เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส | |
---|---|
ผู้ผลิต: | เมอร์เซเดส-เบนซ์ |
ปี: | พ.ศ. 2494 - ปัจจุบัน |
ประเภท: | รถยนต์นั่งประเภทหรูหราขนาดใหญ่ (Full-size Luxury Car) |
ลักษณะ: | ซีดาน 4 ประตู คูเป้ 2 ประตู |
เครื่องยนต์: | 2.2-6.2 ลิตร I4, I5, I6, V6, V8, V12 |
รุ่นก่อนหน้า: | เมอร์เซเดส-เบนซ์ W187 |
รุ่นต่อไป: | ยังไม่มี |
รุ่นที่ใกล้เคียง: | เอาดี้ เอ8 เล็กซัส แอลเอส อินฟินิที คิว45 บีเอ็มดับเบิลยู 7 ซีรีส์ ลินคอล์น คอนติเนนทัล ลินคอล์น ทาวน์ คาร์ จากัวร์ เอ็กซ์เจ มาเซราตี ควอตโตรปอร์เต โตโยต้า คราวน์ มาเจสตา นิสสัน ซิมา |
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส (Mercedes-Benz S-Class) เป็นรถซีดาน ที่ใหญ่ที่สุด ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ผลิต และเป็นรถธง ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ด้วย โดยเริ่มการผลิตเมื่อ พ.ศ. 2494 จนถึงปัจจุบัน เป็นรถซีดานระดับหรูหราที่ขายดีที่สุดในโลก วิวัฒนาการแบ่งตามช่วงเวลาได้ดังนี้
W187 (พ.ศ. 2494-2498)
โฉมนี้ ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 2200 ซีซี รูปทรงรถคล้ายคลึงกับ W136 ของ อี-คลาส แต่ไฟหน้าของ W187 จะติดตั้งลงไปในแผ่นบังโคลน ส่วน W136 จะเป็นไฟที่แยกไว้ต่างหาก ตัวถังมี 3 แบบ คือ ซีดาน คูเป้ และเปิดประทุน
W180 และ W128 (พ.ศ. 2497-2503)
W180 ผลิตระหว่าง พ.ศ. 2497 - พ.ศ. 2502 เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ 2195 ซีซี ซึ่งถือว่ามากในยุคนั้น โฉมนี้ใช้โค้ดหลังรถว่า 220a กับ 220S ใช้เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ขายในราคาระหว่าง 4,175 - 7,138 ดอลลาร์สหรัฐ (แล้วแต่รุ่น) ซึ่งเทียบเท่า 1.1 - 1.9 ล้านบาทในปัจจุบัน โฉมนี้ มีชื่อเล่นว่า "Ponton" ซึ่งในช่วงของ W180 ได้มีรถแฝดออกมา ซึ่งจะมีรายละเอียดโดยรวมคล้ายกัน แต่จะมีความต่างเล็กน้อย คือ W128
W128 ผลิตระหว่าง พ.ศ. 2501 - พ.ศ. 2503 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 2195 ซีซี ใช้โค้ดหลังรถ 220SE กับ 220SEb เกียร์ธรรมดา 4 สปีด โดยโฉมนี้ มีชื่อเล่นว่า "Ponton" เช่นกัน ซึ่งคำว่า Ponton มาจากคำว่า Pontoon ในภาษาเยอรมนี แปลว่า เรือท้องแบน
W111 และ W112 (พ.ศ. 2502-2514)
W111 ผลิตระหว่าง พ.ศ. 2502 – พ.ศ. 2514 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ ใช้โค้ดหลังรถ 220b หรือ 220Sb หรือ 220SEb โดย W111 นี้ มีชื่อเล่นว่า "Fintail"
W112 ผลิตระหว่าง พ.ศ. 2504 – พ.ศ. 2510 ซึ่งซ้อนทับกับช่วงเวลาของ W111 พอดี เนื่องจากเป็นรถที่รูปลักษณ์ภายนอกคลายกัน และจัดว่าเป็นโฉมเดียวกัน แต่จะเป็นรุ่นที่หรูหรากว่า W111 ใช้โค้ดหลังรถว่า 300SE หรือ 300SEL โดย W112 นี้ มีชื่อเล่นว่า Fintail เช่นกัน ซึ่งแปลว่ามี Tailfins หรือ "ครีบหลัง" อยู่บนกระโปรงหลังรถทั้ง 2 ข้าง
W108 (พ.ศ. 2508-2515)
โฉมนี้ ใช้โค้ดหลังรถว่า 250S หรือ 250SE หรือ 300SEb หรือ 280S หรือ 280SE หรือ 280SEL
W116 (พ.ศ. 2515-2523)
โฉมนี้ มีการใช้ระบบแอนตี้ล็อกเบรก (ABS) เป็นครั้งแรกและระบบถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับ(Airbag) เป็นครั้งแรกเช่นกันในรุ่น 450SEL 6.9 ซึ่งเป็นเรือธงของโฉมนี้ นอกจากนี้ W116 ยังได้รับรางวัลชนะเลิศรถยนต์ยุโรปยอดเยี่ยมแห่งปี (European Car of the Year) ประจำปี พ.ศ. 2517
