fbpx
วิกิพีเดีย

การละเล่นเด็กไทย

การละเล่นเด็กไทย เป็นการละเล่นของเด็กตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ในปัจจุบันมักไม่ค่อยได้พบเห็นการละเล่นประเภทเหล่านี้กันบ่อยนัก เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

ม้าก้านกล้วย

ดูบทความหลักที่: ขี่ม้าก้านกล้วย

ม้าก้านกล้วย เป็นของเล่นที่เด็กผู้ชายที่อยู่ในวัยซุกซนชื่นชอบมาก เด็กไทยทั่วไปจะรู้จักการเล่นม้าก้านกล้วยเป็นอย่างดี

วิธีทำม้าก้านกล้วย ทำง่าย เด็ก ๆ สามารถทำเล่นเองได้ ถ้าอยากเล่นม้าก้านกล้วย เด็ก ๆ ก็จะถือมีดเข้าไปในสวนหรือที่ทั่วไปตามบริเวณบ้านที่มีต้นกล้วย เพราะหมู่บ้านคนไทยจะปลูกต้นกล้วยไว้แทบทุกหลังคาเรือน

เมื่อเลือกใบกล้วยที่มีความยาวพอเหมาะ ก็จะตัดใบกล้วยมา เอามีดเลาะเอาใบกล้วยออก เหลือไว้ที่ปลายใบเล็กน้อยเพื่อให้เป็นหางม้า ที่ก้านด้านโคนจะมีขนาดใหญ่เกือบเท่าข้อมือของเด็ก ๆ ด้านนี้เอง เด็ก ๆจะกะความยาวประมาณหนึ่งคืบ หรือสองคืบ แล้วเอามีดฝานแฉลบด้านข้างของก้านตรงที่กะไว้ฝานบาง ๆ ไปทางด้านโคนทั้งสองข้าง เพื่อให้เป็นหูม้า พอได้ขนาดหูยาวตามต้องการแล้วก็เอามือหักก้านกล้วยตรงที่กะจะให้เป็นโคนหูม้า ก้านกล้วยก็จะกลายเป็นรูปม้ามีหูม้าชันขึ้นทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็เอาแขนงไม้ใผ่มาเสี้ยมปลายให้แหลม ความยาวประมาณคืบเศษ เสียบหัวม้าที่พับเอาไว้ เสียบทะลุไปที่ก้าน ไม้ที่เสียบก็จะมีลักษณะเหมือนสายบังเหียนที่ผูกปากม้ากับคอม้า เสร็จแล้วก็ทำเชือกกล้วยมาผูกด้านหัวม้าและหางม้า ทำเป็นสายสะพายบ่า แค่นี้ก็เสร็จ หาแขนงไม้ไผ่มา ๑ อัน ทำเป็นแส้ขี่ม้า ตอนนี้ก็พร้อมที่จะเล่นม้าก้านกล้วยได้แล้ว

การเล่นม้าก้านกล้วยก็แล้วแต่เด็ก ๆ จะคิดเล่น เช่น เล่นควบม้าวิ่งแข่งกันหาคนชนะ ควบม้าจัดกระบวนทัพต่อสู้กัน หาอาวุธตามรั้วคือแขนงไม้ไผ่มาทำเป็นดาบรบกัน หรือจะวิ่งแข่งกันเป็นคู่ ๆ หากไม่มีเพื่อนก็ควบเล่นคนเดียวที่ลานบ้านหรือเลี้ยวไปตามป่ากล้ายในสวนก็ได้

กระโดดเชือก / กระโดดหนังยาง / กระโดดหนังสติ๊ก

การกระโดดเชือกมี 2 แบบ คือ การกระโดดเชือกเดี่ยว และการกระโดดเชือกหมู่ ใช้หนังสติ๊ก (หนังยาง) ถักร้อยจนเป็นเส้นยาว หรือ เชือกปอ ยาวพอที่จะตวัดพ้นศีรษะ ขมวดหัว - ท้ายเพื่อกันเชือกลุ่ย เวลาเล่นแกว่งเชือกด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วกระโดดขึ้นลงตรงกลาง การกระโดดเชือกหมู่จะใช้เชือกที่ยาวกว่า มีผู้เล่นสองคนจับหัวท้ายข้างละคน คอยแกว่ง (หรือไกว) เชือก สามารถกระโดดได้พร้อมกันหลาย ๆ คน

กระต่ายขาเดียว

ดูบทความหลักที่: กระต่ายขาเดียว

การเล่นไล่จับชนิดหนึ่ง โดยคนที่เป็นกระต่าย ยืนด้วยขาข้างเดียว แล้วกระโดด เขย่ง เคลื่อนที่ไล่จับ (แตะถูกตัว) เด็กคนอื่น ภายในพื้นที่ที่กำหนด ถ้าใครโดนจับได้ก็ต้องออกจากการแข่งขันเพื่อรอรอบต่อไป

ตั้งเต

การกระโดดขาเดียวไปภายในช่องสี่เหลี่ยมที่ขีดขึ้นบนพื้น ขนาด 5 แถว คูณ 2 คอลัมน์ (รวม 10 ช่อง) ทีละช่อง

บอลลูนด่าน / บอลลูนโป้ง

เด็กแบ่งเป็นสองทีม เป็นทีมดักจับ กับทีมหนี โดยที่ทีมจับ แต่ละคนจะตั้งด่านวิ่งได้เฉพาะตามแนวเส้นตรง และเส้นนอน ของพื้น ด่านแรกจะจับมือทีมหนีก่อนทั้งสองฝั่งซ้ายและขาว แล้วก็ชูแขนขึ้น พูดว่าบอลลูน...(ลากยาว) และพูดว่าโป้ง สิ้นสุดคำว่าโป้งให้ทีมหนีวิ่งไปผ่านด่านให้ได้ โดยหลบหลีกวงแขนดักจับ วิ่งผ่านลงไปจนสุดด่าน แล้ววิ่งย้อนกลับขึ้นไปยังจุดเริ่มต้น ถ้าผ่านหมดทุกด่านก็จะชนะ

โมราเรียกชื่อ(ยัดดวง)

ใช้ลูกปิงปองโยนขึ้นสูงเหนือหัวราวหนึ่งช่วงตัว แล้วเอ่ยชื่อคนอื่น ให้เข้ามารับที่ตกกระเด้งขึ้นมาจากพื้น หนึ่งครั้งเท่านั้น หากวิ่งมารับไม่ทันในการกระดอนหนึ่งครั้ง ถือว่ารับไม่ได้ ให้ลูกปิงปอง แล้วขว้างให้โดนเด็กคนอื่น โดนใคร คนนั้นก็เสียน่อง ซึ่งมักจะเจ็บแปดวงกลม ๆ แดง ๆ จบรอบล้างแต้ม เริ่มเล่นกันใหม่

ข้อควรระวังของผู้แพ้ที่ถูกจับ ขึ้นแท่น หากยืนขาไม่ชิดกัน จนลูกปอง รอดขา จะได้รับรางวัลให้ปาเพิ่มอีก 5 ครั้ง ส่วน คา 10 ก็เช่นกัน ถ้าปาแล้วติดคาหว่างขา จะโดนเพิ่มอีก 10

ความชื่อต้องวิ่งมารับให้ทัน เมื่อเรียกชื่อแล้ว เด็กที่เหลือ ก็จะฮือหนีออกห่างลูกปิงปอง เพราะกลัวโดนปาถูก หากเด็กที่ถูกเรียกชื่อรับลูกปิงปองได้ในการกระเด้งหนึ่งครั้ง ทุกคนก็จะฮือกลับมาล้อมวงรอเรียกชื่อใหม่อีกครั้ง รวมถึงจำชื่อเพื่อน ๆ ที่ร่วมเล่นที่เราบอกทั้งหมด

เล่นห่วง

"ห่วง" เป็นอุปกรณ์การเล่นที่ประดิษฐ์จากไม้ไผ่ ซึ่งเหลาจนไม่มีคมเหลืออยู่ นำปลายทั้งสองข้างมาผูกเป็นวงกลม เล่นโดยการนำเข้ามาร่อนที่เอว เช่นเดียวกับการเล่นห่วงในปัจจุบัน นิยมเล่นกันเป็นกลุ่ม การละเล่นนี้จะทำให้เด็ก ๆ สนุกกับการออกกำลังกาย และได้พบปะเพื่อนฝูง

ขี่ม้าส่งเมือง

แบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่าย แล้วเลือกผู้เล่น 1 คน มาเล่นเป็นเจ้าเมือง ฝ่ายที่เริ่มก่อนจะกระซิบความลับให้เจ้าเมืองทราบ (อาจจะเป็นชื่อคนหรือเรื่องที่ตกลงกันไว้) ถ้าฝ่ายตรงข้ามทายถูกเจ้าเมืองจะบอกว่า "โป้ง" ฝ่ายที่ทายถูกก็จะชนะ และได้ฝ่ายแรกเป็นเชลย ถ้าทายผิดก็จะต้องตกเป็นเชลย ฝ่ายใดตกเป็นเชลยหมดก่อน ต้องเป็นม้าให้อีกฝ่ายหนึ่งขี่หลังไปส่งเมือง

กาฟักไข่

บางแห่งเรียกกว่า "ชิงไข่เต่า" ผู้เล่นเป็นอีกาหรือเต่าจะเข้าไปอยู่ในวงกลมที่ขีดไว้ คนอื่น ๆ อยู่นอกวงกลม พยายามแย่งเอาก้อนหินที่สมมุติว่าเป็นไข่มาให้ได้ อีกาหรือเต่าจะปัดป่ายแขนขาไปมา ถ้าโดนผู้ใดผู้นั้นจะต้องมาเล่นเป็นอีกาแทนทันที แต่ถ้าไข่ถูกแย่งหมด อีกาหรือเต่าจะต้องไปตามหาไข่ที่ผู้อื่นซ่อนไว้ หากหาไม่พบจะถูกจูงหูไปหาไข่ที่ซ่อนไว้ เป็นการลงโทษ

  • โทกเทก

อาจเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น เป็นการละเล่นที่ใช้อุปกรณ์ที่ทำมาจากไม้ไผ่ ประกอบด้วยท่อนไม้สั้นซึ่งเป็นที่เหยียบสำหรับยืน มีผ้าพันเพื่อไม่ให้เจ็บง่ามเท้า ไม้ท่อนยาวสำหรับใช้เป็นตัวยืนจับ เวลาเล่นต้องพยายามทรงตัวเดินจะทำให้รู้สึกว่าขายาวขึ้น เด็ก ๆ อาจจะแข่งขันกันว่าใครสามารถเดินได้เร็วกว่ากัน

มอญซ่อนผ้า

ทุกคนนั่งล้อมวงช่วยกันร้องว่า "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ" มอญจะถือผ้าเดินรอบวงแล้วแอบหย่อนผ้า ไว้ข้างหลังผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง หากผู้เล่นคนนั้นรู้ตัวก่อนก็จะหยิบผ้ามาไล่ตีมอญ แล้ววิ่งมานั่งที่เดิม แต่หากว่ามอญเดินกลับมาอีกรอบหนึ่ง แล้วผู้เล่นคนนั้นยังไม่รู้ตัว ก็จะถูกมอญเอาผ้าตีหลัง และต้องเล่นเป็นมอญแทน

หมาไล่ห่าน

เลือกผู้เล่นคนหนึ่งเป็นหมาวิ่งไล่ อีกคนหนึ่งเป็นห่านวิ่งหนี ผู้เล่นนอกนั้นจับมือล้อมกันเป็นวง เมื่อห่านจวนตัวก็จะวิ่งลอดเข้าไปในวงล้อม ผู้ที่เล่นเป็นประตูต้องพยายาม กันไม่ให้หมาเข้าไปในหรือนอกวงทันห่าน กติกามีอยู่ว่าช่วงใดที่ผู้เล่นเป็นประตูพากันนั่งลง ถือเป็นการปิดประตู หากห่านใดไล่ทันและโดนจับได้ก็ถือว่าแพ้

ลิงชิงหลัก

เลือกผู้เล่นคนหนึ่งสมมุติว่าเป็นลิงไม่มีหลัก ยืนอยู่กลางวง ผู้เล่นที่เหลือยืนเกาะหลักของตน (ใช้คนสมมุติเป็นหลักก็ได้) อยู่รอบวง กติกาคือผู้เล่นเป็นลิงมีหลักจะต้องสลับหลักเรื่อย ๆ ลิงตัวที่ไม่มีหลักก็จะต้องพยายามแย่งหลักของตัวอื่นให้ได้ ถ้าวิ่งเร็วกว่าก็จะได้หลักไปครอง ลิงที่ช้ากว่าก็จะกลายเป็นลิงชิงหลัก คอยแย่งหลักคนอื่นต่อไป

ลูกช่วง

ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่หรือเศษหญ้าแห้งมาผูกปมเป็นลูกช่วง แบ่งผู้เล่นเป็น 2 ฝ่าย เท่ากัน เริ่มเล่นด้วยการโยนลูกช่วงให้อีกฝ่ายหนึ่งรับ ถ้าฝ่ายตรงข้ามรับได้ก็จะต้องเอาลูกช่วงนั้นปากลับ มายังฝ่ายที่โยนมา ถ้าปาถูกตัวผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง ฝ่ายที่โยนมาก็จะได้คะแนน ความสนุกจะอยู่ที่ลีลาในการหลอกล่อ ชิงไหวชิงพริบ ของการหลบและการปาลูกช่วง ซึ่งอาจจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งสับสน

โพงพาง

ผู้ที่เล่นเป็น "ปลา" จะถูกผูกตาแล้วหมุน 3 รอบ ผู้เล่นอีกคนอื่นล้อมวงร้องว่า "โพงพางเอ๋ย สำเภาเข้าลอด ปูปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง" จบแล้วถามว่า "ปลาเป็นหรือปลาตาย?" ถ้าปลาตอบว่า "ปลาตาย" แปลว่าห้ามขยับ แต่ถ้าตอบว่า "ปลาเป็น" ก็ขยับได้ หากผู้เล่นเป็นปลา แตะถูกตัวคนใดคนหนึ่งแล้วทายชื่อถูก ผู้นั้นจะต้องกลายเป็นปลาแทน ถ้าไม่ถูกก็ให้ทายใหม่

โพงพาง คือ ชื่อของกับดักปลาชนิดหนึ่ง

รีรีข้าวสาร

ให้ผู้เล่นสองคน ใช้สองมือจับกัน แล้วยกโค้งขึ้นเสมือนซุ้มประตู ผู้เล่นที่เหลือเอามือจับเอวเดินเป็นแถวลอดประตูนั้นไป พร้อมกับร้องว่า "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เด็กน้อยตาเหลือก เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน พานเอาคนข้างหลังไว้ให้ดี" เมื่อถึงคำสุดท้าย ซุ้มประตูก็จะลดมือลง กักตัวผู้เล่นที่เดินผ่านมา ผู้เล่นที่ถูกกักตัวจะถูกคัดออก หรืออาจจะถูกลงโทษด้วยการให้รำหรือทำท่าทางอะไรก็ได้

ตี่จับ

แบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย มีเส้นแดนตรงกลาง ตัวแทนฝ่ายที่รุกจะต้องส่งเสียง "ตี่" ไม่ให้ขาดเสียง และจะต้องพยายามแตะตัวคนใดคนหนึ่ง ของฝ่ายรับมาเป็นเชลย ส่วนฝ่ายรับหากเห็นว่าคนที่รุกมากำลังจะหมดแรงหายใจ จะถอยกลับก็จะพยายามจับตัวไว้ให้ได้ หากคนที่รุกเข้ามาขาดเสียง "ตี่" ก่อนกลับเข้าแดนของตน ก็จะต้องตกเป็นเชลยของอีกฝ่าย

ชักเย่อ

ใช้เชือกเส้นใหญ่ยาวพอประมาณกับจำนวนผู้เล่น แบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย มีเส้นแดนตรงกลาง เมื่อสัญญาณเริ่ม ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มออกแรงดึงเชือก โดยพยายามดึงฝ่ายตรงข้ามให้เข้ามาในแดนของตน หากผู้แข่งขันเป็นชายหนึ่งฝ่ายและหญิงฝ่ายหนึ่ง อาจจะกำหนดให้ฝ่ายหญิงมีจำนวนมากกว่าชายก็ได้ เป็นการละเล่นไทยสอนให้รู้จักความสามัคคีและเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย

หมากเก็บ

จำนวนผู้เล่น : จำนวนผู้เล่น 2 – 4 คน วิธีเล่น :

ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลม ๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมาก ทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุด คนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก
หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่าง ๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้น แล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า “ตาย” ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย
หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด
หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด
หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้น แล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้

“ขี้นร้าน” ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือ รับไม่ได้ ถือว่า “ตาย” ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมาก กำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกิน ไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเริ่มต้นใหม่โดยได้แต้มที่เกินไปนั้น วิธีเล่นหมากเก็บนี้มีพลิกแพลงหลายอย่าง เช่น โยนลูกนำขึ้นเก็บทีละเม็ด เมื่อเก็บได้เม็ดหนึ่งก็โยน ขึ้นพร้อมกับลูกนำ 2 – 3 – 4 เม็ด ตามลำดับ หมาก 2 – 3 -4 ก็เล่นเหมือนกัน โยนขึ้นทั้งหมด เรียกว่า “หมากพวง” ถ้าโยนลูกนำขึ้นเล่นหมาก 1- 2 -3 -4 แต่พลิกข้างมือขึ้นรับลูกนำให้เข้าในมือระหว่างนิ้ว โป้งและนิ้วชี้ โดยทำเป็นรูปวงกลมเตรียมไว้เรียก “หมากจุ๊บ” ถ้าใช้มือซ้ายป้อง และเขี่ยหมากให้เข้าใน มือนั้นทีละลูกในหมาก 1 -2 -3 และ 4 ตามลำดับ เรียกว่า “อีกาเข้ารัง” ถ้าเขี่ยไม่เข้าจะตาย ถ้าใช้นิ้ว กลางกับนิ้วหัวแม่มือยันพื้น นิ้วอื่นปล่อยทำเป็นรูปซุ้มประตู เขี่ยหมากออกเรียกว่า “อีกาออกรัง” ถ้าใช้ นิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือ ขดเป็นวงกลม นิ้วชี้ชั้ตรงนิ้ว นอกนั้นยันพื้นเป็นรูปรูปู เรียกว่า “รูปู” เมื่อจบ เกมการเล่นแล้วจะมีการกำทาย ผู้ชนะจะทายผู้แพ้ ว่ามีกี่เม็ด ถ้าทายผิดจะต้องถูกเขกเข่า กี่ทีตามที่ตนเอง ทายจนเหลือเม็ดสุดท้าย คนทายจะถือเม็ดไว้ในมือ แล้ววนพร้อมกับร้องเพลงประกอบ เมื่อร้องจบเอา มือหนึ่งกำไว้ งอข้อศอกขึ้นต้องบนมือที่กำอีกข้างหนึ่ง

จ้ำจี้

การเล่นจ้ำจี้ ส่วนมากผู้เล่นเป็นเด็กเล็กโดยทั่วไปผู้เล่นมีจำนวน 5–7 คนเวลาเล่นผู้เล่นทุกคนจะนั่งล้อมเป็นวงและวางมือทั้งสองของตนถ้าลงไปบนพื้นห้อง ผู้เล่นคนหนึ่งจะเป็นคนร้องบทเพลง "จ้ำจี้มะเขือเปาะ" ที่ร้องว่า จ้ำจี้มะเขือเปาะ กระเทาะหน้าแว่น พายเรืออ้อนแอ้น กระแท่นต้นกุ่ม สาว ๆ หนุ่ม ๆ อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยม ๆ มอง ๆ นกขุนทองร้องกรู๊ แต่ละคนจะวางมือลงเพียงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนมือคนอื่น ๆ เมื่อร้องจบแล้วนิ้วชี้ไปตกที่นิ้วของใคร คนนั้นจะต้องหดนิ้วไว้ในอุ้งมือ แล้วร้องเพลงต่อเรื่อย ๆ จนท้ายสุดใครขาดหายมากที่สุดเป็นผู้แพ้

อ้างอิง

  1. http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=1062
  2. "การละเล่น จ้ำจี้". สำนักศิลปะและวัฒนะธรรม. สืบค้นเมื่อ 30 ตุลาคม 2562. Check date values in: |access-date= (help)

การละเล, นเด, กไทย, บทความน, องการการจ, ดหน, ดหมวดหม, ใส, งก, ภายใน, หร, อเก, บกวาดเน, อหา, ให, ณภาพด, ณสามารถปร, บปร, งแก, ไขบทความน, ได, และนำป, ายออก, จารณาใช, ายข, อความอ, นเพ, อช, ดข, อบกพร, อง, เป, นการละเล, นของเด, กต, งแต, สม, ยโบราณ, แต, ในป, จจ, นม, . bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxngkarlaelnedkithy epnkarlaelnkhxngedktngaetsmyobran aetinpccubnmkimkhxyidphbehnkarlaelnpraephthehlaniknbxynk ephraayukhsmythiepliynip enuxha 1 makanklwy 2 kraoddechuxk kraoddhnngyang kraoddhnngstik 3 krataykhaediyw 4 tnget 5 bxllundan bxllunopng 6 omraeriykchux yddwng 7 elnhwng 8 khimasngemuxng 9 kafkikh 10 mxysxnpha 11 hmailhan 12 lingchinghlk 13 lukchwng 14 ophngphang 15 ririkhawsar 16 ticb 17 chkeyx 18 hmakekb 19 caci 20 xangxing makanklwy aekikh dubthkhwamhlkthi khimakanklwy makanklwy epnkhxngelnthiedkphuchaythixyuinwysuksnchunchxbmak edkithythwipcaruckkarelnmakanklwyepnxyangdiwithithamakanklwy thangay edk samarththaelnexngid thaxyakelnmakanklwy edk kcathuxmidekhaipinswnhruxthithwiptambriewnbanthimitnklwy ephraahmubankhnithycapluktnklwyiwaethbthukhlngkhaeruxnemuxeluxkibklwythimikhwamyawphxehmaa kcatdibklwyma examidelaaexaibklwyxxk ehluxiwthiplayibelknxyephuxihepnhangma thikandanokhncamikhnadihyekuxbethakhxmuxkhxngedk danniexng edk cakakhwamyawpramanhnungkhub hruxsxngkhub aelwexamidfanaechlbdankhangkhxngkantrngthikaiwfanbang ipthangdanokhnthngsxngkhang ephuxihepnhuma phxidkhnadhuyawtamtxngkaraelwkexamuxhkkanklwytrngthikacaihepnokhnhuma kanklwykcaklayepnrupmamihumachnkhunthngsxngkhang esrcaelwkexaaekhnngimiphmaesiymplayihaehlm khwamyawpramankhubess esiybhwmathiphbexaiw esiybthaluipthikan imthiesiybkcamilksnaehmuxnsaybngehiynthiphukpakmakbkhxma esrcaelwkthaechuxkklwymaphukdanhwmaaelahangma thaepnsaysaphayba aekhnikesrc haaekhnngimiphma 1 xn thaepnaeskhima txnnikphrxmthicaelnmakanklwyidaelwkarelnmakanklwykaelwaetedk cakhideln echn elnkhwbmawingaekhngknhakhnchna khwbmacdkrabwnthphtxsukn haxawuthtamrwkhuxaekhnngimiphmathaepndabrbkn hruxcawingaekhngknepnkhu hakimmiephuxnkkhwbelnkhnediywthilanbanhruxeliywiptampaklayinswnkid 1 kraoddechuxk kraoddhnngyang kraoddhnngstik aekikh karkraoddechuxkmi 2 aebb khux karkraoddechuxkediyw aelakarkraoddechuxkhmu ichhnngstik hnngyang thkrxycnepnesnyaw hrux echuxkpx yawphxthicatwdphnsirsa khmwdhw thayephuxknechuxkluy ewlaelnaekwngechuxkdwymuxthngsxngkhang aelwkraoddkhunlngtrngklang karkraoddechuxkhmucaichechuxkthiyawkwa miphuelnsxngkhncbhwthaykhanglakhn khxyaekwng hruxikw echuxk samarthkraoddidphrxmknhlay khn krataykhaediyw aekikh dubthkhwamhlkthi krataykhaediyw karelnilcbchnidhnung odykhnthiepnkratay yundwykhakhangediyw aelwkraodd ekhyng ekhluxnthiilcb aetathuktw edkkhnxun phayinphunthithikahnd thaikhrodncbidktxngxxkcakkaraekhngkhnephuxrxrxbtxip tnget aekikh karkraoddkhaediywipphayinchxngsiehliymthikhidkhunbnphun khnad 5 aethw khun 2 khxlmn rwm 10 chxng thilachxng bxllundan bxllunopng aekikh edkaebngepnsxngthim epnthimdkcb kbthimhni odythithimcb aetlakhncatngdanwingidechphaatamaenwesntrng aelaesnnxn khxngphun danaerkcacbmuxthimhnikxnthngsxngfngsayaelakhaw aelwkchuaekhnkhun phudwabxllun lakyaw aelaphudwaopng sinsudkhawaopngihthimhniwingipphandanihid odyhlbhlikwngaekhndkcb wingphanlngipcnsuddan aelwwingyxnklbkhunipyngcuderimtn thaphanhmdthukdankcachna omraeriykchux yddwng aekikh ichlukpingpxngoynkhunsungehnuxhwrawhnungchwngtw aelwexychuxkhnxun ihekhamarbthitkkraedngkhunmacakphun hnungkhrngethann hakwingmarbimthninkarkradxnhnungkhrng thuxwarbimid ihlukpingpxng aelwkhwangihodnedkkhnxun odnikhr khnnnkesiynxng sungmkcaecbaepdwngklm aedng cbrxblangaetm erimelnknihmkhxkhwrrawngkhxngphuaephthithukcb khunaethn hakyunkhaimchidkn cnlukpxng rxdkha caidrbrangwlihpaephimxik 5 khrng swn kha 10 kechnkn thapaaelwtidkhahwangkha caodnephimxik 10khwamchuxtxngwingmarbihthn emuxeriykchuxaelw edkthiehlux kcahuxhnixxkhanglukpingpxng ephraaklwodnpathuk hakedkthithukeriykchuxrblukpingpxngidinkarkraednghnungkhrng thukkhnkcahuxklbmalxmwngrxeriykchuxihmxikkhrng rwmthungcachuxephuxn thirwmelnthierabxkthnghmd elnhwng aekikh hwng epnxupkrnkarelnthipradisthcakimiph sungehlacnimmikhmehluxxyu naplaythngsxngkhangmaphukepnwngklm elnodykarnaekhamarxnthiexw echnediywkbkarelnhwnginpccubn niymelnknepnklum karlaelnnicathaihedk snukkbkarxxkkalngkay aelaidphbpaephuxnfung khimasngemuxng aekikh aebngphuelnxxkepnsxngfay aelweluxkphueln 1 khn maelnepnecaemuxng faythierimkxncakrasibkhwamlbihecaemuxngthrab xaccaepnchuxkhnhruxeruxngthitklngkniw thafaytrngkhamthaythukecaemuxngcabxkwa opng faythithaythukkcachna aelaidfayaerkepnechly thathayphidkcatxngtkepnechly fayidtkepnechlyhmdkxn txngepnmaihxikfayhnungkhihlngipsngemuxng kafkikh aekikh bangaehngeriykkwa chingikheta phuelnepnxikahruxetacaekhaipxyuinwngklmthikhidiw khnxun xyunxkwngklm phyayamaeyngexakxnhinthismmutiwaepnikhmaihid xikahruxetacapdpayaekhnkhaipma thaodnphuidphunncatxngmaelnepnxikaaethnthnthi aetthaikhthukaeynghmd xikahruxetacatxngiptamhaikhthiphuxunsxniw hakhaimphbcathukcunghuiphaikhthisxniw epnkarlngoths othkethkxaceriykchuxaetktangknxxkiptamaetlathxngthin epnkarlaelnthiichxupkrnthithamacakimiph prakxbdwythxnimsnsungepnthiehyiybsahrbyun miphaphnephuximihecbngametha imthxnyawsahrbichepntwyuncb ewlaelntxngphyayamthrngtwedincathaihrusukwakhayawkhun edk xaccaaekhngkhnknwaikhrsamarthediniderwkwakn mxysxnpha aekikh thukkhnnnglxmwngchwyknrxngwa mxysxnpha tuktaxyukhanghlng iwonniwni chncatiknethx mxycathuxphaedinrxbwngaelwaexbhyxnpha iwkhanghlngphuelnkhnidkhnhnung hakphuelnkhnnnrutwkxnkcahyibphamailtimxy aelwwingmanngthiedim aethakwamxyedinklbmaxikrxbhnung aelwphuelnkhnnnyngimrutw kcathukmxyexaphatihlng aelatxngelnepnmxyaethn hmailhan aekikh eluxkphuelnkhnhnungepnhmawingil xikkhnhnungepnhanwinghni phuelnnxknncbmuxlxmknepnwng emuxhancwntwkcawinglxdekhaipinwnglxm phuthielnepnpratutxngphyayam knimihhmaekhaipinhruxnxkwngthnhan ktikamixyuwachwngidthiphuelnepnpratuphaknnnglng thuxepnkarpidpratu hakhanidilthnaelaodncbidkthuxwaaeph lingchinghlk aekikh eluxkphuelnkhnhnungsmmutiwaepnlingimmihlk yunxyuklangwng phuelnthiehluxyunekaahlkkhxngtn ichkhnsmmutiepnhlkkid xyurxbwng ktikakhuxphuelnepnlingmihlkcatxngslbhlkeruxy lingtwthiimmihlkkcatxngphyayamaeynghlkkhxngtwxunihid thawingerwkwakcaidhlkipkhrxng lingthichakwakcaklayepnlingchinghlk khxyaeynghlkkhnxuntxip lukchwng aekikh ichphaechdhnaphunihyhruxesshyaaehngmaphukpmepnlukchwng aebngphuelnepn 2 fay ethakn erimelndwykaroynlukchwngihxikfayhnungrb thafaytrngkhamrbidkcatxngexalukchwngnnpaklb mayngfaythioynma thapathuktwphuelnkhnidkhnhnung faythioynmakcaidkhaaenn khwamsnukcaxyuthililainkarhlxklx chingihwchingphrib khxngkarhlbaelakarpalukchwng sungxaccathaihxikfayhnungsbsn ophngphang aekikh phuthielnepn pla cathukphuktaaelwhmun 3 rxb phuelnxikkhnxunlxmwngrxngwa ophngphangexy saephaekhalxd puplatabxd ekhalxdophngphang cbaelwthamwa plaepnhruxplatay thaplatxbwa platay aeplwahamkhyb aetthatxbwa plaepn kkhybid hakphuelnepnpla aetathuktwkhnidkhnhnungaelwthaychuxthuk phunncatxngklayepnplaaethn thaimthukkihthayihmophngphang khux chuxkhxngkbdkplachnidhnung ririkhawsar aekikh ihphuelnsxngkhn ichsxngmuxcbkn aelwykokhngkhunesmuxnsumpratu phuelnthiehluxexamuxcbexwedinepnaethwlxdpratunnip phrxmkbrxngwa ririkhawsar sxngthanankhawepluxk edknxytaehluxk eluxkthxngiblan khdkhawiscan ekbebiyitthunran phanexakhnkhanghlngiwihdi emuxthungkhasudthay sumpratukcaldmuxlng kktwphuelnthiedinphanma phuelnthithukkktwcathukkhdxxk hruxxaccathuklngothsdwykarihrahruxthathathangxairkid ticb aekikh aebngphuelnepnsxngfay miesnaedntrngklang twaethnfaythirukcatxngsngesiyng ti imihkhadesiyng aelacatxngphyayamaetatwkhnidkhnhnung khxngfayrbmaepnechly swnfayrbhakehnwakhnthirukmakalngcahmdaernghayic cathxyklbkcaphyayamcbtwiwihid hakkhnthirukekhamakhadesiyng ti kxnklbekhaaednkhxngtn kcatxngtkepnechlykhxngxikfay chkeyx aekikh ichechuxkesnihyyawphxpramankbcanwnphueln aebngphuelnepnsxngfay miesnaedntrngklang emuxsyyanerim thngsxngfaycaerimxxkaerngdungechuxk odyphyayamdungfaytrngkhamihekhamainaednkhxngtn hakphuaekhngkhnepnchayhnungfayaelahyingfayhnung xaccakahndihfayhyingmicanwnmakkwachaykid epnkarlaelnithysxnihruckkhwamsamkhkhiaelaepnkarxxkkalngkayipintwdwy hmakekb aekikh canwnphueln canwnphueln 2 4 khn withieln ichkxnkrwdthimilksnaklm 5 kxn esiyngthaywaikhrcaelnkxn odywithikhunran khux thuxhmak thnghaemdiwaelwoynphlikhngayhlngmuxrb aelwphlikmuxklbrbxikthi ikhrehluxhinxyuinhinxyuinmuxmakthisud khnnnelnkxn mithnghmd 5 hmak hmakthi 1 thxdhmakihhang kn eluxkluknaiw 1 emd khwrichemdkrwdthihangthisud oynemdnakhun aelwekbthilaemdphrxmkbrbluknathihlnlngmaihid tharbimidthuxwa tay khnathihyibemdthithxdnn thamuxipthukemdxunthuxwa tay hmakthi 2 ekbthila 2 emd hmakthi 3 ekbthila 3 emd hmakthi 4 ichopa imthxd khux thuxhmakthnghmdiwinmux oynluknakhunaelwopaemdthiehluxlngphun aelwrwmthnghmdthithuxiw khinran idkiemdepnaetmkhxngkhnnn thakhunranemdhlnhmd ichhlngmux rbimid thuxwa tay imidaetm khnxunelntxip thaikhrtayhmakihnkerimtnhmaknn swnmak kahndaetm 50 100 aetm emuxaetmiklcakhrb ewlakhunrantxngkhxyrawngimihekinaetmthikahnd thaekin ipethair hmaythungwatxngerimtnihmodyidaetmthiekinipnn withielnhmakekbnimiphlikaephlnghlayxyang echn oynluknakhunekbthilaemd emuxekbidemdhnungkoyn khunphrxmkblukna 2 3 4 emd tamladb hmak 2 3 4 kelnehmuxnkn oynkhunthnghmd eriykwa hmakphwng thaoynluknakhunelnhmak 1 2 3 4 aetphlikkhangmuxkhunrbluknaihekhainmuxrahwangniw opngaelaniwchi odythaepnrupwngklmetriymiweriyk hmakcub thaichmuxsaypxng aelaekhiyhmakihekhain muxnnthilalukinhmak 1 2 3 aela 4 tamladb eriykwa xikaekharng thaekhiyimekhacatay thaichniw klangkbniwhwaemmuxynphun niwxunplxythaepnrupsumpratu ekhiyhmakxxkeriykwa xikaxxkrng thaich niwklangkbniwhwaemmux khdepnwngklm niwchichtrngniw nxknnynphunepnruprupu eriykwa rupu emuxcb ekmkarelnaelwcamikarkathay phuchnacathayphuaeph wamikiemd thathayphidcatxngthukekhkekha kithitamthitnexng thaycnehluxemdsudthay khnthaycathuxemdiwinmux aelwwnphrxmkbrxngephlngprakxb emuxrxngcbexa muxhnungkaiw ngxkhxsxkkhuntxngbnmuxthikaxikkhanghnung caci aekikh karelncaci swnmakphuelnepnedkelkodythwipphuelnmicanwn 5 7 khnewlaelnphuelnthukkhncannglxmepnwngaelawangmuxthngsxngkhxngtnthalngipbnphunhxng phuelnkhnhnungcaepnkhnrxngbthephlng cacimaekhuxepaa thirxngwa cacimaekhuxepaa kraethaahnaaewn phayeruxxxnaexn kraaethntnkum saw hnum xabnathaihn xabnathawd exaaepngthiihnphd exakrackthiihnsxng eyiym mxng nkkhunthxngrxngkru aetlakhncawangmuxlngephiyngkhangediyw xikkhanghnungichniwchicimlngbnmuxkhnxun emuxrxngcbaelwniwchiiptkthiniwkhxngikhr khnnncatxnghdniwiwinxungmux aelwrxngephlngtxeruxy cnthaysudikhrkhadhaymakthisudepnphuaeph 2 xangxing aekikh http www m culture go th detail page php sub id 1062 karlaeln caci sanksilpaaelawthnathrrm subkhnemux 30 tulakhm 2562 Check date values in access date help ekmhmakhxs http www childthai org thaiplayr thaiplay htmekhathungcak https th wikipedia org w index php title karlaelnedkithy amp oldid 8999532, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม