รถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
รถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นรถยนต์รับรองของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในด้านระบบรักษาความปลอดภัย ปัจจุบัน บริษัทที่ผลิตรถยนต์ คือ เจเนรัลมอเตอร์ โดยรถยนต์ประจำตำแหน่งนี้เป็นรถลีมูซีนกันกระสุนและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นเลิศ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และมีอุปกรณ์สื่อสารครบครันสำหรับประธานาธิบดีที่จะติดต่อสื่อสารกับใครก็ได้บนโลกใบนี้
รถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | เจเนรัลมอเตอร์ |
เริ่มผลิตเมื่อ | ค.ศ. 2009 |
รุ่นปี | ค.ศ. 2009 |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | คาดิลแลค ดีทีเอส |
ยุคเริ่มแรก
ประธานาธิบดีสหรัฐท่านแรกที่มีโอกาสได้นั่งรถคือประธานาธิบดีวิลเลียม แมกคินลีย์ แต่รถที่นั่งเป็นรถส่วนตัว ไม่ใช้รถประจำตำแหน่ง หลังจากนั้นในสมัยถัดมาประธานาธิบดีทีโอดอร์ โรสเวลต์ ก็ได้ใช้รถยี่ห้อสแตนด์ลีย์ รุ่นสตรีมเมอร์ แต่ก็เป็นรถของรัฐบาล ยังไม่ใช้รถประจำตำแหน่งประธานาธิบดีโดยทางการ จนกระทั่งวิลเลียม เอช. แทฟต์ ได้ก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อมา จึงได้มีการจัดซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีอยากเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยเป็นรถที่ผลิตจากบริษัทไวท์มอเตอร์ และนำรถไปเก็บรักษาในโรงจอดรถของทำเนียบขาว นอกจากนี้ประธานาธิบดียังได้สั่งซื้อรถยี่ห้อเพียร์ส แอโรว์ มาอีก 2 คันสำหรับใช้ในบางโอกาส
ในสมัยประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อสงครามสิ้นสุดลงได้มีการสวนสนามฉลองชัยชนะ ในการสวนสนามประธานาธิบดีได้นั่งรถยนต์คาดิลแลคซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งในพิธีสวนสนามนั้น โดยรถคันนั้นเป็นรถคาดิลแลคเปิดประทุน นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้รถคาดิลแลคเป็นรถประจำตำแหน่ง ซึ่งรถคาดิลแลคคันดังกล่าวได้รับใช้ประธานาธิบดีเรื่อยมาจนถึงสมัยประธานาธิบดีคูลิดจ์ อย่างไรก็ตามต่อจากประธานาธิบดีวิลสัน ประธานาธิบดีวาร์เรน จี. ฮาร์ดิงได้ใช้รถยี่ห้อแพคการ์ด รุ่นทวินซิก และประธานาธิบดีแคลวิน คูลิดจ์ ได้ใช้รถคาดิลแลค รุ่นทาวน์คาร์เป็นรถประจำตำแหน่ง
ควีน แมรี่ และ ควีน อลิซาเบธ
ในปี พ.ศ. 2481 รถยนต์คาดิลแลค 2 คันได้ถูกส่งมอบให้รัฐบาลสหรัฐ เป็นรถเปิดประทุนซึ่งถูกเรียกว่า ควีน แมรี่ และ ควีน อลิซาเบธ ตามชื่อเรือเดินสมุทรในสมัยนั้น รถทั้งสองคันมีความยาว 6.5 เมตร น้ำหนัก 3,447 กิโลกรัม เป็นรถที่ป้องกันกระสุนได้ มีวิทยุรับส่งพร้อม มีอาวุธยุทธภัณฑ์ เครื่องปั่นไฟภายในตัว และมีความแข็งแรงทนทานจึงได้รับใช้ประธานาธิบดีถึง 3 สมัยคือแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ แฮร์รี เอส. ทรูแมน และดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์
ในปีพ.ศ. 2499 คาดิลแลคได้ผลิตรถประจำตำแหน่งอีกสองคันมาทดแทนรุ่นเดิม มีชื่อว่า ควีน แมรี่ 2 และ ควีน อลิซาเบธ 2 โดยเป็นรถเปิดประทุนเช่นกัน มีขนาดเล็กกว่า แต่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัย ได้รับใช้ประธานาธิบดี 3 ท่าน คือไอเซนฮาวร์ เคนเนดี้ และจอห์นสัน จนกระทั่งปลดระวางในปี พ.ศ. 2511
ซันไชน์ สเปเชียล
ซันไชน์ สเปเชียล เป็นชื่อเรียกรถลินคอร์นที่เป็นรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ โดยเป็นรถคันแรกที่สร้างพิเศษสำหรับประธานาธิบดีโดยเฉพาะ รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ วี 12 ผลิตโดยบริษัทบรุนในสหรัฐอเมริกา กำลัง 414 แรงม้า มีการติดไซเรนบนตัวรถเป็นครั้งแรก ติดตั้งไฟส่องแสงบนตัวรถ มีห้องโดยสารกว้างเป็นพิเศษ มีวิทยุรับส่ง มือจับสำหรับหน่วยอารักขาขณะที่รถกำลังแล่นช้าๆ และเป็นรถที่สามารถเปิดประทุนได้ จนเป็นที่มาของชื่อเรียกรถยนต์นี้
หลังจากเกิดเหตุการณ์ถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ หน่วยอารักขาเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของประธานาธิบดีจึงมีการนำลินคอร์นคันนี้ไปปรับปรุง โดยมีการติดตั้งเกราะที่ประตูและหน้าต่าง และที่เก็บปืนกลมือไว้ใช้สำหรับยามฉุกเฉิน
คาดิลแลค 341A
ในช่วงที่มีการนำรถซันไชน์ สเปเชียลไปปรับปรุง หน่วยอารักขาได้นำรถคาดิลแลค 341A มาใช้ชั่วคราว โดยรถคันนี้ยึดมาจากเจ้าพ่ออัล คาโปนในคดีกระทำผิดหนีภาษี โดยได้มีการติดตั้งแผ่นเกราะกันกระสุน ล้อรถที่ซึ่งสามารถวิ่งต่อไปได้ถึงแม้จะถูกยิง กระจกที่หนาทึบบริเวณหน้าต่าง มีปืนพกและปืนกลภายในรถ ทำให้น้ำหนักรถได้เพื่มขึ้น 9,300 ปอนด์ ซึ่งประธานาธิบดีโรสเวลต์ได้ใช้รถคันนี้ชั่วคราวจนกระทั่งมีการปรับปรุงรถซันไชน์ สเปเชี่ยลเสร็จเรียบร้อย แต่รถคันนี้ก็ยังได้ถูกใช้งานอีกครั้งในสมัยประธานาธิบดีทรูแมน อย่างไรก็ตามการที่เอารถที่ถูกยึดมาใช้ทำให้ถูกวิพากวิจารณ์จนเสียหายจึงเลิกใช้ในที่สุด ปัจจุบันรถคันนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เฮนรี่ ฟอร์ดในรัฐมิชิแกน
ยุคสงครามเย็น
ในสมัยต่อๆมาได้มีการเข้มงวดในด้านระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นและการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ตลอดจนสิ้นสุดสงครามโลกแล้วยังเกิดสงครามเย็น และมีภัยคุกคามสูงจากคอมมิวนิสต์ ดังนั้นรถยนต์ของประธานาธิบดีจะต้องมีความปลอดภัยสูงขึ้นไปด้วย สังเกตได้จากรถยนต์ของประธานาธิบดีในสมัยต่อๆมาล้วนแต่เป็นรถยนต์กันกระสุนทั้งสิ้น
ลินคอร์น คอสโมโพลิแตน
ในปีพ.ศ. 2503 ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมนได้สั่งรถยนต์ลินคอร์น รุ่นคอสโมโพลิแตน มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บับเบิลท็อป โดยได้มีการขยายความยาวรถจาก 125 นิ้ว เป็น 148 นิ้ว และน้ำหนักรถได้เพิ่มขึ้น 6,450 ปอนด์ จาก 4,750 ปอนด์ โดยรถคันนี้ได้มีการตกแต่งภายในด้วยหนังสัตว์และมีการติดตั้งแสงไฟภายในตัวรถ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรูแมนลงจากตำแหน่งไปแล้ว ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ได้มีการติดตั้งหลังคากระจกบริเวณส่วนท้ายของรถ ช่วยให้มีที่กันฝนยามอากาศไม่ปรกติ ทำให้รถยนต์คันนี้มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งหลังคาและยังเป็นต้นแบบของรถยนต์ประจำจำแหน่งคันอื่นๆ อย่างไรก็ตามรถคันนี้ได้รับใช้ประธานาธิบดีในยุคต่อๆมาคือประธานาธิบดีเคนเนดี้และจอห์นสัน และปลดระวางในปีพ.ศ. 2508 นำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เฮนรี่ ฟอร์ด
คาดิลแลค เอิร์ลโดราโด
ในปีพ.ศ. 2496 ประธานาธิบดีดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ได้ใช้รถยนต์คาดิลแลค เอิร์ลโดราโด โดยได้ใช้ในวันเดินขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา โดยรถคันนี้เป็นรถคันแรกที่ได้มีกระจกบานหน้าขนาดยาวโค้งเต็มด้านหน้ารถ เพื่อกันลมกันฝน ซึ่งต่อมาได้เป็นมาตรฐานของรถในต่างประเทศด้วย
ลินคอร์น X-100
ปีพ.ศ. 2504 ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ได้ใช้รถลินคอร์น รุ่นคอนติเนนทอล โดยรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ X-100 โดยเป็นรถเปิดประทุนแต่มีหลังคาพลาสติกใช้ติดตั้งยามอากาศไม่ปรกติ ที่นั่งของประธานาธิบดีสามารถปรับขึ้นลงได้ด้วยระบบไฮโดรลิก นอกจากนี้ยีงมีการนำตราสัญลักษณ์ประธานาธิบดีมาติดบริเวณประตูรถ มีการตกแต่งภายในด้วยผ้าสักหลาด มีที่ให้ยืนด้านข้างรถสำหรับเจ้าหน้าที่ 4 นาย ในส่วนหลังยังมีที่ให้ยืนได้อีก 2 นาย มีแสงไซเรน พรมทำจากหนังสัตว์ แสงบอกเวลาประตูเปิด ธงปักด้านหน้าและมีแสงส่องที่ตัวธง ที่นั่งเพิ่มเติมสำหรับแขกพิเศษ โทรศัพท์ 2 เครื่อง ภายในตัวรถมีแสงส่องสว่าง และมีชื่อเสียงเนื่องจากมีการติดตั้งเครื้องปรับอากาศที่เบาะหลัง เมื่อนำหลังคามาติดก็สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศทำให้ผู้โดยสารเย็นสบาย แต่ก็มีหลายครั้งเมื่อมีการเดินพาเหรดในเมือง หลังคาก็จะถูกถอดออกจนเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีถูกลอบสังหารในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 เพราะนั่งในรถเปิดประทุนซึ่งเป็นการเปิดช่องโหว่ให้แก่มือสังหารกระทำการได้ง่าย
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารผ่านไป ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน ไม่มีรถที่ปลอดภัยนั่งจึงมีการปรับปรุงรถลินคอร์นคันนี้ใหม่ มีการติดตั้งเกราะบริเวณส่วนหลังของรถ มีการนำหลังคาพลาสติกออกและนำหลังคาติดเกราะมาติดเป็นหลังคาถาวรแทน มีการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ติดตั้งระบบปรับอากาศ มีชุดอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ เปลี่ยนแกนหมุนของล้อและติดบานพับประตูเพื่อให้เหมาะกับน้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้น ติดกระจกกันกระสุน เพื่อป้องกันจุดบกพร่องที่จะเปิดช่องให้มือสังหารอีก
รถคันนี้ถูกปรับปรุงอีกครั้งในสมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ในปีพ.ศ. 2510 โดยมีการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นขึ้น กระจกหลังคาแผ่นใหญ่ถูกถอดออกเปลี่ยนเป็นแผ่นที่เล็กลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ตัวเกราะให้มากขึ้น เพิ่มที่จับให้เจ้าหน้าที่บริเวณหลังคารถ และมีการติดตั้งโต๊ะทำงานที่ทำจากไฟเบอร์กลาสภายในรถ รถคันนี้ถูกใช้งานถึงปีพ.ศ. 2520 และปลดประจำการนำไปไว้ในพิพิธภัณฑ์เฮนรี่ ฟอร์ด
ลินคอร์น คอนติเนนทัล เอ็กซ์ครูซีฟ
ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน มีรถยนต์ลินคอร์น คอนติเนนทัล เอ็กส์ครูซีฟ รุ่นปีพ.ศ. 2508 จำนวน 3 คัน โดยใช้ในตำแหน่ง 2 คัน ส่วนอีก 1 คันสำหรับรัฐมนตรีกลาโหม เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามเย็น มีภัยคุกคามสูง รัฐมนตรีกลาโหมจึงต้องได้รับการอารักขาอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับประธานาธิบดี
รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์กันกระสุน มีวิทยุรับส่งและโทรศัพท์ภายในตัวรถ ซึ่งสามารถป้องกันการถูกส่งคลื่นรบกวนได้ อย่างไรก็ตามโทรศัพท์เครื่องเดิมได้ถูกนำออกไปเมื่อมีการนำรถมารับใช้ประธานาธิบดีและมีการปรับปรุงรถคันเดิมใหม่ มีการเปลี่ยนนำโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อผ่านสายเคเบิลมาใช้แทน มีช่องระบายอากาศได้ และมีความบันเทิงภายในตัวรถโดยมีการนำแสงไฟพิเศษมาติดตั้งภายในตัวรถ เรียกว่า วิก-แวง และยังมีการติดตั้งทีวีภายในตัวรถ ในด้านความปลอดภัยมีการติดตั้งบังโคลนกันกระแทกกับรถ มีการติดตั้งแผ่นเหล็กกันกระแทก โดยการออกแบบโดยเลอร์มัน ปีเตอร์สัน นอกจากนี้ยังมีแอร์ภายในรถ ระบบควบคุมความร้อน และกระจกที่สามารถเปิดปิดได้อัตโนมัติ ในด้านการตกแต่งได้มีการตกแต่งภายในด้วยหนังสัตว์ มีพรมที่พื้นรถ หลังคารถทำด้วยพลาสติกไวนิน มีการเปลี่ยนยางรถใหม่ มีการปรับปรุงเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ฯลฯ เมื่อปลดประจำการแล้วจึงนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์และหอสมุดจอห์นสันในรัฐเท็กซัส
ลินคอร์น X-800
ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันได้สั่งรถลิมูซีนรุ่นปี พ.ศ. 2512 เป็นรถยนต์ลินคอร์นรุ่นคอนติเนนทัล เรียกอีกอย่างว่า X-800 โดยรถคันนี้ได้มีการติดตั้งช่องกระจกหลังคา หรื่อซันรูฟ สำหรับเวลาที่ประธานาธิบดีจะยืนขึ้นโบกมือทักทายผู้คนเวลาเดินขบวนพาเหรด จุดเด่นคือมีแท่นที่ยืนสำหรับบอดี้การ์ด 2 คนโดยมีแขนให้จับบริเวณด้านท้ายรถด้วย ในสมัยต่อมาได้มีการพัฒนารถคันนี้ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยรถคันนี้ได้รับใช้ประธานาธิบดีสมัยต่อๆมาคือ เจอรัลด์ ฟอร์ด จิมมี คาร์เตอร์ และโรนัลด์ เรแกน ซึ่งรถคันนี้ได้ช่วยชีวิตประธานาธิบดีฟอร์ดและเรแกนจากเหตุการณ์ลอบสังหารด้วย เมื่อปลดประจำการแล้วได้นำไปตั้งในหอสมุดนิกสันในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ลินคอร์น คอนติเนนทัล
ในปีพ.ศ. 2517 ในยุคประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ดเป็นช่วงที่บริษัทฟอร์ดเข้าร่วมกิจการรถลีมูซีน ได้มีการนำลินคอร์นคอนติเนนทัล รุ่นปีพ.ศ. 2515 โดยได้เริ่มนำมาใช้หลังจากที่ประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ถูกลอบสังหารและรอดชีวิตมาได้ โดยมีการนำมาขยายให้ยาว 22 ฟุต เสริมเกราะกันกระสุนรอบคัน ติดกระจกกันกระสุนทุกบาน มีระบบติดต่อสื่อสารและรักษาความปลอดภัยอย่างดี มีระบบดับเพลิงถ้าเกิดเหตุว่าลูกกระสุนนั้นถูกบริเวณถังน้ำมัน ระบบจะฉีดโฟมทันทีเพื่อป้องกันการระเบิด กันชนบริเวณส่วนหลังของรถนั้นสามารถดึงลงเพื่อให้บอดี้การ์ดสามารถยืนบนนั้นได้และมีแท่นให้จับ ในส่วนของเครื้องยนต์นั้นใช้เครื่องยนต์ วี 8 โดยรถคันนี้ได้รับใช้ประธานาธิบดีฟอร์ด จิมมี่ คาร์เตอร์ โรนัลด์ เรแกน และบุช(ผู้พ่อ) เมื่อปลดประจำการแล้วจึงนำไปตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์เฮนรี่ ฟอร์ด
ยุคใหม่
ในยุคนี้ได้มีการออกแบบและพัฒนาใหม่โดยเจเนรัลมอเตอร์ โดยได้มีการปฏิวัติระบบรักษาความปลอดภัยใหม่หมดเพื่อปิดช่องโหวต่างๆ โดยเพิ่มจากกันกระสุนเป็นกันระเบิด ไม่มีกระจกบนหลังคาหรื่อซันรูฟอีกต่อไป มีระบบการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย ที่สำคัญยังสามารถนำขึ้นเครื่องบินเพื่อขนส่งไปยังทั่วโลกหากประธานาธิบดีต้องการเดินทางไปเยือนประเทศไหนบนโลกใบนี้
คาดิลแลค ฟลีทวู้ด
ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนได้รับรถยนต์คาดิลแลค รุ่นฟลีทวู้ดมาใช้ โดยเปิดตัวครั้งแรกในการเดินพาเหรดในโอกาสวันเกิดของประธานาธิบดี โดยเป็นรถคันแรกที่ถูกออกแบบและพัฒนาโดยเจเนอรัลมอเตอร์ ซึ่งการผลิตรถยนต์คันนี้อยู่ในความควบคุมของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี มีลักษณะพิเศษคือมีที่นั่งเป็นสีน้ำเงินเข้มทั้งในส่วนคนขับและในส่วนหลัง หลังคารถหุ้มด้วยเกราะหนา 3 นิ้ว นอกจากนี้หลังคายังมีช่องกระจกสำหรับเปิดออกเพื่อโบกมือทักทายผู้คน ระยะห่างระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังเท่ากับ 161.5 นิ้ว ซึ่งแต่เดิมยาว 144.5 นิ้ว ซึ่งเพิ่มจากเดิม 17 นิ้ว และมีน้ำหนัก 7,200 ปอนด์ ที่นั่งส่วนหลังสามารถบรรจุคนได้ 5 คน ในส่วนของเครื่องยนต์ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ ไฮดราเมติก วี8 และมีระบบแอร์สำหรับทำความเย็น เมื่อปลดประจำการแล้วได้นำไปตั้งแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประธานาธิบดีในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ลินคอร์น ทาวน์ คาร์
ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ได้ใช้รถลินคอร์น ทาวน์ คาร์ โดยรถยนต์มีความยาว 22 ฟุต และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อปลดประจำการแล้วได้นำไปตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ประธานาธิบดีในรัฐเท็กซัส
คาดิลแลค ฟลีทวู้ด เบิร์กแฮม
ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้ใช้รถยนต์คาดิลแลค ฟลีทวู้ด เบิร์กแฮม โดยรถคันนี้ถูกออกแบบและพัฒนาโดยเจเนอรัลมอเตอร์ และอยู่ในการควบคุมของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ซึ่งรถคันนี้ยังคงเต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยเช่นเดียวกับคันที่ผ่านๆมา รถยนต์มีความยาว 270 นิ้ว ความยาวระหว่างล้อหน้าและล้อหลังยาว 167.5 นิ้ว จากเดิม 225.1 นิ้ว รถยนต์คันนี้ถูกปรับปรุงในเมืองอลิงตัน รัฐเท็กซัส ในส่วนหลังสามารถนั่งได้ 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นที่นั่งสำรอง 3 ที่นั่ง ระยะห่างระหว่างล้อหน้าทั้ง 2 เท่ากับ 63.3 นิ้ว ระยะห่างระหว่างล้อหลังเท่ากับ 62.2 นิ้ว ที่เป็นแบบนี้เพราะเกี่ยวกับน้ำหนักของรถ ล้อทั้ง 4 มีขนาดใหญ่กว่าปรกติและมีระบบเบรกพิเศษเพื่อหยุดรถ และใช้ระบบ 4 ล้อเพื่อการยึดเกาะถนน ในส่วนของเครื่องยนต์ใช้เครื่องยนต์วี 8 และใช้น้ำมันเบนซิน
รถยนต์คันนี้โดยได้เพิ่มสิ่งต่างๆจากรุ่นปกติ เช่น หลังคาถูกออกแบบให้สูงกว่าปรกติ และมีช่องกระจกบนหลังคาเพื่อให้ผู้คนสามารถเห็นประธานาธิบดีได้อย่างชัดเจน ที่นั่งของประธานาธิบดีทำจากหนังสัตว์ห่อหุ้มด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้มด้านนอก ภายในตัวรถส่วนอื่นๆทำจากเนื้อไม้ทั้งในส่วนคนขับและในส่วนของประธานาธิบดี เบาะที่นั่งของประธานาธิบดีมีตราประทับติดอยู่เช่นเดียวกับที่ประตู นอกจากนี้ยังมีระบบพิเศษเพื่อบอกตำแหน่งของรถ โทรศัพท์และระบบการสื่อสารที่ทันสมัย จอมอนิเตอร์ควบคุมส่วนต่างๆภายในรถ มีการติดตั้งระบบทำความร้อนและทำความเย็นในส่วนหน้าและส่วนหลังโดยแยกการควบคุมออกจากกัน มีหน้าต่างกั้นระหว่างส่วนหน้าและส่วนหลังซึ่งสามารถปรับขึ้นลงได้โดยตัวประธานาธิบดีเอง ระบบวิทยุเอเอ็ม เอฟเอ็ม และมีลำโพงในส่วนหลัง 8 เครื่อง และส่วนหน้า 4 เครื่อง มีหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 12 โวลต์ มีความบันเทิงผ่านระบบสเตอริโอและมีแผงปรับอุณหภูมิได้ มีธงในส่วนหน้าของรถและมีแสงส่องธงในเวลากลางคืน เมื่อปลดประจำการแล้วนำไปตั้งไว้ในศูนย์คลินตันในรัฐอาร์คันซอ
อ้างอิง
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: รถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา |
- หนังสือองครักษ์พิทักษ์ประธานาธิบดี secret service โดย Old Soldier Never Dies