W116 เป็นโฉมแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ตั้งชื่อว่า S-Class (โฉมก่อนหน้านี้จะเรียกกันว่า Ponton และ Fintail หรือเรียกรหัสโฉม (W108) แต่ไม่ได้ใช้ชื่อ S-Class อย่างเป็นทางการ) ซึ่งย่อมาจาก "Special Class"
W126 (พ.ศ. 2522-2535)
โฉมนี้ โฉมที่สองที่มีเทคโนโลยีถุงลมนิรภัย, เข็มขัดนิรภัย และ ระบบเบรก ABS เป็นโฉมที่มีการผลิตนานที่สุดในกลุ่ม S-Class ทั้งหมด แต่ก็มีกระแสตอบรับในแง่ลบออกมาบ้าง เพราะในช่วงโฉมนี้เกิดวิกฤติน้ำมันแพงขึ้นรอบหนึ่งซึ่งทำให้มีการกำหนดสเปกขึ้นมาต่างหากสำหรับกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกาหรือที่เรียกกันว่า SPEC U.S. ที่มีรายละเอียดต่างจากสเปกทั่วไป ทั้งด้านรูปลักษณ์และข้อมูลทางเทคนิค
ถึงกระนั้น W126 ก็ยังกวาดรางวัลได้มากมาย เช่นรางวัล "รถยนต์ปลอดภัยยอดเยี่ยมแห่งปี" จากสถาบันข้อมูลความเสียหายบนทางหลวง, ติดอันดับตารางรถที่ได้รับคะแนนพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้าอันดับ 1, รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 1981 จากนิตยสาร Wheels Magazine
W140 (พ.ศ. 2534-2542)
โฉมนี้ เมอร์เซเดสมีคู่แข่งสำคัญรายใหม่ คือ เล็กซัส แอลเอส (Lexus LS)
W140 เป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา โฉมถัดจากนี้เป็นต้นไปจะคงเหลือแต่เกียร์อัตโนมัติเท่านั้น
W140 รุ่น S280 เป็นรถยนต์ที่เจ้าหญิงไดอาน่าแห่งเวลส์ ทรงประสบอุบัติเหตุสิ้นพระชนม์ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อันเนื่องมาจาก การที่พระองค์ทรงพยายามเสด็จหลบหนีกลุ่มช่างภาพอิสระ (ปาปารัสซี่) ซึ่งพยายามสะกดรอยตามพระองค์ขณะทรงประทับอยู่ที่ปารีส นายอองรี ปอล ซึ่งเป็นคนขับรถ พยายามเร่งความเร็วเพื่อหลบหนีจากการติดตาม จนเมื่อถึงอุโมงค์ พอยต์ เดอ อัลมา ซึ่งมีความลาดชันสูง รถได้ไหลลงและมีความเร็วสูงขึ้น และเมื่อถึงทางโค้ง รถพุ่งชนแผงเหล็กกั้นอุโมงค์ และเสียหลักหมุนไปชนแผงกั้นอุโมงค์อีกฝั่งหนึ่ง หม้อน้ำระเบิดอย่างรุนแรง คนขับรถและพระสหายรวม 2 คน เสียชีวิตทันที ส่วนเจ้าหญิงและองครักษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา ส่วนองครักษ์ แพทย์สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
W220 (พ.ศ. 2542-2549)
โฉมนี้มีขนาดภายนอกที่ดูเล็กกว่า แต่ภายในได้รับการออกแบบให้ดูโอ่โถงกว้างขวางกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด และยกเลิกการผลิตเกียร์ธรรมดา คงเหลือไว้แต่เกียร์อัตโนมัติ
W220 ได้รับรางวัล รถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม จากคณะกรรมการเทคโนโลยีแห่งเยอรมนี ,รางวัลการบุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ๆ จาก Popular Science ,รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ. 2542 จากนิตยสาร Wheels Magazine
นอกจากนี้ เอส-คลาส W220 เคยได้เป็นรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จนถึงปี 2553 ก่อนจะเปลี่ยนเป็น เรนจ์ โรเวอร์ รุ่นที่ 3
W221 (พ.ศ. 2548-2556)
โฉมนี้ ใหญ่กว่า W220 เล็กน้อย เป็นโฉมที่ใช้เกียร์ 7สปีดและ5สปีด เครื่องยนต์มีให้เลือกคือ 2.1,3.0,4.0 ดีเซล และ3.5,4.6,4.7,5.5 V8,5.5 V12,6.2AMGและ6.0 AMG
W221 ได้รับรางวัล รถยนต์ปลอดภัยเป็นเลิศ จาก นิตยสาร Popular Mechanics ,รางวัลการออบแบบยอดเยี่ยมจากนิยสาร Wheels Magazine ,รางวัลรถยนต์หรูหรายอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2007 จากนิตยสาร What Car? ,รางวัลรถยนต์หรูหรายอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ. 2550 จาก Fleet News
ในประเทศไทย รถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ เอส 500 LWB W221 Pre-Facelift ถูกใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โดยใช้เลขทะเบียน 1ด-3905 และ 1ด-9410 กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ นอกจากนั้น รถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ เอส 500 LWB W221 Facelift ยังถูกใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยใช้เลขทะเบียน 1ด-6905 กรุงเทพมหานคร อีกด้วย
W222 (พ.ศ. 2556 - 2563)
Mercedes-Benz S-class W222 ต้นแบบถูกออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวเกาหลีใต้ เปิดตัวครั้งแรกในฮัมบวร์คประเทศเยอรมัน ในไทยเปิดตัวครั้งแรกเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน CBU ในรุ่น S400 Hybrid ซึ่งเป็นเบนซินไฮบริดปรกติ ราคา 11.4 ล้าน ก่อนจะเปิดตัว S300 BLUETEC-HYBRID ซึ่งเป็นดีเซลไฮบริด รุ่นแรกของไทย ประกอบในประเทศCKD ตามมาราคา 6.2 ล้าน ต่อมาได้เปิดตัว S500e พร้อมเปลี่ยนขุมพลังขับเคลื่อนเป็น Plug-in Hybrid เครื่องยนต์ 3.0L เบนซินเทอร์โบคู่ปลั๊กอินไฮบริด ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้าน ก่อนจะเปิดตัวไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกในไทยตามที่เปิดตัวในตลาดจีน โดยเปิดตัว S350d เครื่องดีเซลก่อน และได้เปิดตัว S560e รุ่น Plug-in Hybrid ตามมาทีหลัง
เป็นครั้งแรกในโลกที่ S-class ใช้ช่วงล่างแบบปรับได้จากภายในรถ สร้างบนพื้นฐานของช่วงล่างแบบถุงลม ปรับความหนืดของช็อคอัพด้วยไฟฟ้า ร่วมกับพวงมาลัยแบบแปรผันน้ำหนักที่เลือกปรับระดับได้โดยผู้ขับขี่
ได้รางวัล World car of the year 2014 ประเภท Luxury car จาก WCA
ในประเทศไทย รถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ เอส 500 LWB W222 ถูกใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โดยใช้เลขทะเบียน 1ด-7905 และ 1ด-3907 กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ
W223 (พ.ศ. 2563 - ปัจจุบัน)
Mercedes-Benz S-class W223 Mercedes-Benz นับถอยหลังเปิดตัวยนตรกรรมระดับเรือธงโฉมใหม่ล่าสุดอย่าง All-New S-Class ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 กันยายนนี้ โดยล่าสุดได้เผยภาพของภายในห้องโดยสารพร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ ที่ยกระดับความหรูหรา และความล้ำสมัยที่มากขึ้นกว่าเดิม ในไทยเปิดตัวครั้งแรกเป็นรุ่นประกอบในประเทศCKD ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2564 นี้
ล่าสุด ได้เปิดตัว 2 รุ่นที่ผลิตในประเทศไทยแล้ว
- S 350 d Exclusive 6,690,000 บาท
- S 350 d AMG Premium 7,190,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ข้อมูล เอส-คลาส W221 จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย