วิกิพีเดีย
กิตติ รัตนฉายา
พลเอก กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และ อดีตราชองครักษ์พิเศษ
พลเอก กิตติ รัตนฉายา ม.ป.ช., ม.ว.ม., ต.จ.ว. | |
---|---|
แม่ทัพภาคที่ 4 | |
ดำรงตำแหน่ง 1 เมษายน 2534 – 30 กันยายน 2537 | |
ก่อนหน้า | พลโท ยุทธนา แย้มพันธุ์ |
ถัดไป | พลโท ปานเทพ ภูวนาถนุรักษ์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 (85 ปี) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศสยาม |
คู่สมรส | คุณหญิงสุภาภรณ์ รัตนฉายา |
อาชีพ | ทหารบก, นักการเมือง |
การเข้าเป็นทหาร | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | พ.ศ. 2499 - 2539 |
ยศ | พลเอก |
ประวัติ
พลเอก กิตติ รัตนฉายา เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 ที่บ้านกะแดะ ตำบลกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นบุตรของนายเตงและนางถวิล รัตนฉายา สมรสกับ คุณหญิงสุภาภรณ์ รัตนฉายา มีบุตร 3 คน คือ นายหงสเวส รัตนฉายา พลตรีคมกฤช รัตนฉายา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 และนายพชร รัตนฉายา
การศึกษา
- มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนศรีธรรมราชวิทยา (ศรีธรรมราชศึกษาในปัจจุบัน) จังหวัดนครศรีธรรมราช
- มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
- โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 8 (จปร.8-(พ.ศ. 2499–2504), ร่วมรุ่นเดียวกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา)
วุฒิการศึกษาเมื่อรับราชการแล้ว
- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 18 พ.ศ. 2512
- วิทยาลัยการทัพบก หลักสูตรวิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 28 พ.ศ. 2536
- วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 32 พ.ศ. 2532
การศึกษาต่างประเทศ
- หลักสูตรผู้บังคับหมวด รร.ร. ทบ.ฟอร์ดเบนนิง สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2505
- หลักสูตรรบในป่า ณ โจโฮร์บะฮ์รู มาเลเซีย
- หลักสูตรการเคลื่อนย้ายทางอากาศ ประเทศสิงคโปร์
ชีวิตราชการ
รับราชการทหารเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2504
- ผบ.มว.ปล.ผส 5 ร.พัน 3 สงขลา พ.ศ. 2504
- ผช.หน.ยก. พล.อสส (เวียดนาม) พ.ศ. 2513
- ผบ.ร.พัน 2 (นครศรีธรรมราช) พ.ศ. 2514
- ผบ.ร.5พัน 2 /รอง ผบ.จทบ.สข. (ส่วนแยกปัตตานี) (อัตราพันเอก) พ.ศ. 2520
- ผบ.ร.15 ( นครศรีธรรมราช ) พ.ศ. 2522
- ผบ.พล. ร.5 (นครศรีธรรมราช) พ.ศ. 2528
- มทภ.4 (นครศรีธรรมราช) พ.ศ. 2534
- ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก พ.ศ. 2537
ราชการพิเศษ
- ผบ.ศปศ. 51 (ปัตตานี) พ.ศ. 2508, 2511–2512
- ผบ.ฉก.421 พ.ศ. 2522–2523
- รอง ผบ.พตท.42 (ส.ฏ.) พ.ศ. 2523–2524
- รอง.ผบ.พตท.43 พ.ศ. 2524–2525
- รอง.ผบ.กกล.ผสม. ฉก. ไทย (สงขลา) พ.ศ. 2525–2528
- ผบ.กกล.ผสม. ฉก. ไทย (สงขลา) พ.ศ. 2528–2531
- รอง ผอ. ปค.ภาค 4 (นครศรีธรรมราช) พ.ศ. 2531–2534
- ผอ. ปค.ภาค 4 (นครศรีธรรมราช) พ.ศ. 2534–2537
- รับราชการและปฏิบัติงานใน 14 จังหวัดภาคใต้ตั้งแต่ปี 2504–2537 ได้รับการพิจารณาบำเหน็จสองขั้น 17 ครั้ง
ตำแหน่งราชการทางการเมืองและตำแหน่งอื่น ๆ
- สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2529
- ประธานเขตภาคใต้ตอนบน พรรคความหวังใหม่ พ.ศ. 2542
- ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง 6 มกราคม 2547
เกียรติประวัติที่สำคัญทางราชการทหาร
- ปี พ.ศ. 2506 ปฏิบัติหน้าที่นายทหารการข่าวประจำกองอำนวยการฝึกและปราบปราม จคม.ร่วมกับตำรวจสนามมาเลเซีย บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย จ. สงขลา จ.ยะลา และจ.นราธิวาส
- ปี 2514–2520 เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 5 รับผิดชอบในการปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม ผกค. ใน จ.นครศรีธรรมราช และจ. สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งชุดต่อต้าน ผกค. ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย (บ้านบางระจัน 1) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น ทสป และทสปช.
- ปี 2522–2524 เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 15 ปฏิบัติหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการพลเรือนตำรวจทหาร ที่ 42 รับผิดชอบความมั่นคงภายใน จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ ภูเก็ต ระนอง ชุมพร และพังงา
- ปี 2528 เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 และผู้บัญชาการกองกำลังผสมเฉพาะกิจไทย-มาเลเซีย รับผิดชอบปราบปราม จคม.ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซียมีผลงานด้านยุทธการหลายครั้ง
- เป็นผู้ริเริ่มใช้นโยบายยุติสงครามตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย กับ จคม.โดยการเจรจา ไทย-มาเลเซีย ทางลับ ตั้งแต่ปี 2528 จนประสบความสำเร็จร่วมกันระดับชาติ เมื่อ 2 ธ.ค. 2532
- เป็นประธานคณะทำงานแก้ปัญหามุสลิม (โครงการไทย-มุสลิมแก้ปัญหามุสลิม) อย่างไม่เป็นทางการได้ผลเป็นที่ยอมรับของชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างกว้างขวาง
เกียรติประวัติระดับนานาประเทศ
- พ.ศ. 2530 ได้รับคัดเลือกจาก CEORGETOWN UNIVERSITY และ ASIA FOUNDATION ร่วมใน “GEORGETOWN LEADERSHIP SEMINAR” กับผู้นำนักบริหาร นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ ระดับสูง ซึ่งได้รับคัดเลือก จำนวน 27 คน ในจำนวน 24 ประเทศ ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2533 ได้รับพระราชทานสายสะพายจากพระราชาธิบดีมาเลเซีย มีบรรดาศักดิ์เป็น DATO
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2538 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- พ.ศ. 2535 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- พ.ศ. 2537 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
- พ.ศ. 2515 – เหรียญชัยสมรภูมิ การรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม (ช.ส.)
- พ.ศ. 2516 – เหรียญชัยสมรภูมิ การรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด)
- พ.ศ. 2534 – เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)
- พ.ศ. 2526 – เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)
- พ.ศ. 2515 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
อ้างอิง
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2537/B/018/48.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2534/D/058/4.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/092/T_0001.PDF
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๒ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๒, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
- ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๕, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๗ ข หน้า ๑๐, ๔ พฤษภาคม ๒๕๓๗
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๑๒๐ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔, ๗ สิงหาคม ๒๕๑๕
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิดสำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๙๐ ตอนที่ ๑๘๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๒๗, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๑๐๘ ตอนที่ ๒๑๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒, ๗ ธันวาคม ๒๕๓๔
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๑๐๐ ตอนที่ ๑๐๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๒, ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๖
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๒๐๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๐๔๔, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๕