fbpx
วิกิพีเดีย

ศิวนาฏราช

ศิวนาฏราช เป็นปางหนึ่งของพระศิวะ เป็นบรมครูของศิลปะการร่ายรำหรือนาฏยศาสตร์ของอินเดีย ความเชื่อว่าการเต้นรำของพระศิวะก่อให้เกิดปฏิกิริยาของการสร้างโลกและมนุษย์ ศิวนาฏราชจะปรากฏในท่าย่างสามขุม (ตรีวิกรม) ซึ่งเป็น 1 ใน 108 ท่าที่ออกแบบโดยพระศิวะ โดยมีสัญลักษณ์ที่พระกรขวาถือกลองคือการสร้างโลก พระกรซ้ายมีเปลวเพลิงล้อมเป็นกรอบคือการสิ้นสุดที่ไฟจะเผาผลาญโลก พระศิวะได้ทรงพนันกับพระอุมาว่าโลกที่สร้างใหม่แข็งแรงหรือไม่ โดยพระศิวะทรงยืนขาเดียวบนก้อนหินโดยที่ขาต้องไม่ตก ในขณะที่พญานาคแกว่งลำตัววิดน้ำในมหาสมุทรให้สะเทือน พระศิวะทรงชนะ พระองค์ทรงสร้างโลกใหม่ด้วยการเต้นรำบนก้อนหินนั้น ในระหว่างที่ทรงเต้นรำเกิดเปลวไฟและน้ำหลั่งไหลจากพระวรกายกลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต

เทวรูปศิวนาฏราช

ศิวนาฏราชในศิลปะอินเดีย

นาฏราช หรือพระศิวะในฐานะของบรมครูองค์แรกแห่งการร่ายรำ พระหัตถ์ขวาด้านบน ทรงถือกลองรูปร่างคล้ายๆ นาฬิกาทราย (เอวคอด) กลองเล็ก ๆ ใบนี้ให้จังหวะประกอบการฟ้อนรำของพระศิวะ และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เสียงกลองเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในจักรวาล นั่นคือ กลองเป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ทั้งมวล

พระหัตถ์ซ้ายด้านบน ถืออัคนี อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง โดยคำว่า ทำลายล้าง ในที่นี้ หมายถึง ล้างความชั่ว ล้างอวิชชา ให้หมดไป เพื่อเปิดทางการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่ พระกรและพระหัตถ์คู่ซ้าย-ขวา ซึ่งแทนการสร้างสรรค์และการทำลายล้างนี้ กางออกไปในระดับเสมอกัน อันบ่งบอกถึงความหมายที่ว่า "มีเกิด ก็ย่อมมีดับ" นั่นเอง

พระหัตถ์ขวาด้านล่างแบออก เรียกว่า ปางอภัย (abhaya pose) ซึ่งมีความหมายว่า "จงอย่าได้กลัวเลย" (do not fear) เพราะไม่มีภัยใด ๆ จะมากล้ำกลาย ท่านี้บ่งว่าพระศิวะเป็นผู้ปกป้องอีกด้วย

ส่วนพระกรซ้ายด้านล่างพาดขวางลำตัวระดับอก ในลักษณะคล้ายๆ งวงช้าง ซึ่งบางคนตีความว่า เป็นงวงของพระคเณศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และเป็นบุตรของพระศิวะอีกต่างหาก ปลายนิ้วของพระกรที่เป็นงวงช้างนี้ชี้ไปที่พระบาทซ้ายที่ยกขึ้น มาจากพื้น ก็ตีความกันว่า พระบาทที่ยกขึ้นมานี้บ่งถึงการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

ส่วนพระบาทขวานั้นเหยียบอยู่บนอสูรมูลาคนี ซึ่งเป็นตัวแทนของอวิชชา เมื่ออวิชชาถูก 'เหยียบ' ไม่ให้โผล่ขึ้นมาบดบังความจริง ความรู้แจ้ง (วิชชา) ก็จะปรากฏขึ้นนั่นเอง

วงกลม ๆ ที่ล้อมพระศิวะอยู่ก็คือ ขอบเขตแห่งการร่ายรำ อันเป็นตัวแทนของจักรวาลทั้งมวล โดยมีขอบด้านนอกเป็นเปลวไฟ และมีขอบด้านในเป็นน้ำในมหาสมุทร พระศิวะในปางนาฏราชนี้ยังแสดงคู่ตรงกันข้ามกันเช่น กลอง = สร้าง vs ไฟ = ทำลาย แม้พระศิวะจะร่ายรำ ขยับมือ ขยับเท้าและแขนขาอย่างต่อเนื่อง แต่พระพักตร์กลับสงบนิ่งเฉย เหมือนไร้ความรู้สึก ซึ่งเป็นเสมือนการสอนว่า การเกิด-ดับของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่โดยตลอด พระเกศาของพระศิวะยาวสยาย ปลิวสะบัดยื่นออกไปทั้งซ้ายขวา เป็นสัญลักษณ์แทนผู้ละทิ้งชีวิตทางโลก แต่ก็มีพระคงคาและพระจันทร์เสี้ยวอนเป็นสัญญลักษณ์แห่งเทพสตรีประดับอยู่ด้วย

ศิวนาฏราชในศิลปขอม

ปราสาทหินในศิลปขอม ทับหน้าของปรางค์ประธานจะแกะสลักเป็นรูปพระศิวนาฏราช หรือ พระอิศวรทรงฟ้อนรำ ซึ่งจัดเป็นประติมากรรมที่สำคัญที่สุดในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ในศิลปขอมนั้นภาพพระศิวนาฏราชจะเป็นภาพสลักนูนต่ำทั้งสิ้น ไม่เป็นประติมากรรมชนิดลอยตัว ส่วนทับหลังของปราสาทจะเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธิ์

ศิวนาฏราชกับศิลปการแสดง

นาฏศิลป์

ภาพการร่ายรำของพระศิวะนับว่ามีบทบาทสำคัญในคติความเชื่อของผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ตามตำนานระบุว่าการร่ายรำของพระศิวะเป็นที่เลื่องลือและยกย่องของเหล่าเทพทั้งมวลถึงความสวยงามและน่ายำเกรงในที ในจังหวะลีลาอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเนรมิตสร้างสรรค์

การร่ายรำนี้ภายหลังพระภรตมุนีได้ทราบ จึงขอร้องให้พระพิฆคเณศไปกราบบังคมทูลให้พระศิวะซึ่งเป็นพระราชบิดาร่ายรำอีกครั้งเพื่อจะได้จารึกท่าการร่ายรำนี้เป็นบทนาฎยศาสตร์สืบไป พระศิวะท่านจึงได้ร่ายรำให้ชมอีกและได้เรียกเหล่าเทพเทวดาทั้งปวงมาชมพระองค์ร่ายรำอีกครั้ง

บางตำนานกล่าวว่าพระยาอนันตนาคราชได้ชมการร่ายรำนี้เมื่อองค์พระอิศวรท่านร่ายรำหลังจากปราบฤๅษีผู้ฝ่าฝืนเทวบัญญ้ติ และปรารถนาจะได้ชมอีก องค์พระนารายณ์ได้ประทานคำแนะนำให้ไปบำเพ็ญตบะที่เชิงเขาไกรลาสเพื่อบูชาองค์พระศิวะ ด้วยอำนาจแห่งการบูชานี้ องค์พระศิวะจึงโปรดประทานพรให้ และถามในสิ่งที่พระยานันตนาคราชปรารถนา พระยานาคราชจึงกราบทูลว่าอยากจะได้เห็นองค์พระศิวะร่ายรำอีกสักครั้ง พระศิวะก็โปรดประทานดังปรารถนา และได้เสด็จลงมาร่ายรำยังมนุษยโลก ซึ่งเชื่อกันว่าสถานที่นั้นคือ วิหาร จิทัมพรัม ในรัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย

ท่าฟ้อนรำทั้ง 108 ท่าขององค์พระศิวะนี้เป็นท่าพื้นฐานสำหรับวิชานาฎยศาสตร์ อันเป็นท่ารำต้นแบบของชาวอินเดีย และแพร่หลายมาถึงเขมร และไทย ผู้รับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมของอินเดียสืบต่อมา ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูนั้นเชื่อว่าจังหวะการร่ายรำของพระศิวะอาจบันดาลให้เกิดผลดีและผลร้ายแก่โลกได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องอ้อนวอนให้พระองค์ฟ้อนรำในจังหวะที่พอดี โลกจึงจะร่มเย็นเป็นสุข หากพระองค์โกรธกริ้วด้วยการร่ายรำในจังหวะที่รุนแรงแล้วก็ย่อมจะนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่โลกนานัปการ

ดุริยางคศิลป์

กลองในพระหัตถ์ของพระศิวะในปางศิวะนาฏราชนี้ เป็นกลองสองหน้า เอวตรงกลางคอด มีลูกตุ้มยึดกับสายสำหรับใช้กระทบหน้ากลองทั้ง 2 ข้าง กลองนี้เรียกว่ากลอง ทมรุ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวที่องค์พระศิวะท่านเลือกใช้ประกอบการร่ายรำอันยิ่งใหญ่นี้ ผู้ประกอบพิธีในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้นำเอากลองนี้มาใช้ในการประกอบพิธีมงคล และพัฒนามาเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่า "บัณเฑาะว์" ในปัจจุบัน คำว่าบัณเฑาะว์มาจากคำบาลีว่า "ปณวะ" หรือ "ตาณฑวะ" ในภาษาสันสกฤต

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • Karanas
  • ศิวนาฏราช การดำเนินไปของจักรวาล VS พัฒนาการของสังคม โดย อ.บัญชา ธนบุญสมบัติ
  • นาฏราชผู้ร่ายรำแห่งจักรวาล
  • จากภารตวรรษสู่สยามประเทศ:การเดินทางของนาฏศิลป์อินเดียสู่นาฏศิลป์ไทย โดย คมคาย กลิ่นภักดี
  • Shiva as Nataraja - Dance and Destruction In Indian Art

วนาฏราช, บทความน, ไม, การอ, างอ, งจากแหล, งท, มาใดกร, ณาช, วยปร, บปร, งบทความน, โดยเพ, มการอ, างอ, งแหล, งท, มาท, าเช, อถ, เน, อความท, ไม, แหล, งท, มาอาจถ, กค, ดค, านหร, อลบออก, เร, ยนร, าจะนำสารแม, แบบน, ออกได, อย, างไรและเม, อไร, เป, นปางหน, งของพระศ, วะ, เป. bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir siwnatrach epnpanghnungkhxngphrasiwa epnbrmkhrukhxngsilpakarrayrahruxnatysastrkhxngxinediy khwamechuxwakaretnrakhxngphrasiwakxihekidptikiriyakhxngkarsrangolkaelamnusy siwnatrachcapraktinthayangsamkhum triwikrm sungepn 1 in 108 thathixxkaebbodyphrasiwa odymisylksnthiphrakrkhwathuxklxngkhuxkarsrangolk phrakrsaymieplwephlinglxmepnkrxbkhuxkarsinsudthiifcaephaphlayolk phrasiwaidthrngphnnkbphraxumawaolkthisrangihmaekhngaernghruxim odyphrasiwathrngyunkhaediywbnkxnhinodythikhatxngimtk inkhnathiphyanakhaekwnglatwwidnainmhasmuthrihsaethuxn phrasiwathrngchna phraxngkhthrngsrangolkihmdwykaretnrabnkxnhinnn inrahwangthithrngetnraekideplwifaelanahlngihlcakphrawrkayklayepnsinghlxeliyngchiwitethwrupsiwnatrach enuxha 1 siwnatrachinsilpaxinediy 2 siwnatrachinsilpkhxm 3 siwnatrachkbsilpkaraesdng 3 1 natsilp 3 2 duriyangkhsilp 4 khxmulephimetimsiwnatrachinsilpaxinediy aekikhnatrach hruxphrasiwainthanakhxngbrmkhruxngkhaerkaehngkarrayra phrahtthkhwadanbn thrngthuxklxngruprangkhlay nalikathray exwkhxd klxngelk ibniihcnghwaprakxbkarfxnrakhxngphrasiwa aelathisakhyimaephknkkhux esiyngklxngepnsylksnaethnthatuaerkthithuxkaenidkhuninckrwal nnkhux klxngepnsylksnaehngkarsrangsrrkhsingtang thngmwlphrahtthsaydanbn thuxxkhni xnepnsylksnaehngkarthalaylang odykhawa thalaylang inthini hmaythung langkhwamchw langxwichcha ihhmdip ephuxepidthangkarsrangsrrkhsingtang khunmaihm phrakraelaphrahtthkhusay khwa sungaethnkarsrangsrrkhaelakarthalaylangni kangxxkipinradbesmxkn xnbngbxkthungkhwamhmaythiwa miekid kyxmmidb nnexngphrahtthkhwadanlangaebxxk eriykwa pangxphy abhaya pose sungmikhwamhmaywa cngxyaidklwely do not fear ephraaimmiphyid camaklaklay thanibngwaphrasiwaepnphupkpxngxikdwyswnphrakrsaydanlangphadkhwanglatwradbxk inlksnakhlay ngwngchang sungbangkhntikhwamwa epnngwngkhxngphrakhens ethphecaaehngkhwamsaerc aelaepnbutrkhxngphrasiwaxiktanghak playniwkhxngphrakrthiepnngwngchangnichiipthiphrabathsaythiykkhun macakphun ktikhwamknwa phrabaththiykkhunmanibngthungkarhludphncakwtsngsarswnphrabathkhwannehyiybxyubnxsurmulakhni sungepntwaethnkhxngxwichcha emuxxwichchathuk ehyiyb imihophlkhunmabdbngkhwamcring khwamruaecng wichcha kcapraktkhunnnexngwngklm thilxmphrasiwaxyukkhux khxbekhtaehngkarrayra xnepntwaethnkhxngckrwalthngmwl odymikhxbdannxkepneplwif aelamikhxbdaninepnnainmhasmuthr phrasiwainpangnatrachniyngaesdngkhutrngknkhamknechn klxng srang vs if thalay aemphrasiwacarayra khybmux khybethaaelaaekhnkhaxyangtxenuxng aetphraphktrklbsngbningechy ehmuxnirkhwamrusuk sungepnesmuxnkarsxnwa karekid dbkhxngsrrphsingthiekidkhunxyuodytlxd phraeksakhxngphrasiwayawsyay pliwsabdyunxxkipthngsaykhwa epnsylksnaethnphulathingchiwitthangolk aetkmiphrakhngkhaaelaphracnthresiywxnepnsyylksnaehngethphstripradbxyudwysiwnatrachinsilpkhxm aekikhprasathhininsilpkhxm thbhnakhxngprangkhprathancaaekaslkepnrupphrasiwnatrach hrux phraxiswrthrngfxnra sungcdepnpratimakrrmthisakhythisudinsasnaphrahmnlththiiswnikay insilpkhxmnnphaphphrasiwnatrachcaepnphaphslknuntathngsin imepnpratimakrrmchnidlxytw swnthbhlngkhxngprasathcaepnrupphranaraynbrrthmsinthisiwnatrachkbsilpkaraesdng aekikhnatsilp aekikh phaphkarrayrakhxngphrasiwanbwamibthbathsakhyinkhtikhwamechuxkhxngphuthinbthuxsasnahindu lththiiswnikay tamtananrabuwakarrayrakhxngphrasiwaepnthieluxngluxaelaykyxngkhxngehlaethphthngmwlthungkhwamswyngamaelanayaekrnginthi incnghwalilaxnepnsylksnaehngkarenrmitsrangsrrkhkarrayraniphayhlngphraphrtmuniidthrab cungkhxrxngihphraphikhkhensipkrabbngkhmthulihphrasiwasungepnphrarachbidarayraxikkhrngephuxcaidcarukthakarrayraniepnbthnadysastrsubip phrasiwathancungidrayraihchmxikaelaideriykehlaethphethwdathngpwngmachmphraxngkhrayraxikkhrngbangtananklawwaphrayaxnntnakhrachidchmkarrayraniemuxxngkhphraxiswrthanrayrahlngcakprabvisiphufafunethwbyyti aelaprarthnacaidchmxik xngkhphranaraynidprathankhaaenanaihipbaephytbathiechingekhaikrlasephuxbuchaxngkhphrasiwa dwyxanacaehngkarbuchani xngkhphrasiwacungoprdprathanphrih aelathaminsingthiphrayanntnakhrachprarthna phrayanakhrachcungkrabthulwaxyakcaidehnxngkhphrasiwarayraxikskkhrng phrasiwakoprdprathandngprarthna aelaidesdclngmarayrayngmnusyolk sungechuxknwasthanthinnkhux wihar cithmphrm inrththmilnadu praethsxinediythafxnrathng 108 thakhxngxngkhphrasiwaniepnthaphunthansahrbwichanadysastr xnepntharatnaebbkhxngchawxinediy aelaaephrhlaymathungekhmr aelaithy phurbxiththiphldanwthnthrrmkhxngxinediysubtxma phuthinbthuxsasnahindunnechuxwacnghwakarrayrakhxngphrasiwaxacbndalihekidphldiaelaphlrayaekolkid channcungcaepnthicatxngxxnwxnihphraxngkhfxnraincnghwathiphxdi olkcungcarmeynepnsukh hakphraxngkhokrthkriwdwykarrayraincnghwathirunaerngaelwkyxmcanamasungphyphibtiaekolknanpkar duriyangkhsilp aekikh klxnginphrahtthkhxngphrasiwainpangsiwanatrachni epnklxngsxnghna exwtrngklangkhxd miluktumyudkbsaysahrbichkrathbhnaklxngthng 2 khang klxngnieriykwaklxng thmru sungepnekhruxngdntriephiyngchinediywthixngkhphrasiwathaneluxkichprakxbkarrayraxnyingihyni phuprakxbphithiinsasnaphrahmn hindu idnaexaklxngnimaichinkarprakxbphithimngkhl aelaphthnamaepnekhruxngdntrithieriykwa bnethaaw inpccubn khawabnethaawmacakkhabaliwa pnwa hrux tanthwa inphasasnskvtkhxmulephimetim aekikhKaranas siwnatrach kardaeninipkhxngckrwal VS phthnakarkhxngsngkhm ody x bycha thnbuysmbti natrachphurayraaehngckrwal cakphartwrrssusyampraeths karedinthangkhxngnatsilpxinediysunatsilpithy ody khmkhay klinphkdi Shiva as Nataraja Dance and Destruction In Indian Artkhxmmxns miphaphaelasuxekiywkb siwnatrach bthkhwamekiywkbsasnaniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmul duephimthi sthaniyxy sasnaekhathungcak https th wikipedia org w index php title siwnatrach amp oldid 8404913, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม