fbpx
วิกิพีเดีย

เปลือกหอย

เปลือกหอย หรือ ฝาหอย หรือ กาบหอย คือ สสารที่เป็นของแข็งที่ห่อหุ้มลำตัวภายนอกของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในไฟลัมมอลลัสคา หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า หอย มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ซึ่งหอยจะใช้เป็นเครื่องอำพรางอันตรายจากสัตว์อื่น เป็นสัญลักษณ์สื่อสารระหว่างกัน และช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ

เปลือกหอยนานาชนิด

เปลือกหอยเป็นสิ่งที่ติดตัวกับหอยมานับตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนและฟักออกมาจากไข่ โดยไม่ต้องลอกคราบเหมือนสัตว์ในไฟลัมอาร์โธพอดหรือ ครัสเตเชียน โดยขนาดจะใหญ่ขึ้นมาตามขนาดของตัวหอย

เปลือกหอยประกอบด้วยสารจำพวกแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือเป็นสารอื่น ๆ เช่น แคลเซียมฟอสเฟต, แมกนีเซียมคาร์บอเนต, แมกนีเซียมฟอสเฟต, แมกนีเซียมซิลิเกต, โปรตีนประเภทคอนไคโอลิน เปลือกหอยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ

ลักษณะ

  • ชั้นนอกสุด เรียกว่า ชั้นผิวนอก (Periostracum layer) ประกอบด้วยสารส่วนใหญ่เป็นโปรตีนประเภทคอนไคโอลิน เป็นชั้นที่บางและหลุดง่าย ซึ่งจะสังเกตได้จากหอยที่ตายแล้วและเปลือกที่ถูกทิ้งอยู่ตามชายหาด หรือหอยที่ยังมีชีวิตแต่เปลือกถูกคลื่นซัดหรือทรายขัดสี เปลือกชั้นนี้อาจหลุดหายไปจนไม่เหลือให้เห็น
  • ชั้นกลาง เรียก ชั้นผนึกแคลเซียม (Prismatic layer) ประกอบด้วยผลึกรูปต่าง ๆ กันของสารประกอบแคลเซียมซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของแคลไซต์ เป็นชั้นที่หนาและแข็งแรงที่สุด
  • ชั้นในสุด เรียก ชั้นมุก (Nacreous layer) ประกอบด้วยผนึกรูปต่าง ๆ กันของสารประกอบแคลเซียมซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของอะราโกไนต์ เป็นชั้นที่เรียบมีความหนาบางแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของหอย ทำให้เปลือกมีสีขาวขุ่นและเป็นมันแวววาวแตกต่างกัน

เปลือกหอยมีรูปร่างของเปลือกไม่เหมือนกัน แตกต่างออกไปตามแต่ละชั้น, อันดับ, วงศ์, สกุล และชนิด เช่น หอยแปดเกล็ด หรือ ลิ่นทะเล มีเปลือกขนาดเล็กจำนวน 8 แผ่น เรียงซ้อนเหลื่อมกันคล้ายกระเบื้องมุงหลังคาจากหัวถึงท้ายตัว ส่วนหอยฝาชีโบราณมีเปลือกรูปคล้ายฝาชี ส่วนที่เป็นยอดแหลมเยื้องไปทางด้านหน้า

สีของเปลือกหอยได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อมและอาหารที่หอยกินเข้าไป สีบนเปลือกหอยเกิดจากเม็ดสี ซึ่งเม็ดสีนั้นได้จากอาหารที่หอยกินเข้าไป เม็ดสีแต่ละชนิดต่างก็ให้สีสันแตกต่างกันไป เช่น เม็ดสีคาโรทีนอยด์ ให้สีเหลืองถึงส้ม, เมลานินให้สีน้ำตาลถึงดำ, อินดิกอยด์ให้สีน้ำเงินและแดง, พอร์ไฟรินให้สีแดง สีม่วงในเปลือกหอยม่วง เกิดจากการที่กินแมงกะพรุนเรือใบที่มีสีน้ำเงินม่วงเป็นอาหาร

ลายบนเปลือกจะถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการสร้างเปลือก โดยที่เม็ดสีจะเคลื่อนตัวไปตามเนื้อเยื่อสร้างเปลือกตลอดเวลา ถ้าเม็ดสีแสดงผลจะทำให้เปลือกมีสีสันไปตามเม็ดสีนั้น แต่ถ้าเม็ดสีมีการแสดงผลเป็นช่วง ๆ ผลที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกับการทำงานของเครื่องพิมพ์ภาพ ก่อให้เกิดสีสันและลวดลายต่าง ๆ

