fbpx
วิกิพีเดีย

วัดศรีสุดารามวรวิหาร

พิกัดภูมิศาสตร์: 13°46′2″N 100°28′23″E / 13.76722°N 100.47306°E / 13.76722; 100.47306 (วัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร)

วัดศรีสุดาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งตะวันตก แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เดิมมีชื่อว่า "วัดชีปะขาว" หรือ "วัดชีผ้าขาว" สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยา

วัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร
วัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร
ชื่อสามัญวัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร
ที่ตั้งเลขที่ 83 ซอยบางขุนนนท์ 6 ถนนบางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
ประเภทวัดฝ่ายคามวาสี
นิกายเถรวาท มหานิกาย
เจ้าอาวาสพระเทพประสิทธิมนต์(โกศล มหาวีโร)
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

อาณาเขต

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับคลองวัดศรีสุดาราม
  • ทิศใต้ ติดต่อกับคูสาธารณประโยชน์
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับคลองบางกอกน้อย
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับที่เอกชน

ประวัติ

สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีขึ้นครองสิริราชสมบัติปี พ.ศ. 2199 แห่งราชวงศ์ปราสาททอง ในปี พ.ศ. 2229 ได้ส่ง พระวิสุทธสุนทร ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ได้ไปเป็นราชทูตเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซายด์ ในการนี้อาจารย์ชีปะขาวได้ร่วมเดินทางไปด้วยซึ่งพระวิสุทธสุนทร ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นที่เคารพนับถือเพราะอาจารย์ชีปะขาวได้มีวิชาด้านไสยเวทย์และไสยศาสตร์ หลังจากกลับจากฝรั่งเศส เป็นปลายรัชสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ 2230 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชประชวรเสด็จสวรรคตปี พ.ศ. 2231 รวมครองสิริราชสมบัติได้ 32 ปี ต้นสมัยสมเด็จพระเพทราชา พระมหากษัตริย์ องค์ที่ 28 แห่งกรุงศรีอยุธยาพระอาจารย์ชีปะขาวได้บอกลา เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ให้บรรดาสานุศิษย์นำไปส่งที่คลองบางกอกน้อยได้พักอาศัยอยู่ที่ริมคลองบางกอกน้อย อยู่มาวันหนึ่งก็ได้หายตัวไปบรรดาสานุศิษย์ได้กลับไปเรียนให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ทรงทราบเจ้าพระยาโกษาธิบดีจึงมอบทรัพย์สินจำนวนหนึ่งให้ไปสร้างวัด ให้ชื่อว่า วัดชีปะขาว เมื่อปี พ.ศ. 2232 ซึ่งปรากฏตามหลักฐานการสร้างวัดชีปะขาว ปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นต้นมา นับได้ว่าวัดชีปะขาวริมคลองบางกอกน้อยปัจจุบันคือ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ได้สร้างโดยเจ้าพระยาโกษาธิบดี ตามประวัติ เจ้าพระยาโกษาธิบดี

ประวัติศาสตร์ของวัดศรีสุดารามมีหลักฐานชัดเจนมากขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ด้วยปรากฏความในพระราชพงศาวดาร ว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระพี่นางในรัชกาลที่ 1 ทรงกรุณาโปรดเกล้าให้บูรณปฏิสังขรณ์และสถาปนาวัดขึ้นใหม่

ครั้นล่วงมาน้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้ามาจนถึงหน้าพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาขุนมนตรีเป็นแม่กองสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่โดยเลื่อนขึ้นจากที่เดิม ทรงโปรดให้เจ้าพนักงานปักกำหนดเขตรอบโรงพระอุโบสถลงใหม่ใช้แทนวิสุงคามสีมาเดิม โดยให้มีความยาว 15 วา กว้าง 7 วา แล้วโปรดให้ลงเขื่อนหน้าวัด เพื่อป้องกันน้ำเซาะตลิ่งจนเป็นผลสำเร็จ ครั้นการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดศรีสุดาราม ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชอัยยิกาเจ้าของพระองค์ ทรงสถาปนาพระราชทานไว้ตั้งแต่วันจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ นพศกพุทธศักราช 2410 เป็นปีที่ 15 ในรัชกาล (ปลายรัชกาล) ตามพระราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งมีหลักฐานอยู่ในพระอุโบสถ (พระอุโบสถหลังเก่าปรากฏเป็นวิหาร อยู่หน้าพระอุโบสถปัจจุบัน)

ปูชนียวัตถุ ถาวรวัตถุและเสนาสนะต่างๆ

 
พระอุโบสถ

พระอุโบสถ

เป็นอาคารขนาด 5 ห้อง กว้างยาวประมาณ 8x14 เมตร ด้านหุ้มกลองต่อเป็นเฉลียงกว้างประมาณ 4.2 เมตร หลังคาทำเป็นมุขลดหน้า-หลัง แต่ละมุขซ้อนกัน 3 ตับ ชายคาตับสุดท้ายตั้งทวยรับชายคา มีครื่องประกอบหลังคาแบบอย่างไทยประเพณี คือ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันทำปูนปั้นปิดทองประดับกระจกรูปเทพพนม มีลายประกอบประเภทลายช่อก้านขดรูปตัวสัตว์หิมพานต์ ใต้หน้าบันไดไม่ทำปีกนกถือประดับสาหร่ายรวงผึ้งแต่กับต่อเป็นผนังลงมาจรดกับเสาเฉลียง ซึ่งเป็นเสาสี่เหลี่ยมที่ไม่ทำบัวหัวเสาและบัวเชิงเสาประดับทำเพียงหน้ากำแพงกรุหลังกระเบื้องเคลือบสีด้านโดยรอบมีบันไดขึ้นทางด้านข้างทั้งสองข้างปลายพนัสบันไดทำหัวเม็ดทรงมัณฑ์ ฐานรับพระอุโบสถเป็นแบบฐานสิงห์บัวลูกแก้ว ตัวพระอุโบสถทำประตูทางเข้าด้านกลองด้านละ 2 ช่องแต่ละช่องทำซุ้มประตูทรงบันแถลง เช่นเดียวกับหน้าต่างหน้าบันไดบันแถลงรูปเทพพนมอยู่กลางลายเครือเถา สำหรับภายในพระอุโบสถตอนท้ายอาคารมีพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิปางพิจารณาชราธรรม เป็นประธานพระหัตถ์ซ้ายขวาวางลงบนพระชานุแต่ละข้างเบื้องหน้า มีพระสาวกนั่งพนมมือเรียงรายรวม 8 องค์ส่วนผนังนั้นปัจจุบันเขียนภาพแนวสมัยใหม่มีรูปซุ้มเรือนแก้วหลังพระประธานตอนบนเป็นภาพเทวดาเหาะ

สำหรับซุ้มหน้าต่างของพระอุโบสถเป็นไปตามประเพณีนิยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคือซุ้มทรงบันแถลง เป็นซุ้มหน้าต่างที่ตอนบนทำเป็นรูปโค้งแหลมทรงกลีบบัวขนาดเล็กทำนองจั่วหรือหน้าบันของบ้านเรือน กรอบจัวทำเป็นเครื่องลำยองมีหน้าบันประดับลายอาจมีหรือไม่มีลายประธานที่เป็นเครื่องหมายแทนพระองค์

ส่วนเสมาใช้แบบเสมานั่งแท่นที่มีซุ้มทรงกูบครอบ ตัวเสมาทำเป็นใบที่เอวทำเป็นลูกนาคเศียรเดียว ขอบเสมาจิกเป็นรอยหยักตอนบนรวบเป็นปมแหลมสาบกลางไม่มีแต่ทำเป็นลายอุบะจากบัวคอเสื้อ

พระวิหาร

เดิมใช้เป็นพระอุโบสถหลังเก่าต่อมาดัดแปลงเป็นพระวิหาร มีลักษณะเป็นแปดเหลี่ยมเป็นอาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูนขนาดกว้าง 5.06 เมตร ยาว 7.23 เมตร หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกาบริเวณหน้าบันด้านหน้าตัวอาคารเป็นลายปูนปั้นรูปปิ่นบนพานสองชั้น พระวิหารหลังนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของพระอุโบสถ ปัจจุบันเดิมเคยใช้เป็นพระอุโบสถมาก่อนที่จะมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส โปรดให้สร้างขึ้นแทนพระวิหารหลังเดิมที่รื้อถอนออกไป ภายในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และพระพุทธรูปทรงเครื่องที่มีลักษณะพุทธศิลป์แบบรัตนโกสินทร์ตอนต้นหลายองค์

 
วิหารพระศรีอาริย์ (หอไตร)

ศาลาการเปรียญ

เดิมสร้างเป็นอาคารไม้ทรงไทยขนาดกว้าง 14 เมตร ยาว 27 เมตร ใต้ถุนเตี้ยมีบันไดทางขึ้นเพียง 3 ขั้น หลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ บานประตูหน้าต่างมีภาพจิตรกรรมรูปทวารบาล แบบศิลปะจีนปรากฏอยู่สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยา แต่เดิมใช้เป็นที่เรียนหนังสือไทยของกุลบุตรกุลธิดาทั่วไป ต่อมาได้มีการต่อเติมบริเวณด้านล่างด้วยการยกพื้นอาคารให้สูงขึ้นแล้วก่อผนังคอนกรีตเพื่อดัดแปลงเป็นห้องประชุม และใช้เป็นศาลาเอนกประสงค์ของวัดปัจจุบันศาลาการเปรียญจึงมีลักษณะเป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้

 
สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี องค์ใหญ่

ตำหนักแดง

เป็นเรือนไทยชั้นเดียวเดิมสร้างขึ้นเป็นตำหนักที่ประทับ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระเจ้าพี่นางเธอ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในระหว่างที่เสด็จมาบำเพ็ญพระราชกุศลที่วัดแห่งนี้ ตั้งติดอยู่กับศาลาการเปรียญปัจจุบันได้ใช้เป็นกุฏิเจ้าอาวาส

 
พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์

วิหารพระศรีอาริย์ (หอไตร)

เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูนมีขนาดกว้าง 5.10 เมตร ยาว 8.80 เมต รหลังคาไม่มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หน้าบันทางด้านหน้าและด้านหลังของวิหารเป็นลายปูนปั้นรูปดอกพุดตาน มีประตูทางเข้าเพียงด้านเดียวที่บานประตูทั้ง 2 บาน มีภาพเขียนรูปทวารบาลปรากฏอยู่ ภายในวิหารประดิษฐานองค์พระศรีอริย์ หล่อด้วยทองสำริดขนาดหน้าตัก 2 ศอก ประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ขวาวางบนพระเพลา พระหัตถ์ซ้ายถือพัด ซึ่งมีลักษณะขายตาลปัตรแต่มีด้ามจับสั้น บริเวณผนังภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าผจญมาร และจิตรกรรมประเพณี 12 เดือน

วิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี

เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูนหลังคาประดับช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างทางทิศใต้ของพระอุโบสถ สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นพร้อมกับวิหารพระศรีอาริย์ ด้านหน้าของวิหารมีประตูทางเข้าอยู่ 2 ทาง ด้านซ้ายกับด้านขวาภายในวิหารมีรูปหล่อโลหะสำริดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว ประดิษฐานบนฐานสี่เหลี่ยมติดผนังด้านในของวิหาร

สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี องค์ใหญ่

สร้างขึ้นเพื่อเป็นรูปจำลองเท่าขนาดจริงเพื่อเป็นต้นแบบในการหล่อโลหะสร้างรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับนำไปประดิษฐานที่ วัดโนนกุ่ม อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อดำเนินการสร้างโดย สรพงษ์ ชาตรี ศิลปินนักแสดง ที่มีจิตศรัทธาจะสร้างเป็นอนุสรณ์สถาน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รูปจำลองนี้ทำด้วยโฟมเป็นวัสดุหลักในลักษณะการนั่งสมาธิภาวนา มือทั้งสองข้างยกขึ้นระดับอกในลักษณะกำมืออย่างหลวมๆ มีขนาดหน้าตักกว้าง 8.1 เมตร สูง 13 เมตร ทาทับด้วยสีทองทั้งองค์เมื่อสร้างรูปหล่อโลหะเสร็จแล้วจึงมีการทำลายรูปจำลองต้นแบบองค์นี้ทิ้ง พระเทพประสิทธิมนต์ (พระราชพิพัฒน์โกศล ในขณะนั้น) เจ้าอาวาสวัดเห็นว่าไม่เป็นการสมควรจึงได้ขอรูปต้นแบบองค์นี้ไว้ ให้พุทธศาสนิกชนได้เคารพบูชาปัจจุบันรูปจำลองต้นแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สร้างประดิษฐานอยู่บริเวณลานวัดใกล้ๆกับศาลาการเปรียญ

 
อนุสาวรีย์ สุนทรภู่

พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์

องค์บูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามพระราชานุสาวรีย์ หล่อด้วยโลหะเป็นพระรูป สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ขนาด 2 เท่า ของพระองค์จริงประทับบนพระเก้าอี้ ฉลองพระองค์ด้วยผ้าฝ้ายกลายทองห่มสไบเฉียงปักด้วยผ้าปัก พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางบนพระเพลา ข้างพระหัตถ์ทางด้านขวามีโต๊ะสำหรับวางเครื่องพาน พระศรีพระราชานุสาวรีย์ ประดิษฐานอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมบริเวณฝั่งตรงข้ามถนนด้านข้างของพระอุโบสถทางทิศเหนือใกล้ๆกับวิหารพระศรีอาริย์

อนุสาวรีย์สุนทรภู่

สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแก่พระสุนทรโวหาร (ภู่) กวีเอกแห่งแผ่นดินสยามและกวีเอกของโลก ซึ่งได้เคยมาศึกษาเล่าเรียนเขียนอ่านอยู่ที่วัดนี้เมื่อครั้งยังเยาว์วัย จึงสร้างเป็นรูปหล่อโลหะสุนทรภู่ตอนเป็นเด็กขนาด 2 เท่า ของตัวจริงในลักษณะเด็กชายสมัยโบราณไว้จุกนั่งพับเพียบหันหน้าไปทางคลองบางกอกน้อย ในมือถือกระดานชนวนอีกข้างหนึ่งถือดินสอ รูปหล่อดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูง 2.50 เมตร ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของลูกสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่

 
ศาลาวิจิตร รัตนศิริวิไลย

ศาลาวิจิตร รัตนศิริวิไลย

สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร

รายนามเจ้าอาวาส

นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา วัดศรีสุดารามวรวิหารได้รับการดูแลจากเจ้าอาววาสมาทุกยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏนามเจ้าอาวาส ดังนี้

  1. พระครูธรรมวิจารณ์ (แก้ว) เล่ากันว่าเจ้าอาวาสรูปนี้เป็นอาจารย์สอนหนังสือสุนทรภู่
  2. พระครูธรรมวิจารณ์ (อิน) สมัยรัชกาลที่ 5
  3. พระครูธรรมวิจารณ์ (โพ)
  4. พระครูธรรมวิจารณ์ (สุด)
  5. พระครูธรรมวิจารณ์ (แดง)
  6. พระครูธรรมวิจารณ์ (ชุ่ม ธมฺมทินฺนโก)
  7. พระครูญารสิริวัฒน์ (ทองห่อ ญาณสิริ) ป.ธ.5
  8. พระเทพประสิทธิมนต์ (โกศล มหาวีโร)

อ้างอิง

  • หนังสือ พระกฐินพระราชทาน ณ วัดศรีสุดารามวรวิหาร, 2 พฤศจิกายน 2561.
  • จดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 เล่ม 1. กรุงเทพฯ: หอสมุดแห่งชาติ, 2530.
  • ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ชีวิตและงานของสุนทรภู่. กรุงเทพฯ: บรรณาคาร, 2519.
  • ประวัติวัติทั่วราชอาณาจักร เล่ม 2. กรุงเทพฯ: กรมการศาสนากระทรวงศึกษาธิการ, 2525.
  • วัดศรีสุดารามวรวิหาร. พิมพ์เนื่องในวโรกาสเข้ารับพระราชทาน ปริญญาบัตร - พัดเปรียญธรรม 9 ประโยค วัดศรีสุดารามวรวิหาร, กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2540.
  • สารบาญชี้ส่วนที่ 1 คือ ตำแหน่งราชการ จ.ศ.1245 เล่มที่ 1. (พ.ศ. 2526). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ต้นฉบับ, 2541.
  • สุจิตต์ วงศ์เทศ. สุนทรภู่เกิดวังหลัง ผู้ดี "บางกอก" มหากวีกระฎุมพี มีวิชารู้เท่าทันโลก. กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม, 2547.
  • สุจิตต์ วงศ์เทศ, (บรรณาธิการ). สุนทรภู่ : มหากวีกระฎุมพี. กรุงเทพฯ: เจ้าพระยา, 2528.

ดศร, ดารามวรว, หาร, ดภ, ศาสตร, 76722, 47306, 76722, 47306, ดศร, ดารามวรมหาว, หาร, ดศร, ดาราม, เป, นพระอารามหลวงช, นตร, ชน, ดวรว, หาร, งอย, มคลองบางกอกน, อยฝ, งตะว, นตก, แขวงบางข, นนนท, เขตบางกอกน, อย, กร, งเทพมหานคร, เด, มม, อว, ดช, ปะขาว, หร, ดช, าขาว, นน, ษฐ. phikdphumisastr 13 46 2 N 100 28 23 E 13 76722 N 100 47306 E 13 76722 100 47306 wdsrisudaramwrmhawihar wdsrisudaram epnphraxaramhlwngchntri chnidwrwihar tngxyurimkhlxngbangkxknxyfngtawntk aekhwngbangkhunnnth ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr edimmichuxwa wdchipakhaw hrux wdchiphakhaw snnisthanwanacasrangkhunrawsmykrungsrixyuthyawdsrisudaramwrmhawiharwdsrisudaramwrmhawiharchuxsamywdsrisudaramwrmhawiharthitngelkhthi 83 sxybangkhunnnth 6 thnnbangkhunnnth aekhwngbangkhunnnth ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr 10700praephthwdfaykhamwasinikayethrwath mhanikayecaxawasphraethphprasiththimnt oksl mhawior swnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna enuxha 1 xanaekht 2 prawti 3 puchniywtthu thawrwtthuaelaesnasnatang 3 1 phraxuobsth 3 2 phrawihar 3 3 salakarepriyy 3 4 tahnkaedng 3 5 wiharphrasrixariy hxitr 3 6 wiharsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi 3 7 smedcphraphuthacary otphrhmrngsi xngkhihy 3 8 phrarachanusawriy smedcecafakrmphrasrisudarks 3 9 xnusawriysunthrphu 3 10 salawicitr rtnsiriwiily 4 raynamecaxawas 5 xangxingxanaekht aekikhthisehnux tidtxkbkhlxngwdsrisudaram thisit tidtxkbkhusatharnpraoychn thistawnxxk tidtxkbkhlxngbangkxknxy thistawntk tidtxkbthiexkchnprawti aekikhsmysmedcphranaraynmharach phramhakstriyphraxngkhthi 27 aehngkrungsrixyuthyaepnrachthanikhunkhrxngsirirachsmbtipi ph s 2199 aehngrachwngsprasaththxng inpi ph s 2229 idsng phrawisuththsunthr txmaidrbphrarachthanbrrdaskdiepn ecaphrayaoksathibdi pan idipepnrachthutecriysmphnthimtrikbfrngess ekhaefaphraecahluys thi 14 n phrarachwngaewrsayd inkarnixacarychipakhawidrwmedinthangipdwysungphrawisuththsunthr txmaidrbphrarachthanbrrdaskdiepnecaphrayaoksathibdi pan epnthiekharphnbthuxephraaxacarychipakhawidmiwichadanisyewthyaelaisysastr hlngcakklbcakfrngess epnplayrchsmyaephndinsmedcphranaraynmharach ph s 2230 smedcphranaraynmharachprachwresdcswrrkhtpi ph s 2231 rwmkhrxngsirirachsmbtiid 32 pi tnsmysmedcphraephthracha phramhakstriy xngkhthi 28 aehngkrungsrixyuthyaphraxacarychipakhawidbxkla ecaphrayaoksathibdi pan ihbrrdasanusisynaipsngthikhlxngbangkxknxyidphkxasyxyuthirimkhlxngbangkxknxy xyumawnhnungkidhaytwipbrrdasanusisyidklbiperiynihecaphrayaoksathibdi pan thrngthrabecaphrayaoksathibdicungmxbthrphysincanwnhnungihipsrangwd ihchuxwa wdchipakhaw emuxpi ph s 2232 sungprakttamhlkthankarsrangwdchipakhaw playrchsmykrungsrixyuthya epntnma nbidwawdchipakhawrimkhlxngbangkxknxypccubnkhux aekhwngbangkhunnnth ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr idsrangodyecaphrayaoksathibdi tamprawti ecaphrayaoksathibdiprawtisastrkhxngwdsrisudarammihlkthanchdecnmakkhuninsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach dwypraktkhwaminphrarachphngsawdar wasmedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks smedcphraphinanginrchkalthi 1 thrngkrunaoprdeklaihburnptisngkhrnaelasthapnawdkhunihmkhrnlwngmanaidesaatlingphngekhamacnthunghnaphraxuobsth phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 cungthrngphrakrunaoprdekla ihecaphrayakhunmntriepnaemkxngsrangphraxuobsthkhunihmodyeluxnkhuncakthiedim thrngoprdihecaphnknganpkkahndekhtrxborngphraxuobsthlngihmichaethnwisungkhamsimaedim odyihmikhwamyaw 15 wa kwang 7 wa aelwoprdihlngekhuxnhnawd ephuxpxngknnaesaatlingcnepnphlsaerc khrnkarthukxyangesrceriybrxyaelw idphrarachthannamwdihmwa wdsrisudaram ykkhunepnphraxaramhlwngchntri chnidwrwihar thngniephuxepnxnusrninsmedcecafakrmphrasrisudarks sungepnsmedcphrarachxyyikaecakhxngphraxngkh thrngsthapnaphrarachthaniwtngaetwncnthrkhun 1 kha eduxn 12 piethaa nphskphuththskrach 2410 epnpithi 15 inrchkal playrchkal tamphrarachoxngkarphrarachthanwisungkhamsima sungmihlkthanxyuinphraxuobsth phraxuobsthhlngekapraktepnwihar xyuhnaphraxuobsthpccubn puchniywtthu thawrwtthuaelaesnasnatang aekikh phraxuobsth phraxuobsth aekikh epnxakharkhnad 5 hxng kwangyawpraman 8x14 emtr danhumklxngtxepnechliyngkwangpraman 4 2 emtr hlngkhathaepnmukhldhna hlng aetlamukhsxnkn 3 tb chaykhatbsudthaytngthwyrbchaykha mikhruxngprakxbhlngkhaaebbxyangithypraephni khux pradbchxfa ibraka hanghngs hnabnthapunpnpidthxngpradbkrackrupethphphnm milayprakxbpraephthlaychxkankhdruptwstwhimphant ithnabnidimthapiknkthuxpradbsahrayrwngphungaetkbtxepnphnnglngmacrdkbesaechliyng sungepnesasiehliymthiimthabwhwesaaelabwechingesapradbthaephiynghnakaaephngkruhlngkraebuxngekhluxbsidanodyrxbmibnidkhunthangdankhangthngsxngkhangplayphnsbnidthahwemdthrngmnth thanrbphraxuobsthepnaebbthansinghbwlukaekw twphraxuobsththapratuthangekhadanklxngdanla 2 chxngaetlachxngthasumpratuthrngbnaethlng echnediywkbhnatanghnabnidbnaethlngrupethphphnmxyuklanglayekhruxetha sahrbphayinphraxuobsthtxnthayxakharmiphraphuththrupprathbnngkhdsmathipangphicarnachrathrrm epnprathanphrahtthsaykhwawanglngbnphrachanuaetlakhangebuxnghna miphrasawknngphnmmuxeriyngrayrwm 8 xngkhswnphnngnnpccubnekhiynphaphaenwsmyihmmirupsumeruxnaekwhlngphraprathantxnbnepnphaphethwdaehaasahrbsumhnatangkhxngphraxuobsthepniptampraephniniyminrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwkhuxsumthrngbnaethlng epnsumhnatangthitxnbnthaepnrupokhngaehlmthrngklibbwkhnadelkthanxngcwhruxhnabnkhxngbaneruxn krxbcwthaepnekhruxnglayxngmihnabnpradblayxacmihruximmilayprathanthiepnekhruxnghmayaethnphraxngkhswnesmaichaebbesmanngaethnthimisumthrngkubkhrxb twesmathaepnibthiexwthaepnluknakhesiyrediyw khxbesmacikepnrxyhyktxnbnrwbepnpmaehlmsabklangimmiaetthaepnlayxubacakbwkhxesux phrawihar aekikh edimichepnphraxuobsthhlngekatxmaddaeplngepnphrawihar milksnaepnaepdehliymepnxakharthrngithy kxxiththuxpunkhnadkwang 5 06 emtr yaw 7 23 emtr hlngkhaimmichxfa ibrakabriewnhnabndanhnatwxakharepnlaypunpnruppinbnphansxngchn phrawiharhlngnitngxyubriewndanhnakhxngphraxuobsth pccubnedimekhyichepnphraxuobsthmakxnthicamikarsrangphraxuobsthhlngihm phrabathsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs oprdihsrangkhunaethnphrawiharhlngedimthiruxthxnxxkip phayinphrawiharepnthipradisthanphraphuththruppangmarwichy aelaphraphuththrupthrngekhruxngthimilksnaphuththsilpaebbrtnoksinthrtxntnhlayxngkh wiharphrasrixariy hxitr salakarepriyy aekikh edimsrangepnxakharimthrngithykhnadkwang 14 emtr yaw 27 emtr itthunetiymibnidthangkhunephiyng 3 khn hlngkhamungkraebuxng pradbchxfa ibraka aelahanghngs banpratuhnatangmiphaphcitrkrrmrupthwarbal aebbsilpacinpraktxyusnnisthanwasrangmatngaetkhrngsmyxyuthya aetedimichepnthieriynhnngsuxithykhxngkulbutrkulthidathwip txmaidmikartxetimbriewndanlangdwykarykphunxakharihsungkhunaelwkxphnngkhxnkritephuxddaeplngepnhxngprachum aelaichepnsalaexnkprasngkhkhxngwdpccubnsalakarepriyycungmilksnaepnxakharkhrungpunkhrungim smedcphraphuthacary ot phrhmrngsi xngkhihy tahnkaedng aekikh epneruxnithychnediywedimsrangkhunepntahnkthiprathb smedcecafakrmphrasrisudarks phraecaphinangethx inphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach inrahwangthiesdcmabaephyphrarachkuslthiwdaehngni tngtidxyukbsalakarepriyypccubnidichepnkutiecaxawas phrarachanusawriy smedcecafakrmphrasrisudarks wiharphrasrixariy hxitr aekikh epnxakharthrngithykxxiththuxpunmikhnadkwang 5 10 emtr yaw 8 80 emt rhlngkhaimmichxfaibrakahanghngs hnabnthangdanhnaaeladanhlngkhxngwiharepnlaypunpnrupdxkphudtan mipratuthangekhaephiyngdanediywthibanpratuthng 2 ban miphaphekhiynrupthwarbalpraktxyu phayinwiharpradisthanxngkhphrasrixriy hlxdwythxngsaridkhnadhnatk 2 sxk prathbnngkhdsmathirab phrahtthkhwawangbnphraephla phrahtthsaythuxphd sungmilksnakhaytalptraetmidamcbsn briewnphnngphayinwiharmicitrkrrmfaphnngelaeruxngphuththprawtitxnphraphuththecaphcymar aelacitrkrrmpraephni 12 eduxn wiharsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi aekikh epnxakharthrngithykxxiththuxpunhlngkhapradbchxfaibrakahanghngs tngxyubriewndankhangthangthisitkhxngphraxuobsth snnisthanknwasrangkhunphrxmkbwiharphrasrixariy danhnakhxngwiharmipratuthangekhaxyu 2 thang dansaykbdankhwaphayinwiharmiruphlxolhasaridkhxngsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi khnadhnatk 29 niw pradisthanbnthansiehliymtidphnngdaninkhxngwihar smedcphraphuthacary otphrhmrngsi xngkhihy aekikh srangkhunephuxepnrupcalxngethakhnadcringephuxepntnaebbinkarhlxolhasrangruphlxsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi xngkhihythisudinolksahrbnaippradisthanthi wdonnkum xaephxsikhiw cnghwdnkhrrachsima ephuxdaeninkarsrangody srphngs chatri silpinnkaesdng thimicitsrththacasrangepnxnusrnsthan smedcphraphuthacary ot phrhmrngsi rupcalxngnithadwyofmepnwsduhlkinlksnakarnngsmathiphawna muxthngsxngkhangykkhunradbxkinlksnakamuxxyanghlwm mikhnadhnatkkwang 8 1 emtr sung 13 emtr thathbdwysithxngthngxngkhemuxsrangruphlxolhaesrcaelwcungmikarthalayrupcalxngtnaebbxngkhnithing phraethphprasiththimnt phrarachphiphthnoksl inkhnann ecaxawaswdehnwaimepnkarsmkhwrcungidkhxruptnaebbxngkhniiw ihphuththsasnikchnidekharphbuchapccubnrupcalxngtnaebbsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi srangpradisthanxyubriewnlanwdiklkbsalakarepriyy xnusawriy sunthrphu phrarachanusawriy smedcecafakrmphrasrisudarks aekikh xngkhburnaptisngkhrnphraxaramphrarachanusawriy hlxdwyolhaepnphrarup smedcecafakrmphrasrisudarks khnad 2 etha khxngphraxngkhcringprathbbnphraekaxi chlxngphraxngkhdwyphafayklaythxnghmsibechiyngpkdwyphapk phrahtththngsxngkhangwangbnphraephla khangphrahtththangdankhwamiotasahrbwangekhruxngphan phrasriphrarachanusawriy pradisthanxyubnthansiehliymbriewnfngtrngkhamthnndankhangkhxngphraxuobsththangthisehnuxiklkbwiharphrasrixariy xnusawriysunthrphu aekikh srangkhunepnxnusrnsthanaekphrasunthrowhar phu kwiexkaehngaephndinsyamaelakwiexkkhxngolk sungidekhymasuksaelaeriynekhiynxanxyuthiwdniemuxkhrngyngeyawwy cungsrangepnruphlxolhasunthrphutxnepnedkkhnad 2 etha khxngtwcringinlksnaedkchaysmyobraniwcuknngphbephiybhnhnaipthangkhlxngbangkxknxy inmuxthuxkradanchnwnxikkhanghnungthuxdinsx ruphlxdngklawtngxyubnthansiehliymsung 2 50 emtr sungcaxyudanhlngkhxngluksmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi xngkhihy salawicitr rtnsiriwiily salawicitr rtnsiriwiily aekikh srangkhunephuxechlimphraekiyrti phrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch mhitlathiebsrramathibdi ckrinvbdinthr syaminthrathirach brmnathbphitr aelasmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath epnthipradisthanphraphuththruppracaphrachnmwarraynamecaxawas aekikhnbtngaetsmyrchkalthi 1 epntnma wdsrisudaramwrwiharidrbkarduaelcakecaxawwasmathukyukhsmycnthungpccubn dngpraktnamecaxawas dngni phrakhruthrrmwicarn aekw elaknwaecaxawasrupniepnxacarysxnhnngsuxsunthrphu phrakhruthrrmwicarn xin smyrchkalthi 5 phrakhruthrrmwicarn oph phrakhruthrrmwicarn sud phrakhruthrrmwicarn aedng phrakhruthrrmwicarn chum thm mthin nok phrakhruyarsiriwthn thxnghx yansiri p th 5 phraethphprasiththimnt oksl mhawior xangxing aekikhhnngsux phrakthinphrarachthan n wdsrisudaramwrwihar 2 phvscikayn 2561 cdhmayehturchkalthi 3 elm 1 krungethph hxsmudaehngchati 2530 darngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya chiwitaelangankhxngsunthrphu krungethph brrnakhar 2519 prawtiwtithwrachxanackr elm 2 krungethph krmkarsasnakrathrwngsuksathikar 2525 wdsrisudaramwrwihar phimphenuxnginworkasekharbphrarachthan priyyabtr phdepriyythrrm 9 praoykh wdsrisudaramwrwihar krungethph mhaculalngkrnrachwithyaly 2540 sarbaychiswnthi 1 khux taaehnngrachkar c s 1245 elmthi 1 ph s 2526 phimphkhrngthi 2 krungethph tnchbb 2541 sucitt wngseths sunthrphuekidwnghlng phudi bangkxk mhakwikradumphi miwicharuethathnolk krungethph silpwthnthrrm 2547 sucitt wngseths brrnathikar sunthrphu mhakwikradumphi krungethph ecaphraya 2528 ekhathungcak https th wikipedia org w index php title wdsrisudaramwrwihar amp oldid 9447854, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม