อันโทน บรุคเนอร์ (เยอรมัน : Anton Bruckner ) เป็นคีตกวี, นักทฤษฎีดนตรี และนักออร์แกนชาวออสเตรีย
ประวัติ ชีวิตวัยเด็ก อันโทน บรุคเนอร์ เกิดเมื่อค.ศ. 1824 ในหมู่บ้านอันส์เฟ็ลเดิน (Ansfelden) ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรีย เด็กชายบรุคเนอร์เป็นบุตรคนโตของครอบครัว บิดาเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนประจำหมู่บ้าน มารดาเป็นนักร้องประสานเสียง เขาเริ่มเรียนหนังสือเมื่ออายุหกขวบที่โรงเรียนของบิดา และเป็นนักเรียนที่ขยันมากจนได้เลื่อนชั้นเรียนก่อนเพื่อนในวัยเดียวกัน นอกจากนี้ บิดายังสอนออร์แกนให้แก่เด็กชายด้วย
เนื่องจากบ้านที่พวกเขาอยู่เป็นบ้านประจำตำแหน่งครูใหญ่ เมื่อบิดาของเขาเสียชีวิตจากวัณโรคในค.ศ. 1837 ครอบครัวจึงต้องย้ายออก มารดาจึงนำเขาไปฝากกับอารามซังคท์ฟลอรีอาน (Sankt Florian) และได้เป็นนักร้องเพลงสวด นอกจากจะได้เรียนการร้องเพลงสวดแล้ว เขายังได้เรียนไวโอลินและออร์แกนเพิ่มเติม บรึคเนอร์มีพรสวรรค์จนได้เล่นออร์แกนใหญ่ของอาราม และบางครั้งมีโอกาสเล่นประกอบงานพิธีกรรม ออร์แกนดังกล่าวจึงถูกเรียกว่า "บรึคเนอร์ออร์แกน"
ครูสอนหนังสือ แม้บรุคเนอร์มีพรสววรค์ด้านดนตรี แต่แล้วมารดาก็ส่งเขาเข้าโรงเรียนพระที่เมืองลินซ์ ในค.ศ. 1841 หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนพระด้วยผลการเรียนยอดเยี่ยม บรุคเนอร์ถูกส่งเป็นผู้ช่วยสอนที่หมู่บ้านวินด์ฮาค (Windhaag) ด้วยค่าจ้างต่ำเตี้ยเรี่ยดินและถูกผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้งเสมอ แต่กระนั้นก็ไม่เคยบ่นหรือต่อต้าน อุปนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัวของบรุคเนอร์ถือเป็นลักษณะเด่นที่สุดของเขาตลอดช่วงชีวิต เขาอยู่ที่เมืองนี้สองปีจนถึงอายุ 19 และทำหน้าที่สอนวิชาที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์รับรู้ความยากลำบากของบรุคเนอร์ จึงย้ายเขาไปเป็นผู้ช่วยสอนที่เมืองคร็อนชตอร์ฟ (Kronstorf) บรุคเนอร์มีความสุขทีเดียวกับที่ทำงานใหม่ เขาได้เป็นลูกศิษย์ของคีตกวีเซเน็ตตี ทักษะด้านการแต่งเพลงของเขาพัฒนาขึ้นมากขณะอาศัยอยู่ในเมืองนี้
ค.ศ. 1845 บรุคเนอร์กลับมาที่ซังคท์ฟลอรีอานและสอบได้เป็นครูผู้ช่วยประจำโรงเรียนในหมู่บ้านหนึ่งใกล้ซังคท์ฟลอรีอาน ต่อมาในค.ศ. 1848 เขาได้รับตำแหน่งเพิ่มเติมเป็นนักออร์แกนประจำซังคท์ฟลอรีอาน
ประพันธ์เพลง บรึคเนอร์เรียนรู้การประพันธ์เพลงด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ เขาเริ่มประพันธ์เพลงอย่างจริงจังในค.ศ. 1861 ขณะมีอายุ 37 ปี แล้วอาศัยการศึกษาหาความรู้จากนักดนตรีนามว่าอ็อทโท คิทซ์เลอร์ ที่อ่อนกว่าเก้าปี ผลงานเพลงชิ้นแรกๆของบรึคเนอร์ (เช่น Symphony in F minor, March in D minor และ Overture in G minor) ล้วนถูกประพันธ์ขึ้นในช่วงที่เขายังศึกษาหาความรู้อยู่
ค.ศ. 1868 บรุคเนอร์ตัดสินใจเป็นครูวิชาทฤษฎีดนตรีที่โรงเรียนสอนดนตรีในกรุงเวียนนา และมีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานซิมโฟนีหลายชิ้น ผลงานซิมโฟนีของเขาในเวลานั้นได้รับผลตอบรับในทางลบ ถูกมองว่า "เถื่อน" และ "เลอะเทอะ" ต่อมาในค.ศ. 1875 เขารับตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเวียนนา โดยรวมแล้ว บรุคเนอร์ไม่ค่อยมีความสุขในเวียนนา การดนตรีของเวียนนาในเวลานั้นตกอยู่ใต้อิทธิพลการตีฝีปากของนักวิจารณ์ดนตรีนามว่าฮันส์ลิค (Hanslick) ประกอบกับเวลานั้น วงการดนตรีแบ่งเป็นสองขั้วระหว่างวากเนอร์ กับบรามส์ การที่บรุคเนอร์เลือกข้างวากเนอร์ ทำให้ฮันส์ลิคกลายเป็นศัตรูโดยไม่ตั้งใจ
บรุคเนอร์ใช่ว่าไร้แรงหนุน นักวิจารณ์ดนตรีและวาทยกรหลายคนพยายามช่วยนำเสนอผลงานของบรุคเนอร์สู่สาธารณะ ซึ่งก็สามารถทำให้ชื่อของบรุคเนอร์ได้รับการยอมรับมากขึ้น บรุคเนอร์ถือเป็นคีตกวีที่มีความใจกว้างอย่างมาก ขณะที่ชื่อของเขายังไม่มีชื่อเสียง เขายอมให้บรรดาผู้หวังดีนำซิมโฟนีของเขาไปตัดทอนแก้ไขและนำออกแสดงตามใจชอบ เพื่อให้ชื่อของเขาเป็นที่แพร่หลาย
อ้างอิง ↑ Karl Grebe: Anton Bruckner. Rowohlt Taschenbuchverlag GmbH. Hamburg, 1972 Derek Watson, Bruckner . New York: Schuster & Macmillan (1997): 3 Karl Grebe: Anton Bruckner. Rowohlt Berlin 1972. Page 27. อาศรมมิวสิก โดย บวรพงศ์ ศุภโสภณ : ความประหลาดและอัจฉริยภาพของศิลปิน ภาพสะท้อนจากอันโตน บรูคเนอร์ มติชน. 5 กรกฎาคม 2563
นโทน, บร, คเนอร, เยอรม, anton, bruckner, เป, นค, ตกว, กทฤษฎ, ดนตร, และน, กออร, แกนชาวออสเตร, ยข, อม, ลพ, นฐานเก, ด4, นยายน, 1824อ, นส, เฟ, ลเด, กรวรรด, ออสเตร, ยเส, ยช, ต11, ลาคม, 1896เว, ยนนา, กรวรรด, ออสเตร, งการ, แนวเพลงคลาสส, กอาช, พค, ตกว, กทฤษฎ, ดนตร, กอ. xnothn brukhenxr eyxrmn Anton Bruckner epnkhitkwi nkthvsdidntri aelankxxraeknchawxxsetriyxnothn brukhenxrkhxmulphunthanekid4 knyayn kh s 1824xnsefledin ckrwrrdixxsetriyesiychiwit11 tulakhm kh s 1896ewiynna ckrwrrdixxsetriy hngkariaenwephlngkhlassikxachiphkhitkwi nkthvsdidntri nkxxraekn enuxha 1 prawti 1 1 chiwitwyedk 1 2 khrusxnhnngsux 1 3 praphnthephlng 2 xangxingprawti aekikhchiwitwyedk aekikh xnothn brukhenxr ekidemuxkh s 1824 inhmubanxnsefledin Ansfelden thangtxnehnuxkhxngpraethsxxsetriy edkchaybrukhenxrepnbutrkhnotkhxngkhrxbkhrw bidaepnkhruihykhxngorngeriynpracahmuban mardaepnnkrxngprasanesiyng ekhaerimeriynhnngsuxemuxxayuhkkhwbthiorngeriynkhxngbida aelaepnnkeriynthikhynmakcnideluxnchneriynkxnephuxninwyediywkn nxkcakni bidayngsxnxxraeknihaekedkchaydwy 1 enuxngcakbanthiphwkekhaxyuepnbanpracataaehnngkhruihy emuxbidakhxngekhaesiychiwitcakwnorkhinkh s 1837 khrxbkhrwcungtxngyayxxk mardacungnaekhaipfakkbxaramsngkhthflxrixan Sankt Florian aelaidepnnkrxngephlngswd nxkcakcaideriynkarrxngephlngswdaelw ekhayngideriyniwoxlinaelaxxraeknephimetim brukhenxrmiphrswrrkhcnidelnxxraeknihykhxngxaram 1 2 aelabangkhrngmioxkaselnprakxbnganphithikrrm xxraekndngklawcungthukeriykwa brukhenxrxxraekn khrusxnhnngsux aekikh aembrukhenxrmiphrswwrkhdandntri aetaelwmardaksngekhaekhaorngeriynphrathiemuxnglinsinkh s 1841 hlngcbkarsuksacakorngeriynphradwyphlkareriynyxdeyiym brukhenxrthuksngepnphuchwysxnthihmubanwindhakh Windhaag dwykhacangtaetiyeriydinaelathukphubngkhbbychaklnaeklngesmx aetkrannkimekhybnhruxtxtan xupnisyeciymenuxeciymtwkhxngbrukhenxrthuxepnlksnaednthisudkhxngekhatlxdchwngchiwit ekhaxyuthiemuxngnisxngpicnthungxayu 19 aelathahnathisxnwichathiimekiywkbdntriely phrasngkhthrngsmnskdirbrukhwamyaklabakkhxngbrukhenxr cungyayekhaipepnphuchwysxnthiemuxngkhrxnchtxrf Kronstorf brukhenxrmikhwamsukhthiediywkbthithanganihm ekhaidepnluksisykhxngkhitkwiesentti thksadankaraetngephlngkhxngekhaphthnakhunmakkhnaxasyxyuinemuxngni 3 kh s 1845 brukhenxrklbmathisngkhthflxrixanaelasxbidepnkhruphuchwypracaorngeriyninhmubanhnungiklsngkhthflxrixan txmainkh s 1848 ekhaidrbtaaehnngephimetimepnnkxxraeknpracasngkhthflxrixan praphnthephlng aekikh brukhenxreriynrukarpraphnthephlngdwytnexngepnswnihy ekhaerimpraphnthephlngxyangcringcnginkh s 1861 khnamixayu 37 pi aelwxasykarsuksahakhwamrucaknkdntrinamwaxxthoth khithselxr thixxnkwaekapi phlnganephlngchinaerkkhxngbrukhenxr echn Symphony in F minor March in D minor aela Overture in G minor lwnthukpraphnthkhuninchwngthiekhayngsuksahakhwamruxyukh s 1868 brukhenxrtdsinicepnkhruwichathvsdidntrithiorngeriynsxndntriinkrungewiynna aelamioxkassrangsrrkhphlngansimofnihlaychin phlngansimofnikhxngekhainewlannidrbphltxbrbinthanglb thukmxngwa ethuxn aela elxaethxa txmainkh s 1875 ekharbtaaehnngxacaryinmhawithyalyewiynna odyrwmaelw brukhenxrimkhxymikhwamsukhinewiynna kardntrikhxngewiynnainewlanntkxyuitxiththiphlkartifipakkhxngnkwicarndntrinamwahnslikh Hanslick prakxbkbewlann wngkardntriaebngepnsxngkhwrahwangwakenxrkbbrams karthibrukhenxreluxkkhangwakenxr thaihhnslikhklayepnstruodyimtngicbrukhenxrichwairaernghnun nkwicarndntriaelawathykrhlaykhnphyayamchwynaesnxphlngankhxngbrukhenxrsusatharna sungksamarththaihchuxkhxngbrukhenxridrbkaryxmrbmakkhun brukhenxrthuxepnkhitkwithimikhwamickwangxyangmak khnathichuxkhxngekhayngimmichuxesiyng ekhayxmihbrrdaphuhwngdinasimofnikhxngekhaiptdthxnaekikhaelanaxxkaesdngtamicchxb ephuxihchuxkhxngekhaepnthiaephrhlay 4 xangxing aekikh 1 0 1 1 Karl Grebe Anton Bruckner Rowohlt Taschenbuchverlag GmbH Hamburg 1972 Derek Watson Bruckner New York Schuster amp Macmillan 1997 3 Karl Grebe Anton Bruckner Rowohlt Berlin 1972 Page 27 xasrmmiwsik ody bwrphngs suphosphn khwamprahladaelaxcchriyphaphkhxngsilpin phaphsathxncakxnotn brukhenxr mtichn 5 krkdakhm 2563ekhathungcak https th wikipedia org w index php title xnothn brukhenxr amp oldid 9378394, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ , อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
.jpg.html){kind=link}