หอยเปลือกเดี่ยว

 
ลักษณะของหอยเปลือกเดี่ยว

หอยเปลือกเดี่ยว มีเปลือกติดต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ส่วนมากเปลือกจะมีลักษณะเวียนเป็นเกลียวรอบแกนกลางที่เรียกว่า แกนเปลือก หอยเริ่มสร้างเปลือกจากจุดยอดก่อน เปลือกที่เวียนไปครบ 1 รอบ เรียกว่า 1 วงเกลียว วงเกลียวแรกมีขนาดเล็กที่สุด วงเกลียวต่อ ๆ มามีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับเนื่องจากตัวหอยมีขนาดโตขึ้น วงเกลียวสุดท้าย หรือ วงเกลียวตัว มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีช่องเปลือก อันเป็นบริเวณที่หอยยื่นหัวและตีนออกมาและเป็นทางให้น้ำและอากาศผ่านเข้าออกด้วย ระหว่างวงเกลียวมีรอยต่อเห็นเป็นร่อง เรียก รอยต่อวงเกลียว ส่วนใหญ่วงเกลียวของเปลือกหอยมักเวียนไปทางขวาในทิศทางเดียวกับการหมุนของเข็มนาฬิกา เรียกว่า เวียนขวา มีน้อยตัวที่เวียนไปทางซ้าย เรียกว่า เวียนซ้าย

การดูลักษณะของเปลือกหอยว่ามีวงเกลียวเวียนขวาหรือเวียนซ้าย มีหลักในการดูโดยวิธีหงายให้เห็นช่องเปลือกและหันจุดยอดของเปลือกหอยชี้ออกนอกตัวผู้ถือ หากช่องเปลือกอยู่ทางด้านขวามือผู้ถือ เปลือกหอยนั้นเวียนขวา ถ้าอยู่ทางด้านซ้ายมือเปลือกหอยนั้นเวียนซ้าย

ผิวด้านนอกของเปลือกหอยอาจเรียบเป็นมันหรือเป็นลายมิติ เช่น มีหนาม, ตุ่มสันแหลม, ร่อง หรือสันป้าน ซึ่งอาจอยู่ในแนวแกน หรือในแนวเวียนก้นหอย ช่องเปลือกอาจมีรูปกลม รีหรือแคบยาวตามแต่ชนิดของหอย มีขอบด้านนอกช่องเปลือก และขอบด้านในช่องเปลือก ซึ่งเชื่อมต่อกับแกนเปลือก หอยส่วนมากมีฝาปิด ลักษณะเป็นแผ่น สำหรับปิดช่องเปลือก ฝาปิดนี้นอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายจากศัตรูหรือสิ่งสกปรกจากภายนอกแล้วยังช่วยป้องกันไม่ให้ความชื้นระเหยออกจากตัวมากเกินไป ในหอยบางชนิดมีช่องแกนเปลือก ซึ่งอยู่ระหว่างวงเกลียวสุดท้ายกับขอบด้านในของช่องเปลือกจากจุดยอดของเปลือกลงมาถึงวงเกลียวทุกวงเกลียวเว้นวงเกลียวสุดท้าย เรียกว่า ก้นหอย ช่วงนี้มีความยาวแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของหอย

การวัดขนาดของเปลือกหอยเปลือกเดี่ยวนิยมวัดจากจุดยอดมาถึงปลายสุดของวงเกลียวสุดท้าย ถือเป็นความยาวของเปลือกช่วงกว้างที่สุดของวงเกลียวถือเป็นความกว้างของเปลือก โดยใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร หอยเปลือกเดี่ยวโดยทั่วไปอาจมีขนาดยาวตั้งแต่ 2-3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 500 มิลลิเมตร กว้างตั้งแต่ 2 มิลลิเมตรไปจนถึง 300 มิลลิเมตร ในหอยสังข์ยักษ์ออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นหอยเปลือกเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

หอยเปลือกคู่

 
ลักษณะของเปลือกหอยเปลือกคู่

หอยเปลือกคู่ มีเปลือกเป็นกาบ 2 กาบประกบเข้ากันและเปิดปิดได้คล้ายบานพับ เปลือกทั้ง 2 ข้าง อาจมีรูปร่างเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เปลือกอาจมีรูปกลม, รี, สามเหลี่ยม หรือรูปอื่น ๆ ก็ได้

หอยจะสร้างเปลือกบริเวณขั้วเปลือก ขึ้นก่อนแล้วสร้างเปลือกเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เปลือกทั้ง 2 ข้างยึดติดกันด้วยเอ็นยึด ซึ่งเป็นสารจำพวกโปรตีน บริเวณที่ยึดติดกันเรียก บานพับ ส่วนใหญ่บริเวณนี้มักมีแง่สบเปลือก ซึ่งมีจำนวนและขนาดแตกต่างกันไปแล้วแต่วงศ์ของหอย เช่น หอยแครงมีแง่สบเปลือกขนาดเล็กไล่เลี่ยกันเรียงเป็นแถว, หอยกระปุกมีแง่สบเปลือกแง่กลาง สั้นกว่าแง่สบเปลือกแง่ข้าง, หอยปิดและเปิดเปลือกโดยอาศัยกล้ามเนื้อยึดเปลือก ซึ่งอาจมีกล้ามเนื้อมัดเดียว เช่น หอยพัด หรือ หอยเชลล์ หรือมีกล้ามเนื้อ 2 มัด เช่น หอยแครง, หอยลาย รอยกล้ามเนื้อยึดเปลือก เหล่านี้ได้เห็นได้ทางด้านในของเปลือกเมื่อกล้ามเนื้อหลุดไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นรอยอันเกิดจากแนวของแผ่นเนื้อที่ยึดติดกับเปลือกอันเป็นแนวเกือบขนานกับขอบเปลือก เรียก รอยแนวแผ่นเนื้อ ผิวด้านนอกของเปลือกหอยกาบคู่บางพวกเรียบเป็นมัน บางพวกมีหนาม, สัน และร่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นแนวรัศมีหรือแนวขนานกับขอบเปลือก บริเวณด้านข้างขั้วเปลือกของหอยบางพวก เช่น หอยพัด มีแผ่นลักษณะเป็นปีกแผ่ออกไป

เมื่อดูหอยเปลือกคู่ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้านที่เป็นช่องปากถือเป็นด้านหน้า ส่วนด้านที่มีทางน้ำเข้า-ออกและรูก้นถือเป็นด้านท้าย หากดูเปลือกหอยทางด้านในเพียงอย่างเดียว ด้านที่มีบานพับและขั้วเปลือกถือเป็นด้านบน ส่วนด้านที่อยู่ตรงข้ามซึ่งเป็นขอบเปลือกถือเป็นด้านล่าง สำหรับการดูด้านหน้ากับด้านท้ายให้สังเกตรอยเว้าแนวแผ่นเนื้อ หากอยู่ด้านไหนให้ถือว่าเป็นด้านท้าย ส่วนด้านตรงข้ามถือเป็นด้านหน้า นอกจากนี้ ยังอาจสังเกตได้จากจะงอยเปลือก ถ้าชี้ไปทางด้านไหนให้ถือว่าเป็นด้านหน้า ทั้งนี้ ยกเว้นหอยบางชนิด เช่น หอยเสียบ ที่จะงอยเปลือกชี้กลับตรงกันข้าม เป็นต้น

ส่วนการดูเปลือกหอยว่าเป็นกาบซ้ายหรือกาบขวานั้นให้ถือเปลือกหอยโดยเอาขั้วเปลือกไว้ด้านบน หันปลายด้านชี้ออกนอกตัวผู้ถือ เปลือกที่อยู่ทางขวามือเป็นกาบขวา เปลือกที่อยู่ทางซ้ายมือเป็นกาบซ้าย การวัดความยาวของเปลือกให้วัดระหว่างปลายด้านหน้าถึงด้านท้ายสุด ส่วนความสูงนั้นวัดจากด้านบนสุดของขั้วเปลือกถึงขอบเปลือกด้านล่างสุด

ระยะระหว่างความโค้งของผิวนอกสุดของเปลือกทั้ง 2 กาบ คือ ความหนา หอยกาบคู่ที่โตเต็มที่โดยทั่วไปมีขนาดความยาวของเปลือกไม่เกิน 10 เซนติเมตร ยกเว้นบางชนิดที่มีขนาดใหญ่มาก เช่น หอยมือเสือ อาจวัดความยาวได้มากกว่า 1 เมตร ซึ่งถือเป็นหอยเปลือกคู่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

หอยงาช้าง

หอยงาช้าง มีลักษณะระหว่างหอยเปลือกเดี่ยวและหอยเปลือกคู่ คือมีเปลือกเป็นชิ้นเดียวกัน รูปร่างเป็นแท่งกลม โคนใหญ่ ปลายเรียวเล็ก งอนคล้ายงาช้าง ภายในกลวงมีช่องเปิดทั้ง 2 ด้าน มีแผ่นขูดในช่องปากเหมือนหอยเปลือกเดียว แต่มีหัวและตีนยื่นออกมาจากส่วนโคนซึ่งลักษณะหัว, เท้า และลำตัวเหมือนหอยเปลือกคู่

หอยงวงช้าง

 
ลักษณะภายในของเปลือกหอยงวงช้าง

เปลือกของหอยงวงช้าง มีลักษณะแตกต่างไปจากหอยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยมีลักษณะเปลือกต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ม้วนเป็นวงในแนวราบ หรือเรียกว่า เวียนก้อนหอยแนวราบ เปลือกที่สร้างขึ้นก่อนหรือวงแรก ๆ จะถูกคลุมไว้ด้วยเปลือกที่สร้างขึ้นภายหลัง ภายในเปลือกมีผนังกั้นตามขวาง แบ่งช่องว่างภายในเปลือกออกเป็นห้อง แต่ละห้องเชื่อมต่อถึงกันด้วยท่อ ห้องภายในช่องเปลือกเหล่านี้เคยเป็นที่อยู่ของตัวหอยตั้งแต่หอยมีขนาดเล็ก เมื่อตัวโตขึ้นหอยก็จะสร้างเปลือกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และตัวหอยจะย้ายออกมาอยู่ในห้องนอกสุด เปลือกหอยงวงช้างหนาและแข็งแรง เปลือกด้านนอกมีลายเป็นเส้นสีน้ำตาลบนพื้นขาว ด้านในเป็นสีมุก เมื่อวัดเส้นผ่านศูนย์กลางจากขอบเปลือกที่กว้างที่สุดบางตัวอาจยาวถึง 30 เซนติเมตร จัดเป็นหอยที่มีขนาดใหญ่จำพวกหนึ่ง

ประโยชน์และความสัมพันธ์กับมนุษย์

 
เปลือกหอยสังข์รดน้ำในอินเดียที่ผ่านการแกะสลักและเจียระไนมาแล้ว ใช้ในงานพิธีต่าง ๆ

มนุษย์ใช้ประโยชน์และผูกพันกับเปลือกหอยมาตั้งแต่ยุคโบราณ มีหลักฐานทางโบราณคดีว่า มนุษย์ได้ใช้เปลือกหอยมาทำเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่บดทำเป็นปูนเพื่อการก่อสร้าง จนเกิดเป็นความเชื่อและปกรณัมต่าง ๆ เช่น เทพปกรณัมกรีกเชื่อว่า เทพีอะโฟรไดต์กำเนิดมาจากเปลือกหอยหรือฟองน้ำ, ชาวฮินดูเชื่อว่า หอยสังข์ในพระกรของพระวิษณุเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล จึงนิยมใช้ในงานพิธีและประเพณีต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยสังข์ตัวที่เวียนขวาที่หาได้ยาก, ในนิทานพื้นบ้านของเกาะชวาและชาวไทยมีเรื่อง ทารกที่เกิดมาในเปลือกหอยสังข์สีทอง เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ในยุคที่ยังไม่มีเงินในรูปแบบของเหรียญ หรือธนบัตรใช้เช่นในปัจจุบัน เปลือกหอยบางชนิด เช่น หอยเบี้ย ก็เป็นสิ่งใช้แทนเงิน จนเกิดข้อสันนิษฐานว่า คำว่า "เบี้ย" ในภาษาไทย ที่หมายถึง เงินตรา เพี้ยนมาจากคำว่า "รูปิยะ" หรือ "รูปี" อันเป็นสกุลเงินที่ใช้กันในอินเดียตั้งแต่ยุคพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน และยังใช้ทำเป็นเครื่องรางทางไสยศาสตร์อีกด้วยเปลือกหอยนางรม, เปลือกหอยพิมพการัง, เปลือกหอยตาวัว, เปลือกหอยจุ๊บแจง, เปลือกหอยมุก และเปลือกหอยสังข์หนาม

นอกจากนี้แล้ว เปลือกหอยยังใช้ทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม และเก็บสะสม บางชิ้น บางชนิด บางลักษณะที่หายาก เช่น เปลือกหอยเบี้ยที่มีลักษณะของเปลือกส่วนปลายข้างหนึ่งโค้งงอเหมือนงวงช้าง เรียกว่า "โรทสเตท" มีการตั้งมูลค่าไว้สูงถึง 25 ล้านบาท นับเป็นเปลือกหอยที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และลักษณะที่สวยงามต่าง ๆ ของเปลือกหอยยังเป็นต้นแบบหรือแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของมนุษย์อีกจำนวนมากมาย

อ้างอิง

  1. เปลือกหอยคืออะไร ทำไมมีหลายสี
  2. ความลับใต้เปลือกหอย, รายการนักสำรวจ ทางช่อง 3: อาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2552
  3. "เปลือกหอยและสีสัน?". คมชัดลึก. 8 December 2014. สืบค้นเมื่อ 8 December 2014.
  4. เปลือกหอย จากราชบัณฑิตยสถาน
  5. BOTTICELLI, Sandro
  6. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2012-12-07. สืบค้นเมื่อ 2012-04-11.
  7. จอม ปัทมคันธิน. แฟนหอยพันธุ์แท้. นนทบุรี : สำนักพิมพ์ชบาเงิน, 2555. 185 หน้า. หน้า 108. ISBN 978-616904682-0
  8. คอลัมน์ Aqua Pets โดย จอม สมหวัง ปัทมคันธิน "สุดยอดแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอย 2 สมัย" หน้า 107 นิตยสาร Aquarium Biz Vo.1 issue 6 ฉบับเดือนธันวาคม 2010
  9. เปลือกหอยแครง, "เรื่องน่ารู้". คอลัมน์ หน้า 28 เกษตร: เดลินิวส์ฉบับที่ 23,129 ประจำวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 แรม 13 ค่ำ เดือน 2 ปีมะโรง

แหล่งข้อมูลอื่น

  • รูปถ่ายเปลือกหอย
  • สมาคมสังข์วิทยาอเมริกา 2012-04-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  • หอยน้ำจืด
  • รูปถ่ายพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย (กรุงเทพ)

เปล, อกหอย, หร, ฝาหอย, หร, กาบหอย, สสารท, เป, นของแข, งท, อห, มลำต, วภายนอกของส, ตว, ไม, กระด, กส, นหล, งในไฟล, มมอลล, สคา, หร, อท, ยมเร, ยกก, นต, ดปากว, หอย, กษณะแตกต, างก, นออกไป, งหอยจะใช, เป, นเคร, องอำพรางอ, นตรายจากส, ตว, เป, นส, ญล, กษณ, อสารระหว, างก, . epluxkhxy hrux fahxy hrux kabhxy khux ssarthiepnkhxngaekhngthihxhumlatwphaynxkkhxngstwimmikraduksnhlnginiflmmxllskha hruxthiniymeriykkntidpakwa hxy milksnaaetktangknxxkip sunghxycaichepnekhruxngxaphrangxntraycakstwxun epnsylksnsuxsarrahwangkn aelachwykhwbkhumxunhphumiphayinemuxmikarepliynaeplngkhxngkraaesna 1 epluxkhxynanachnid epluxkhxyepnsingthitidtwkbhxymanbtngaetyngepntwxxnaelafkxxkmacakikh odyimtxnglxkkhrabehmuxnstwiniflmxarothphxdhrux khrsetechiyn odykhnadcaihykhunmatamkhnadkhxngtwhxy 2 epluxkhxyprakxbdwysarcaphwkaekhlesiymkharbxentepnswnihy swnthiehluxepnsarxun echn aekhlesiymfxseft aemkniesiymkharbxent aemkniesiymfxseft aemkniesiymsiliekt oprtinpraephthkhxnikhoxlin epluxkhxyaebngxxkepn 3 chn khux enuxha 1 lksna 2 hxyepluxkediyw 3 hxyepluxkkhu 4 hxyngachang 5 hxyngwngchang 6 praoychnaelakhwamsmphnthkbmnusy 7 xangxing 8 aehlngkhxmulxunlksna aekikhchnnxksud eriykwa chnphiwnxk Periostracum layer prakxbdwysarswnihyepnoprtinpraephthkhxnikhoxlin epnchnthibangaelahludngay sungcasngektidcakhxythitayaelwaelaepluxkthithukthingxyutamchayhad hruxhxythiyngmichiwitaetepluxkthukkhlunsdhruxthraykhdsi epluxkchnnixachludhayipcnimehluxihehn chnklang eriyk chnphnukaekhlesiym Prismatic layer prakxbdwyphlukruptang knkhxngsarprakxbaekhlesiymsungswnihyxyuinrupkhxngaekhlist epnchnthihnaaelaaekhngaerngthisudchninsud eriyk chnmuk Nacreous layer prakxbdwyphnukruptang knkhxngsarprakxbaekhlesiymsungswnihyxyuinrupkhxngxaraokint epnchnthieriybmikhwamhnabangaetktangkniptamaetchnidkhxnghxy thaihepluxkmisikhawkhunaelaepnmnaewwwawaetktangknepluxkhxymiruprangkhxngepluxkimehmuxnkn aetktangxxkiptamaetlachn xndb wngs skul aelachnid echn hxyaepdekld hrux linthael miepluxkkhnadelkcanwn 8 aephn eriyngsxnehluxmknkhlaykraebuxngmunghlngkhacakhwthungthaytw swnhxyfachiobranmiepluxkrupkhlayfachi swnthiepnyxdaehlmeyuxngipthangdanhnasikhxngepluxkhxyidrbxiththiphlmacaksingaewdlxmaelaxaharthihxykinekhaip sibnepluxkhxyekidcakemdsi sungemdsinnidcakxaharthihxykinekhaip emdsiaetlachnidtangkihsisnaetktangknip echn emdsikhaorthinxyd ihsiehluxngthungsm emlaninihsinatalthungda xindikxydihsinaenginaelaaedng phxrifrinihsiaedng simwnginepluxkhxymwng ekidcakkarthikinaemngkaphruneruxibthimisinaenginmwngepnxaharlaybnepluxkcathuksrangkhuninchwngewlaediywkbkarsrangepluxk odythiemdsicaekhluxntwiptamenuxeyuxsrangepluxktlxdewla thaemdsiaesdngphlcathaihepluxkmisisniptamemdsinn aetthaemdsimikaraesdngphlepnchwng phlthiidcamilksnakhlaykbkarthangankhxngekhruxngphimphphaph kxihekidsisnaelalwdlaytang 3 hxyepluxkediyw aekikh lksnakhxnghxyepluxkediyw hxyepluxkediyw miepluxktidtxepnchinediywkn swnmakepluxkcamilksnaewiynepnekliywrxbaeknklangthieriykwa aeknepluxk hxyerimsrangepluxkcakcudyxdkxn epluxkthiewiynipkhrb 1 rxb eriykwa 1 wngekliyw wngekliywaerkmikhnadelkthisud wngekliywtx mamikhnadihykhuntamladbenuxngcaktwhxymikhnadotkhun wngekliywsudthay hrux wngekliywtw mikhnadihythisudaelamichxngepluxk xnepnbriewnthihxyyunhwaelatinxxkmaaelaepnthangihnaaelaxakasphanekhaxxkdwy rahwangwngekliywmirxytxehnepnrxng eriyk rxytxwngekliyw swnihywngekliywkhxngepluxkhxymkewiynipthangkhwainthisthangediywkbkarhmunkhxngekhmnalika eriykwa ewiynkhwa minxytwthiewiynipthangsay eriykwa ewiynsaykardulksnakhxngepluxkhxywamiwngekliywewiynkhwahruxewiynsay mihlkinkarduodywithihngayihehnchxngepluxkaelahncudyxdkhxngepluxkhxychixxknxktwphuthux hakchxngepluxkxyuthangdankhwamuxphuthux epluxkhxynnewiynkhwa thaxyuthangdansaymuxepluxkhxynnewiynsayphiwdannxkkhxngepluxkhxyxaceriybepnmnhruxepnlaymiti echn mihnam tumsnaehlm rxng hruxsnpan sungxacxyuinaenwaekn hruxinaenwewiynknhxy chxngepluxkxacmirupklm rihruxaekhbyawtamaetchnidkhxnghxy mikhxbdannxkchxngepluxk aelakhxbdaninchxngepluxk sungechuxmtxkbaeknepluxk hxyswnmakmifapid lksnaepnaephn sahrbpidchxngepluxk fapidninxkcakcachwypxngknxntraycakstruhruxsingskprkcakphaynxkaelwyngchwypxngknimihkhwamchunraehyxxkcaktwmakekinip inhxybangchnidmichxngaeknepluxk sungxyurahwangwngekliywsudthaykbkhxbdaninkhxngchxngepluxkcakcudyxdkhxngepluxklngmathungwngekliywthukwngekliywewnwngekliywsudthay eriykwa knhxy chwngnimikhwamyawaetktangknaelwaetchnidkhxnghxykarwdkhnadkhxngepluxkhxyepluxkediywniymwdcakcudyxdmathungplaysudkhxngwngekliywsudthay thuxepnkhwamyawkhxngepluxkchwngkwangthisudkhxngwngekliywthuxepnkhwamkwangkhxngepluxk odyichhnwyepnmilliemtr hxyepluxkediywodythwipxacmikhnadyawtngaet 2 3 milliemtr ipcnthung 500 milliemtr kwangtngaet 2 milliemtripcnthung 300 milliemtr inhxysngkhyksxxsetreliy sungthuxepnhxyepluxkediywthimikhnadihythisudinolkdwyhxyepluxkkhu aekikh lksnakhxngepluxkhxyepluxkkhu hxyepluxkkhu miepluxkepnkab 2 kabprakbekhaknaelaepidpididkhlaybanphb epluxkthng 2 khang xacmiruprangehmuxnknhruxkhlaykhlungkn epluxkxacmirupklm ri samehliym hruxrupxun kidhxycasrangepluxkbriewnkhwepluxk khunkxnaelwsrangepluxkepnwngkhyayihykhuneruxy epluxkthng 2 khangyudtidkndwyexnyud sungepnsarcaphwkoprtin briewnthiyudtidkneriyk banphb swnihybriewnnimkmiaengsbepluxk sungmicanwnaelakhnadaetktangknipaelwaetwngskhxnghxy echn hxyaekhrngmiaengsbepluxkkhnadelkileliykneriyngepnaethw hxykrapukmiaengsbepluxkaengklang snkwaaengsbepluxkaengkhang hxypidaelaepidepluxkodyxasyklamenuxyudepluxk sungxacmiklamenuxmdediyw echn hxyphd hrux hxyechll hruxmiklamenux 2 md echn hxyaekhrng hxylay rxyklamenuxyudepluxk ehlaniidehnidthangdaninkhxngepluxkemuxklamenuxhludipaelw nxkcakni yngehnrxyxnekidcakaenwkhxngaephnenuxthiyudtidkbepluxkxnepnaenwekuxbkhnankbkhxbepluxk eriyk rxyaenwaephnenux phiwdannxkkhxngepluxkhxykabkhubangphwkeriybepnmn bangphwkmihnam sn aelarxng sungmilksnaepnaenwrsmihruxaenwkhnankbkhxbepluxk briewndankhangkhwepluxkkhxnghxybangphwk echn hxyphd miaephnlksnaepnpikaephxxkipemuxduhxyepluxkkhukhnathiyngmichiwitxyu danthiepnchxngpakthuxepndanhna swndanthimithangnaekha xxkaelaruknthuxepndanthay hakduepluxkhxythangdaninephiyngxyangediyw danthimibanphbaelakhwepluxkthuxepndanbn swndanthixyutrngkhamsungepnkhxbepluxkthuxepndanlang sahrbkardudanhnakbdanthayihsngektrxyewaaenwaephnenux hakxyudanihnihthuxwaepndanthay swndantrngkhamthuxepndanhna nxkcakni yngxacsngektidcakcangxyepluxk thachiipthangdanihnihthuxwaepndanhna thngni ykewnhxybangchnid echn hxyesiyb thicangxyepluxkchiklbtrngknkham epntnswnkarduepluxkhxywaepnkabsayhruxkabkhwannihthuxepluxkhxyodyexakhwepluxkiwdanbn hnplaydanchixxknxktwphuthux epluxkthixyuthangkhwamuxepnkabkhwa epluxkthixyuthangsaymuxepnkabsay karwdkhwamyawkhxngepluxkihwdrahwangplaydanhnathungdanthaysud swnkhwamsungnnwdcakdanbnsudkhxngkhwepluxkthungkhxbepluxkdanlangsudrayarahwangkhwamokhngkhxngphiwnxksudkhxngepluxkthng 2 kab khux khwamhna hxykabkhuthiotetmthiodythwipmikhnadkhwamyawkhxngepluxkimekin 10 esntiemtr ykewnbangchnidthimikhnadihymak echn hxymuxesux xacwdkhwamyawidmakkwa 1 emtr sungthuxepnhxyepluxkkhuthimikhnadihythisudinolkdwyhxyngachang aekikhhxyngachang milksnarahwanghxyepluxkediywaelahxyepluxkkhu khuxmiepluxkepnchinediywkn ruprangepnaethngklm okhnihy playeriywelk ngxnkhlayngachang phayinklwngmichxngepidthng 2 dan miaephnkhudinchxngpakehmuxnhxyepluxkediyw aetmihwaelatinyunxxkmacakswnokhnsunglksnahw etha aelalatwehmuxnhxyepluxkkhuhxyngwngchang aekikh lksnaphayinkhxngepluxkhxyngwngchang epluxkkhxnghxyngwngchang milksnaaetktangipcakhxythiklawmaaelwkhangtn odymilksnaepluxktxepnchinediywkn mwnepnwnginaenwrab hruxeriykwa ewiynkxnhxyaenwrab epluxkthisrangkhunkxnhruxwngaerk cathukkhlumiwdwyepluxkthisrangkhunphayhlng phayinepluxkmiphnngkntamkhwang aebngchxngwangphayinepluxkxxkepnhxng aetlahxngechuxmtxthungkndwythx hxngphayinchxngepluxkehlaniekhyepnthixyukhxngtwhxytngaethxymikhnadelk emuxtwotkhunhxykcasrangepluxkihmikhnadihykhun aelatwhxycayayxxkmaxyuinhxngnxksud epluxkhxyngwngchanghnaaelaaekhngaerng epluxkdannxkmilayepnesnsinatalbnphunkhaw daninepnsimuk emuxwdesnphansunyklangcakkhxbepluxkthikwangthisudbangtwxacyawthung 30 esntiemtr cdepnhxythimikhnadihycaphwkhnung 4 praoychnaelakhwamsmphnthkbmnusy aekikh epluxkhxysngkhrdnainxinediythiphankaraekaslkaelaeciyrainmaaelw ichinnganphithitang mnusyichpraoychnaelaphukphnkbepluxkhxymatngaetyukhobran mihlkthanthangobrankhdiwa mnusyidichepluxkhxymathaepnekhruxngpradbtang matngaetyukhkxnprawtisastr hruxaemaetbdthaepnpunephuxkarkxsrang cnekidepnkhwamechuxaelapkrnmtang echn ethphpkrnmkrikechuxwa ethphixaofridtkaenidmacakepluxkhxyhruxfxngna 5 chawhinduechuxwa hxysngkhinphrakrkhxngphrawisnuepnsylksnkhxngkhwamepnsirimngkhl cungniymichinnganphithiaelapraephnitang macnthungpccubn odyechphaaxyangyinghxysngkhtwthiewiynkhwathihaidyak 6 innithanphunbankhxngekaachwaaelachawithymieruxng tharkthiekidmainepluxkhxysngkhsithxng epntn 7 nxkcakniaelw inyukhthiyngimmiengininrupaebbkhxngehriyy hruxthnbtrichechninpccubn epluxkhxybangchnid echn hxyebiy kepnsingichaethnengin cnekidkhxsnnisthanwa khawa ebiy inphasaithy thihmaythung engintra ephiynmacakkhawa rupiya hrux rupi xnepnskulenginthiichkninxinediytngaetyukhphuththkalcnthungpccubn aelayngichthaepnekhruxngrangthangisysastrxikdwy 8 epluxkhxynangrm epluxkhxyphimphkarng epluxkhxytaww epluxkhxycubaecng epluxkhxymuk aelaepluxkhxysngkhhnam 9 nxkcakniaelw epluxkhxyyngichthaepnekhruxngpradbtkaetngbanephuxkhwamswyngam aelaekbsasm bangchin bangchnid banglksnathihayak echn epluxkhxyebiythimilksnakhxngepluxkswnplaykhanghnungokhngngxehmuxnngwngchang eriykwa orthsetth mikartngmulkhaiwsungthung 25 lanbath nbepnepluxkhxythimimulkhasungthisudinolk aelalksnathiswyngamtang khxngepluxkhxyyngepntnaebbhruxaerngbndalicinkarxxkaebbphlitphnthtang khxngmnusyxikcanwnmakmay 8 xangxing aekikh epluxkhxykhuxxair thaimmihlaysi khwamlbitepluxkhxy raykarnksarwc thangchxng 3 xathitythi 30 singhakhm 2552 epluxkhxyaelasisn khmchdluk 8 December 2014 subkhnemux 8 December 2014 epluxkhxy cakrachbnthitysthan BOTTICELLI Sandro hxysngkhewiynkhwa khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2012 12 07 subkhnemux 2012 04 11 cxm pthmkhnthin aefnhxyphnthuaeth nnthburi sankphimphchbaengin 2555 185 hna hna 108 ISBN 978 616904682 0 8 0 8 1 khxlmn Aqua Pets ody cxm smhwng pthmkhnthin sudyxdaefnphnthuaethepluxkhxy 2 smy hna 107 nitysar Aquarium Biz Vo 1 issue 6 chbbeduxnthnwakhm 2010 epluxkhxyaekhrng eruxngnaru khxlmn hna 28 ekstr edliniwschbbthi 23 129 pracawnsukrthi 8 kumphaphnth ph s 2556 aerm 13 kha eduxn 2 pimaorngaehlngkhxmulxun aekikhkhxmmxns miphaphaelasuxekiywkb epluxkhxyrupthayepluxkhxy smakhmsngkhwithyaxemrika Archived 2012 04 08 thi ewyaebkaemchchin hxynacud rupthayphiphithphnthepluxkhxy krungethph ekhathungcak https th wikipedia org w index php title epluxkhxy amp oldid 9605425, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม