เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ
เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ (ญี่ปุ่น: 眞子内親王 โรมาจิ: Mako Naishinnō; ประสูติ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534) เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ กับเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ เป็นพระภาติยะในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ปัจจุบันทรงงานเป็นนักวิจัยในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียว
เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ | |
---|---|
ฐานันดร | ไนชินโน |
ราชวงศ์ | ญี่ปุ่น |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
ประสูติ | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 (29 ปี) โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
พระบิดา | เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ |
พระมารดา | เจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ |
พระประวัติ
เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะประสูติเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ณ โรงพยาบาลคุไนโชในพระราชวังหลวง กรุงโตเกียว เป็นพระบุตรพระองค์ใหญ่จากทั้งหมดสามพระองค์ในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ กับเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ มีพระขนิษฐาและพระอนุชาคือเจ้าหญิงคาโกะและเจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะ ตามลำดับ
เจ้าหญิงมาโกะทรงสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกากูชูอิงอันเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ในปี พ.ศ. 2553 ทรงศึกษาต่อด้านภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ณ วิทยาลัยทรีนิตีในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ขณะที่พระองค์ฝึกงาน ทรงปฏิสันถารอย่างไม่เป็นทางการกับแมรี แมคาลิส (Mary McAleese) ประธานาธิบดีแห่งไอร์แลนด์ และทรงท่องเที่ยวในประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ต่อมาทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาปริญญาตรีสาขามรดกด้านศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน โตเกียว จนสำเร็จการศึกษาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 นอกจากนี้พระองค์ยังได้รับอนุญาตให้ขับรถในญี่ปุ่นและทรงมีใบอนุญาตขับขี่ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี ต่อมาวันที่ 17 กันยายนปีเดียวกันนั้น ทรงเข้าศึกษาสาขาพิพิธภัณฑ์ศึกษา มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี จนสำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาดังกล่าวในปี พ.ศ. 2559 ก่อนหน้านี้ ทรงศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 รวมเป็นระยะเวลา 9 เดือนในโปรแกรมนักศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
พระกรณียกิจ
ในปี พ.ศ. 2546 เจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะตามเสด็จพระบิดาและมารดาเสด็จเยือนประเทศไทยด้วยพระบิดาเป็นพระสหายของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งถือเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะ
ในปี พ.ศ. 2549 เจ้าชายฟูมิฮิโตะและเจ้าหญิงมาโกะประกอบศาสนกิจที่ศาลเจ้าอิเซะ ต่อมาพระองค์ตามเสด็จพระบิดามารดาและพระขนิษฐามาประเทศไทยในวันที่ 7-13 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และทรงร่วมวิจัยปักษีวิทยาของพระบิดา
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554 พระองค์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 และทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 พระองค์เป็นอาสาสมัครปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 โดยไม่มีพระประสงค์แสดงพระองค์ว่าเป็นเจ้านาย
เจ้าหญิงมาโกะสนพระทัยในกิจการของผู้พิการทางการได้ยินเช่นเดียวกับเจ้าหญิงคิโกะ พระมารดา ทั้งนี้พระองค์สามารถสื่อสารด้วยภาษามือญี่ปุ่นได้
ชีวิตส่วนพระองค์
ความสนพระทัย
ระหว่างที่ยังทรงศึกษาในโรงเรียนกากูชูอิงนั้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 พระองค์ได้เสด็จไปประเทศออสเตรียจากโครงการร่วมบ้านกับคนท้องถิ่น (homestay program) ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียน และประทับที่นั้นเป็นเวลาสองสัปดาห์ ทรงประทับในบ้านของชายออสเตรียในเวียนนาซึ่งเป็นสหายของทัตสึฮิโกะ คาวาชิมะ พระอัยกาฝ่ายพระมารดา ทั้งนี้ทรงสนพระทัยด้านศิลปะและวัฒนธรรม ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์ อาสนวิหารนักบุญสเทเฟน และพระราชวังเชินบรุนน์
พระองค์เคยหาประสบการณ์พิเศษจากการทรงงานในพิพิธภัณฑ์โคเวนทรีระหว่างที่ยังทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร ปัจจุบันเจ้าหญิงมาโกะทรงงานเป็นนักวิจัยในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียว
ความนิยม
เจ้าหญิงมาโกะเป็นเน็ตไอดอลมาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 หลังมีพระฉายาลักษณ์ขณะทรงฉลองพระองค์นักเรียนแบบกะลาสีออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ต่อมาพระฉายาลักษณ์ดังกล่าวและวีดิโอที่จัดทำโดยแฟนอาร์ตที่ชื่นชมเจ้าหญิงคาโกะพระขนิษฐา ถูกอัปโหลดลงเว็บไซต์นิโกนิโกโดงะ (ญี่ปุ่น: ニコニコ動画) อันเป็นเว็บไซต์ที่แบ่งปันวีดิโอที่ชนนิยม ผลคือมีผู้รับชมกว่า 340,000 ครั้ง และมีผู้แสดงความเห็น 86,000 ข้อความ ส่วนสำนักพระราชวังอิมพีเรียลได้แสดงความเห็นว่าไม่ทราบว่าจะจัดการกับปรากฏการณ์นี้อย่างไร เพราะพวกเขาไม่เห็นร่องรอยแห่งการอาฆาตมาดร้ายหรือดูหมิ่นพระราชวงศ์
เสกสมรส
เจ้าหญิงมาโกะทรงคบหากับเค โคมูโระ (ญี่ปุ่น: 小室圭 โรมาจิ: Komuro Kei) ผู้เคยศึกษาในมหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียนด้วยกัน ทั้งสองพบกันครั้งแรก ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านชิบูยะ โคมูโระเคยทำงานเป็นนายธนาคาร ปัจจุบันกำลังศึกษาวิชาเอกกฎหมาย สถาบันมหาบัณฑิตยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮิตตสึบาชิ
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560 สำนักพระราชวังญี่ปุ่นได้ประกาศว่าเจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระจะมีการหมั้นหมายกัน โดยจะมีพิธีหมั้นในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561 และจะมีพิธีเสกสมรสในวันที่ 4 พฤศจิกายนปีเดียวกัน ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 สำนักพระราชวังประกาศเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปจนถึงปี พ.ศ. 2563 และให้เหตุผลว่าทั้งสองยังไม่พร้อมสำหรับการเสกสมรส โดยเจ้าหญิงมาโกะทรงกล่าวขออภัยมาด้วยว่า "ข้าพเจ้าขออภัยที่สร้างความวุ่นวายและภาระที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ที่ช่วยเหลือเราในการเตรียมงาน" รวมทั้งเพื่อรอให้ผ่านพ้นพิธีสละพระราชบัลลังก์ของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระอัยกาในปี พ.ศ. 2562 ออกไปก่อน ทั้งนี้เจ้าหญิงมาโกะจะเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่เก้าที่เสกสมรสกับชายสามัญชน และจะต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ตามกฎมนเทียรบาล แต่พระราชพิธีเสกสมรสถูกระงับไว้จนถึงทุกวันนี้ เพราะปัญหาด้านการเงินของมารดานายโคมูโระ นอกจากนี้แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่าตาของนายโคมูโระมีเชื้อสายเกาหลี
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2554 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1
พงศาวลี
พงศาวลีของเจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- "「研究部」". The University Museum, The University of Tokyo (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 15 September 2016.
- "Japanese royal to spend time in Dublin studying English". The Irish Times. June 18, 2010. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- "「眞子さま、アイルランドから帰国 」". The Nikkei (ภาษาญี่ปุ่น). August 15, 2010. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- "Princess Mako Graduates University". The Royal Forums.
- "Their Imperial Highnesses Prince and Princess Akishino and their family - The Imperial Household Agency". kunaicho.go.jp.
- . Sankei Shimbun (ภาษาญี่ปุ่น). March 26, 2014. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2020-07-09. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- 「〈眞子さま〉国際基督教大学を卒業「一生の思い出の4年間」 Mainichi Shimbun March 26, 2014
- "Princess Mako celebrates her graduation from university". Royalista.
- "Princess Mako leaves for one year of study in England ‹ Japan Today: Japan News and Discussion". japantoday.com.
- "Japan's Princess Mako to study at Edinburgh University". deadlinenews.co.uk.
- "Princess Mako describes life at British university as 'fruitful' - The Japan Times". The Japan Times.
