ฟุตบอลโลก 2026

ฟุตบอลโลก 2026 (อังกฤษ: 2026 FIFA World Cup) เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกครั้งที่ 23 ซึ่งเป็นการแข่งขันชิงแชมป์โลกระหว่างทีมชาติที่เป็นสมาชิกของฟีฟ่า การแข่งขันจัดขึ้นใน 16 เมืองของแคนาดา เม็กซิโกและสหรัฐ แบ่งเป็น 80 นัด โดยสหรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทั้งหมด 60 นัด รวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ส่วนแคนาดาและเม็กซิโกจะจัดการแข่งขันประเทศละ 10 นัด ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพถึง 3 ประเทศ

ฟุตบอลโลก 2026

FIFA World Cup United 2026 Copa Mundial de la FIFA Unidos 2026 Coupe du Monde de la FIFA - Unis 2026
ตราสัญลักษณ์ฟุตบอลโลก 2026
รายละเอียดการแข่งขัน
ประเทศเจ้าภาพ	แคนาดา เม็กซิโก สหรัฐ
ทีม	48 (จาก 6 สมาพันธ์)
สถานที่	16 (ใน 16 เมืองเจ้าภาพ)
← 2022 2030 →

การเสนอตัวของสหรัฐชนะการเสนอตัวของโมร็อกโกระหว่างการพิจารณาครั้งสุดท้ายของฟีฟ่าในมอสโก ทำให้นี้เป็นการมีเจ้าภาพหลายประเทศเป็นครั้งแรกหลังฟุตบอลโลก 2002 เม็กซิโกเคยเป็นเจ้าภาพในฟุตบอลโลก 1970 และฟุตบอลโลก 1986 ดังนั้นการร่วมเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ทำให้เม็กซิโกเป็นประเทศแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพถึง 3 ครั้งในฐานะเจ้าภาพเดี่ยวและเจ้าภาพร่วม

นอกจากนี้ฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นครั้งแรกที่เพิ่มจำนวนทีมจาก 32 เป็น 48 ทีม

รูปแบบ

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2558 มีแชล ปลาตีนี ซึ่งในขณะนั้นเป็นประธานยูฟ่า ได้เสนอให้เพิ่มจำนวนทีมในการแข่งขันเป็น 40 ทีม ซึ่งในเดือนมีนาคม 2559 จันนี อินฟันตีโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศคนปัจจุบันก็ได้เห็นด้วยกับข้อเสนอ และในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ได้ประกาศความประสงค์ที่จะเพิ่มทีม โดยพิจารณาจาก 4 ตัวเลือกดังนี้:

• เพิ่มเป็น 40 ทีม (แบ่งเป็น 5 ทีม 8 กลุ่ม) – 88 นัด
• เพิ่มเป็น 40 ทีม (แบ่งเป็น 4 ทีม 10 กลุ่ม) – 76 นัด
• เพิ่มเป็น 48 ทีม (เปิดรอบเพลย์ออฟ 32 ทีม) – 80 นัด
• เพิ่มเป็น 48 ทีม (แบ่งเป็น 3 ทีม 16 กลุ่ม) – 80 นัด

เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560 สภาฟีฟ่าได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ขยายเพิ่มเป็น 48 ทีม

การแข่งขันจะเริ่มแบบ 3 ทีม 16 กลุ่ม จากนั้นสองทีมที่ดีที่สุดของแต่ละกลุ่มจะไปเล่นรอบ 32 ทีมสุดท้ายแบบแพ้คัดออก จำนวนเกมส์การแข่งขันจะเพิ่มจาก 64 เป็น 80 นัด แต่เกมส์รอบสุดท้าย (รอบก่อนรองชนะเลิศ รองชนะเลิศ ชิงอันดับสาม และชิงชนะเลิศ) จะยังเป็น 7 นัดเหมือนเดิม และจะจัดการแข่งขันทั้งหมด 32 วันเช่นเดิม

สมาคมสโมสรฟุตบอลยุโรปและสมาชิกไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มจำนวนทีมเนื่องจากรับไม่ได้กับจำนวนเกมส์และกระตุ้นให้มีการพิจารณาใหม่ในการเพิ่มทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย พวกเขายังแย้งอีกว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจด้วยเหตุผลทางกีฬาแต่เป็นการตัดสินใจด้วยเหตุผลทางการเมืองเพราะอินฟันตีโนพยายามทำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงพอใจ จาวี ทาบัส ประธานของสันนิบาตฟุตบอลอาชีพแห่งชาติสเปนยอมรับว่าไม่เห็นด้วยกับกำหนดการใหม่นี้ เขากล่าวกับหนังสือพิมพ์มาร์กาว่าอุตสาหกรรมฟุตบอลจะขอบคุณสโมสรและลีก ไม่ใช่ฟีฟ่าและอินฟันตีโนเล่นการเมืองเพราะเขาสัญญาว่าจะเพิ่มทีมหากถูกเลือก ดังนั้นเขาจึงรักษาคำพูดที่พูดเอาไว้ โยอาคิม เลิฟ โค้ชทีมชาติเยอรมันได้กล่าวเตือนว่าการเพิ่มทีมเหมือนที่เพิ่มในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 นั้นจะลดคุณค่าของการแข่งขันระดับโลกลงเนื่องจากผู้เล่นถึงขีดจำกัดทางร่างกายและจิตใจแล้ว มีการวิจารณ์ว่ารูปแบบกลุ่มละ 3 ทีมจะทำให้มีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างสองทีมในรอบสุดท้ายจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่ม 4 ทีม ทำให้ประธานจันนี อินฟันตีโนเสนอคำแนะนำคือรอบแบ่งกลุ่มที่จบด้วยผลเสมอจะถูกตัดสินโดยการยิงลูกโทษ

โควตา

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560 สำนักงานของสภาฟีฟ่า (ประกอบด้วยประธานฟีฟ่าและประธานแต่ละสมาพันธ์) เสนอโควต้าตัวแทนจากแต่ละทวีปที่จะได้เล่นในฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งข้อเสนอแนะนี้ได้ยื่นขอให้สภาฟีฟ่าอนุมัติ

ในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 สองวันก่อนการการประชุมฟีฟ่าคองเกรสครั้งที่ 67 สภาฟีฟ่าได้อนุมัติการแบ่งโควตาในมานามา ประเทศบาห์เรน รวมถึงการแข่งขันรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป 6 ทีมเพื่อหาทีมไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ทีมด้วย

สมาพันธ์	สมาชิกฟีฟ่า	โควตาฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (รวมเจ้าภาพ)	เปอร์เซ็นต์ของสมาชิก ที่ผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย	โควตาก่อน ฟุตบอลโลก 2026 (ไม่รวมเจ้าภาพ)
เอเอฟซี	46	8	17%	4.5
ซีเอเอฟ	54	9	17%	5
คอนคาแคฟ	35	6	17%	3.5
คอนเมบอล	10	6	60%	4.5
โอเอฟซี	11	1	9%	0.5
ยูฟ่า	55	16	29%	13
เพลย์ออฟ	6	2	33%	–
รวม	211	48	23%	31 (+ เจ้าภาพ)

เพลย์ออฟ

การแข่งขันเพลย์ออฟจะเป็นการแข่งขันระหว่าง 6 ทีมเพื่อหา 2 ทีมที่ดีที่สุดไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย, 6 ทีมจะมาจาก 5 สมาพันธ์ (ไม่มีสมาพันธ์ยูฟ่า) ส่วนอีกหนึ่งทีมจะมาจากสมาพันธ์ของประเทศเจ้าภาพ (ปีนี้คือคอนคาแคฟ)

การเลือกเจ้าภาพ

รอบการคัดเลือก

วิธีการคัดเลือกทีมไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 นั้นยังไม่เป็นที่แน่นอน สภาฟีฟ่าตัดสินว่าเจ้าภาพจะมีสิทธิในการแข่งขันโดยอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่ในการเสนอตัวของสหรัฐคาดหวังว่าประเทศเจ้าภาพทั้ง 3 จะเป็นสถานที่มอบรางวัลโดยอัตโนมัติ

สนามแข่งขัน

มีเมืองที่เสนอตัว 23 เมืองและจะลดลงเหลือ 16 เมืองใน พ.ศ. 2563 หรือ 2564 (3 เมืองในแคนาดา, 3 เมืองในเม็กซิโก และ 10 เมืองในสหรัฐ)  :

  คือสนามที่เคยใช้จัดการแข่งขันมาแล้ว (มีแค่สหรัฐกับเม็กซิโก)

  คือสนามกีฬาในร่ม

แคนาดา

มอนทรีออล	เอ็ดมันตัน	โทรอนโต
สนามกีฬาโอลิมปิก	Commonwealth Stadium	BMO Field
ความจุ: 61,004 (ความจุที่เสนอมา: 55,822) (Expandable to 73,000)	ความจุ: 56,302 (ความจุที่เสนอมา: 56,418)	ความจุ: 30,000 (เพิ่มความจุเป็น 45,500 เมือถึงเวลาแข่ง)
เอ็ดมันตัน   มอนทรีออล   โทรอนโต เมืองที่เสนอตัวของแคนาดา

สหรัฐ

ลอสแอนเจลิส	นครนิวยอร์ก	วอชิงตัน ดี.ซี.	ดัลลัส
Rose Bowl  (Pasadena, California)	MetLife Stadium (East Rutherford, New Jersey)	FedExField (Landover, Maryland)	เอทีแอนด์ทีสเตเดียม  (Arlington, Texas)
ความจุ: 92,000 (ความจุที่เสนอมา: 88,432)	ความจุ: 82,500 (ความจุที่เสนอมา: 87,157)	ความจุ: 82,000 (ความจุที่เสนอมา: 70,249)	ความจุ: 80,000 (ความจุที่เสนอมา: 92,967) (เพิ่มเป็น 100,000)
แคนซัสซิตี	เดนเวอร์	ฮิวสตัน	บอลทิมอร์
Arrowhead Stadium	Sports Authority Field at Mile High	NRG Stadium	M&T Bank Stadium
ความจุ: 76,416 (ความจุที่เสนอมา: 76,640)	ความจุ: 76,125 (ความจุที่เสนอมา: 77,595)	ความจุ: 71,795 (ความจุที่เสนอมา: 72,220)	ความจุ: 71,006 (ความจุที่เสนอมา: 70,976)
แอตแลนตา	แอตแลนตา   บอลทิมอร์   บอสตัน   ซินซินแนติ   แดลลัส   เดนเวอร์   ฮิวสตัน   แคนซัสซิตี   ลอสแอนเจลิส   ไมแอมี   แนชวิลล์   นครนิวยอร์ก   ออร์แลนโด   ฟิลาเดลเฟีย   ซานฟรานซิสโก   ซีแอตเทิล   วอชิงตัน ดี.ซี. เมืองที่เสนอตัวของสหรัฐ
Mercedes-Benz Stadium
ความจุ: 71,000 (ความจุที่เสนอมา: 75,000) (ขยายเพิ่มเป็น 83,000)
ฟิลาเดลเฟีย	แนชวิลล์	ซีแอตเทิล	ซานฟรานซิสโก
Lincoln Financial Field	Nissan Stadium	CenturyLink Field	Levi's Stadium (Santa Clara, California)
ความจุ: 69,176 (ความจุที่เสนอมา: 69,328)	ความจุ: 69,143 (ความจุที่เสนอมา: 69,722) (ขยายเพิ่มเป็น 75,000)	ความจุ: 69,000 (ขยายเพิ่มเป็น 72,000)	ความจุ: 68,500 (ความจุที่เสนอมา: 70,909) (ขยายเพิ่มเป็น 75,000)
บอสตัน	ซินซินแนติ	ไมแอมี	ออร์แลนโด
Gillette Stadium (Foxborough, Massachusetts)	Paul Brown Stadium	Hard Rock Stadium (Miami Gardens, Florida)	แคมปิงเวิลด์สเตเดียม
ความจุ: 65,878 (ความจุที่เสนอมา: 70,000)	ความจุ: 65,515 (ความจุที่เสนอมา: 67,402)	ความจุ: 64,767 (ความจุที่เสนอมา: 67,518)	ความจุ: 60,219 (ความจุที่เสนอมา: 65,000)

เม็กซิโก

เม็กซิโกซิตี	มอนเตร์เรย์	กวาดาลาฮารา
อัซเตกา	เอสตาดีโอบีบีวีเอบาโคเม	สนามกีฬาอากรอน
ความจุ: 87,523	ความจุ: 53,500 (ความจุที่เสนอมา: 53,460)	ความจุ: 46,232 (ความจุที่เสนอมา: 48,071)
เม็กซิโกซิตี   มอนเตร์เรย์   กวาดาลาฮารา เมืองที่เสนอตัวของเม็กซิโก

อ้างอิง

1. "World Cup 2026: Canada, US & Mexico joint bid wins right to host tournament". BBC. 13 June 2018. สืบค้นเมื่อ 13 June 2018.
2. Carlise, Jeff (10 April 2017). . ESPN. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 11 April 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
3. "Unanimous decision expands FIFA World Cup™ to 48 teams from 2026". FIFA. 10 January 2017. สืบค้นเมื่อ 10 January 2017.
4. "Michel Platini calls for 40-team World Cup starting with Russia 2018". The Guardian. 28 October 2013. สืบค้นเมื่อ 24 January 2015.
5. . BBC Sport. 29 October 2013. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 21 April 2014. สืบค้นเมื่อ 24 January 2015. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
6. . Independent Online. South Africa: IOL. Reuters. 30 March 2016. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 30 December 2016. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
7. . HeraldLIVE. 7 October 2016. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 10 October 2016. It's an idea, just as the World Cup with 40 teams is already on the table with groups of four or five teams. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
8. . Yahoo! Sports. Associated Press. 23 December 2016. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 10 January 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
9. "FIFA World Cup format proposals" (PDF). FIFA. 19 December 2016.
10. "Federations 'overwhelmingly in favour' of 48-team World Cup – Infantino". ESPN. 28 December 2016.
11. . The Guardian. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 10 January 2017. สืบค้นเมื่อ 10 January 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
12. . BBC Sport. 10 January 2017. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 31 March 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
13. . CNN. 15 December 2016. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 24 December 2016. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
14. . El Universo (ภาษาสเปน). Agence France-Presse. 10 January 2017. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 12 January 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
15. . Clarín (ภาษาสเปน). 10 January 2017. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 12 January 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
16. . sbs.com.au. Australian Associated Press. 2 October 2016. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 5 October 2016. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
17. George Flood (10 January 2017). . International Business Times. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 11 January 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
18. . FIFA. 30 March 2017. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 9 April 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
19. . BBC. 30 March 2017. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 30 March 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
20. . FIFA. 9 May 2017. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 18 June 2017. Unknown parameter |deadurl= ignored (help)
21. เจ้าภาพ 3 ชาติ! ฟีฟ่าเลือก "สหรัฐฯ,แคนาดา,เม็กซิโก" จัดศึกฟุตบอลโลก 2026
22. "World Cup 2026: Canada, US & Mexico joint bid wins right to host tournament". BBC Sport. 13 June 2018. สืบค้นเมื่อ 13 June 2018.
23. "United 2026 bid book" (PDF). สืบค้นเมื่อ 13 June 2018.
24. What are the host cities in USA, Mexico and Canada going to be? สืบค้นเมื่อ 7-10-2018 CBSSPORTS.COM
25. "United 2026 bid book" (PDF). united2026.com. สืบค้นเมื่อ 30 April 2018.