เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก
เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก (HMHS Britannic) คือชื่อเรือเดินสมุทรของบริษัทไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1911 สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1915 ที่เบลฟาสท์, ไอร์แลนด์ (Belfast, Ireland) เรือบริแทนนิก เป็น เรือลำสุดท้ายของโครงการ และ เป็น เรือที่ใหญ่ที่สุดใน เรือตระกูลโอลิมปิก (Olympic class ships)
เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก | |
ประวัติ (อังกฤษ) | |
---|---|
ชื่อเรือ: | อาร์เอ็มเอส บริแทนนิก |
เจ้าของ: | บริษัทไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) |
ต่อขึ้นที่: | อู่ต่อเรือ ฮาร์แลนด์ แอนด์ วูลฟฟ์ ในควีนส์ ไอแลนด์ เมืองเบลฟัสต์ ไอร์แลนด์เหนือ ประเทศอังกฤษ |
วางกระดูกงู: | 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1911 |
ปล่อยลงน้ำ: | 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1914 |
พิธีตั้งชื่อเรือ: | ไม่มี |
สร้างเสร็จ: | 8 ธันวาคม ค.ศ. 1915 |
เรือพยาบาล บริแทนนิก | |
ประวัติ (ราชนาวีอังกฤษ) | |
ชื่อเรือ: | เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก |
เจ้าของ: | บริษัทไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) |
ผู้ดำเนินการ: | ราชนาวีอังกฤษ (Royal Navy) |
ประจำการ: | ถูกเปลี่ยนจากเรือเดินสมุทรเป็นเรือพยาบาล ตอน 23 ธันวาคม ค.ศ. 1915 |
จุดจบ: | จมลงในทะเลอีเจียน เนื่องจากโดนทุ่นระเบิดที่เรือดำน้ำฝ่ายเยอรมันวางเอาไว้โดยบังเอิญ วันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 เวลา 8.12 AM. - 9.07 AM. ตามเวลาท้องถิ่น |
สถานะ: | อัปปาง |
ลักษณะเฉพาะ | |
ชั้น: | ตระกูลโอลิมปิก |
ขนาด (ตัน): | 48,158 ตันเนจ |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 53,000 ตัน |
ความยาว: | 882 ft 9 in (269.1 m) |
ความกว้าง: | 94 ft (29 m) |
กินน้ำลึก: | 34 ft 7 in (10.5 m) |
เครื่องยนต์: | ชั้นห้องเครื่องมี 16 ห้อง หม้อน้ำรวม 29 ชุด ส่งเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ 3 ตัว เครื่องยนต์ 3 ตัว ให้กำลัง 50,000 แรงม้า |
ใบจักร: | ใบจักร 3 ใบ |
ความเร็ว: |
|
ความจุ: | ผู้โดยสาร 675 คน สำหรับ เรือพยาบาล ผู้บาดเจ็บ 3,300 คน, แพทย์พนักงาน 489 คน สำหรับ เรือพยาบาล |
ลูกเรือ: | 860 คน |
ลักษณะเฉพาะของเรือ
เรือบริแทนนิก มีขนาดใหญ่ถึง 48,158 ตัน (เรือไททานิก มีขนาด 46,328 ตัน) ยาว 269.1 เมตร ชั้นห้องเครื่องมี 16 ห้อง หม้อน้ำรวม 29 ชุด ส่งเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ 3 ตัว เครื่องยนต์ 3 ตัว หมุนใบจักร 3 ใบ มีปล่องไฟ 4 ตัว เร่งความเร็วเรือได้สูงสุด 23 น็อต (42.596 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความเร็วมาตรฐาน 21 น็อต (38.892 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) สามารถจุผู้โดยสารได้ 2,570 คน
ลักษณะทั่วไปอื่น ๆ
- ปล่องไฟ: 4 ปล่อง ติดหวูดไอน้ำทุกปล่อง ใช้เส้นเคเบิลตรึงปล่องละ 12 เส้น โดยแต่ละปล่องทำมุม 3.27 องศาจากแนวตั้งฉาก ใช้งานจริง 3 ปล่องแรก ปล่องสุดท้ายให้ระบายอากาศและทำให้ดูสมดุล
- การทาสี: ปลายปล่องไฟทาสีดำ ตัวปล่องทาสีเหลืองอ่อนเนื้อลูกวัว (ทาสีเหลืองธรรมดาทั้งปล่อง) ซุเปอร์สตรัคเจอร์ทาสีขาวงาช้าง ตัวเรือทำสีดำ โดยมีแถบสีทองคาดกลางระหว่างตัวเรือและซุเปอร์สตัคเจอร์ตลอดความยาวเรือ ท้องเรือใต้แนวน้ำทางสีแดง ใบจักรสีทองบรอนซ์
- หัวเรือ: ออกแบบให้มีที่ตัดน้ำแข็งทางหัวเรือ โดยมี สมอเรือ 2 ตัว ปั่นจั่น 1 ตัว เสากระโดงเรือ 1 ต้องและช่องขนสินค้า
- ท้ายเรือ: หางเสือ 1 ตัว, สะพานเทียบเรือ, ปั้นจั่นยกสินค้า 2 ตัว
- ประเภทวัสดุสร้างเรือ: เฟรม ทำจาก เหล็ก, โครงสร้างภายใน ทำจาก ไม้, เปลือกเรือภายในและภายนอก ทำจาก เหล็กกล้า พื้นดาดฟ้าเรือ ปูด้วย ไม้สัก ปล่องไฟ ทำจาก เหล็กกล้า, เสากระโดงเรือ ทำจาก ไม้สนสพรูซ (spruce) ท้องเรือ 2 ชั้น มีปีก stabilizer และมีเข็มทิศขนาดใหญ่บนดาดฟ้าชั้น Sun Deck ระหว่างปล่องไฟหมายเลข 2 และ 3
- ดาดฟ้า: 10 ชั้น; 7 ชั้นสำหรับผู้โดยสาร, 3 ชั้นสำหรับลูกเรือ โดยมี Sun deck, Boat (ชั้น เอ), Promenade (ชั้น บี), decks ซี-จี, ชั้นท้องเรืออีก 2 ชั้น (เป็นพื้นที่สำหรับหม้อน้ำ, เชื้อเพลิง, เครื่องยนต์, ห้องผนึกน้ำ, ประตูกั้นน้ำ หรือพื้นทีสำหรับเพลาใบจักร เป็นต้น)
- ตำแหน่งห้องวิทยุสื่อสาร: ชั้นเรือบด กราบซ้าย ถัดจากห้องสะพานเดินเรือ
- ตะเกียงส่งสัญญาณ: 2 ดวง ติดตั้งทั้งกราบซ้ายและขวา บริเวณปีกสะพานเดินเรือชั้นเรือบด
- สมอเรือ: 2 ตัว ตำแหน่งกราบซ้ายและขวาหัวเรือ หนัก 27 ตัน/ตัว
- ปั้นจั่นไฟฟ้า: 9 ตัว โดยมี 1 ตัว ที่หัวเรือสำหรับสมอเรือ; 2 ตัว บนชั้น ซี ด้านหน้าของซุเปอร์สตรัคเจอร์ ใกล้กับช่องสินค้า (Well deck); 2 ตัว บนชั้น บี ค่อนไปทางท้ายเรือ; 2 ตัว บนชั้น ซี ด้านหลังของซุเปอร์สตรัคเจอร์ ใกล้กับช่องสินค้า (Well deck)
- โกดังสินค้า: 9 แห่ง (ห้องมาตรฐาน 6 ห้อง ห้องแช่แข็ง 2 ห้อง และห้องไปรษณีย์ 1 ห้อง)
- ลิฟต์สินค้า: 2 ตัว (ตัวแรกจากชั้น เอ ไป ชั้น ดี ตัวที่สอง จากชั้น ดี ไปชั้น จี และลงท้องเรือโดยบันได)
- ฝากั้นน้ำ: 15 แนวแบ่งเป็น 16 ห้อง พร้อมประตูประตูผนึกน้ำทำงานด้วยไฟฟ้า
- ความจุผู้โดยสาร: แบบพักเดี่ยว 1,324 คน (ชั้นหนึ่ง 329 คน ชั้นสอง 285 คน และชั้นสาม จำนวน 710 คน) และสามารถปรับเปลี่ยนเป็นพักแบบคู่ในบางห้องได้เป็น 2,435 คน ( ชั้นหนึ่ง 735 คน, ชั้นสอง 674 คน และชั้นสาม 1,026 คน )
- ความจูสูงสุด: 3,547 คน
- เสื้อชูชีพ: 3,560 ชุด
- ห่วงชูชีพ: 49 ห่วง
- ลูกเรือ: 899 คน
สาเหตุการสร้างเรือบริแทนนิก
ประวัติ
เรือบริแทนนิกถูก ปล่อยลงน้ำเป็นครั้งแรก ใน วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1914 ตกแต่งเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1915
เรือบริแทนนิกเป็นเรือคู่แฝดกับ อาร์เอ็มเอส โอลิมปิก และ อาร์เอ็มเอส ไททานิก
ตอนแรกจะใช้ชื่อ อาร์เอ็มเอส ไจแกนติก หรือ อาร์เอ็มเอส ไกแกนติก (RMS Gigantic) แต่ว่า มันสร้างเสร็จใน ค.ศ. 1914 ภายหลังการล่มของไททานิก ส่งผลให้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น อาร์เอ็มเอส บริแทนนิก (RMS Britannic) โดยคาดว่าจะใช้รับส่งผู้โดยสารเพื่อข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ก็เป็นแค่ความฝันเพราะตรงกับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี ส่งผลให้ใน ค.ศ. 1915 มันถูกเปลี่ยนจากเรือสำราญเป็นเรือพยาบาล รับ-ส่ง ทหารในต่างแดนในคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน แทน และเปลี่ยนชื่อเป็น เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก (HMHS Britannic) HMHS ย่อจาก His/Her Majesty's Hospital Ship (เรือพยาบาล) โดยได้มีการวางแผนไว้ว่าเมื่อหมดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว เรือจะถูกส่งคืนให้กับสายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์เช่นเดิม
แม้บริแทนนิกจะใหญ่กว่าไททานิกกว่า 1,800 ตัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เรือบริแทนนิกได้กลายเป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะสายการเดินเรือฮาเป็ก (Hapag หรือ Hamburg Amerika Line) จากเยอรมนี ได้สร้างเรือ SS Imperator (RMS Berengaria ของสายการเดินเรือคูนาร์ด) ที่ใหญ่กว่าบริแทนนิกและเสร็จก่อนบริแทนนิก
เรือ เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก นั้นได้ทำภารกิจการเดินทางสำเร็จเพียงแค่ 5 ครั้ง โดยระหว่างการเดินทางครั้งที่ 6 นั้น เรือได้ชนกับทุ่นระเบิดใต้น้ำขณะกำลังเดินทางไปรับทหารที่บาดเจ็บแถวหมู่เกาะของประเทศกรีซพอดี จึงส่งผลให้เรือเสียหายอย่างหนักและจมลงในเวลาเพียง 55 นาทีเท่านั้น แตกต่างจากไททานิกที่ใช้เวลาจมนานถึง 2 ชั่วโมง 40 นาที เนื่องมาจากรูที่เกิดจากการระเบิดของทุ่นใต้น้ำนั้นมีการขยายใหญ่ขึ้นขนาดเรือจมลง เพราะขณะที่น้าเข้าเรือ เรือยังคงพยายามที่จะแล่นไปยังหมู่เกาะที่ใกล้ที่สุดนั่นเอง โดยไทม์ไลน์การจมของเรือมีดังนี้
08:12 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 เรือ เอ็ชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก ได้ชนกับทุ่นระเบิดใต้น้ำที่เรือดำน้ำฝ่ายเยอรมันวางไว้พอดี เรือเกิดอาการสั่นไหวค่อนข้างแรง ซึ่งส่งผลให้สายรับข้อความบนเรือบางส่วนขาด ทำให้เรือบริแทนนิกไม่สามารถรับข้อความตอบกลับจากเรือลำอื่นได้ แต่ยังสามารถส่งข้อความช่วยเหลือออกได้
08:25 น. ลูกเรือเริ่มปล่อยเรือชูชีพพร้อมพยาบาลลงน้ำ โดยภาพรวมนั้น ดำเนินการไปได้อย่างเรียบร้อยเนื่องจากพยาบาลมีการฝึกมาอย่างดี แตกต่างจากไททานิกและลูซิเทเนียที่เต็มไปด้วยความโกลาหล
08:30 น. มีเรือชูชีพลำแรกถูกใบจักรฟันเสียหาย เพราะในช่วงเวลาที่ลูกเรือเริ่มปล่อยเรือชูชีพลงน้ำ มีเรือชูชีพบางลำฝ่าฝืนคำสั่งของลูกเรือในเรื่องจังหวะการปล่อยเรือ ทำให้ถูกใบจักรเรือที่ยังไม่หยุดหมุนเฉี่ยวและฟันจนถึงแก่ความตาย
08:35 น. ใบจักรของเรือหยุดหมุน และเรือได้รับคำสั่งให้หยุด เนื่องจากกัปตันเล็งเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่เรือจะสามารถเดินทางไปยังเกาะใกล้เคียงได้ทันเวลา และได้ประกาศคำสั่งสุดท้ายบนเรือบริแทนนิก นั่นคือ "ทิ้งเรือ"
08:40 น. เรือได้หยุดนิ่งที่จุดสุดท้ายก่อนจมหายไปทั้งลำ เพราะแรงเฉื่อยของเรือที่อยู่ในน้ำนั้นหมดแล้ว
08:45 น. ป้ายชื่อด้านหน้าเรือเริ่มถูกน้ำกลืนหายไป ในขณะนี้ หัวเรือที่เป็นส่วนที่เอาไว้รับสินค้าเข้าเรือ อยู่ห่างจากระดับผิวน้ำเพียง 2 เมตร
08:55 น. น้ำเริ่มท่วมช่วงหัวเรือ ทำให้เรือเริ่มจมเร็วขึ้นเรื่อยๆ
09:01 น. น้ำเริ่มท่วมชั้นดาดฟ้าเรือ ส่งผลให้เรือเอียงไปทางขวาอย่างหนัก กัปตันผู้ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ยังอยู่บนเรือ เดินออกมาจากสะพานเรือที่น้ำท่วมแล้ว ลงเรือชูชีพต่อไป
09:05 น. ช่วง 2 นาทีสุดท้ายของเรือ เรือได้เอียงไปทางกราบขวาอย่างหนัก จนตะแคงข้าง ปล่องไฟเมื่อมีน้ำเข้าไปอัดในฐานจึงล้มลงมาทั้งหมด ก่อนที่หัวเรือจะชนกับก้นทะเล ซึ่งบริเวณนั้นมีความลึกเพียง 400 ฟุต (122 เมตร) เท่านั้น
09:07 น. เรือทั้งลำได้จมลงสู่ทะเลอีเจียนแถวหมู่เกาะประเทศกรีซ ใกล้เกาะคีย์ (Kea Island) มีผู้เสียชีวิตเพียง 30 คน เนื่องจากว่าพยาบาลและลูกเรือได้มีการซักซ้อมมาอย่างดี รวมเป็นเวลา 55 นาทีนับตั้งแต่ที่เรือชนกับทุ่นระเบิดใต้น้ำ
อ้างอิง
- ↑ Britannic's data
- ↑ The Great Ocean Liners: Britannic
- ↑ Hospital Ship Britannic: History
- ↑ Hospital Ship Britannic: Hospital Ship
- Hospital Ship Britannic: Disaster
แหล่งข้อมูลอื่น
- ศูนย์รวมรูปภาพของเรือบริแทนนิก (ภาษาอังกฤษ)
- Britannic at PBS Lost Liners
- NOVA Online-Titanic's Lost Sister
- Britannic Foundation