ท้าวศรีสุนทรนาฏ (แก้ว พนมวัน ณ อยุธยา)
ท้าวศรีสุนทรนาฏ มีชื่อตัวว่า แก้ว พนมวัน ณ อยุธยา (สกุลเดิม อภัยวงศ์; 5 มกราคม พ.ศ. 2396 — 15 กันยายน พ.ศ. 2473) บุตรีของพระสุพรรณพิศาล (กอง อภัยวงศ์) บุตรชายของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน อภัยวงศ์) ผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบองคนแรก
ท้าวศรีสุนทรนาฎ (แก้ว พนมวัน ณ อยุธยา) | |
---|---|
เกิด | 5 มกราคม พ.ศ. 2396 พระตะบอง ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 15 กันยายน พ.ศ. 2473 (77 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศสยาม |
คู่สมรส | เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หลวงอำนาจณรงค์ราญ (หม่อมราชวงศ์ยัน พนมวัน) |
บุตร | คุณหญิงมณี พิพิธภัณฑ์พิจารณ์ เล็ก บุนนาค หม่อมหลวงต่อ พนมวัน |
บิดามารดา | พระสุพรรณพิศาล (กอง อภัยวงศ์) (บิดา) |
ญาติ | เจ้าจอมมารดาเอี่ยมบุษบา (พี่สาว) พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี (หลานสาว) |
อนึ่งท้าวศรีสุนทรนาฏเป็นน้องสาวของเจ้าจอมมารดาเอี่ยมบุษบา พระชายาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (ซึ่งเจ้าจอมมารดาเอี่ยมบุษบาเป็นทวดในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ) ทั้งนี้ท้าวศรีสุนทรนาฏยังเป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ประวัติ
ชีวิตช่วงต้น
ท้าวศรีสุนทรนาฏ (แก้ว พนมวัน ณ อยุธยา) มีนามเดิมว่า แก้ว อภัยวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2396 ณ เมืองพระตะบอง เป็นบุตรีของพระสุพรรณพิศาล (กอง อภัยวงศ์) เมื่อท้าวศรีสุนทรนาฏมีอายุได้ 7 ขวบ ในปี พ.ศ. 2407 พระสุพรรณพิศาลผู้เป็นบิดาได้รับคำสั่งให้คุมไพร่พลไปรื้อปราสาทหินขนาดน้อยแห่งหนึ่งเพื่อขนเข้ามาก่อสร้างในกรุงเทพฯ เมื่อทำการครั้งนั้นพระสุพรรณพิศาลพาบุตรคนหนึ่งและท้าวศรีสุนทรนาฏไปด้วย แต่เกิดเหตุโจรเข้าปล้นฆ่าพระสุพรรณพิศาลและบุตรเสียชีวิต แต่ตัวท้าวศรีสุนทรนาฏนั้นได้รับการช่วยเหลือจากบ่าวไพร่ด้วยอุ้มพาหลบหนีไปยังเมืองพระตะบองได้ เมื่อข่าวทราบถึงกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสสั่งให้มีท้องตราออกไปยังเมืองพระตะบองว่าพระสุพรรณพิศาลเสียชีวิตในหน้าที่ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำนุบำรุงครอบครัวของพระสุพรรณพิศาลมิให้เดือดร้อน
พระยาอภัยภูเบศรผู้ว่าราชการเมืองพระตะบอง ได้ส่งท้าวศรีสุนทรนาฏเข้ามายังกรุงเทพฯ ซึ่งในขณะนั้นน้องสาวของท้าวศรีสุนทรนาฏที่ชื่อบัวได้ถวายตัวอยู่ในพระบรมมหาราชวังโดยมีพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงเดือน ทรงอุปการะ ส่วนท้าวศรีสุนทรนาฏได้รับการอุปการะจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าพระยาที่สมุหพระกลาโหม
เมื่อเจ้าพระยาที่สมุหพระกลาโหมรับไปเลี้ยง ท้าวศรีสุนทรนาฏได้หัดรำละคอนได้เรียนจากครูที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 หลายคน ซึ่งท้าวศรีสุนทรนาฏเป็นศิษย์เอกของคุณน้อยงอกซึ่งเล่นเป็นตัวไกรทองได้ดีหาที่เปรียบไม่ได้ ท้าวศรีสุนทรนาฎนั้นเล่นเป็นตัวละคอนได้หลายตัวแต่ถนัดเล่นเป็นไกรทองฝีมือวิเศษไม่มีใครเทียมในสมัยเดียวกัน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์แก่ นางแก้ว อำนาจณรงค์ราญ เป็น ท้าวศรีสุนทรนาฏ ถือศักดินา 600
เป็นครูละคร
ท้าวศรีสุนทรนาฏเป็นผู้ที่ชำนาญด้านการฟ้อนรำ ได้เป็นครูละคอนในกรมมหรสพซึ่งเป็นทั้งครูและผู้บังคับควบคุมละครผู้หญิงของวังหลวง เจ้าพระยารามราฆพได้เชิญท่านไปอยู่ที่บ้านนรสิงห์เพราะท่านเป็นครูฝึกหัดฟ้อนรำให้ เจ้าพระยารามราฆพ และพระยาอนิรุธเทวามาตั้งแต่เป็นมหาดเล็กข้าหลวงเดิม
หลังจากที่เล็ก บุตรสาวคนที่สองได้ถึงแก่กรรม ท้าวศรีสุนทรนาฏจึงรับเอาเครือแก้ว อภัยวงศ์ ซึ่งเป็นหลานมาไว้ในการดูแล ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับพระนางเจ้าสุวัทนาเข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ท้าวศรีสุนทรนาฎก็เข้าไปเป็นผู้ใหญ่อยู่ที่ตำหนัก
อนิจกรรม
ในวัยชราท้าวศรีสุนทรนาฏป่วยหลายครั้งแต่ก็สามารถแก้ให้หายเป็นปกติ จนการป่วยครั้งที่สี่ พบว่าอาการหนักมากหมดหนทางจะแก้ไข จึงถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2473 สิริรวมอายุได้ 76 ปี พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีทรงรับเป็นเจ้าภาพในงานศพของท้าวศรีสุนทรนาฏ การนี้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีเสด็จไปการพระราชทานเพลิงศพท้าวศรีสุนทรนาฏแทนพระองค์ ภายหลังพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีโปรดให้แบ่งอัฐิเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกพระราชทานใส่โกศเงินแล้วเชิญอัฐิของท้าวศรีสุนทรนาฏไปบรรจุที่เขามอวัดประยุรวงศาวาสราชวรวิหารที่ช่องบรรจุเคียงข้างเล็ก บุนนาค ธิดา ส่วนอัฐิอีกหนึ่งส่วนพระราชทานใส่โกศแก้วเจียระไนพระราชทานแก่หม่อมหลวงต่อ พนมวันไปรักษาไว้[ต้องการอ้างอิง]
ชีวิตส่วนตัว
ท้าวศรีสุนทรนาฎมีธิดากับเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) สองคนคือ
- มณี บุนนาค สมรสกับพระยาพิพิธภัณฑ์พิจารณ์ (เจริญ โชติกเสถียร) ต่อมาเป็น คุณหญิงพิพิธภัณฑ์พิจารณ์
- เล็ก บุนนาค สมรสกับพระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์) เป็นพระมารดาของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และสมรสอีกครั้งกับหลวงบริหารยุคลบาท (แหวน จารุดุล) มีบุตรสี่คน
ต่อมาหม่อมแก้วเมื่อออกจากการปกครองของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์แล้วจึงได้เป็นภรรยาของหลวงอำนาจณรงค์ราญ (หม่อมราชวงศ์ยัน พนมวัน) และมีบุตรด้วยกันคนเดียวคือ หม่อมหลวงต่อ พนมวัน โดยหม่อมหลวงต่อรับราชการอยู่ในกรมมหรสพ และหลังจากที่หลวงอำนาจณรงค์ราญถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2434 ท้าวศรีสุนทรนาฎได้พาบุตรธิดากลับออกไปอยู่กับญาติฝ่ายสกุลอภัยวงศ์ที่พระตะบอง เมื่อธิดาได้เติบโตขึ้นแล้ว ญาติฝ่ายสกุลบุนนาคเกรงว่าธิดาของเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) จะได้สามีไม่สมกัน จึงชวนให้ท้าวศรีสุนทรนาฎพาครอบครัวเข้ากรุงเทพฯ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 4 จตุตถจุลจอมเกล้า (จ.จ.)
- พ.ศ. 2467 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 3 (ว.ป.ร.3)
- เข็มพระบรมนามาภิไธยประดับเพชร ชั้น 1
- เสมาประดับเพชร ชั้น 1
- หีบทอง
อ้างอิง
- ↑ วชิรญาณสุภาษิต (PDF). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. 2555. p. 124. Text " author " ignored (help); Check date values in:
|year=
(help) - Pantip - ๘๓ พรรษา สมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ พระกุลเชษฐ์แห่งพระบรมราชวงศ์ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
- Princess Bejaratana
- ↑ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๖ - พระประสูติการ
- ↑ ส.พลายน้อย. พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2554. หน้า 200
- Pantip - เจ้าจอม หม่อมละคร ในกรุงรัตนโกสินทร์
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์ฝ่ายใน, เล่ม ๓๗, ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๓, หน้า ๓๐๔๘
- ↑ เรือนไทย - ชาลวันและเถรขวาด ความคล้ายคลึง
- หนังสือบทละคร เรื่องไกรทอง หน้า 236
- ↑ หนังสือบทละคร เรื่องไกรทอง หน้า 235
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ง, ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๒๔๗๑
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายใน, เล่ม ๔๑, ตอน ๐ง, ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๗, หน้า ๒๙๔๙