คลิปสปริงเงอร์
คลิปสปริงเงอร์ | |
---|---|
ตัวผู้ | |
ตัวเมีย | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Artiodactyla |
วงศ์: | Bovidae |
วงศ์ย่อย: | Antilopinae |
เผ่า: | Neotragini |
สกุล: | Oreotragus Smith, 1834 |
สปีชีส์: | O. oreotragus |
ชื่อทวินาม | |
Oreotragus oreotragus (Zimmermann, 1783) | |
ชนิดย่อย | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ | |
ชื่อพ้อง | |
ชื่อพ้อง
|
คลิปสปริงเงอร์ (อังกฤษ: Klipspringer; ชื่อวิทยาศาสตร์: Oreotragus oreotragus) เป็นแอนทิโลปขนาดเล็ก ในกลุ่มแอนทิโลปแคระ หรือแอนทิโลปเล็ก
ศัพทมูลวิทยา
คลิปสปริงเงอร์จัดเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวเท่านั้นในสกุล Oreotragus โดยได้รับการอนุกรมวิธานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1783 โดยเอเบอร์ฮาร์ด เอากุสท์ วิลเฮล์ม ฟอน ซิมเมอร์มันน์ นักสัตววิทยาชาวเยอรมัน ชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า "กลิปสปริงเงอร์" (klipspringer) มาจากการประสมกันของคำในภาษาแอฟริคานส์ว่า klip ("หิน") กับ springer ("ผู้กระโดด", "ผู้ผาดโผน") รวมความแล้วแปลว่า "นักกระโดดหน้าผา" และมีอีกชื่อหนึ่งคือ "กลิปโบก" (klipbok)
และอาจเรียกชื่อสามัญในภาษาไทยได้ว่า "กวางผา" แต่เป็นสัตว์ต่างประเภทกับกวางผาที่พบในทวีปเอเชีย แม้จะอยู่ในวงศ์เดียวกันก็ตาม
ลักษณะและพฤติกรรม
ตัวผู้มีน้ำหนักตัวประมาณ 10 กิโลกรัม ตัวเมีย 13 กิโลกรัม ความสูง 50–55 เซนติเมตร จากกีบเท้าถึงไหล่ ความยาวลำตัว 80 เซนติเมตร–1 เมตร ความยาวหาง 8 เซนติเมตร อายุโดยเฉลี่ย 10–12 ปี มีเขาเฉพาะตัวผู้เท่านั้น ขนาดความยาว 20–25 เซนติเมตร มีความเรียวแหลม ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้เล็กน้อย ไม่มีเขา มีขนสีต่าง ๆ ออกไป เช่น เหลือง, น้ำตาลแดง, เทา แตกต่างออกไปตามภูมิประเทศเพื่ออำพรางตัว โดยมีจุดอ่อนคือสีขาว
คลิปสปริงเงอร์ เป็นแอนทิโลปที่มีความปราดเปรียวว่องไวมาก สามารถกระโดดไปมาตามโขดหินได้อย่างคล่องแคล่ว เนื่องจากกีบเท้ามีลักษณะพิเศษทำให้เกาะติดบนพื้นหินได้อย่างมั่นคง ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่เป็นคู่ เมื่อมีลูกจะซ่อนลูกไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อความปลอดภัย โดยเป็นสัตว์ที่มีความสามารถกระโดดได้สูงมากเป็นพิเศษ โดยกระโดดได้สูงคิดเป็น 15 เท่าของความสูงของตัว หรือประมาณ 7 เมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับมนุษย์แล้วจะเท่ากับว่ากระโดดจากไหล่ของเทพีเสรีภาพข้ามคบเพลิงซึ่งเป็นจุดสูงสุดได้เลย
อาศัยอยู่ตามภูมิประเทศที่เป็นโขดหินหรือภูเขาหินที่มีต้นไม้ขึ้นประปราย อาศัยอยู่ได้ทั้งในพื้นที่แห้งแล้งและพื้นที่ชุ่มชื้น อาหารหลักได้แก่ ใบไม้อ่อน ๆ, รากไม้, ดอกไม้, ผลไม้ และหญ้าที่ขึ้นใหม่ในช่วงฤดูฝน เป็นสัตว์ที่จะไม่ดื่มน้ำโดยตรง แต่จะอาศัยความชื้นจากพืชพรรณต่าง ๆ ที่กินขึ้นไปแทนหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้สามารถอดน้ำได้เป็นระยะเวลานาน ๆ
เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงกลางดึกและจะกระฉับกระเฉงมากเป็นพิเศษในคืนเดือนหงายหรือคืนวันเพ็ญ จะเริ่มหลับนอนพักผ่อนเมื่อใกล้สาง ในเวลากลางวันมักนอนอาบแดดเพื่ออบอุ่นร่างกาย
จากการศึกษาทางด้านวงศ์วานวิวัฒนาการ พบว่าคลิปสปริงเงอร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเคิร์กดิก-ดิก (Madoqua kirkii) และซูนี (Neotragus moschatus) ซึ่งเป็นแอนทิโลปขนาดเล็กเหมือนกัน โดยวิวัฒนาการมาแล้วเกือบ 14 ล้านปี โดยมีลำดับตามตางรางดังนี้:
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||
การกระจายพันธุ์และความหลากหลาย
พบกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางในเอธิโอเปีย, เคนยา, แทนซาเนีย, นามิเบีย และแอฟริกาใต้ และสูญพันธุ์ไปแล้วที่บุรุนดี โดยจำแนกออกได้เป็น 11 ชนิดย่อย ดังนี้:
- O. o. aceratos Noack, 1899 : คลิปสปริงเงอร์แทนซาเนียใต้ หรือโนอากคลิปสปริงเงอร์ พบกระจายพันธุ์ในแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ ระหว่างแม่น้ำรูฟิจิ และแซมเบซี
- O. o. aureus Heller, 1913 : คลิปสปริงเงอร์สีทอง พบในเคนยา
- O. o. centralis Hinton, 1921 : คลิปสปริงเงอร์แซมเบีย พบในภูมิภาคแอฟริกากลางและแอฟริกาใต้
- O. o. oreotragus (Zimmermann, 1783) : เคปคลิปสปริงเงอร์ พบในแหลมกูดโฮป, แอฟริกาใต้
- O. o. porteousi Lydekker, 1911 : พบในแอฟริกากลาง
- O. o. saltatrixoides (Temminck, 1853) : คลิปสปริงเงอร์เอธิโอเปีย พบในที่ราบสูงเอธิโอเปีย
- O. o. schillingsi Neumann, 1902 : คลิปสปริงเงอร์มาไซ พบในแอฟริกาตะวันออก
- O. o. somalicus Neumann, 1902 : คลิปสปริงเงอร์โซมาลี พบในตอนเหนือของโซมาเลีย
- O. o. stevensoni Roberts, 1946 คลิปสปริงเงอร์สตีเวนสัน พบในตะวันตกของซิมบับเว
- O. o. transvaalensis Roberts, 1917 : คลิปสปริงเงอร์ทรานส์เวล พบในที่ราบสูงแอฟริกาใต้และดราเกนสเบอร์ก
- O. o. tyleri Hinton, 1921 : คลิปสปริงเงอร์แองโกลัน พบในนามิเบีย
อ้างอิง
- ↑ IUCN SSC Antelope Specialist Group (2008). "Oreotragus oreotragus". IUCN Red List of Threatened Species. IUCN. 2008: e.T15485A4650367. สืบค้นเมื่อ 2 June 2016.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Grubb, P. (2005). "Order Artiodactyla". ใน Wilson, D. E.; Reeder, D. M (บ.ก.). Mammal Species of the World (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 686. ISBN 978-0-8018-8221-0.CS1 maint: ref=harv (link)
- ↑ "The Most Extreme". tv.com. July 7, 2002. สืบค้นเมื่อ July 3, 2016.
- "Klipspringer". MerriamWebsterDictionary. สืบค้นเมื่อ 7 April 2016.
- ↑ ปองพล อดิเรกสาร. สัตว์ป่าแอฟริกา. กรุงเทพฯ : เอเรียสบุ๊คส์, 2553. 240 หน้า. หน้า 38. ISBN 978-616-90508-0-3
- Liebenberg, L. (1990). A Field Guide to the Animal Tracks of Southern Africa (Illustrated, reprint ed.). Cape Town, South Africa: D. Philip. pp. 273–4. ISBN 978-0-86486-132-0.
- Kingdon, J. (2015). The Kingdon Field Guide to African Mammals (2nd ed.). London, UK: Bloomsbury Publishing. pp. 588–9. ISBN 978-1-4729-2531-2.
- Johnston, A.R; Anthony, N.M (2012). "A multi-locus species phylogeny of African forest duikers in the subfamily Cephalophinae: evidence for a recent radiation in the Pleistocene". BioMed Central Evolutionary Biology. 12 (120). doi:10.1186/1471-2148-12-120.
- Groves, C.; Grubb, P. (2011). Ungulate Taxonomy. Baltimore, US: Johns Hopkins University Press. pp. 275–9. ISBN 978-1-4214-0093-8.
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: Oreotragus oreotragus |
- ข้อมูลเกี่ยวข้องกับ Oreotragus oreotragus จากวิกิสปีชีส์
- . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911. 15 (11 ed.). 1911.
- "Oreotragus oreotragus". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ. สืบค้นเมื่อ 8 April 2016.