fbpx
วิกิพีเดีย

การแกะรอยในเพชรพระอุมา

การแกะรอยในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้นำเอาทักษะ วิชาความรู้และวิธีการการแกะรอย สะกดรอย สอดแทรกไว้ในเพชรพระอุมา โดยผ่านตัวละครที่มีอาชีพพรานป่าหรือพรานนำทาง สะท้อนให้เห็นถึงการติดตามร่องรอยเช่นเครื่องหมายต่าง ๆ ตามพื้นดิน กิ่งไม้ ร่องรอยการขูดขีดตามต้นไม้ใหญ่ หรือร่องรอยของสัตว์หรือมนุษย์ ที่ได้ทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ รองรอยของสัตว์ป่าส่วนใหญ่ที่พรานป่านิยมใช้ในการแกะรอยคือรอยเท้า ร่องรอยการถูไถของร่างกายกับกิ่งไม้หรือบริเวณโคนต้นไม้ กลิ่นปัสสาวะและร่องรอยของเลือดในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ การตามรอยสัตว์ในชั้นเชิงของพรานป่า จะสำรวจสภาพของป่าและสภาพแวดล้อมบริเวณป่า เนื่องจากสภาพของป่ามีความแตกต่างกันตามสภาพของภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศ

การแกะรอยสัตว์นั้น พรานป่าผู้ชำนาญการแกะรอยจะสังเกตสภาพแวดล้อมของป่าก่อนทำการแกะรอย ถ้าป่าที่ตามแกะรอยสัตว์เป็นป่าดงดิบ อันตรายในการแกะรอยย่อมมากกว่าการแกะรอยในป่าดิบชื้นหรือป่าเบญจพรรณ ต้นไม้น้อยใหญ่ในป่า จึงมีความแตกต่างกันตามแต่ชนิดของป่า ป่าดงดิบส่วนใหญ่ต้นไม้ที่เจริญเติบโตในป่าได้แก่ ยางโอน ยางแดง สัก มะหวด ล้านช้าง มะเดื่อปล้อง นอกจากไม้ใหญ่ที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าแล้ว แหล่งไม้เถาไม้เลื้อยในป่า ก็ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอีกหลายชนิด เช่น ค่างแว่น ลิง ชะนีหน้าขาว กระรอกดำ หมี กระแต เป็นต้น

การแกะรอย

พนมเทียนได้นำความรู้เรื่องการแกะรอย และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการแกะรอยไว้ในเพชรพระอุมา ได้แก่ความรู้ในการแกะรอยเพื่อติดตามสัตว์และการแกะรอยเพื่อติดตามบุคคล โดยการใช้เครื่องหมายเพื่อกำหนดสัญลักษณ์หรือทำร่องรอยเอาไว้ การกำหนดสัญลักษณ์สามารถกำหนดได้จากสัตว์หรือบุคคลที่ถูกแกะรอยได้สร้างหรือทิ้งไว้ ในการแกะรอยเพื่อตามล่าสัตว์ ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้สะท้อนทักษะและวิชาความรู้ในเชิงพรานของรพินทร์ ไพรวัลย์ ให้เห็นถึงลักษณะและร่องรอยที่พรานป่า นิยมใช้เป็นสิ่งสำคัญในการแกะรอยติดตามสัตว์หรือกลุ่มคนดังนี้

การแกะรอยเลือด

การแกะรอยเลือดสัตว์ในเพชรพระอุมา เป็นการตามร่องรอยการหยดของเลือดจากบาดแผลของสัตว์ที่ถูกยิง ร่องรอยของเลือดอาจเกิดจากการปะทะกันระหว่างพรานป่าและสัตว์ หรือเป็นการการตามร่องรอยเลือดของสัตว์ที่ถูกยิงจากห้าง สัตว์ป่าเมื่อได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง จะเตลิดหนีเข้าป่าเพื่อเอาตัวรอด แต่จะทิ้งร่องรอยของหยดเลือดเอาไว้ตามทางที่หลบหนี พรานป่าจะใช้ร่อยรอยหยดเลือดของสัตว์ในการแกะรอยเพื่อให้ได้ตัว ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้นำเอาทักษะ ความรู้และประสบการณ์ในการเดินป่าของตนเอง สะท้อนถึงความสำคัญในการแกะรอยเลือดของสัตว์ผ่านทางรพินทร์ ไพรวัลย์ และคณะนายจ้าง

