เต่าเสือดาว
เต่าเสือดาว | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordate |
ชั้น: | Sauropsida |
อันดับ: | Testudines |
อันดับย่อย: | Cryptodira |
วงศ์: | Testudinidae |
วงศ์ย่อย: | Testudininae |
สกุล: | Stigmochelys Gray, 1873 |
สปีชีส์: | S. pardalis |
ชื่อทวินาม | |
Stigmochelys pardalis (Bell, 1828) | |
ชนิดย่อย | |
| |
ชื่อพ้อง | |
|
เต่าเสือดาว (อังกฤษ: Leopard tortoise; ชื่อวิทยาศาสตร์: Stigmochelys pardalis) สัตว์เลื้อยคลานประเภทเต่าชนิดหนึ่ง จัดเป็นเต่าบก (Testudinidae) ชนิดหนึ่ง
ศัพทมูลวิทยา
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของเต่าเสือดาว มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า Stigma หมายถึง "การกำหนด" หรือ "จุด" และคำว่า Chelone(Χελωνη) หมายถึง "เต่าบก" ขณะที่ชื่อชนิดคำว่า pardus เป็นภาษาลาติน หมายถึง "เสือดาว" โดยหมายถึงลวดลายคล้ายลายเสือดาวบนกระดอง
ลักษณะและพฤติกรรม
เต่าเสือดาว นับเป็นเต่าบกเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Stigmochelys นับเป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจาก เต่ากาลาปากอส, เต่าอัลดาบร้า และเต่าซูลคาต้า โดยมีขนาดกระดองยาวได้ถึง 23 นิ้ว (54.42 เซนติเมตร) ซึ่งโดยปกติตัวผู้มักจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย กระดองจะมีลายเป็นจุดแต้มสีดำบนผิวกระดองพื้นสีอ่อน จุดแต้มนี้มีทั้งที่มีขนาดใหญ่กระจายอยู่ห่างกันและที่อยู่ใกล้กัน โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดย่อย คือ
- Stigmochelys pardalis babcocki (เต่าเสือดาวธรรมดา) เป็นชนิดที่พบได้ทั่วไป กระดองจะมีลักษณะกลมมนและเป็นโดมสูง
- Stigmochelys pardalis pardalis (เต่าเสือดาวแอฟริกาใต้) เป็นชนิดที่พบได้ในแอฟริกาใต้ มีลักษณะรูปทรงกระดองไม่เป็นโดมเท่าแต่มีความยาวรีกว่า
นอกจากนี้แล้ว เต่าเสือดาวที่พบในแอฟริกาใต้มีลักษณะเฉพาะอีกประการหนึ่ง นั่นคือ ผิวหนังจะมีการตกกระ โดยมีจุดดำเล็ก ๆ กระจายตามผิวหนัง กระนี้เห็นได้ชัดในลูกเต่าที่เพิ่งฟักจากไข่และเต่าวัยอ่อนก่อนจะค่อย ๆ เลือนหายไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น ลูกเต่าที่เพิ่งฟักจากไข่จะมีลวดลายจำเพาะบนกระดอง เป็นลายจุด 2 จุดซึ่งจะอยู่บนแผ่นกระดองแต่ละแผ่น (หรืออาจกินพื้นที่มากกว่าหนึ่งแผ่น) เหมือนจุดแฝด จุดแฝดดังกล่าวจะค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อเต่าโตขึ้นเช่นกัน แต่จำนวนจุดคู่บนแผ่นกระดองของเต่าแต่ละตัวจะไม่เท่ากัน เต่าบางตัวอาจจะมีมากแต่บางตัวก็อาจจะไม่มีเลย แม้กระทั่งเต่าที่ฟักออกมาจากครอกเดียวกันบางตัวก็มีลายจุดบนกระดองในขณะที่บางตัวไม่มี
เต่าเสือดาว เป็นเต่าที่กินพืชเป็นอาหาร โดยมีหญ้าและผักใบเขียวเป็นอาหารหลัก นอกจากนี้แล้วยังสามารถกินลูกแพร์หนาม ตลอดจนลำต้นและผลของต้นพืชอวบน้ำได้ด้วย โดยมีพฤติกรรมหาของกินตลอดทั้งวัน เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 12-15 ปี
พบกระจายพันธุ์ในพื้นที่แห้งแล้งของทวีปแอฟริกา ตั้งแต่แอฟริกาใต้สะฮาราลงมาในหลายประเทศ เต่าเสือดาวที่พบในแอฟริกาใต้ พบได้ในจังหวัดเคป และบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออเรนจ์ฟรี โดยมีรายงานว่าพบมีการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างชนิดย่อยทั้ง 2 ชนิดกันด้วย
ในที่เลี้ยง
เต่าเสือดาว นับเป็นเต่าบกอีกชนิดหนึ่งที่มีความสวยงาม จึงนิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลกหรือสัตว์ต่างถิ่น ในที่เลี้ยงเต่าสามารถเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้เพียง 6 ปี พฤติกรรมในการผสมพันธุ์จะเริ่มจากเต่าตัวผู้จะเป็นฝ่ายเปล่งเสียงคำรามออกทางจมูก หลังผสมพันธุ์ตัวเมียจะวางไข่ซึ่งมีจำนวนระหว่าง 5-18 ฟอง โดยการขุดรูฝังไว้ใต้ทราย เต่าเสือดาวแอฟริกาใต้ ขยายพันธุ์ในสถานที่เลี้ยงได้ยากกว่าเต่าเสือดาวธรรมดา
ไม่บ่อยนักที่ไข่เต่าเสือดาวจะฟักเป็นตัวในตู้ฟัก โดยส่วนใหญ่การเพาะขยายพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จมักเกิดขึ้นเมื่อไข่เต่าถูกฝังทิ้งไว้ในพื้นดิน ภายใต้อากาศซึ่งใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเต่าเสือดาว แต่อย่างไรก็ดีมีผู้เพาะพันธุ์เพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่สามารถเพาะขยายพันธุ์เต่าเสือดาวได้ในสถานที่เลี้ยง
อ้างอิง
- ↑ Turtles of the World: Annotated Checklist of Taxonomy and Synonymy, December 2010
- Fritz, U. (2007-07-03). "When genes meet nomenclature: Tortoise phylogeny and the shifting generic concepts of Testudo and Geochelone". Zoology. Elsevier. 110 (4): 298–307. doi:10.1016/j.zool.2007.02.003. PMID 17611092. Unknown parameter
|coauthors=
ignored (|author=
suggested) (help) - อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBaker
- Fritz Uwe (2007). "Checklist of Chelonians of the World". Vertebrate Zoology. 57 (2): 294–295. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2010-12-17. สืบค้นเมื่อ 29 May 2012. Unknown parameter
|coauthors=
ignored (|author=
suggested) (help) - ↑ Branch, Bill (2008). Tortoises, Terrapins & Turtles of Africa. South Africa: Struik Publishers. p. 128. ISBN 1-77007-463-5.
- Kindersley, Dorling (2001,2005). Animal. New York City: DK Publishing. ISBN 0-7894-7764-5.
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: Stigmochelys pardalis |
แหล่งข้อมูลอื่น
- ข้อมูลเกี่ยวข้องกับ Stigmochelys pardalis จากวิกิสปีชีส์