ลิงจมูกยาว
ลิงจมูกยาว | |
---|---|
ลิงจมูกยาวตัวผู้ | |
ภาพถ่ายในระยะใกล้ที่แสดงเห็นถึงจมูกที่ยาวเหมือนงวง | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
ใกล้สูญพันธุ์ (IUCN 2.3) | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Primates |
วงศ์: | Cercopithecidae |
วงศ์ย่อย: | Colobinae |
สกุล: | Nasalis Geoffroy, 1812 |
สปีชีส์: | N. larvatus |
ชื่อทวินาม | |
Nasalis larvatus (Wurmb, 1787) | |
ชนิดต้นแบบ | |
Cercopithecus larvatus Wurmb, 1787 | |
ชนิดย่อย | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ | |
ชื่อพ้อง | |
|
ลิงจมูกยาว หรือ ลิงจมูกงวง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Nasalis larvatus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในอันดับวานรชนิดหนึ่ง ในวงศ์ลิงโลกเก่า (Cercopithecidae) จัดเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Nasalis (บางข้อมูลแบ่งเป็น 2 ชนิด แต่ปัจจุบันจัดเป็นชนิดย่อย)
ถิ่นที่อยู่อาศัย
เป็นลิงที่พบเฉพาะเกาะบอร์เนียว อาศัยอยู่ในป่าชายเลนหรือป่าติดริมแม่น้ำ เช่น อุทยานแห่งชาติทันจุงปูติง, อุทยานแห่งชาติบาโก และคินาบาตางัน ในรัฐซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย ตลอดจนประเทศใกล้เคียง เช่น บรูไน และรัฐกาลีมันตัน ในอินโดนีเซีย ปัจจุบัน เหลือประมาณ 8,000 ตัว
ลักษณะ
ลิงจมูกยาว เป็นลิงจำพวกค่าง มีรูปร่างอ้วนลงพุง ขนตามลำตัวสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเด่นคือ มีจมูกที่ยาวเหมือนงวงช้างห้อยเลยมาจนปิดปากตัวเอง ซึ่งมีเฉพาะในตัวผู้ในวัยที่โตเต็มที่แล้ว ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบว่ามีไว้เพื่ออะไร นอกเหนือจากการหายใจ ในขณะที่ตัวเมียและลิงตัวผู้วัยอ่อน จะไม่มีจมูกลักษณะดังกล่าวนี้ โดยจมูกของตัวผู้จะโตตามขนาดของร่างกาย
เคยมีการสันนิษฐานว่าจมูกที่ยาวของมีไว้เพื่อใช้ในการว่ายน้ำ แต่เหตุผลข้อนี้ก็ต้องตกไป เพราะตัวเมียก็ว่ายน้ำเหมือนกัน แต่ตัวเมียกลับมีจมูกที่เล็กกว่าครึ่งหนึ่งของตัวผู้ นักชีววิทยาบางกลุ่มก็สันนิษฐานว่า จมูกมีหน้าที่ในการระบายอากาศจากภายในร่างกาย เนื่องจากตัวผู้มีขนาดตัวและมีกระเพาะที่ใหญ่มาก ภายในร่างกายจึงมีความร้อนมาก บ้างก็อธิบายโดยใช้หลักการของชาร์ล ดาร์วิน ว่า ตัวเมียจะชอบตัวผู้ที่มีจมูกใหญ่ เมื่อนานเข้าตัวผู้ที่มีจมูกเล็กจึงลดจำนวนลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลือแต่ตัวที่จมูกใหญ่ คล้ายกับว่ายิ่งตัวผู้มีจมูกยาวใหญ่เท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของตัวเมียมากขึ้นเท่านั้น
พฤติกรรม
ลิงจมูกยาว ก็เหมือนกับค่างชนิดอื่น ๆ ที่กระเพาะจะสามารถย่อยได้ดีแต่เฉพาะพืช ดังนั้น จึงกินอาหารจำพวก ใบไม้และผลไม้รสจืด รวมถึงเมล็ดพืชต่าง ๆ เป็นหลัก จะหากินในเวลาเช้าตรู่ โดยอาจหากินได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร มากกว่าลิงชนิดอื่น ๆ มาก ก่อนจะเข้าสู่ป่าลึก จากนั้นในเวลาบ่ายจะออกมาอีกครั้งเพื่อนอนหลับ อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง โดยมีตัวเมียที่อายุมากที่สุดเป็นผู้นำในการออกหากิน และตัวผู้ที่มีอายุมากที่สุดเป็นผู้ปิดท้ายขบวน อาศัยอยู่เป็นฝูงประมาณ 9 ตัว โดยมีตัวผู้เป็นจ่าฝูง จะปกครองแบบฮาเร็ม ที่อาจครอบครองตัวเมียมากถึง 5-6 ตัว ลูกลิงจมูกยาวตัวผู้หากโตเต็มที่เมื่ออายุได้ 2 ปีแล้วจะถูกขับออกจากฝูง และลิงจมูกยาวตัวใดเมื่อเข้าสู่วัยชรา ก็จะถูกลิงที่หนุ่มกว่าเข้าครอบครองฮาเร็มและตัวเมียแทน ตัวผู้ที่ชราแล้ว มักจะถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังไปจนกระทั่งตาย ลิงจมูกยาวข่มขู่กันด้วยเสียงคำรามที่ดังและเป็นเอกลักษณะเฉพาะ หรือเกาะหรือขย่มกิ่งไม้ แต่จะไม่ถูกตัวกัน จะถูกตัวกันก็เฉพาะคู่ที่เป็นแม่ลูกกันเท่านั้น
ลิงจมูกยาว มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวไปมาตามต้นไม้ด้วยวิธีการกระโดดที่ไม่เหมือนกับลิงชนิดอื่น คือ จะกระโดดไปมาตามต้นไม้ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างว่องไวและไม่มีหยุด
การรับรู้ของมนุษย์และลักษณะพิเศษ
ลิงจมูกยาว มีชื่อเรียกในภาษาถิ่นของชนพื้นเมืองว่า "ออรัง เบลันดา" (Orang Belanda) หมายถึง "ชาวดัตช์" (Orang-คน, มนุษย์; Belanda-ชาวดัตช์) อันเนื่องจากจมูกที่ใหญ่โตเหมือนกับดั้งจมูกของชาวดัตช์ ที่เป็นชาวตะวันตกที่เข้ามาปกครองดินแดนแถบนี้ในยุคอาณานิคม ส่วน Proboscis หมายถึง "ท่อ" หรือ "งวง"
ในระยะแรกที่ชาวตะวันตกได้รู้จักลิงชนิดนี้ ไม่สามารถเลี้ยงไว้ในที่เลี้ยงได้จนรอดไปตลอด มักจะตายอยู่บ่อย ๆ ซึ่งแตกต่างไปจากลิงส่วนใหญ่ที่มักจะปรับตัวและสามารถมีชีวิตอยู่ได้ สาเหตุใหญ่ที่ลิงจมูกยาวตาย ก็คือ เรื่องของอาหาร เนื่องจากมีกระเพาะอาหารแบบพิเศษ ที่มีระบบการย่อยซับซ้อน แตกต่างไปจากกระเพาะของลิงแสมหรืออุรังอุตัง เพราะมีลักษณะกระเพาะคล้ายกับกระเพาะของวัว ซึ่งภายในจะมีบัคเตรีหลายชนิดปะปนอยู่กับของเหลว โดยบัคเตรีจะทำหน้าที่ช่วยย่อยใบไม้ที่ลิงจมูกยาวกินเข้าไป และยังช่วยแยกสารพิษที่ติดมากับใบไม้อีกด้วย ทำให้ลิงจมูกยาวสามารถกินใบไม้บางชนิดที่เป็นพิษได้ ข้อสำคัญที่ทำให้ลิงจมูกยาวต้องตายในที่เลี้ยง ก็คือเนื่องจากไม่สามารถย่อยใบไม้หรือผลไม้ที่มีรสหวานเหมือนอย่างลิงชนิดอื่น เพราะจะทำให้ระบบการย่อยผิดปกติ ก่อให้เกิดแก๊สในช่องท้องเป็นจำนวนมาก จนทำให้ท้องอืดตาย
นอกจากนี้แล้วการให้ยาปฏิชีวนะมากหรือน้อยเกินไปก็ส่งผลต่อระบบการย่อยของลิงเช่นเดียวกัน เพราะยาจะเข้าไปทำลายบัคเตรีในกระเพาะทำให้ไม่สามารถย่อยอาหารได้ แต่ปัจจุบันมีสวนสัตว์บางแห่งสามารถเลี้ยงได้แล้ว โดยสร้างพื้นที่เลียนแบบถิ่นอาศัยดั้งเดิมตามธรรมชาติ และมีการควบคุมเรื่องอาหาร
อ้างอิง
- ↑ Meijaard, E., Nijman, V. & Supriatna, J. (2008). Nasalis larvatus. In: IUCN 2008. IUCN Red List of Threatened Species. Downloaded on 4 January 2009.
- ↑ Wilson, D. E. & Reeder, D. M. (eds.) (2005). Mammal Species of the World. A Taxonomic and Geographic Reference. Third edition. ISBN 0801882214
- ↑ "Nasalis". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ.
- ↑ "สุดหล้าฟ้าเขียว: Indonesia". ช่อง 3. 4 October 2014. สืบค้นเมื่อ 4 October 2014.
- National Geographic ฉบับภาษาไทย กุมภาพันธ์ 2550 หน้า 114
- ↑ ลิงจมูกยาวแห่งลุ่มน้ำคินาบาตางัน โดย เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์, สารคดี: ฉบับที่ 220: มิถุนายน 2546
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ลิงจมูกยาว |
แหล่งข้อมูลอื่น
- ข้อมูลเกี่ยวข้องกับ Nasalis larvatus จากวิกิสปีชีส์
- เว็บไซต์ท่องเที่ยวดูลิงจมูกยาว (อังกฤษ)