การแกะรอยเลือดของสัตว์ ร่องรอยของเลือดที่ไหลจากบาดแผลจะเป็นร่องรอยบนพื้นดิน หยดเลือดจะหยดเป็นทางยาวติด ๆ กัน หรือหยดเลือดจะหยดเป็นระยะทางที่ห่างกัน พรานป่าผู้ชำนาญทางในการแกะรอย สามารถอ่านร่องรอยการหยดของเลือกและสามารถแกะรอยเลือดถึงอาการบาดเจ็บของสัตว์ที่ถูกยิงได้ รวมถึงความฉกรรจ์ของบาดแผล รอยเลือดที่ปรากฏในเพชรพระอุมา ส่วนมากเกิดจากการถูกยิงจากคณะนายจ้าง พรานป่าและรพินทร์ไพรวัลย์ การแกะรอยเลือดของสัตว์ที่ถูกยิง พรานป่าจะสังเกตการหยดของเลือดที่พื้นดิน ถ้าหยดเลือดหยดถี่ ๆ ติดกัน หมายถึงสัตว์ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ไกลมากนัก

พนมเทียนกำหนดให้รพินทร์ ไพรวัลย์ พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ ร่วมออกติดตามในการแกะร่องรอยเลือดของเอิ้น ลูกหาบที่ถูกไอ้กุด เสือสมิงที่แอบย่องมาคาบลูกหาบในคณะเดินทางไปเป็นอาหาร พร้อมกับลากศพไปแอบซ่อนไว้ รพินทร์ใช้หลักการแกะรอยเลือดของเอิ้นที่หยดเป็นทางหายเข้าไปในป่า รอยเลือดที่ไหลจากศพเป็นจำนวนมาก เว้นระยะห่างกันเป็นหย่อม ๆ และเริ่มถี่ขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่งถึงที่ซ่อนของศพเอิ้น การแกะรอยเลือดของสัตว์ สามารถเป็นการบ่งบอกถึงบาดแผลของสัตว์ที่ถูกยิงได้

พนมเทียนได้นำเอาทักษะความรู้ในการสังเกตรอยหยดเลือดและการคาดคะเนของบาดแผล สอดแทรกในเพชรพระอุมาผ่านทางพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย ที่มองเห็นหยดเลือดของไอ้แหว่ง ช้างใหญ่เกเรที่ถูกกระสุนปืนผ่านผ่านเข้ากลางลำตัวแล้วทะลุเลยออกไป ถึงแม้กระสุนจะไม่ฝังใน แต่เลือดของไอ้แหว่งกลับหยดเป็นทางจำนวนมาก ทำให้ไชยยันต์สามารถคาดคะเนได้ถึงการจบชีวิตของไอ้แหว่งในอีกไม่นาน

การแกะรอยหยดเลือด นอกจากจะเป็นการแกะรอยเพื่อตามล่าสัตว์ที่ถูกอาวุธปืนแล้ว รอยเลือดของสัตว์ยังเป็นร่องรอยชี้ชัดอย่างชัดเจนถึงการถูกกระสุนปืน ซึ่งการยิงสัตว์ในตอนกลางคืน นอกจากจะมองเห็นเป้าหมายไม่ถนัดแล้ว การเหนี่ยวไกปืนยิงออกไปยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า กระสุนปืนถูกสัตว์ที่ยิงหรือไม่ ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้สะท้อนให้เห็นถึงการแกะรอยเลือดของสัตว์ที่ถูกยิงในตอนกลางคืน ที่ทิ้งร่องรอยของการดิ้นทุรนทุรายจากการเจ็บปวด ผ่านทางการยิงปืนของเชษฐา ที่ยิงไอ้กุดที่หวนย้อนกลับมากินซากของเอิ้น ลูกหาบที่ถูกกัดตาย ร่องรอยเลือดของไอ้กุดที่ถูกยิงในตอนกลางคืน แสดงถึงความเจ็บปวดจากการถูกยิง ร่องรอยของการดิ้นเป็นวงกลมพร้อมกับเลือดที่กระเซ็นไปทั่วบริเวณ

การแกะรอยบนพื้นดิน

 
รอยเท้ากวางที่ใช้ในการแกะรอย

การแกะรอยบนพื้นดินสัตว์ส่วนใหญ่ พรานป่าจะมีวิธีการแกะรอยอยู่ 2 วิธีคือ การแกะรอยสัตว์เมื่อยังมองไม่เห็นตัวสัตว์ และ การแกะรอยสัตว์ภายหลังจากสัตว์ได้รับบาดเจ็บ การแกะรอยสัตว์โดยที่พรานป่าหรือพรานนำทางยังมองไม่เห็นตัวสัตว์นั้น เป็นการแกะรอยสัตว์ที่ไม่ค่อยเสี่ยงอันตรายเท่าที่ควร ความระมัดระวังในการแกะรอยไม่ค่อยสูง แตกต่างจากการแกะรอยสัตว์ภายหลังจากสัตว์ได้รับบาดเจ็บ ที่ต้องอาศัยการระมัดระวังในการจู่โจมของสัตว์ที่ได้รับอันตราย เพราะสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง มักจะหลบซ่อนอำพรางตัว และจู่โจมเข้าทำร้ายพรานโดยไม่รู้ตัว แต่การแกะรอยสามารถทำได้สะดวก โดยการสังเกตร่องรอยของเลือดจากบาดแผลที่ตกติดตามใบไม้และพื้นดิน

การแกะรอยสัตว์ในช่วงฤดูฝน พรานป่าจะสามารถแกะรอยสัตว์ได้อย่างง่ายดายโดยสังเกตจากรอยเท้าของสัตว์ที่ปรากฏบนพื้นดิน หรือบริเวณใบไม้ที่ร่วงหล่นลงพื้นดินและสัตว์ได้เหยียบย่ำผ่านไป ถ้าในช่วงฤดูร้อน พรานป่าจะสังเกตร่องรอยของสัตว์และแกะรอยจากเปลือกไม้ บริเวณโคนต้นไม้และยางไม้ที่สัตว์แหยีบย่ำและเดินผ่านไป การแกะรอยสัตว์บนพื้นดิน พรานป่าสามารถสังเกตร่องรอยดินโคลนจากรอยเท้าสัตว์ ที่ติดตามใบไม้หรือกิ่งไม้ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้พรานป่าสามารถคาดคะเนขนาดของสัตว์ที่แกะรอยได้ด้วย

ถ้าพรานป่าที่ทำการแกะรอย พบร่องรอยของสัตว์เดินนำไปข้างหน้าในลักษณะมุ่งตรงไม่มีการวกวนย้อนกลับ แสดงว่าสัตว์ที่ทำการแกะรอยนั้นเดินอย่างรวดเร็วและเดินไประยะไกล แต่ถ้ารอยเท้าของสัตว์ที่แกะรอยมีลักษณะการเดินที่วกวน แสดงว่าสัตว์ที่ถูกแกะรอยนั้นเดินช้า และจะเดินอยู่ในระยะใกล้ตัวของพราน ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังและสำรวจบริเวณรอบ ๆ ตัว พร้อมกับรีบเดินทางลัดไปคอยดักสัตว์อยู่ข้างหน้า

การแกะรอยปัสสาวะ รอยมูล

การแกะรอยปัสสาวะของสัตว์ เป็นการแกะรอยในการออกติดตามสัตว์ที่อพยพย้ายถิ่นฐาน ซึ่งจะทิ้งหลักฐานในการเดินทางให้พรานป่าได้ใช้ในการแกะรอยจำนวนมาก เช่นรอยเท้าในการเดินทาง รอยถูไถกับต้นไม้ รอยการนอนแช่ในโตรกหรือแอ่งน้ำ รวมทั้งรอยปัสสาวะอีกด้วย ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้การตามรอยปัสสาวะของฝูงกระทิงที่ล่วงหน้าไปก่อนคณะเดินทางและพบเห็นเป็นคนแรกคือพรานจัน ซึ่งพบร่องรอยของปัสสวาะของฝูงกระทิงที่จอมปลวก

รอยปัสสาวะของสัตว์ สามารถบ่งบอกถึงตำแหน่งที่อยู่ของตัวมันเองให้แก่พรานป่าหรือนักล่าสัตว์ได้ทราบ รอยปัสสาวะที่ยังสดและใหม่ส่วนมากจะเป็นฟองและสีของปัสสาวะยังใสไม่ขุ่น การสังเกตรอยปัสสาวะของพรานป่า จะใช้วิธีการสังเกตจากฟองของปัสสาวะ ถ้าปัสสาวะยังเป็นฟอง แสดงว่าสัตว์นั้นเพิ่งถ่ายเอาไว้ได้ไม่นาน ซึ่งใช้เป็นข้อสันนิษฐานอย่างดีให้กับพรานป่า ว่าสัตว์ที่ติดตามแกะรอยนั้นเพิ่งผ่านบริเวณนั้นไปไม่นาน นอกจากจะเป็นการทิ้งหลักฐานและร่องรอยให้แกะรอยเพื่อติดตามแล้ว รอยปัสสาวะยังสามารถบ่งบอกถึงทิศทางในการมุ่งหน้าเดินทางของสัตว์ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับรอยปัสสาวะของควายป่าเขาเก ที่ทิ้งเอาไว้ให้รพินทร์และดารินใช้ในการแกะรอยเพื่อติดตามในการสังหาร

รอยมูลสัตว์ เป็นร่องรอยที่สัตว์ป่าทิ้งไว้เช่นเดียวกับรอยปัสสาวะ การสังเกตและแกะรอยมูลสัตว์ ส่วนใหญ่พรานป่าผู้ชำนาญทางด้านแกะรอย จะแกะรอยสัตว์ด้วยปัสสาวะและมูลสัตว์ไปพร้อมกัน มูลสัตว์นอกจากจะเป็นการบ่งบอกถึงร่อยรอยการกินของสัตว์แล้ว ยังเป็นการบ่งชี้ตำแหน่งที่อยู่เช่นเดียวกับปัสสาวะ ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้รพินทร์ ไพรวัลย์และพรานจัน แกะร่องรอยของไอ้แหว่งจากมูลที่ถ่ายเอาไว้ ภายหลังจากได้กินต้นไม้ใบไม้ หน่อกล้วยที่เป็นอาหารโปรดและถ่ายมูลทิ้งเอาไว้บริเวณริมป่าละเมาะ และร่องรอยการถ่ายมูลทิ้งเอาไว้ตามพื้นดิน ที่สามารถบอกถึงระยะเวลาในการถ่ายมูลและออกเดินทางของไอ้แหว่ง

การแกะรอยเท้า รอยนอน ฟองน้ำลาย

 
รอยเท้ามนุษย์ที่ใช้ในการแกะรอย

การแกะรอยเท้า รอยนอน ฟองน้ำลาย เป็นการแกะร่องรอยของสัตว์ที่พรานป่าส่วนใหญ่ นิยมใช้เพื่อติดตามล่าสัตว์ป่าที่ต้องการ เป็นการแกะรอยติดตามพฤติกรรมของสัตว์ หรือเป็นการแกะร่องรอยของสัตว์ที่ได้ทิ้งเอาไว้ ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้นำเอาการแกะรอยเท้า รอยนอนและฟองน้ำลายของสัตว์ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นพรานมืออาชีพของรพินทร์ ไพรวัลย์ เมื่อมองเห็นร่องรอยของสัตว์ ก็สามารถบอกกล่าวแก่คณะนายจ้างให้ทราบถึงร่องรอยของกระทิงที่ทิ้งเอาไว้

ในเพชรพระอุมา ฝูงวัวกระทิงพากันมานอนแช่น้ำอยู่ในโตรก พร้อมกับทิ้งร่องรอยของรอยเท้าที่เหยียบย้ำลงบนผิวดินที่เต็มไปด้วยโคลน รอยการตะกุยของดิน ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการแกะรอยเท้าและร่องรอยการนอนของกระทิง พร้อมกับเศษไบไม้ที่หล่นเกลื่อนกลาดพร้อมกับฟองน้ำลายที่ติดอยู่ตามใบไม้

การแกะรอยเท้านั้น นอกจากจะใช้แกะรอยเท้าสัตว์แล้วยังสามารถนำมาใช้ในการแกะรอยเท้าของมนุษย์ได้อีกด้วย พรานป่าจะใช้วิธีการสังเกตรอยเท้าของมนุษย์ที่ปรากฏตามพื้นดิน แอ่งน้ำและในโคลนตม เพื่อเป็นร่องรอยสำคัญในการออกติดตามค้นหา ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้รพินทร์ ไพรวัลย์ แนะนำให้หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ แกะรอยเท้าของแงซายที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ภายหลังจากออกติดตามรอยกระทิง ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน และยังเป็นการกำหนดทิศทางการเดินของสัตว์ในการแกะรอยได้อีกด้วย

การแกะรอยดินทลาย รอยเลือดที่รากไม้

การแกะรอยดินทลาย รอยเลือดที่รากไม้ เป็นการสังเกตสภาพแวะล้อมและร่องรอยของสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ การแกะรอย รอยดินทลาย รอยเลือดที่รากไม้ เป็นการแกะรอยระดับต่ำของสายตา เช่นรอยเท้าสัตว์บนพื้นดินที่สัตว์ทิ้งไว้เป็นหลักฐาน พรานป่าใช้ร่องรอยในการกำหนดทิศทางของการแกะรอย ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้รพินทร์ ไพรวัลย์ ตามแกะรอยของไอ้กุดที่คาบศพเอิ้น ลูกหาบที่แอบย่องเข้ามาขบกัดจนเสียชีวิต ร่องรอยการคาบศพเป็นทางยาว ผ่านห้วยและบริเวณป่าละเมาะ และร่องรอยของการพังทลายของดินที่บริเวณรินตลิ่ง ที่เกิดจากการคาบศพไว้ในปากและกระโดดข้ามไป

การทิ้งร่องรอยดินทลายของไอ้กุด เป็นการทิ้งร่องรอยเพื่อให้รพินทร์ติดตามไปจนพบศพเอิ้น โดยลากศพขึ้นไปไปยังริมตลิ่ง แล้ววกต่ำลงห้วย เพื่ออำพรางให้รพินทร์เข้าใจว่ามันคาบศพขึ้นไปยังที่สูง เกิดเป็นรอยดินและรอยเลือดติดอยู่กับรากไม้ เป็นการบ่งชี้ว่าไอ้กุดคาบศพลูกหาบวกกลับลงห้วยอีกครั้ง

อ้างอิง

  1. ลักษณะของป่า, พันโทบุญสืบ ลือศิริ, เอกสารประกอบวิชาการรบพิเศษหลักสูตรนายสิบชั้นอาวุโส, 2534, หน้า 3
  2. สังคมพืชในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง, บุญชู ธงนำชัยมา, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง, 2540, หน้า 11
  3. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 235, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 235
  4. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนดงมรณะ เล่ม 1 หน้า 322, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 322
  5. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 280, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 280
  6. พรานอาชีพ, สุภาคย์ อินคงทอง, สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ เล่ม 11, 2544, หน้า 5242-5242
  7. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 421, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 421
  8. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 2 หน้า 1077, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 1077
  9. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 478, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 478
  10. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 301, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 301
  11. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 418, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 418
  12. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 244, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 244

การแกะรอยในเพชรพระอ, มา, พนมเท, ยนได, นำเอาท, กษะ, ชาความร, และว, การการแกะรอย, สะกดรอย, สอดแทรกไว, ในเพชรพระอ, มา, โดยผ, านต, วละครท, อาช, พพรานป, าหร, อพรานนำทาง, สะท, อนให, เห, นถ, งการต, ดตามร, องรอยเช, นเคร, องหมายต, าง, ตามพ, นด, งไม, องรอยการข, ดข, ดตาม. karaekarxyinephchrphraxuma phnmethiynidnaexathksa wichakhwamruaelawithikarkaraekarxy sakdrxy sxdaethrkiwinephchrphraxuma odyphantwlakhrthimixachiphphranpahruxphrannathang sathxnihehnthungkartidtamrxngrxyechnekhruxnghmaytang tamphundin kingim rxngrxykarkhudkhidtamtnimihy hruxrxngrxykhxngstwhruxmnusy thiidthingiwtamcudtang rxngrxykhxngstwpaswnihythiphranpaniymichinkaraekarxykhuxrxyetha rxngrxykarthuithkhxngrangkaykbkingimhruxbriewnokhntnim klinpssawaaelarxngrxykhxngeluxdinkrnithiidrbbadecb 1 kartamrxystwinchnechingkhxngphranpa casarwcsphaphkhxngpaaelasphaphaewdlxmbriewnpa enuxngcaksphaphkhxngpamikhwamaetktangkntamsphaphkhxngphumipraethsaelasphaphphumixakaskaraekarxystwnn phranpaphuchanaykaraekarxycasngektsphaphaewdlxmkhxngpakxnthakaraekarxy thapathitamaekarxystwepnpadngdib xntrayinkaraekarxyyxmmakkwakaraekarxyinpadibchunhruxpaebycphrrn tnimnxyihyinpa cungmikhwamaetktangkntamaetchnidkhxngpa padngdibswnihytnimthiecriyetibotinpaidaek yangoxn yangaedng sk mahwd lanchang maeduxplxng nxkcakimihythiepnaehlngthixyuxasykhxngstwpaaelw aehlngimethaimeluxyinpa kyngepnaehlngthixyuxasykhxngstweliynglukdwynanmxikhlaychnid echn khangaewn ling chanihnakhaw krarxkda hmi kraaet epntn 2 enuxha 1 karaekarxy 1 1 karaekarxyeluxd 1 2 karaekarxybnphundin 1 3 karaekarxypssawa rxymul 1 4 karaekarxyetha rxynxn fxngnalay 1 5 karaekarxydinthlay rxyeluxdthirakim 2 xangxingkaraekarxy aekikhphnmethiynidnakhwamrueruxngkaraekarxy aelasathxnihehnthungkhwamsakhyinkaraekarxyiwinephchrphraxuma idaekkhwamruinkaraekarxyephuxtidtamstwaelakaraekarxyephuxtidtambukhkhl odykarichekhruxnghmayephuxkahndsylksnhruxtharxngrxyexaiw karkahndsylksnsamarthkahndidcakstwhruxbukhkhlthithukaekarxyidsranghruxthingiw inkaraekarxyephuxtamlastw inephchrphraxuma phnmethiynidsathxnthksaaelawichakhwamruinechingphrankhxngrphinthr iphrwly ihehnthunglksnaaelarxngrxythiphranpa niymichepnsingsakhyinkaraekarxytidtamstwhruxklumkhndngni karaekarxyeluxd aekikh karaekarxyeluxdstwinephchrphraxuma epnkartamrxngrxykarhydkhxngeluxdcakbadaephlkhxngstwthithukying rxngrxykhxngeluxdxacekidcakkarpathaknrahwangphranpaaelastw hruxepnkarkartamrxngrxyeluxdkhxngstwthithukyingcakhang stwpaemuxidrbbadecbcakkarthukying caetlidhniekhapaephuxexatwrxd aetcathingrxngrxykhxnghydeluxdexaiwtamthangthihlbhni phranpacaichrxyrxyhydeluxdkhxngstwinkaraekarxyephuxihidtw inephchrphraxuma phnmethiynidnaexathksa khwamruaelaprasbkarninkaredinpakhxngtnexng sathxnthungkhwamsakhyinkaraekarxyeluxdkhxngstwphanthangrphinthr iphrwly aelakhnanaycangkaraekarxyeluxdkhxngstw rxngrxykhxngeluxdthiihlcakbadaephlcaepnrxngrxybnphundin hydeluxdcahydepnthangyawtid kn hruxhydeluxdcahydepnrayathangthihangkn phranpaphuchanaythanginkaraekarxy samarthxanrxngrxykarhydkhxngeluxkaelasamarthaekarxyeluxdthungxakarbadecbkhxngstwthithukyingid rwmthungkhwamchkrrckhxngbadaephl rxyeluxdthipraktinephchrphraxuma swnmakekidcakkarthukyingcakkhnanaycang phranpaaelarphinthriphrwly karaekarxyeluxdkhxngstwthithukying phranpacasngektkarhydkhxngeluxdthiphundin thahydeluxdhydthi tidkn hmaythungstwthithukyingidrbbadecbxyuimiklmaknkphnmethiynkahndihrphinthr iphrwly phnothhmxmrachwngsechstha wravththi hmxmrachwngsdarin wravththi rwmxxktidtaminkaraekarxngrxyeluxdkhxngexin lukhabthithukixkud esuxsmingthiaexbyxngmakhablukhabinkhnaedinthangipepnxahar phrxmkblaksphipaexbsxniw rphinthrichhlkkaraekarxyeluxdkhxngexinthihydepnthanghayekhaipinpa rxyeluxdthiihlcaksphepncanwnmak ewnrayahangknepnhyxm aelaerimthikhunepnladbcnkrathngthungthisxnkhxngsphexin 3 karaekarxyeluxdkhxngstw samarthepnkarbngbxkthungbadaephlkhxngstwthithukyingidphnmethiynidnaexathksakhwamruinkarsngektrxyhydeluxdaelakarkhadkhaenkhxngbadaephl sxdaethrkinephchrphraxumaphanthangphntriichyynt xnntry thimxngehnhydeluxdkhxngixaehwng changihyekerthithukkrasunpunphanphanekhaklanglatwaelwthaluelyxxkip thungaemkrasuncaimfngin aeteluxdkhxngixaehwngklbhydepnthangcanwnmak thaihichyyntsamarthkhadkhaenidthungkarcbchiwitkhxngixaehwnginxikimnan 4 karaekarxyhydeluxd nxkcakcaepnkaraekarxyephuxtamlastwthithukxawuthpunaelw rxyeluxdkhxngstwyngepnrxngrxychichdxyangchdecnthungkarthukkrasunpun sungkaryingstwintxnklangkhun nxkcakcamxngehnepahmayimthndaelw karehniywikpunyingxxkipyngimsamarthbngbxkidwa krasunpunthukstwthiyinghruxim inephchrphraxuma phnmethiynidsathxnihehnthungkaraekarxyeluxdkhxngstwthithukyingintxnklangkhun thithingrxngrxykhxngkardinthurnthuraycakkarecbpwd phanthangkaryingpunkhxngechstha thiyingixkudthihwnyxnklbmakinsakkhxngexin lukhabthithukkdtay rxngrxyeluxdkhxngixkudthithukyingintxnklangkhun aesdngthungkhwamecbpwdcakkarthukying rxngrxykhxngkardinepnwngklmphrxmkbeluxdthikraesnipthwbriewn 5 karaekarxybnphundin aekikh rxyethakwangthiichinkaraekarxy karaekarxybnphundinstwswnihy phranpacamiwithikaraekarxyxyu 2 withikhux karaekarxystwemuxyngmxngimehntwstw aela karaekarxystwphayhlngcakstwidrbbadecb karaekarxystwodythiphranpahruxphrannathangyngmxngimehntwstwnn epnkaraekarxystwthiimkhxyesiyngxntrayethathikhwr khwamramdrawnginkaraekarxyimkhxysung aetktangcakkaraekarxystwphayhlngcakstwidrbbadecb thitxngxasykarramdrawnginkarcuocmkhxngstwthiidrbxntray ephraastwthiidrbbadecbcakkarthukying mkcahlbsxnxaphrangtw aelacuocmekhatharayphranodyimrutw aetkaraekarxysamarththaidsadwk odykarsngektrxngrxykhxngeluxdcakbadaephlthitktidtamibimaelaphundin 6 karaekarxystwinchwngvdufn phranpacasamarthaekarxystwidxyangngaydayodysngektcakrxyethakhxngstwthipraktbnphundin hruxbriewnibimthirwnghlnlngphundinaelastwidehyiybyaphanip thainchwngvdurxn phranpacasngektrxngrxykhxngstwaelaaekarxycakepluxkim briewnokhntnimaelayangimthistwaehyibyaaelaedinphanip karaekarxystwbnphundin phranpasamarthsngektrxngrxydinokhlncakrxyethastw thitidtamibimhruxkingim sungcaepnswnchwyihphranpasamarthkhadkhaenkhnadkhxngstwthiaekarxyiddwythaphranpathithakaraekarxy phbrxngrxykhxngstwedinnaipkhanghnainlksnamungtrngimmikarwkwnyxnklb aesdngwastwthithakaraekarxynnedinxyangrwderwaelaediniprayaikl aettharxyethakhxngstwthiaekarxymilksnakaredinthiwkwn aesdngwastwthithukaekarxynnedincha aelacaedinxyuinrayaikltwkhxngphran thaihtxngephimkhwamramdrawngaelasarwcbriewnrxb tw phrxmkbribedinthangldipkhxydkstwxyukhanghna karaekarxypssawa rxymul aekikh karaekarxypssawakhxngstw epnkaraekarxyinkarxxktidtamstwthixphyphyaythinthan sungcathinghlkthaninkaredinthangihphranpaidichinkaraekarxycanwnmak echnrxyethainkaredinthang rxythuithkbtnim rxykarnxnaechinotrkhruxaexngna rwmthngrxypssawaxikdwy inephchrphraxuma phnmethiynkahndihkartamrxypssawakhxngfungkrathingthilwnghnaipkxnkhnaedinthangaelaphbehnepnkhnaerkkhuxphrancn sungphbrxngrxykhxngpsswaakhxngfungkrathingthicxmplwk 7 rxypssawakhxngstw samarthbngbxkthungtaaehnngthixyukhxngtwmnexngihaekphranpahruxnklastwidthrab rxypssawathiyngsdaelaihmswnmakcaepnfxngaelasikhxngpssawayngisimkhun karsngektrxypssawakhxngphranpa caichwithikarsngektcakfxngkhxngpssawa thapssawayngepnfxng aesdngwastwnnephingthayexaiwidimnan sungichepnkhxsnnisthanxyangdiihkbphranpa wastwthitidtamaekarxynnephingphanbriewnnnipimnan nxkcakcaepnkarthinghlkthanaelarxngrxyihaekarxyephuxtidtamaelw rxypssawayngsamarthbngbxkthungthisthanginkarmunghnaedinthangkhxngstwidxikdwy echnediywkbrxypssawakhxngkhwaypaekhaek thithingexaiwihrphinthraeladarinichinkaraekarxyephuxtidtaminkarsnghar 8 rxymulstw epnrxngrxythistwpathingiwechnediywkbrxypssawa karsngektaelaaekarxymulstw swnihyphranpaphuchanaythangdanaekarxy caaekarxystwdwypssawaaelamulstwipphrxmkn mulstwnxkcakcaepnkarbngbxkthungrxyrxykarkinkhxngstwaelw yngepnkarbngchitaaehnngthixyuechnediywkbpssawa inephchrphraxuma phnmethiynkahndihrphinthr iphrwlyaelaphrancn aekarxngrxykhxngixaehwngcakmulthithayexaiw phayhlngcakidkintnimibim hnxklwythiepnxaharoprdaelathaymulthingexaiwbriewnrimpalaemaa 9 aelarxngrxykarthaymulthingexaiwtamphundin thisamarthbxkthungrayaewlainkarthaymulaelaxxkedinthangkhxngixaehwng 10 karaekarxyetha rxynxn fxngnalay aekikh rxyethamnusythiichinkaraekarxy karaekarxyetha rxynxn fxngnalay epnkaraekarxngrxykhxngstwthiphranpaswnihy niymichephuxtidtamlastwpathitxngkar epnkaraekarxytidtamphvtikrrmkhxngstw hruxepnkaraekarxngrxykhxngstwthiidthingexaiw inephchrphraxuma phnmethiynidnaexakaraekarxyetha rxynxnaelafxngnalaykhxngstw sathxnihehnthungkhwamepnphranmuxxachiphkhxngrphinthr iphrwly emuxmxngehnrxngrxykhxngstw ksamarthbxkklawaekkhnanaycangihthrabthungrxngrxykhxngkrathingthithingexaiwinephchrphraxuma fungwwkrathingphaknmanxnaechnaxyuinotrk phrxmkbthingrxngrxykhxngrxyethathiehyiybyalngbnphiwdinthietmipdwyokhln rxykartakuykhxngdin sungepnkaryunynthungkaraekarxyethaaelarxngrxykarnxnkhxngkrathing phrxmkbessibimthihlnekluxnkladphrxmkbfxngnalaythitidxyutamibim 11 karaekarxyethann nxkcakcaichaekarxyethastwaelwyngsamarthnamaichinkaraekarxyethakhxngmnusyidxikdwy phranpacaichwithikarsngektrxyethakhxngmnusythiprakttamphundin aexngnaaelainokhlntm ephuxepnrxngrxysakhyinkarxxktidtamkhnha inephchrphraxuma phnmethiynidkahndihrphinthr iphrwly aenanaihhmxmrachwngsdarin wravththi aekarxyethakhxngaengsaythithingrxngrxyexaiwphayhlngcakxxktidtamrxykrathing sungsamarthsngektehnidxyangchdecn aelayngepnkarkahndthisthangkaredinkhxngstwinkaraekarxyidxikdwy 7 karaekarxydinthlay rxyeluxdthirakim aekikh karaekarxydinthlay rxyeluxdthirakim epnkarsngektsphaphaewalxmaelarxngrxykhxngstwthiidrbbadecb karaekarxy rxydinthlay rxyeluxdthirakim epnkaraekarxyradbtakhxngsayta echnrxyethastwbnphundinthistwthingiwepnhlkthan phranpaichrxngrxyinkarkahndthisthangkhxngkaraekarxy inephchrphraxuma phnmethiynkahndihrphinthr iphrwly tamaekarxykhxngixkudthikhabsphexin lukhabthiaexbyxngekhamakhbkdcnesiychiwit rxngrxykarkhabsphepnthangyaw phanhwyaelabriewnpalaemaa aelarxngrxykhxngkarphngthlaykhxngdinthibriewnrintling thiekidcakkarkhabsphiwinpakaelakraoddkhamipkarthingrxngrxydinthlaykhxngixkud epnkarthingrxngrxyephuxihrphinthrtidtamipcnphbsphexin odylaksphkhunipipyngrimtling aelwwktalnghwy ephuxxaphrangihrphinthrekhaicwamnkhabsphkhunipyngthisung ekidepnrxydinaelarxyeluxdtidxyukbrakim epnkarbngchiwaixkudkhabsphlukhabwkklblnghwyxikkhrng 12 xangxing aekikh lksnakhxngpa phnothbuysub luxsiri exksarprakxbwichakarrbphiesshlksutrnaysibchnxawuos 2534 hna 3 sngkhmphuchinekhtrksaphnthustwpahwykhaaekhng buychu thngnachyma stweliynglukdwynminekhtrksaphnthustwpahwykhaaekhng 2540 hna 11 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 235 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 235 phnmethiyn ephchrphraxuma txndngmrna elm 1 hna 322 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 322 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 280 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 280 phranxachiph suphakhy xinkhngthxng saranukrmwthnthrrmithyphakhit elm 11 2544 hna 5242 5242 7 0 7 1 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 421 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 421 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 2 hna 1077 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 1077 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 478 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 478 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 301 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 301 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 418 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 418 phnmethiyn ephchrphraxuma txniphrmhakal elm 1 hna 244 sankphimph n banwrrnkrrm 2544 hna 244ekhathungcak https th wikipedia org w index php title karaekarxyinephchrphraxuma amp oldid 4603387, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม