให้ติงจาโบ เป็นผู้คุมทัพครั้งนี้ชาวบ้านบางระจันมีชัยชนะพม่าอีกเช่นครั้งก่อนๆ
การรบครั้งที่ 4
การที่พม่าแพ้ไทยหลายครั้งเช่นนี้ ทำให้พม่าหยุดพักรบประมาณ 2-3 วัน แล้วเกณฑ์ทัพใหญ่เพื่อมาตีค่ายบางระจัน มีกำลังพลประมาณ1,000 คน ทหารม้า 60 สุรินจอข่องเป็นนายทัพ พม่ายกทัพมาตั้งที่บ้านห้วยไผ่ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง) ฝ่ายค่ายบางระจันได้จัดเตรียมกันเป็นกระบวนทัพสู้พม่าคือ นายแท่นเป็นนายทัพคุมพล 200 พันเรืองเป็นปีกซ้ายคุมพล 200 ชาวไทยเหล่านี้มีปืนคาบศิลาบ้าง ปืนของพม่าและกระสุนดินดำของพม่า ซึ่งเก็บได้จากการรบครั้งก่อนๆ บ้าง นอกจากนั้นก็เป็นอาวุธตามแต่จะหาได้ ทัพไทยทั้งสามยกไปตั้งที่คลองสะตือสี่ต้น อยู่คนละฟากคลองกับพม่า ต่างฝ่ายต่างยิงตอบโต้กันฝ่ายไทยชำนาญภูมิประเทศกว่า ได้ขนไม้และหญ้ามาถมคลอง แล้วพากันรุกข้ามรบไล่พม่าถึงขั้นใช้อาวุธสั้น พม่าล้มตายเป็นอันมาก ตัวสุรินทรจอข่องนายทัพพม่า ขี่ม้ากั้นร่มระย้าเร่งให้ตีกองรบอยู่กลางพล ถูกพลทหารไทยวิ่งเข้าไปฟันตาย ณ ที่นั้น ส่วนนายแท่นแม่ทัพไทยก็ถูกปืนที่เข่าบาดเจ็บสาหัสต้องหามออกมาจากที่รบ ทัพไทยกับพม่ารบกันตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ต่างฝ่ายต่างอิดโรย จึงถอยทัพจากกันอยู่คนละฟากคลอง พวกชาวบ้านบางระจันในค่ายก็นำอาหารออกมาเลี้ยงดูพวกทหาร ขณะพม่าต้องหุงหาอาหารและมัวจัดการศพแม่ทัพไม่ทันระวังตัว กองสอดแนมของไทยมาแจ้งข่าว พวกทหารไทยกินอาหารเสร็จแล้วก็ยกข้ามคลองเข้าโจมตีพม่าพร้อมกันทันที ทหารพม่าแตกพ่ายไม่เป็นกระบวน ที่ถูกอาวุธล้มตายประมาณสามส่วน และเสียเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์เป็นอันมาก ไทยไล่ติดตามจนใกล้ค่ำจึงยกกลับมายังค่าย กิตติศัพท์ความเก่งกล้าของชาวบ้านบางระจันแพร่หลายออกไปมีชาวบ้านอื่นๆ อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ในค่ายบางระจันเพิ่มขึ้นอีกเป็นลำดับ
การรบครั้งที่ 5
พม่าเว้นระยะไม่ยกมาตีค่ายบางระจันอยู่ประมาณ 10-11 วัน ด้วยเกรงฝีมือชาวไทย หลังจากนั้นจึงแต่งทัพยกมาอีกครั้งหนึ่ง มีแยจออากาเป็นนายทัพ คุมทหารซึ่งเกณฑ์แบ่งมาจากทุกค่ายเป็นคนประมาณ 1,000 คนเศษ พร้อมด้วยม้าและอาวุธต่างๆแต่กองทัพพม่านี้ก็ปราชัยชาวบ้านบางระจันแตกพ่ายไป
การรบครั้งที่ 6
นายทัพพม่าครั้งที่ 6 นี้คือ จิกแก ปลัดเมืองทวาย คุมพล 100 เศษ ฝ่ายไทยมีชัยชนะอีกเช่นเคย
การรบครั้งที่ 7
เนเมียวสีหบดีได้แต่งกองทัพให้ยกมาตีค่ายบางระจันอีก ให้อากาปันคยีเป็นแม่ทัพคุมพล 1,000 เศษ อากาปันคยียกกองทัพไปตั้ง ณ บ้านขุนโลก ทางค่ายบางระจันดำเนินกลศึกคือ จัดให้ขุนสรรค์ซึ่งมีฝีมือแม่นปืน คุมพลทหารปืนคอยป้องกันกองทัพม้าของพม่า นายจันหนวดเขี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่คุมพล 1,000 เศษออกตีทัพพม่าและล้อมค่ายไว้ ทหารไทยใช้การรบแบบจู่โจม พม่ายังไม่ทันตั้งค่ายเสร็จก็ถูกโอบตีทางหลังค่าย ทหารพม่าถูกฆ่าตายเกือบหมดเหลือรอดตายเป็นส่วนน้อย แม่ทัพก็ตายในที่รบครั้งนี้ทำให้พม่าหยุดพักรบนานถึงครึ่งเดือน
การรบครั้งที่ 8
การที่พม่าส่งกองทัพมาปราบค่ายบางระจันถึง 7 ครั้ง แต่ต้องแตกพ่ายทุกครั้งนั้น ทำให้แม่ทัพใหญ่ของพม่าวิตกมาก เนื่องจากชาวบ้านบางระจันมีกำลังเข้มแข็งขึ้นทุกที และไม่มีใครอาสาเป็นนายทัพ ขณะนั้นมีชาวรามัญผู้หนึ่งเคยอยู่เมืองไทยมานาน รู้จักนิสัยคนไทยและภูมิประเทศดี ได้เข้าฝากตัวทำราชการอยู่กับพม่าจนได้รับตำแหน่งสุกี้ หรือพระนายกอง สุกี้เข้ารับอาสาจะขอไปตีค่ายบางระจัน เนเมียวสีหบดีจึงแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพคุมพล 2,000 พร้อมทั้งม้าและสรรพาวุธทั้งปวง
สุกี้ดำเนินการศึกอย่างชาญฉลาด เมื่อเวลาเดินทัพไม่ตั้งทัพกลางแปลงอย่างทัพอื่น ให้ตั้งค่ายรายไปตามทาง 3 ค่าย และรื้อค่ายหลังผ่อนไปสร้างข้างหน้าเป็นลำดับ ใช้เวลาถึงครึ่งเดือนจึงใกล้ค่ายบางระจัน สุกี้ใช้วิธีตั้งมั่นรบอยู่ในค่าย ด้วยรู้ว่าคนไทยเชี่ยวชาญการรบกลางแปลง พวกหัวหน้าค่ายบางระจันนำกำลังเข้าตีค่ายพม่าหลายครั้งไม่สำเร็จกลับทำให้ไทยเสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก
วันหนึ่งนายทองเหม็นดื่มสุราแล้วขี่กระบือนำพลส่วนหนึ่งเข้าตีค่ายพม่า สุกี้นำพลออกรบนอกค่าย นายทองเหม็นถลำเข้าอยู่ท่ามกลางข้าศึกแต่ผู้เดียว แม้ว่าจะมีฝีมือสามารถฆ่าฟันทหารพม่ารามัญล้มตายหลายคน แต่ในที่สุดก็ถูกทหารพม่ารุมล้อมจนสิ้นกำลังและถูกทุบตีตายในที่รบ (เล่าขานกันมาว่านายทองเหม็นเป็นผู้รู้ในวิชาคงกระพันชาตรี และมีของขลังป้องกันภยันตราย ฟันแทงไม่เข้า หากจะทำร้ายคนมีวิชาเช่นนี้จะต้องตีด้วยของแข็ง)
ทัพชาวบ้านบางระจันเมื่อเสียนายทัพก็แตกพ่าย ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในการรบกับพม่า ทัพพม่ายกติดตามมาจนถึงบ้านขุนโลกใกล้ค่ายบางระจัน แล้วตั้งค่ายมั่นอยู่ ทัพบางระจันพยายามตีค่ายพม่าอีกหลายครั้งไม่สำเร็จก็ท้อถอย สุกี้จึงให้ทหารขุดอุโมงค์เข้าใกล้ค่ายน้อยบางระจัน ปลูกหอรบขึ้นสูงนำปืนใหญ่ขึ้นยิงเข้าไปในค่ายถูกผู้คนล้มตายเป็นอันมาก ค่ายน้อยบางระจันก็แตกพ่ายลงนอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ทำให้ชาวบ้านบางระจันเสียกำลังใจลงอีกคือ นายแท่นหัวหน้าค่ายที่ถูกปืนที่เข่าบาดเจ็บครั้งที่สุรินทรจอข่องเป็นแม่ทัพยกมาเมื่อการรบครั้งที่ 4 นั้นได้ถึงแก่กรรมลง ในเดือน 6 ปีจอ พ.ศ. 2309 หัวหน้าชาวบ้านบางระจันคนอื่น ได้พยายามจะนำทัพไทยออกรบกับพม่าอีกหลายครั้ง วันหนึ่งทัพพม่าสามารถตีโอบหลังกระหนาบทัพไทยได้ ขุนสรรค์และนายจันหนวดเขี้ยวได้ทำการรบจนกระทั่งตัวตายในที่รบ ยังเหลือแต่พันเรืองและนายทองแสงใหญ่เป็นหัวหน้าสำคัญ
ชาวค่ายบางระจันเห็นว่าตนเสียเปรียบ ผู้คนล้มตายลงไปมาก เหลือกำลังที่จะต่อสู้กับพม่าแล้ว จึงมีใบบอกเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยาขอปืนใหญ่ 2 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนดินดำเพื่อจะนำมายิงค่ายพม่า ทางพระนครปรึกษากันแล้วเห็นพร้อมกันว่าไม่ควรให้เนื่องจากกลัวว่าพม่าจะแย่งชิงกลางทางบ้าง หรือหากพม่าตีค่ายบางระจันแตก พม่าก็จะได้ปืนใหญ่นั้นมาเป็นกำลังรบพระนคร พระยารัตนาธิเบศร์ไม่เห็นด้วยในข้อปรึกษา จึงออกไป ณ ค่ายบางระจัน เรี่ยไรเครื่องภาชนะทองเหลืองทองขาวจากพวกชาวบ้านหล่อปืนใหญ่ขึ้นมาสองกระบอก แต่ปืนทั้งสองนั้นร้าวใช้ไม่ได้ พระยารัตนาธิเบศร์เห็นว่าการศึกจะไม่เป็นผลสำเร็จจึงกลับพระนคร
เมื่อขาดที่พึ่งชาวบ้านบางระจันก็เสียกำลังใจมากขึ้น ฝีมือการสู้รบกับพม่าก็พลอยอ่อนลง บางพวกก็พาครอบครัวหลบหนีออกจากค่าย ผู้คนในค่ายก็เบาบางลง ในที่สุดพม่าก็สามารถตีค่ายใหญ่บางระจันได้ ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนแปด ปีจอ พ.ศ. 2309 (วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2309) รวมเวลาที่ไทยรบกับพม่าตั้งแต่เดือน 4 ปลายปีระกา พ.ศ. 2308 ถึงเดือนแปด ปีจอ พ.ศ. 2309 เป็นเวลาทั้งสิ้น 5 เดือน พม่าได้กวาดต้อนชาวไทยในค่ายบรรดาที่รอดตายทั้งหลายกลับไปยังค่ายพม่า ส่วนพระอาจารย์ธรรมโชติซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยให้กำลังใจให้ชาวบ้านบางระจันสู้รบกับพม่าอย่างห้าวหาญนั้น ไม่ปรากฏว่าท่านมรณภาพอยู่ในค่าย ถูกกวาดต้อน หรือหลบหนีไปได้

อนุสาวรีย์

 
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
 
ตราประจำจังหวัดสิงห์บุรีในปัจจุบัน ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 แสดงภาพอนุสาวรีย์ชาวบ้านบางระจัน

กองหัตถศิลป กรมศิลปากรเริ่มดำเนินการหล่ออนุสาวรีย์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2509 จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะนำไปติดตั้งได้ใน พ.ศ. 2512 โดยกรมศิลปากรสร้างอนุสาวรีย์ไว้ตรงกันข้ามวัดโพธิ์เก้าต้น อยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ประมาณ 15 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-สุพรรณบุรี หมายเลข 3032 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาในวโรกาสเปิดอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 มีพระราชดำรัสไว้ว่า "วีรกรรมในครั้งนั้นเป็นของผู้ที่รักแผ่นดินไทย เป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยทั้งมวล ทั้งในอดีตและปัจจุบันมีกำลังใจและเตือนสติให้มีความสามัคคีและรักษาจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อรักษาประเทศไทยให้ตนเองและเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน....."[ต้องการอ้างอิง]

ฐานของอนุสาวรีย์มีคำจารึกไว้ว่า "สิงห์บุรีนี่นี้ นามใด สิงห์แห่งต้นตระกูลไทย แน่แท้ ต้นตระกูล ณ กาลไหน วานบอก หน่อยเพื่อน ครั้งพม่ามาล้อมแล้ ทั่วท้องบางระจัน"

จารึกอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน:

"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด
ณ วันที่... เดือน... พุทธศักราช ๒๕๑๙

เมื่อเดือนสาม ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘
นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว
นายทองเหม็น นายทองแสงใหญ่ นายแท่น นายเมือง
พันเรือง ขุนสรรค์ และนายอิน
ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้านตั้งค่ายต่อสู้พม่าที่บ้านบางระจัน
มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญ

ตั้งแต่เดือนสี่ ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘ จนถึงเดือนเจ็ด ปีจอ พุทธศักราช ๒๓๐๙
วีรชนค่ายบางระจันได้ต่อสู้พม่าด้วยความกล้าหาญและด้วยกำลังใจอันเด็ดเดี่ยว
ยอมสละแม้เลือดเนื้อและชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินไทย
รบชนะพม่าถึงเจ็ดครั้ง จนพม่าครั่นคร้ามฝีมือ

รัฐบาลและประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นี้ขึ้น

เพื่อประกาศเกียรติคุณของวีรชนค่ายบางระจันให้ยั่งยืนชั่วกาลนาน."

ในวรรณกรรมร่วมสมัย

วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันได้ถูกรับรู้ในสำนึกของคนไทยยุคปัจจุบัน ด้วยการกล่าวถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยมากมาย เช่น เพลงศึกบางระจัน ของขุนวิจิตรมาตรา ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เช่น บางระจัน (พ.ศ. 2543) โดย ธนิตย์ จิตนุกูล และ (พ.ศ. 2558) โดย บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เป็นต้น

การวิเคราะห์

ปัจจุบัน นักวิชาการทางประวัติศาสตร์มีความเชื่อโน้มเอียงไปในทางที่ว่า วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันไม่มีอยู่จริง หรือมีอยู่จริง ก็ไม่ใช่วีรกรรมเพื่อชาติ แต่เป็นไปในลักษณะเป็นชุมนุมป้องกันตนเองจากผู้รุกราน และก็มีชุมนุมลักษณะนี้มากมาย ไม่เพียงเฉพาะบ้านบางระจัน และการต่อต้านทัพพม่าของชาวบ้านบางระจันก็ไม่น่ายาวนานถึง 5-6 เดือน น่าจะไม่เกิน 3 เดือน

วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ระบาดในประเทศไทย เพื่อเป็นการปลุกใจให้รักและหวงแหนในชาติ เช่น มีการบรรจุในแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ บทละครร้อง ฯลฯ ความรับรู้ของคนทั่วไปจะรับรู้ผ่านทางแบบเรียน นิยาย ละคร รวมทั้งภาพยนตร์ และเชื่อตามการนำเสนอนั้นว่าวีรกรรมและตัวละครมีตัวตนจริง[ต้องการอ้างอิง]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. เทปสนทนาเรื่องวาระสุดท้ายกรุงศรีอยุธยา: วีระ ธีรภัทร กับ ดร.สุเนตร ชุตินทรานนท์ ทาง F.M. 97.0 เมกะเฮิร์ตซ์ ตรินิตี้เรดิโอ: 2544[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
  2. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2008-10-13. สืบค้นเมื่อ 2009-08-29.
  3. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2008-12-27. สืบค้นเมื่อ 2009-08-29.

บางระจ, สำหร, บความหมายอ, แก, ความกำกวม, บทความน, ได, บแจ, งให, ปร, บปร, งหลายข, กร, ณาช, วยปร, บปร, งบทความ, หร, ออภ, ปรายป, ญหาท, หน, าอภ, ปราย, บทความน, มมองไม, เป, นกลาง, เพราะนำเสนอม, มมองเพ, ยงด, านเด, ยว, บทความน, องการตรวจสอบความถ, กต, องจากผ, เช, ยวชา. sahrbkhwamhmayxun duthi bangracn aekkhwamkakwm bthkhwamniidrbaecngihprbprunghlaykhx krunachwyprbprungbthkhwam hruxxphipraypyhathihnaxphipray bthkhwamnimimummxngimepnklang ephraanaesnxmummxngephiyngdanediyw bthkhwamnitxngkartrwcsxbkhwamthuktxngcakphuechiywchay bthkhwamnitxngkarcdrupaebbkhxkhwam karcdhna karaebnghwkhx karcdlingkphayin aelaxun bthkhwamnitxngkaraehlngxangxingephimephuxphisucnkhxethccringbthkhwamnixactxngekhiynihmthnghmdephuxihepniptammatrthankhunphaphkhxngwikiphiediy hruxkalngdaeninkarxyu khunchwyeraid hnaxphiprayxacmikhxesnxaenabangracn epnkhaypxngkntwexngkhxngchawbanemuxngsinghburiaelaemuxngtang thiphaknmahlbphycakkxngthphphmathibangracn kxnkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxng 1 samarthtanthankarekhatikhxngkxngthphphmaidhlaykhrng aelamikittisphtheluxngluxindanwirkrrmkhwamklahayinprawtisastrithy odymixnusawriysrangkhunephuxralukthungwirkrrminkhrngniintablbangracn xaephxkhaybangracn cnghwdsinghburithitngkhaybangracn emuxethiybkbinpccubn enuxha 1 ebuxnghlng 2 kartikhaybangracn 3 xnusawriy 4 inwrrnkrrmrwmsmy 5 karwiekhraah 6 duephim 7 xangxingebuxnghlng aekikhpi ph s 2307 kxngthphphmaphayitkarnakhxngenemiywsihbdiykekhamainkhxbkhnthsimadandanraaehngaekhwngemuxngtak odykwadtxnphukhntdkalngkhxngkrungsrixyuthyathanghwemuxngehnux inkhnathimngmhanrtha tiekhamathanghwemuxngit skdkalngcakchaythaelthisit odyhmayicbrrcbekhathikrungsrixyuthyatneduxnmkrakhm ph s 2308 kxngthphkhxngenemiywsihbdiidmahyudxyuthiemuxngwiesschychay aelacdihthharphmakxnghnungethiywkwadtxnthrphysinaelaphukhnthangemuxngwiesschychay rasdrtangphaknokrthaekhntxkarkdkhikhmehngkhxngthharphma cungaexbkhbkhidkntxsu ineduxn 3 phwkchawemuxngwiesschychay emuxngsinghburi emuxngsrrkhburi aelachawbaniklekhiyngphaknkhbkhidxubayephuxlxlwngthharphma thngrwbrwmphukhniwephuxthakartxip inbrrdachawbanthirwmknxyunimihwhnathisakhykhux nayaethn nayochti nayxin nayemuxng sungidhlxklwngthharphmanaiphathrphysingkhxngthitxngkar thharphmahlngechuxtamip kthuknayochtiaelaphrrkhphwksumxyubukekhamakhafnphmataypraman 20 khn aelwcungphaknhniipyngbangracninewlannchawemuxngtang thixyuiklekhiyngtangkekhamahlbxasyxyuthibangracnepncanwnmak enuxngcakmixaharxudmsmburn khasuktamekhaipidyak chawbanthnghlaycungphaphrrkhphwkkhrxbkhrwxphyphhnmaphungphraxacarythrrmochti sungmikittisphthwamikhwamechiywchaythangwithyakhmmak txmanayaethnaelaphumichuxxun chkchwnchawbanidxikpraman 400 khnessphaknmaxyuthibanbangracn hlngcaknnktngkhaykhunlxmrxbbanbangracn 2 khay ephuxpxngknthharphmathicayktidtammaaelaephuxcdhakalngaelastrawuthinaethbtablnn nxkcaknimikhnithychnhwhnathiekhamarwmdwyxik 7 khn khux khunsrrkh phneruxng naythxngehmn naycnhnwdekhiyw naythxngaesngihy naydxkim aelanaythxngaekw rwmhwhnathisakhykhxngkhaybangracnkhrngnnrwm 11 khn tngkxngsukbkxngthphphmakartikhaybangracn aekikhkarrbkhrngthi 1 thharphmathiemuxngwiesschychayykphlmapraman 100 ess matamcbphneruxngemuxthungbanbangracn khyudxyu n fnglatharbangracn nayaethncdkhnihrksakhayaelwnakhn 200 khamaemnaiprbkbphma thharphmaimthnrutwyingpunidephiyngndediywchawithysungmixawuthsnthngnnkkruekhailfnaethngphmathungkhntalumbxn phlthharphmalmtayhmdehluxaettwnaysxngkhnkhunmahniipid ipaecngkhwamihnaythphphmathikhayaekhwngemuxngwiesschychaythrab aelasngkhawihaemthphihykhuxenemiywsihbdi sungtngkhayihyxyu n paknaphraprasbthrabdwykarrbkhrngthi 2 enemiywsihbdicungaetngihngacunhwun khumphl 500 matikhaybangracn nayaethnkykphlxxkrb tithphphmaaetkphaylmtayepnxnmak aemthphphmaideknththharephimepn 700 khn iheykinhwunkhumphlykmatikhaybangracn thphphmakthuktiaetkphayxikepnkhrngthi 2karrbkhrngthi 3 emuxkxngthphphmatxngaetkphayhlaykhrng enemiywsihbdiehnwacapramathkalngkhxngchawbanbangracntxipxikimid cungeknthphlephimepn 900 khn ihtingcaob epnphukhumthphkhrngnichawbanbangracnmichychnaphmaxikechnkhrngkxnkarrbkhrngthi 4 karthiphmaaephithyhlaykhrngechnni thaihphmahyudphkrbpraman 2 3 wn aelweknththphihyephuxmatikhaybangracn mikalngphlpraman1 000 khn thharma 60 surincxkhxngepnnaythph phmaykthphmatngthibanhwyiph pccubnxyuinekhtxaephxaeswngha cnghwdxangthxng faykhaybangracnidcdetriymknepnkrabwnthphsuphmakhux nayaethnepnnaythphkhumphl 200 phneruxngepnpiksaykhumphl 200 chawithyehlanimipunkhabsilabang punkhxngphmaaelakrasundindakhxngphma sungekbidcakkarrbkhrngkxn bang nxkcaknnkepnxawuthtamaetcahaid thphithythngsamykiptngthikhlxngsatuxsitn xyukhnlafakkhlxngkbphma tangfaytangyingtxbotknfayithychanayphumipraethskwa idkhnimaelahyamathmkhlxng aelwphaknrukkhamrbilphmathungkhnichxawuthsn phmalmtayepnxnmak twsurinthrcxkhxngnaythphphma khimaknrmrayaerngihtikxngrbxyuklangphl thukphlthharithywingekhaipfntay n thinn swnnayaethnaemthphithykthukpunthiekhabadecbsahstxnghamxxkmacakthirb thphithykbphmarbkntngaetechacnethiyng tangfaytangxidory cungthxythphcakknxyukhnlafakkhlxng phwkchawbanbangracninkhayknaxaharxxkmaeliyngduphwkthhar khnaphmatxnghunghaxaharaelamwcdkarsphaemthphimthnrawngtw kxngsxdaenmkhxngithymaaecngkhaw phwkthharithykinxaharesrcaelwkykkhamkhlxngekhaocmtiphmaphrxmknthnthi thharphmaaetkphayimepnkrabwn thithukxawuthlmtaypramansamswn aelaesiyekhruxngxawuthyuththphnthepnxnmak ithyiltidtamcniklkhacungykklbmayngkhay kittisphthkhwamekngklakhxngchawbanbangracnaephrhlayxxkipmichawbanxun xphyphkhrxbkhrwekhamaxasyxyuinkhaybangracnephimkhunxikepnladbkarrbkhrngthi 5 phmaewnrayaimykmatikhaybangracnxyupraman 10 11 wn dwyekrngfimuxchawithy hlngcaknncungaetngthphykmaxikkhrnghnung miaeycxxakaepnnaythph khumthharsungeknthaebngmacakthukkhayepnkhnpraman 1 000 khness phrxmdwymaaelaxawuthtangaetkxngthphphmanikprachychawbanbangracnaetkphayipkarrbkhrngthi 6 naythphphmakhrngthi 6 nikhux cikaek pldemuxngthway khumphl 100 ess fayithymichychnaxikechnekhykarrbkhrngthi 7 enemiywsihbdiidaetngkxngthphihykmatikhaybangracnxik ihxakapnkhyiepnaemthphkhumphl 1 000 ess xakapnkhyiykkxngthphiptng n bankhunolk thangkhaybangracndaeninklsukkhux cdihkhunsrrkhsungmifimuxaemnpun khumphlthharpunkhxypxngknkxngthphmakhxngphma naycnhnwdekhiywepnaemthphihykhumphl 1 000 essxxktithphphmaaelalxmkhayiw thharithyichkarrbaebbcuocm phmayngimthntngkhayesrckthukoxbtithanghlngkhay thharphmathukkhatayekuxbhmdehluxrxdtayepnswnnxy aemthphktayinthirbkhrngnithaihphmahyudphkrbnanthungkhrungeduxnkarrbkhrngthi 8 karthiphmasngkxngthphmaprabkhaybangracnthung 7 khrng aettxngaetkphaythukkhrngnn thaihaemthphihykhxngphmawitkmak enuxngcakchawbanbangracnmikalngekhmaekhngkhunthukthi aelaimmiikhrxasaepnnaythph khnannmichawramyphuhnungekhyxyuemuxngithymanan rucknisykhnithyaelaphumipraethsdi idekhafaktwtharachkarxyukbphmacnidrbtaaehnngsuki hruxphranaykxng sukiekharbxasacakhxiptikhaybangracn enemiywsihbdicungaetngtngihepnaemthphkhumphl 2 000 phrxmthngmaaelasrrphawuththngpwng sukidaeninkarsukxyangchaychlad emuxewlaedinthphimtngthphklangaeplngxyangthphxun ihtngkhayrayiptamthang 3 khay aelaruxkhayhlngphxnipsrangkhanghnaepnladb ichewlathungkhrungeduxncungiklkhaybangracn sukiichwithitngmnrbxyuinkhay dwyruwakhnithyechiywchaykarrbklangaeplng phwkhwhnakhaybangracnnakalngekhatikhayphmahlaykhrngimsaercklbthaihithyesiyiphrphlipepncanwnmak wnhnungnaythxngehmndumsuraaelwkhikrabuxnaphlswnhnungekhatikhayphma sukinaphlxxkrbnxkkhay naythxngehmnthlaekhaxyuthamklangkhasukaetphuediyw aemwacamifimuxsamarthkhafnthharphmaramylmtayhlaykhn aetinthisudkthukthharphmarumlxmcnsinkalngaelathukthubtitayinthirb elakhanknmawanaythxngehmnepnphuruinwichakhngkraphnchatri aelamikhxngkhlngpxngknphyntray fnaethngimekha hakcatharaykhnmiwichaechnnicatxngtidwykhxngaekhng thphchawbanbangracnemuxesiynaythphkaetkphay sungnbwaepnkhrngaerkinkarrbkbphma thphphmayktidtammacnthungbankhunolkiklkhaybangracn aelwtngkhaymnxyu thphbangracnphyayamtikhayphmaxikhlaykhrngimsaerckthxthxy sukicungihthharkhudxuomngkhekhaiklkhaynxybangracn plukhxrbkhunsungnapunihykhunyingekhaipinkhaythukphukhnlmtayepnxnmak khaynxybangracnkaetkphaylngnxkcakniyngmieruxngthithaihchawbanbangracnesiykalngiclngxikkhux nayaethnhwhnakhaythithukpunthiekhabadecbkhrngthisurinthrcxkhxngepnaemthphykmaemuxkarrbkhrngthi 4 nnidthungaekkrrmlng ineduxn 6 picx ph s 2309 hwhnachawbanbangracnkhnxun idphyayamcanathphithyxxkrbkbphmaxikhlaykhrng wnhnungthphphmasamarthtioxbhlngkrahnabthphithyid khunsrrkhaelanaycnhnwdekhiywidthakarrbcnkrathngtwtayinthirb yngehluxaetphneruxngaelanaythxngaesngihyepnhwhnasakhy chawkhaybangracnehnwatnesiyepriyb phukhnlmtaylngipmak ehluxkalngthicatxsukbphmaaelw cungmiibbxkekhaipyngkrungsrixyuthyakhxpunihy 2 krabxk phrxmdwykrasundindaephuxcanamayingkhayphma thangphrankhrpruksaknaelwehnphrxmknwaimkhwrihenuxngcakklwwaphmacaaeyngchingklangthangbang hruxhakphmatikhaybangracnaetk phmakcaidpunihynnmaepnkalngrbphrankhr phrayartnathiebsrimehndwyinkhxpruksa cungxxkip n khaybangracn eriyirekhruxngphachnathxngehluxngthxngkhawcakphwkchawbanhlxpunihykhunmasxngkrabxk aetpunthngsxngnnrawichimid phrayartnathiebsrehnwakarsukcaimepnphlsaerccungklbphrankhr emuxkhadthiphungchawbanbangracnkesiykalngicmakkhun fimuxkarsurbkbphmakphlxyxxnlng bangphwkkphakhrxbkhrwhlbhnixxkcakkhay phukhninkhaykebabanglng inthisudphmaksamarthtikhayihybangracnid inwncnthr aerm 2 kha eduxnaepd picx ph s 2309 wncnthrthi 23 mithunayn ph s 2309 rwmewlathiithyrbkbphmatngaeteduxn 4 playpiraka ph s 2308 thungeduxnaepd picx ph s 2309 epnewlathngsin 5 eduxn phmaidkwadtxnchawithyinkhaybrrdathirxdtaythnghlayklbipyngkhayphma swnphraxacarythrrmochtisungepnphuhnungthichwyihkalngicihchawbanbangracnsurbkbphmaxyanghawhaynn impraktwathanmrnphaphxyuinkhay thukkwadtxn hruxhlbhniipidxnusawriy aekikh xnusawriywirchnkhaybangracn cnghwdsinghburi trapracacnghwdsinghburiinpccubn sungerimichmatngaet ph s 2547 aesdngphaphxnusawriychawbanbangracn kxnghtthsilp krmsilpakrerimdaeninkarhlxxnusawriyineduxnphvscikayn ph s 2509 cnkrathngesrceriybrxyphrxmthicanaiptidtngidin ph s 2512 2 odykrmsilpakrsrangxnusawriyiwtrngknkhamwdophthiekatn xyuhangcaktwemuxngsinghburi praman 15 kiolemtr iptamesnthangsaysinghburi suphrrnburi hmayelkh 3032 phrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch esdcphrarachdaeninmainworkasepidxnusawriywirchnkhaybangracnemuxwnthi 29 krkdakhm ph s 2519 3 miphrarachdarsiwwa wirkrrminkhrngnnepnkhxngphuthirkaephndinithy epnsingthithaihkhnithythngmwl thnginxditaelapccubnmikalngicaelaetuxnstiihmikhwamsamkhkhiaelarksaciticihekhmaekhng ephuxrksapraethsithyihtnexngaelaephuxkhwammnkhngkhxngaephndin txngkarxangxing thankhxngxnusawriymikhacarukiwwa singhburinini namid singhaehngtntrakulithy aenaeth tntrakul n kalihn wanbxk hnxyephuxn khrngphmamalxmael thwthxngbangracn carukxnusawriywirchnkhaybangracn phrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedchesdcphrarachdaeninthrngprakxbphithiepid n wnthi eduxn phuththskrach 2519 emuxeduxnsam piraka phuththskrach 2308 naycnhnwdekhiyw nayochti naydxk naythxngaekw naythxngehmn naythxngaesngihy nayaethn nayemuxng phneruxng khunsrrkh aelanayxin idepnhwhnarwbrwmchawbantngkhaytxsuphmathibanbangracn miphraxacarythrrmochtiepnphuprasiththiprasathwithyakhmbarungkhwy tngaeteduxnsi piraka phuththskrach 2308 cnthungeduxnecd picx phuththskrach 2309 wirchnkhaybangracnidtxsuphmadwykhwamklahayaeladwykalngicxneddediyw yxmslaaemeluxdenuxaelachiwitephuxrksaaephndinithy rbchnaphmathungecdkhrng cnphmakhrnkhramfimux rthbalaelaprachachnchawithycungphrxmicknsrangxnusawriynikhunephuxprakasekiyrtikhunkhxngwirchnkhaybangracnihyngyunchwkalnan 2 inwrrnkrrmrwmsmy aekikhwirkrrmkhxngchawbanbangracnidthukrbruinsanukkhxngkhnithyyukhpccubn dwykarklawthunginwthnthrrmrwmsmymakmay echn ephlngsukbangracn khxngkhunwicitrmatra phaphyntraelalakhrothrthsn echn bangracn ph s 2543 ody thnity citnukul aela ph s 2558 ody brxdkhasth ithy ethelwichn epntnkarwiekhraah aekikhpccubn nkwichakarthangprawtisastrmikhwamechuxonmexiyngipinthangthiwa wirkrrmkhxngchawbanbangracnimmixyucring hruxmixyucring kimichwirkrrmephuxchati aetepnipinlksnaepnchumnumpxngkntnexngcakphurukran aelakmichumnumlksnanimakmay imephiyngechphaabanbangracn aelakartxtanthphphmakhxngchawbanbangracnkimnayawnanthung 5 6 eduxn nacaimekin 3 eduxn 1 wirkrrmkhxngchawbanbangracnidrbkarsnbsnuncakhnwynganrachkarodyechphaaxyangyinginchwngthilththikhxmmiwnistrabadinpraethsithy ephuxepnkarplukicihrkaelahwngaehninchati echn mikarbrrcuinaebberiynkhxngkrathrwngsuksathikar bthlakhrrxng l khwamrbrukhxngkhnthwipcarbruphanthangaebberiyn niyay lakhr rwmthngphaphyntr aelaechuxtamkarnaesnxnnwawirkrrmaelatwlakhrmitwtncring txngkarxangxing duephim aekikhphraxacarythrrmochtixangxing aekikh 1 0 1 1 ethpsnthnaeruxngwarasudthaykrungsrixyuthya wira thirphthr kb dr suentr chutinthrannth thang F M 97 0 emkaehirts trinitierdiox 2544 txngkaraehlngxangxingdikwani 2 0 2 1 karfunfuburnakhaybangracnaelawdophthiekatn khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2008 10 13 subkhnemux 2009 08 29 xnusawriywirchnkhaybangracnaelaxuthyankhaybangracn khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2008 12 27 subkhnemux 2009 08 29 prawticnghwdsinghburi Archived 2006 12 05 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamekiywkbprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmul duephimthi sthaniyxy prawtisastr ekhathungcak https th wikipedia org w index php title bangracn amp oldid 9756847, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม