ลุกวอตยูเมดมีดู

"ลุกวอตยูเมดมีดู" (อังกฤษ: Look What You Made Me Do) เป็นเพลงของนักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ จากสตูดิโออัลบั้มที่หก เรพิวเทชัน (2017) เพลงออกจำหน่ายในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2017 พร้อมกับการเปิดสั่งซื้ออัลบั้มล่วงหน้า สวิฟต์แต่งเพลงร่วมกับแจ็ก แอนโทนอฟฟ์ เพลงมีการสอดแทรกดนตรีของเพลง "ไอม์ทูเซกซี" ของไรต์เซดเฟรด ดังนั้นเฟรด แฟร์แบรส ริชาร์ด แฟร์แบรส และร็อบ แมนโซลี สมาชิกวงดังกล่าวได้รับเครดิตเป็นผู้แต่งเพลงนี้ด้วย

"ลุกวอตยูเมดมีดู"
เพลงโดยเทย์เลอร์ สวิฟต์
จากอัลบั้มเรพิวเทชัน
วางจำหน่าย	25 สิงหาคม ค.ศ. 2017 (2017-08-25)
แนวเพลง	แดนซ์ป็อป อิเล็กโทรแคลช อิเล็กโทรป็อป
ความยาว	3:31
ค่ายเพลง	บิกแมชีน
ผู้ประพันธ์เพลง	เทย์เลอร์ สวิฟต์ แจ็ก แอนโทนอฟฟ์ เฟรด แฟร์แบรส ริชาร์ด แฟร์แบรส ร็อบ แมนโซลี
โปรดิวเซอร์	แจ็ก แอนโทนอฟฟ์
มิวสิกวิดีโอ
"ลุกวอตยูเมดมีดู" ที่ยูทูบ

การตอบรับจากนักวิจารณ์แบบออกเป็นสองฝั่ง ด้วยปัจจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงลักษณะของสวิฟต์ มิวสิกวิดีโอกำกับโดยโจเซฟ คาห์น และกลายเป็นมิวสิกวิดีโอที่มีผู้ชมมากที่สุดภายใน 24 ชั่วโมง เพลงทำลายสถิติมากมาย ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตของหลายประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร โดยเป็นซิงเกิลอันดับหนึ่งเพลงแรกของเธอ เพลงขึ้นอันดับหนึ่งในไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และเป็นเพลงที่ห้าที่ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100

การออกจำหน่าย

ในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2017 สวิฟต์ล้างบัญชีสื่อสังคมของเธอทั้งหมด ทำให้เกิดข่าวลือว่าเพลงใหม่จะมาในเร็ว ๆ นี้ ในวันที่ 21 สิงหาคม สวิฟต์แบ่งปันวิดีโอยาว 10 วินาทีบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมต่าง ๆ ของเธอ แสดงให้เห็นหางของงูตัวหนึ่ง ส่วนที่สองปรากฏในวันถัดมา และในวันที่ 23 สิงหาคม เธออัปโหลดวิดีโอตัวที่สาม แสดงให้เห็นหัวของงูตัวเดิม ในวันเดียวกัน สวิฟต์ประกาศว่าซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่หกชื่อ เรพิวเทชัน จะออกมาในวันที่ 24 สิงหาคม เพลงได้รับสตรีมมากกว่าแปดล้านครั้งหลังสปอทิฟายออกเผยแพร่เพลงภายใน 24 ชั่วโมง ทำลายสถิติสตรีมเพลงเพลงเดียวสูงสุดในวันแรก สังกัดบิกแมชีนเรเคิดส์ส่งเพลงเข้าสถานีวิทยุเพลงร่วมสมัยของอเมริกาในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2017

วิดีโอเนื้อเพลงมีต้นแบบจากกระบวนจินตภาพของซอล แบสส์ ที่ใช้ในภาพยนตร์พิศวาสหลอน ออกเผยแพร่ทางบัญชีวีโวของสวิฟต์ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2017 วิดีโอผลิตโดยสวิฟต์และโจเซฟ คาห์น มีผู้เข้าชมมากกว่า 19 ล้านครั้งใน 24 ชั่วโมงแรกบนยูทูบ ทำลายสถิติเดิมคือเพลง "ซัมทิงจัสต์ไลก์ดิส" ของเดอะเชนสโมเกอส์และโคลด์เพลย์

อ้างอิง

1. Battan, Carrie (August 25, 2017). "Taylor Swift's Radical Transformation in Her New Song, "Look What You Made Me Do"". The New Yorker. สืบค้นเมื่อ August 25, 2017.
2. Lockett, Dee (August 25, 2017). "Taylor Swift Declares the Old Taylor Dead on New Song, 'Look What You Made Me Do'". Vulture. สืบค้นเมื่อ August 25, 2017.
3. "Taylor Swift releases new song 'Look What You Made Me Do'". Daily News. New York. August 24, 2017. สืบค้นเมื่อ August 24, 2017.
4. Aswad, Jem Aswad (August 18, 2017). "Does Taylor Swift's Social-Media Blackout Mean New Music Is Coming?". Variety. สืบค้นเมื่อ August 28, 2017.
5. Bruner, Raisa (August 21, 2017). "The Internet Is Excited About This Cryptic Taylor Swift Video". Time. สืบค้นเมื่อ August 21, 2017.
6. Kaufman, Gil Kaufman (August 21, 2017). "Taylor Swift Ends Social Media Blackout With Cryptic Reptile Tail Tease". Billboard. สืบค้นเมื่อ August 28, 2017.
7. Vain, Medison (August 23, 2017). "Taylor Swift Reveals Snake Head in Latest Cryptic Video". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ August 23, 2017.
8. Lynch, Joe (August 23, 2017). "Taylor Swift Reveals New Album 'Reputation' Coming In Nov., First Single Out Thursday". Billboard. สืบค้นเมื่อ August 23, 2017.
9. Rosen, Christopher (August 26, 2017). "Taylor Swift breaks Spotify, YouTube records". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ August 29, 2017.
10. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ uschr
11. Johnston, Maura (August 24, 2017). "Acid gossip that borrows from better songs – Taylor Swift: Look What You Made Me Do review". The Guardian. สืบค้นเมื่อ August 25, 2017.
12. Whittaker, Alexandra (August 25, 2017). "Here's Every Lyric from Taylor Swift's New Song 'Look What You Made Me Do'". InStyle. สืบค้นเมื่อ August 25, 2017.
13. Knapp, JD (August 26, 2017). "Taylor Swift's 'Look What You Made Me Do' Lyric Video Breaks 24-Hour Record". Variety. สืบค้นเมื่อ August 26, 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น

• เนื้อเพลงเต็มของเพลงนี้ ที่เมโทรลิริกส์