นกปากกบยักษ์
นกปากกบยักษ์ | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Caprimulgiformes |
วงศ์: | Podargidae |
สกุล: | Batrachostomus |
สปีชีส์: | B. auritus |
ชื่อทวินาม | |
Batrachostomus auritus (Gray, 1829) | |
แหล่งกระจายพันธุ์ของนกปากกบยักษ์ (B. auritus) |
นกปากกบยักษ์ (อังกฤษ: frogmouth; ชื่อวิทยาศาสตร์: Batrachostomus auritus) เป็นนกกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Podargidae ลักษณะเด่นคือ ปากที่กว้าง อวบใหญ่ คล้ายปากกบ พบในบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และภาคใต้ของไทย มักอาศัยอยู่ในป่าเบญจพรรณเขตร้อนชื้น หรือป่าดิบที่ราบลุ่ม การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยทำให้ความเสี่ยงต่อการอยู่รอด และสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติได้ระบุสถานะใกล้ถูกคุกคาม
อนุกรมวิธานและศัพทมูลวิทยา
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ "frogmouth" จากภาษากรีก batracho (βατραχο) แปลว่า "กบ" และ stoma (στομα) "ปาก"
ชื่ออื่น
ภาษามลายู: Burung Segan Besar, Segan Besar, Sepn Besar
ภาษาอินโดนีเซีย: Burung Paruh-kodok Besar, Paruhkodok Besar, Paruh-kodok besar
ลักษณะทางกายวิภาค
นกปากกบยักษ์ (B. auritus) เป็นนกกลางคืนขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในสกุลนกปากกบ มีขนาดลำตัวประมาณ 42 เซนติเมตร (17 นิ้ว) ทั้งสองเพศมีลักษณะคล้ายคลึงกัน สีขนค่อนข้างหลากหลาย ลำตัวส่วนบนเป็นสีน้ำตาลแดงและน้ำตาลดำ ท้ายทอยคาดแถบขาว ปีก ลำตัวส่วนบนและอก ประด้วยจุดหรือแถบขาวหรือน้ำตาลอ่อน ซี่งจุดขาวสว่างเด่นชัดบริเวณโคนปีก ลำตัวส่วนล่างมีสีน้ำตาลเทาหรือน้ำตาลแดงซีด ท้องมีสีซีดกว่าอก
เปลือกตามีสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีดำสนิท ขนคิ้วและหนวดสีขาวหม่นหรือเทาเป็นพู่ยาว จะงอยปากมีสีเทา ปลายปากสีเทาเข้มหรือดำ จะงอยปากด้านในและขอบเป็นสีเหลือง และขาเป็นสีเหลืองหม่น
ลูกนกเมื่ออายุ 2-3 วัน มีขนปุยสีขาวเทาทั้งตัว เมื่ออายุประมาณ 15 วัน สีขาวส่วนใหญ่ถูกแทนที่ด้วยขนสีน้ำตาล ยกเว้นเพียงบางส่วนของศีรษะและลำคอ
พฤติกรรม
แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่สังเกตพบนกปากกบยักษ์ได้ยากมากในป่าดงดิบ จากพฤติกรรมนกกลางคืนซึ่งพักเกาะคอนในที่กำบังในเวลากลางวันและออกหากินในตอนกลางคืน อาหารหลักคือ แมลงเช่น ตั๊กแตน จักจั่น และผีเสื้อกลางคืน โดยใช้ปากที่กว้างใหญ่งับเหยื่อกลางอากาศ และบินหากินในระดับที่ค่อนข้างสูง แต่ในตอนกลางวันจะหาที่เกาะนอนพักสูงไม่เกิน 3 เมตร
มักร้องในเวลากลางคืนจากที่หลบซ่อนตามกิ่งไม้หรือซ่อนตัวอยู่ในโพรงโดยลำพังหรืออาจเป็นคู่ โดยปกติเสียงร้องแบบคลื่นรัว ๆ คล้ายการรัวลิ้น (คล้าย "วก ๆ ๆ ") ยาว 2 วินาทีเป็นช่วง ๆ ชุดละ 4-8 ครั้ง เสียงร้องแบบอื่นได้แก่ เสียงเห่าและเสียงกรีดร้อง อาจอ้าปากระบายความร้อนในช่วงกลางวัน
การทำรัง
ทำรังตั้งบนต้นไม้ สูงจากพื้นดินประมาณ 4 เมตร ในส่วนที่ปกคลุมด้วยใบไม้ค่อนข้างหลวม ๆ และมักห่างจากแหล่งน้ำประมาณ 30 เมตร
รังมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 ซม. และถูกสร้างขึ้นในง่ามกิ่งไม้ที่เป็นแนวนอน ถักแน่นกับกิ่งไม้ที่หนาประมาณ 5 เซนติเมตร หรือบางกว่า สร้างรังเป็นแท่นรูปถ้วย ด้วยใบไม้สดและแห้งขนาดเล็ก และเส้นขนสีเข้มของพ่อแม่นก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นในการสร้างรังของนกปากกบในสกุล Batrachostomus ออกไข่ฟองเดียว รังที่ค่อนข้างเล็กกะทัดรัดพ่อแม่นกต้องเกาะข้างๆ เมื่อให้อาหารลูกนก
การแพร่กระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
ประชากรนกปากกบยักษ์กระจายตัวอย่างเบาบางมาก ตั้งแต่ภาคใต้ของประเทศไทย คาบสมุทรมลายู ซาบาห์ ซาราวัก ไปจนถึงกาลิมันตัน เกาะสุมาตรา หมู่เกาะรีเยา (นาตูนา) และบรูไน นกปากกบยักษ์ชอบอาศัยในเขตป่าเบญจพรรณเขตร้อนชื้น ป่าเต็งรัง ป่าพรุ หรือป่าดิบชื้นที่ราบลุ่ม ป่าดิบเขา ที่เป็นป่าดิบสมบูรณ์ที่ไม่ถูกรบกวน แต่บางครั้งพบได้ในพื้นที่ป่าอื่น ๆ เช่น ป่าทุติยภูมิและในพื้นที่ป่าปลูก พบที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่ต่ำกว่า 250 เมตร และอาจถึง 1,000 เมตร
นิเวศวิทยาและการอนุรักษ์
นกปากกบยักษ์ (B. auritus) เป็นนกที่ไม่ค่อยเป็นรู้จัก หายากและหายากมากในแหล่งการแพร่กระจายพันธุ์ส่วนใหญ่ ทำให้ไม่สามารถระบุจำนวนประชากรทั้งหมดได้ แต่คาดว่าประชากรนกมีแนวโน้มลดลงค่อนข้างรวดเร็วควบคู่ไปกับการทำลายป่าและไฟป่าในที่ราบลุ่มตลอดช่วงกระจายพันธุ์ แต่นกปากกบยักษ์มีความสามารถในการปรับตัวอาศัยในป่าปลูกต่าง ๆ ได้พอควร สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้ประเมินสถานะการอนุรักษ์ของนกปากกบยักษ์ในระดับ "ใกล้ถูกคุกคาม" (NT)
ในประเทศไทย
เป็นนกประจำถิ่นที่ถูกระบุว่าเป็นนกที่หายากมาก (extremely rare) และแนวโน้มที่ลดลงจากการทำลายป่าและไฟป่าในที่ราบลุ่ม แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่าสถานะการณ์บนเกาะบอร์เนียวและหมู่เกาะซุนดา อาจพบได้ในป่าดิบในจังหวัดนครศรีธรรมราช และแนวป่ารอยต่อประเทศมาเลเซีย
อ้างอิง
- แม่แบบ:Author = BirdLife International
- Liddell, Henry George (1871). A lexicon. Robert Scott. Oxford. ISBN 0-19-910207-4. OCLC 4060180.
- ↑ Holyoak, D.T. (2001). Nightjars and Their Allies: The Caprimulgiformes. OUP Oxford. pp. 132–135. ISBN 978-0-19-854987-1.
- ↑ "นกปากกบยักษ์ - eBird". ebird.org.
- ↑ Holyoak, D.T. (2001). Nightjars and Their Allies: The Caprimulgiformes. OUP Oxford. pp. 132–135. ISBN 978-0-19-854987-1.
- ↑ Gim Cheong Tan, Ding Li Yong, (2010). Observations on the nesting of the Large Frogmouth Batrachostomus auritus in Taman Negara National Park, )peninsular Malaysia. BirdingASIA 14 (2010): 37–43
- "ยุทธจักรปักษา : นกกลางคืน (3)". สยามรัฐ. 2018-10-14.
- "Photos of Batrachostomus auritus · iNaturalist". iNaturalist.
- "Batrachostomus auritus (Large Frogmouth) - Avibase". avibase.bsc-eoc.org.
- ↑ International), BirdLife International (BirdLife (2016-10-01). "IUCN Red List of Threatened Species: Batrachostomus auritus". IUCN Red List of Threatened Species.
- ↑ "Batrachostomus auritus (Large Frogmouth) - Avibase". avibase.bsc-eoc.org.