พระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
พระยาวิไชเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน (กรีก: Κωνσταντίνος Γεράκης, กอนสตันตีโนส เยราจิส; อังกฤษ: Constantine Phaulkon) ในจดหมายของเจ้าพระยาศรีธรรมราช (ปาน) หรือ โกษาปาน ส่งถึงบาทหลวง เดอ ลาแชส (Père François d’Aix de la Chaise) เรียกชื่อเขาในภาษาไทยว่า กาศตัน (มาจาก Constans ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวต่างประเทศเรียกคอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นนักผจญภัยชาวเวนิส ผู้กลายมาเป็นสมุนหนายกในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา
พระยาวิไชเยนทร์ คอนสแตนติน ฟอลคอน | |
---|---|
สมุหนายกแห่งกรุงศรีอยุธยา | |
ดำรงตำแหน่ง 2228–2231 | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
ผู้รักษาการในตำแหน่งพระคลัง | |
ดำรงตำแหน่ง 2226–2228 | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | พ.ศ. 2190 เซฟาโลเนีย สาธารณรัฐเวนิส |
เสียชีวิต | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2231 (40 ปี) ลพบุรี อาณาจักรอยุธยา |
คู่สมรส | ท้าวทองกีบม้า (มารี กีมาร์) |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
การเข้าเป็นทหาร | |
รับใช้ | ราชอาณาจักรอังกฤษ (2208-2210) บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (2210-2222) อาณาจักรอยุธยา |
การยุทธ์ | สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สอง กบฏมักกะสัน สงครามอังกฤษ-สยาม การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231 |
นอกจากภาษากรีกซึ่งเป็นภาษาแม่แล้ว ฟอลคอนยังสามารถพูดภาษาต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ ภาษาไทย, ภาษาอิตาลี, ภาษาอังกฤษ, ภาษาโปรตุเกส และภาษามลายู ฟอลคอนไม่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ แต่พอฟังเข้าใจ
วัยเด็ก
ฟอลคอนเกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ) เมื่อ พ.ศ. 2190 มีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิส เข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ พ.ศ. 2205 จึงออกจากบ้าน และเดินเรือสินค้าไปค้าขายยังดินแดนต่าง ๆ
ชีวิตในอยุธยา
พ.ศ. 2218 เดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาในฐานะพ่อค้า เนื่องจากฟอลคอนมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย ฟอลคอนจึงเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่กี่ปีและเข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในตำแหน่งล่าม นับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา เป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส ฟอลคอนได้กลายมาเป็นสมุหนายกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาในเวลาอันรวดเร็ว
พ.ศ. 2225 ฟอลคอนแต่งงานกับดอญญามารี กีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า)หรืออีกนามนึงเรียกว่า ทองกิมา
ความใกล้ชิดระหว่างพระยาวิไชเยนทร์และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทำให้เกิดความริษยาขึ้นในหมู่ราชนิกุล ซึ่งส่งให้เกิดผลเสียต่อตัวพระยาวิชเยนทร์เองในเวลาต่อมา เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรหนักใกล้สวรรคต ก็มีข่าวลือว่าพระยาวิชเยนทร์ต้องการใช้องค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดและเข้ามาเป็นผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง ซึ่งแม้เหตุดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็เป็นข้ออ้างให้พระเพทราชาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่พอใจกับนโยบายด้านต่างประเทศที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติมาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมาย วางแผนให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จไปประทับที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ในลพบุรี และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ได้ไว้ใจมอบอำนาจการสำเร็จราชการแผ่นดินให้พระเพทราชาใน พ.ศ. 2231
บั้นปลายชีวิต
เมื่อพระเพทราชากุมอำนาจการสำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว ก็จับกุมพระยาวิชเยนทร์และผู้ติดตามรวมถึงราชนิกุลองค์ต่าง ๆ และนำไปประหารชีวิตในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2231 ในวัยเพียง 40 ปี เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงทราบถึงเหตุดังกล่าว พระองค์กริ้วมาก แต่ไม่มีพระวรกายแข็งแรงเพียงพอที่จะทำการใด ๆ และเสด็จสวรรคตในอีกไม่กี่วันต่อมา บรรดาท่านขุนนางได้อัญเชิญ พระเพทราชา ขึ้นครองราชย์โดยการปราบดาภิเษก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาบุรุษวิสุทธิเดชอุดม หรือ สมเด็จพระเพทราชา และปกครองโดยมีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติ ส่งผลให้เกิดการขับไล่ชาวต่างชาติแทบทั้งหมดออกจากราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา การตีความกันไปต่าง ๆ นานาถึงเหตุจูงใจที่ทำให้สมเด็จพระเพทราชาสั่งจับกุมและประหารชีวิตพระยาวิชเยนทร์เป็นผลให้จุดยืนของกรีกในประวัติศาสตร์ไทยเป็นเรื่องที่ยังหาข้อสรุปมิได้มากนัก ดังนั้นนักประวัติศาสตร์ที่เห็นด้วยกับการกระทำของพระองค์มองพระยาวิไชเยนทร์ว่าเป็นชาวต่างชาติที่ฉวยโอกาสมาใช้อิทธิพลเข้าควบคุมพระราชอาณาจักรในนามของผลประโยชน์จากชาติตะวันตก[ต้องการอ้างอิง] แต่นักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าพระยาวิไชเยนทร์เป็นแพะรับบาป เป็นช่องว่างให้สมเด็จพระเพทราชาสามารถเข้ายึดอำนาจจากองค์รัชทายาทได้โดยนำเอาความริษยา อิจฉาและความระแวงที่มีต่อพระยาวิชเยนทร์มาเป็นมูลเหตุสนับสนุน[ต้องการอ้างอิง]
อ้างอิง
- Smithies, Michael (2002), Three military accounts of the 1688 "Revolution" in Siam, Itineria Asiatica, Orchid Press, Bangkok, ISBN 9745240052
- Cangelaris, P.D. (2011), History and Genealogy of the Cangelari Family of Cephalonia (16th-20th Centuries) , Corfu 2011, (in Greek), ISBN 978-960-85532-2-4
- Cangelaris - Proodos: Παναγιώτης Δ. Καγκελάρης, "Κωσταντής Γεράκης (Constance Phaulkon) - Μια νέα γενεαλογική προσέγγιση", from: Η Κεφαλονίτικη Πρόοδος, Περίοδος Β', τεύχος 3 (Ιούλιος-Σεπτέμβριος 2012) (in Greek)
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: พระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) |
- George A. Sioris (1998). . Bangkok: Siam Society. ISBN 974-8298-41-8. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2010-01-26. สืบค้นเมื่อ 2019-12-24.
- (ภาษาFrench). Memoires de Siam. 2003-02-18. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2009-02-14. สืบค้นเมื่อ 2019-12-24.CS1 maint: unrecognized language (link)
- Panayotis D. Cangelaris (reprint), บ.ก. (July–September 2012). "Κωσταντής Γεράκης (Constance Phaulkon) - Μια νέα γενεαλογική προσέγγιση" [Costantin Gerachi (Constance Phaulkon) - A new genealogical approach]. Η Κεφαλονίτικη Πρόοδος (ภาษาGreek). Vol. Β' no. 3. ISSN 2241-1429.CS1 maint: date format (link) CS1 maint: unrecognized language (link)
- Panayotis D. Cangelaris (reprint), บ.ก. (July–September 2013). "Το γαλλικό οικόσημο του πρωτοσύμβουλου Κωσταντή Γεράκη (Constance Phaulkon)" [The French coat of arms of prime counsellor Costantin Gerachi (Constance Phaulkon)]. Η Κεφαλονίτικη Πρόοδος (ภาษาGreek). Vol. Β' no. 7. ISSN 2241-1429.CS1 maint: date format (link) CS1 maint: unrecognized language (link)