- . ed.ac.uk. 4 June 2013. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2014-03-27. สืบค้นเมื่อ 2017-05-18.
- . MSN Sankei News (ภาษาญี่ปุ่น). Sankei Shimbun. August 3, 2012. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ December 19, 2012. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- ↑ "เผยโฉมหนุ่มสุดหล่อ ว่าที่คู่หมั้นเจ้าหญิงแห่งญี่ปุ่น". MGR Online. 17 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "Princess Mako off to Austria". The Japan Times.
- List of Overseas Visits by the Emperor, Empress and Imperial Family (1999 – 2008)
- "Japan's Princess Mako turns 20 and becomes newest adult member of Imperial Family". Telegraph.co.uk. 24 October 2011.
- 眞子さま、身分を隠しボランティア活動「実際に行ってみないとわからない…」
- "Image of Mako sign language".
- 「眞子さまがホームステイ 夏にオーストリアへ」 2015-01-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Hokkaido Shimbun July 11, 2006 10:44
- 「世界遺産の宮殿を見学 ウィーンで眞子さま」 Chugoku Shimbun August 12, 2006
- ""เจ้าหญิงมาโกะ" เรียนต่อเมืองนอกเงียบ ๆ ปฏิบัติเยี่ยง "สามัญชน ม.ชม-ทรงถ่อมตัว"". มติชนออนไลน์. 24 กันยายน 2558. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - 5:00
- . Yahoo! Netallica. 15 June 2008. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 15 June 2008.
- Yoshida, Reiji (16 May 2017). "Princess Mako, granddaughter of Emperor, set to marry ex-classmate". The Japan Times Online. สืบค้นเมื่อ 16 May 2017.
- "Princess Mako to lose Japan royal status by marrying commoner". BBC. 18 May 2017. สืบค้นเมื่อ 27 September 2017.
- "เผยประวัติว่าที่คู่หมั้นหนุ่มที่เจ้าหญิงมาโกะจะทรงสละฐานันดรศักดิ์มาแต่งงานด้วย". ข่าวสด. 17 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "Japan's Princess Mako announces engagement". BBC. 4 September 2017. สืบค้นเมื่อ 27 September 2017.
- "Japan's Princess Mako Gives Up her Royal Status to Marry a Commoner". Time. 3 September 2017. สืบค้นเมื่อ 21 October 2017.
- "ญี่ปุ่นเผย 2 กำหนดการสำคัญ พระจักรพรรดิสละบังลังก์, เจ้าหญิงเสกสมรส". MGR Online. 23 พฤศจิกายน 2560. สืบค้นเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - . NHK World. 6 February 2018. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-07. สืบค้นเมื่อ 6 February 2018.
- "รีบเกินไป! 'เจ้าหญิงมาโกะ' ขอเลื่อนงานหมั้น-เสกสมรสแฟนหนุ่มไปอีก 2 ปี". ไทยรัฐออนไลน์. 6 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะแห่งญี่ปุ่นเลื่อนพิธีเสกสมรสกับหนุ่มสามัญชนออกไปอย่างน้อย 2 ปี". MGR Online. 6 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะแห่งญี่ปุ่นทรงเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปจนถึงปี 2020". บีบีซีไทย. 7 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะของญี่ปุ่นเลื่อนพิธีเสกสมรส". มติชนออนไลน์. 6 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Fogarty, Philippa (19 May 2017). "The princess, the palace and the shrinking royal line". BBC. สืบค้นเมื่อ 27 September 2017.
- "Princess Mako's marriage prospects unknown, Crown Prince Akishino says". The Japan Times. 22 June 2019. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- "คู่หมั้น 'เจ้าหญิงมาโกะ' ประกาศเคลียร์ปัญหาหนี้สินของครอบครัว-พร้อมเดินหน้าพิธีเสกสมรส". ผู้จัดการออนไลน์. 23 มกราคม 2562. สืบค้นเมื่อ 1 มกราคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Julian Ryall (7 กุมภาพันธ์ 2561). "Bad debts and Korean blood: Japanese tabloids in a frenzy after Princess Mako's wedding postponed". South China Morning Post. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Régine. . Noblesse & Royautés. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2013-06-12. สืบค้นเมื่อ 2017-06-22.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ
- Their Imperial Highnesses Prince and Princess Akishino and their family at the Imperial Household Agency website