ฮฺว่า กั๋วเฟิง (จีนตัวย่อ: 华国锋; จีนตัวเต็ม: 華國鋒; พินอิน: Huà Guófēng; 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551) เป็นนักการเมืองชาวจีน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ(นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน) เขาเริ่มดำรงตำแหน่งระดับสูงทั้งในรัฐบาล พรรค และกองทัพ ภายหลัง(การถึงแก่อสัญกรรมของเหมา เจ๋อตง) และนายกรัฐมนตรี(โจว เอินไหล) แต่ต่อมาได้ถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งโดยสมาชิกพรรคที่มีอิทธิพลมากกว่าในปี พ.ศ. 2524 และต่อมาก็ถอนตัวจากเวทีการเมือง แม้ว่าจะยังคงเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการกลางจนถึงปี พ.ศ. 2545
ฮฺว่า กั๋วเฟิง | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
华国锋 | |||||||||||||||||||||
(ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน) | |||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 7 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 | |||||||||||||||||||||
รอง | (เย่ เจี้ยนอิง) | ||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | เหมา เจ๋อตง | ||||||||||||||||||||
ถัดไป | (หู เย่าปัง) | ||||||||||||||||||||
(ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง) แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน คนที่ 9 | |||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 7 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 | |||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | เหมา เจ๋อตง | ||||||||||||||||||||
ถัดไป | (เติ้ง เสี่ยวผิง) | ||||||||||||||||||||
นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 2 | |||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 – 10 กันยายน พ.ศ. 2523 | |||||||||||||||||||||
รองหัวหน้ารัฐบาล | เติ้ง เสี่ยวผิง | ||||||||||||||||||||
ประมุขแห่งรัฐ | (ซ่ง ชิ่งหลิง) เย่ เจี้ยนอิง | ||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | (โจว เอินไหล) | ||||||||||||||||||||
ถัดไป | (จ้าว จื่อหยาง) | ||||||||||||||||||||
รองประธานลำดับที่ 1 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน | |||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 6 เมษายน พ.ศ. 2519 – 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | |||||||||||||||||||||
ประธาน | เหมา เจ๋อตง | ||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | โจว เอินไหล | ||||||||||||||||||||
ถัดไป | เย่ เจี้ยนอิง | ||||||||||||||||||||
รองประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน | |||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 – 12 กันยายน พ.ศ. 2525 | |||||||||||||||||||||
ประธาน | หู เย่าปัง | ||||||||||||||||||||
ข้อมูลส่วนบุคคล | |||||||||||||||||||||
เกิด | ซู จู้ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 ![]() | ||||||||||||||||||||
เสียชีวิต | 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551 (87 ปี)![]() | ||||||||||||||||||||
พรรคการเมือง | ![]() | ||||||||||||||||||||
คู่สมรส | (สมรส พ.ศ. 2492) | ||||||||||||||||||||
บุตร | 4 | ||||||||||||||||||||
ลายมือชื่อ | ![]() | ||||||||||||||||||||
ชื่อภาษาจีน | |||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 华国锋 | ||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 華國鋒 | ||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||
ซู จู้ | |||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 苏铸 | ||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 蘇鑄 | ||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||
สมาชิกสถาบันกลาง
| |||||||||||||||||||||
เขามาจาก(มณฑลชานซี) เริ่มดำรงตำแหน่งในภูมิภาคในหูหนานระหว่างปี พ.ศ. 2492–2514 แรกเริ่มเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำจังหวัดเซียงถาน พื้นที่ภูมิลำเนาของเหมา ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรคในมณฑลระหว่าง(การปฏิวัติวัฒนธรรม)ช่วงท้าย ๆ เขาถูกยกขึ้นสู่ระดับชาติในต้นปี 2519 และขึ้นชื่อมากเรื่องความภักดีไม่สั่นคลอนต่อเหมา หลังโจว เอินไหลเสียชีวิต เหมายกให้เขาเป็นประธานสภาแห่งรัฐ คอยควบคุมดูแลงานรัฐบาล และรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นทายาทของเหมา
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 หลังการเสียชีวิตของเหมาไม่นาน เขาได้ปลด(แก๊งสี่คน)อกจากอำนาจทางการเมืองโดยจัดการจับกุมพวกเขาในกรุงปักกิ่ง ต่อมาเขาดำรงตำแหน่งประธานพรรคและประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประธานคณะมนตรีรัฐกิจ และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางพร้อมกัน
ฮฺว่าพยายามปฏิรูปสายกลางและย้อนส่วนเกินบางส่วนของนโยบายสมัย(การปฏิวัติทางวัฒนธรรม) แต่ทว่าเพราะเขายืนกรานที่จะสืบทอดแนวทางของเหมาและปฏิเสธรับการปฏิรูปขนานใหญ่ จึงเผชิญกับการต่อต้านในหมู่ระดับสูงของพรรค
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2521 กลุ่มสมาชิกพรรคซึ่งมี(เติ้ง เสี่ยวผิง)เป็นผู้นำ ซึ่งเป็นนักปฏิรูปปฏิบัตินิยม ได้บีบให้ฮฺว่าออกจากอำนาจแต่ยังให้เขามีตำแหน่งอยู่บ้าง เขาค่อย ๆ หลบออกจากวังวนการเมือง แต่ยังคงยืนยันความถูกต้องของหลักการของเหมา เขาถูกจดจำว่าเป็นบุคคลยุคเปลี่ยนผ่านในประวัติศาสตร์การเมืองจีนสมัยใหม่
ชีวิตช่วงต้น
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi82LzZlL0h1YV9HdW9mZW5nXzE5MzUuanBnLzIwMHB4LUh1YV9HdW9mZW5nXzE5MzUuanBn.jpg)
ฮฺว่าเกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 ในอำเภอเจียวเฉิง (มณฑลชานซี) ชื่อเดิมของเขาคือ ซู จู้ (จีนตัวย่อ: 苏铸; จีนตัวเต็ม: 蘇鑄; พินอิน: Sū Zhù) เป็นบุตรชายคนที่ 4 ของครอบครัวที่มีพื้นเพมาจากมณฑลเหอหนาน พ่อของฮฺว่าเสียชีวิตเมื่อเขาอายุได้ 7 ปี เข้าศึกษาที่โรงเรียนพาณิชย์อำเภอเจียวเฉิง และเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี พ.ศ. 2481 ในช่วง(สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง)
เขาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ฮฺว่า กั๋วเฟิง เช่นเดียวกับคอมมิวนิสต์หลายคนในยุคนั้นที่ใช้ชื่อใหม่ในการปฏิวัติ ชื่อใหม่ของเขาเป็นคำย่อของ "แนวหน้ากอบกู้ชาติต่อต้านญี่ปุ่นของจีน" (จีนตัวย่อ: 中华抗日救国先锋队; จีนตัวเต็ม: 中華抗日救國先鋒隊; พินอิน: Zhōnghuá kàngrì jiùguó xiānfēng duì) หลังจากเข้าเป็นทหารใน ภายใต้การบังคับบัญชาของจอมพล(จู เต๋อ) มาเป็นเวลา 12 ปี เขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่าย(โฆษณาชวนเชื่อ)ของคณะกรรมาธิการพรรคประจำอำเภอเจียวเฉิงในปี พ.ศ. 2490 ในช่วง(สงครามกลางเมืองจีน)
ฮฺว่าย้ายไปยัง(มณฑลหูหนาน)ร่วมกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (中国人民解放军) ที่ได้รับชัยชนะในปี พ.ศ. 2491 ต่อมาเขาแต่งงานกับ (韩芝俊) และอยู่ที่นั่นจนถึงปี พ.ศ. 2514
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2492 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคประจำอำเภอ ก่อน(การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน)ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 เขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคประจำนคร อันเป็นภูมิลำเนาของเหมา
เหมา เจ๋อตงได้พบกับฮฺว่าครั้งแรกในปี พ.ศ. 2498 และเหมารู้สึกประทับใจกับความเรียบง่ายของฮฺว่าอย่างเห็นได้ชัด
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi9jL2MzL0h1YV9HdW9mZW5nXzE5NDEuanBnLzIwMHB4LUh1YV9HdW9mZW5nXzE5NDEuanBn.jpg)
เนื่องจากผู้ว่าการมณฑลหูหนาน นายพล (程潜) ไม่ใช่คอมมิวนิสต์แท้ เนื่องจากเคยอยู่(พรรคก๊กมินตั๋ง)มาก่อน ฮฺว่าจึงค่อย ๆ มีอำนาจในมณฑลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าการมณฑลในปี พ.ศ. 2501
ในปี พ.ศ. 2502 ฮฺว่าได้เข้าร่วม (庐山会议) ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ของ(คณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน) ในฐานะสมาชิกคณะผู้แทนพรรคจากมณฑลหูหนาน เขาได้เขียนรายงานสองฉบับเพื่อปกป้องนโยบายของเหมาอย่างเต็มที่
อิทธิพลของฮฺว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง(การปฏิวัติทางวัฒนธรรม) ในฐานะผู้สนับสนุนและเป็นผู้นำขบวนการปฏิวัติในมณฑลหูหนาน เขาจัดให้มีการจัดตั้งในท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2510 โดยเขาดำรงตำแหน่งรองประธาน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2513 เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการปฏิวัติและเลขาธิการพรรคประจำมณฑลหูหนาน
ฮฺว่าได้รับเลือกเป็นสมาชิกเต็มตัวของ ในปี พ.ศ. 2512
เข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจ
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi80LzQ2L0h1YV9HdW9mZW5nXzE5NzAuanBnLzIwMHB4LUh1YV9HdW9mZW5nXzE5NzAuanBn.jpg)
ในปี พ.ศ. 2514 ฮฺว่าถูกเรียกตัวเข้ากรุงปักกิ่งเพื่อมาควบคุมสำนักงานเจ้าหน้าที่คณะมนตรีรัฐกิจของ(โจว เอินไหล) แต่อยู่ได้ไม่กี่เดือนก่อนจะกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมที่มณฑลหูหนาน ต่อมาในปีเดียวกัน เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมาธิการสืบสวนคดีของจอมพล(หลิน เปียว) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจอันแรงกล้าที่เหมามีต่อตัวเขา ต่อมาในปี พ.ศ. 2516 ฮฺว่าก็ได้รับเลือกอีกครั้งให้เป็นสมาชิกเต็มตัวของ และเลื่อนขั้นเป็นสมาชิก(กรมการเมือง) ในปีเดียวกันนั้น โจว เอินไหลได้มอบหมายเขาให้ดูแลด้านการพัฒนาการเกษตร
ในปี พ.ศ. 2516 เหมาได้แต่งตั้งฮฺว่าเป็นรัฐมนตรีว่าการ และรองนายกรัฐมนตรี สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถควบคุมตำรวจและกองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของฮฺว่าได้รับการยืนยันจากการที่เขาได้รับเลือกให้กล่าวสุนทรพจน์เรื่องการปรับปรุงการเกษตรให้ทันสมัยในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน
โจว เอินไหล ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธมิตรนักปฏิรูปของเติ้ง เสี่ยวผิง ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับทั้งเหมา เจ๋อตงที่กำลังป่วย และ(แก๊งสี่คน) ((เจียง ชิง), (จาง ชุนเฉียว), (หวัง หงเหวิน), และ(เหยา เหวินหยวน)) หนึ่งสัปดาห์หลังจากอ่านคำกล่าวสรรเสริญของนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ เติ้งก็ออกจากปักกิ่งพร้อมกับพันธมิตรใกล้ชิดหลายคนเพื่อความปลอดภัยไปยังกว่างโจว
มีรายงานว่า เหมา เจ๋อตงต้องการจะแต่งตั้งจาง ชุนเฉียวเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของโจว เอินไหล แต่สุดท้ายเขาก็แต่งตั้งฮฺว่าเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีแทน โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาประชาชนแห่งชาติ ในเวลาเดียวกัน สื่อที่ถูกแก๊งสี่คนควบคุมก็ได้เริ่มประณามเติ้งอีกครั้ง (ซึ่งเคยถูกกำจัดในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม และกลับสู่อำนาจอีกครั้งในปี พ.ศ. 2516)
อย่างไรก็ตาม ความรักที่ประชาชนมีต่อโจว เอินไหลถูกประเมินต่ำเกินไป อันนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์(กรณีเทียนอันเหมิน) ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารกับพลเมืองปักกิ่งที่ต้องการไว้อาลัยให้กับโจวในเทศกาล(เช็งเม้ง)ตามประเพณี ในเวลาเดียวกัน ฮฺว่าได้กล่าวสุนทรพจน์ "แถลงการณ์อย่างเป็นทางการสำหรับการวิพากษ์วิจารณ์เติ้ง เสี่ยวผิง" ซึ่งได้รับการอนุมัติจากเหมาและคณะกรรมาธิการกลางพรรค
ในช่วงเหตุการณ์(กรณีเทียนอันเหมิน)ในปี พ.ศ. 2519 ผู้คนหลายพันคนประท้วงการถอนพวงหรีดของทหารเพื่อเป็นเกียรติแก่โจวที่หน้า(อนุสาวรีย์วีรชน) ยานพาหนะถูกเผา สำนักงานถูกรื้อค้น และมีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ผลที่ตามมาคือ เติ้ง เสี่ยวผิงถูกกล่าวหาว่ายุยงให้เกิดการประท้วง และถูกถอดตำแหน่งในพรรคและรัฐบาลทั้งหมด แต่ยังคงเป็นสมาชิกพรรคอยู่ตามคำสั่งของเหมา หลังจากนั้นไม่นาน ฮฺว่าก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานลำดับที่หนึ่งของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและนายกรัฐมนตรี
หลังจากเกิดเหตุ(แผ่นดินไหวในถังชาน) ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2519 ฮฺว่าได้ไปเยือนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและได้ช่วยชี้แนะแนวทางการบรรเทาทุกข์
กำจัดแก๊งสี่คน
เหมา เจ๋อตง ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2519 และฮฺว่าในฐานะสมาชิกอันดับสองของพรรค และนายกรัฐมนตรีก็ได้เป็นผู้นำการจัดพิธีรำลึกระดับชาติในกรุงปักกิ่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่เหมาในวันที่ 18 กันยายน และเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในการเฉลิมฉลอง(อนุสรณ์สถานของเหมา)ใน(จัตุรัสเทียนอันเหมิน) ในขณะนั้น องค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศคือคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมือง ซึ่งประกอบด้วยฮฺว่า, (เย่ เจี้ยนอิง), (จาง ชุนเฉียว) และ(หวัง หงเหวิน) เย่อยู่ในช่วงใกล้จะเกษียณอายุ ส่วนจางและหวังเป็นส่วนหนึ่งของ(แก๊งสี่คน)
ฮฺว่ารู้ดีว่ามีสุญญากาศในอำนาจหลังการถึงแก่อสัญกรรมของเหมา และคิดว่าหากแก๊งสี่คนไม่ถูกกำจัดออกไปโดยใช้กำลัง แก๊งก็อาจจะพยายามกำจัดเขาออกไปเสียก่อน ฮฺว่าจึงติดต่อกับเย่เป็นเวลาหลายวันหลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของเหมา เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการกำจัดแก๊งสี่คน เย่เริ่มไม่แยแสแก๊งก่อนที่เหมาจะถึงแก่อสัญกรรม ดังนั้น เขาและฮฺว่าจึงตกลงกันอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับแก๊งนี้
ฮฺว่ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจาก(วัง ตงซิง) หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ภักดีต่อเหมา ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา รวมถึงบุคคลสำคัญในคณะกรรมาธิการกรมการเมืองคนอื่น ๆ อาทิ รองนายกรัฐมนตรี(หลี่ เซียนเนี่ยน) และนายพล ผู้บัญชาการ และ หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง กลุ่มของฮฺว่าได้หารือถึงแนวทางในการกำจัดแก๊งสี่คน รวมทั้งจัดประชุมคณะกรรมาธิการกรมการเมืองหรือคณะกรรมการกลางเพื่อกำจัดพวกเขาผ่านขั้นตอนของพรรคที่จัดตั้งขึ้น แต่แนวคิดดังกล่าวถูกล้มเลิกไปเพราะในขณะนั้นคณะกรรมการกลางประกอบด้วยผู้สนับสนุนแก๊งสี่คนเป็นจำนวนมาก ในที่สุดกลุ่มของฮฺว่าจึงตัดสินใจใช้กำลัง
ต่อมาหลังเที่ยงคืนของวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ฮฺว่าได้เชิญจาง ชุนเฉียว, หวัง หงเหวิน และเหยา เหวินหยวน มาประชุมที่(จวนจงหนานไห่)เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายของเหมา และพวกเขาถูกจับกุมขณะกำลังเดินไปเข้าร่วมการประชุมที่
ตามความทรงจำของฮฺว่า เขากล่าวว่า มีเพียงเขาและจอมพลเย่ เจี้ยนอิง เท่านั้นที่เข้าร่วมการประชุมเพื่อรอการมาถึงของสมาชิกของแก๊ง เมื่อจับกุมทั้งสามคนได้แล้ว เขาได้อ่านแถลงการณ์จับกุมเป็นการส่วนตัวและกล่าวว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการกระทำการ "ต่อต้านพรรคและสังคมนิยม" และ "สมรู้ร่วมคิดแย่งชิงอำนาจ" ส่วนเจียง ชิง และ ถูกจับในบ้านพักของตน
กองกำลังเฉพาะกิจที่นำโดย ได้เข้ายึดสำนักงานใหญ่โฆษณาชวนเชื่อหลักของพรรค เชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนของแก๊งสี่คนในขณะนั้น อีกกลุ่มหนึ่งถูกส่งไปเพื่อรักษาเสถียรภาพในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นฐานอำนาจหลักของแก๊ง ในการประชุมฉุกเฉินของคณะกรรมาธิการกรมการเมืองในวันรุ่งขึ้น ฮฺว่า กั๋วเฟิง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น และประธาน(คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน
การขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำระดับสูงของฮฺว่านั้นถูกต้องตามกฎหมายโดยคำพูดของเหมาที่กล่าวว่า "เมื่อมีคุณรับผิดชอบ ฉันก็สบายใจ" ซึ่งตีพิมพ์หลังจากการกวาดล้างแก๊งสี่คน และใช้เป็นหลักฐานยืนยันความไว้วางใจของเหมาที่มีต่อฮฺว่า
เถลิงอำนาจ
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi8yLzI3L1NoYW5naGFpJTJDX2d1YXJkZXIlQzMlQURhXzE5NzhfMDMuanBnLzIyMHB4LVNoYW5naGFpJTJDX2d1YXJkZXIlQzMlQURhXzE5NzhfMDMuanBn.jpg)
ฮฺว่า กั๋วเฟิงมีระยะเวลาครองอำนาจค่อนข้างสั้น ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2521
ฮฺว่าได้กำจัดแก๊งสี่คนออกจากอำนาจทางการเมืองอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุนี้การขึ้นเป็นผู้นำของฮฺว่าจึงกลายเป็นจุดสิ้นสุดของ(การปฏิวัติทางวัฒนธรรม) หลังจากการจำคุกแก๊งสี่คน และการสถาปนาผู้ปกครองสามฝ่ายใหม่ (ฮฺว่า กั๋วเฟิง, จอมพล(เย่ เจี้ยนอิง) และหัวหน้านักวางแผนเศรษฐกิจ (หลี่ เซียนเนี่ยน)) ก็ได้เริ่มการฟื้นฟูอำนาจของเติ้ง เสี่ยวผิง และเริ่มกำจัดอิทธิพลของแก๊งสี่คนทั่วทั้งระบบการเมือง อันนำไปสู่การต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันระหว่างฮฺว่าและเติ้ง
การเมืองภายในประเทศ
ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2519 ฮฺว่าได้เริ่มการรณรงค์วิพากษ์วิจารณ์(แก๊งสี่คน)ทั่วประเทศ ร่วมกับกระบวนการ "กลับคำตัดสิน" สำหรับผู้ที่วิจารณ์แก๊ง ผู้คนที่ถูกลงโทษหลังจาก(เหตุการณ์เทียนอันเหมินในปี พ.ศ. 2519) ได้รับการปล่อยตัว ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2521 ผู้ปฏิบัติงานมากกว่า 4,600 คนที่เสื่อมเสียชื่อเสียงใน(การปฏิวัติทางวัฒนธรรม)ก็ได้รับการฟื้นฟูเกียรติภูมิ
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2520 ในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 1 ของ (เติ้ง เสี่ยวผิง) ได้รับการฟื้นฟูเกียรติภูมิโดยได้รับความเห็นชอบจากฮฺว่า การประชุมครั้งนี้ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในองค์ประกอบของคณะกรรมธิการกลางพรรค มีสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ 68 คนซึ่งมากกว่า 20 คนเป็นเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฟื้นฟูเกียรติภูมิ
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 ฮฺว่าได้เสนอนโยบายใหม่ว่า "เราจะสนับสนุนการตัดสินใจของประธานเหมาอย่างเด็ดเดี่ยว และจะปฏิบัติตามคำแนะนำของประธานเหมาอย่างแน่วแน่" เรียกอย่างเสียดสีว่า "" ต่อมานโยบายนี้ถูกใช้เพื่อวิจารณ์ฮฺว่าว่าเขาเชื่อฟังคําสั่งของเหมาอย่างหลับหูหลับตาเกินไป และฮฺว่ายังได้อนุญาตให้มีครั้งแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติทางวัฒนธรรม
ฮฺว่าพยายามแก้ไขระเบียบการของรัฐซึ่งเป็นวิธีการยกระดับอำนาจของเขา ในปี พ.ศ. 2521 มีการสั่งการให้สถานศึกษาทุกแห่งและการประชุมทุกครั้งจะต้องแขวนรูปเหมาและฮฺว่าไว้เคียงกัน เช่น ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติและการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฮฺว่ายังได้แก้ไขเนื้อ(เพลงชาติจีน)ให้มีชื่อของเหมาและพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเปลี่ยนความหมายของเพลงจากการชุมนุมสงครามเป็นอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ล้วน ในที่สุดเนื้อเพลงเหล่านี้ก็ถูกปฏิเสธ
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 การประชุมสมัยแรกของ ได้ประกาศใช้ ซึ่งฮฺว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในการร่างรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้พยายามที่จะฟื้นฟูหลักนิติธรรมและกลไกการวางแผนบางส่วนจากรัฐธรรมนูญฉบับดั้งเดิมปี พ.ศ. 2499 แม้ว่าจะยังคงกล่าวถึงการปฏิวัติอย่างต่อเนื่องและ(ลัทธิสากลนิยมของชนชั้นกรรมาชีพ) แต่ต่อมาเพียง 4 ปีก็ถูกแทนที่ด้วย(รัฐธรรมนูญ)ฉบับใหม่
เศรษฐกิจ
ในระหว่างดำรงตำแหน่ง ฮฺว่าได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจของจีนที่กําลังจะล่มสลาย ฮฺว่าจึงได้ทำงานร่วมกับ(หลี่ เซี่ยนเนี่ยน) เพื่อทำการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนแผนการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มงบประมาณ และการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เขาได้เสนอแผนเศรษฐกิจ 10 ปีอันทะเยอทะยาน ซึ่งพยายามสร้างเศรษฐกิจตามแบบโซเวียตโดยเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมหนักและพลังงาน การใช้เครื่องจักรการเกษตร และใช้เทคโนโลยีนำเข้าเพื่อสร้างโรงงานผลิตใหม่
อย่างไรก็ตาม แผนเศรษฐกิจดังกล่าวถูกยกเลิกอย่างรวดเร็วโดยหันไปสนับสนุนแผนเศรษฐกิจ 5 ปีที่ถูกกว่าและทำได้ง่ายกว่า ซึ่งให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเบาและสินค้าอุปโภคบริโภค โครงการเศรษฐกิจและการเมืองของฮฺว่าเป็นการฟื้นฟูแผนอุตสาหกรรมตามแบบโซเวียต และการควบคุมพรรคที่คล้ายคลึงกับประเทศจีนก่อน(การก้าวกระโดดครั้งใหญ่) อย่างไรก็ตาม รูปแบบนี้ได้ถูกปฏิเสธโดยผู้สนับสนุนเติ้ง เสี่ยวผิง ที่สนับสนุนการจัดตั้งระบบเศรษฐกิจแบบเอกชนมากกว่า
การต่างประเทศ
ในปี พ.ศ. 2521 ฮฺว่าเยือนประเทศ(ยูโกสลาเวีย)และ(โรมาเนีย) เพื่อศึกษาประสบการณ์ทางเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม และเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2522 ฮฺว่าได้เดินทางไปยุโรป ซึ่งเป็นครั้งแรกของผู้นำจีนหลังจากปี พ.ศ. 2492 เขาเดินทางไปที่(เยอรมนีตะวันตก)และฝรั่งเศส ในวันที่ 28 ตุลาคม ฮฺว่าเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักรและเข้าพบนายกรัฐมนตรี(มาร์กาเร็ต แทตเชอร์) ของอังกฤษ ทั้งสองมีส่วนร่วมในการเจรจาฉันมิตรและหารือเกี่ยวกับอนาคตของฮ่องกง ซึ่งเป็น(ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ)ในขณะนั้น
ฮฺว่าได้เยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีการรถไฟสหราชอาณาจักร เพื่อดูการพัฒนารถไฟโดยสารขั้นสูง การเยือนของเขาเกิดขึ้นพร้อมกับการบริจาครถจักรไอน้ำ 4-8-4 KF Class No 7 ของรัฐบาลจีนให้กับใน(ยอร์ก) ฮฺว่ายังได้ไปเยี่ยมชมฟาร์มแห่งหนึ่งในออกซฟอร์ดเชอร์ และเยี่ยมชม(มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด)
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi81LzVkL0h1YV9HdW9mZW5nX3dpdGhfU2hhaF9Nb2hhbW1hZF9SZXphX1BhaGxhdmlfZHVyaW5nX2Ffc3RhdGVfdmlzaXRfaW5fSXJhbi5qcGcvMjIwcHgtSHVhX0d1b2Zlbmdfd2l0aF9TaGFoX01vaGFtbWFkX1JlemFfUGFobGF2aV9kdXJpbmdfYV9zdGF0ZV92aXNpdF9pbl9JcmFuLmpwZw==.jpg)
ฮฺว่าเป็นหนึ่งในชาวต่างชาติกลุ่มสุดท้ายที่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี แห่งอิหร่าน ก่อนที่จะถูกโค่นราชวงศ์ในปี พ.ศ. 2522
การชิงอำนาจและการลงจากตำแหน่ง
แม้ว่าเติ้งจะสนับสนุนนโยบายของฮฺว่ามาโดยตลอด แต่ต่อมาเขาก็เริ่มวิจารณ์ฮฺว่า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอํานาจของตนเอง ได้รับการสนับสนุนจาก (หู เย่าปัง) ผู้ซึ่งวิจารณ์ฮฺว่าว่าดื้อรั้นมากเกินไป ในที่สุดสิ่งนี้ก็นำไปสู่บทบรรณาธิการสำคัญของนักปรัชญา ซึ่งร่างและตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2521 ในหัวข้อ "การปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวในการทดสอบความจริง" ซึ่งเชื่อว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนเกิดจากการไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความจริงผ่านการปฏิบัติอย่างจริงจัง บทความนี้แม้จะถูกวิจารณ์จากสมาชิกพรรคบางคน แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากเติ้งอย่างรวดเร็ว
ในวันที่ 10 พฤศจิกายน การประชุมการทำงานส่วนกลางได้ถูกจัดขึ้น โดยที่ฮฺว่าพยายามที่จะถอยห่างจากการเน้นการต่อสู้ทางชนชั้นของพรรค ไปเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีแทน แม้จะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ถูกสมาชิกอาวุโสในพรรคตำหนิเพราะไม่ให้ความสำคัญกับการปฏิวัติทางวัฒนธรรมและ(เหตุการณ์เทียนอันเหมิน)ในปี พ.ศ. 2519 มากพอ ภายใต้การสนับสนุนของ (เย่ เจี้ยนอิง) และ(เฉิน ยฺหวิน) ผู้อาวุโสของพรรค ฮฺว่าได้ยอมรับข้อตำหนิดังกล่าว เขากล่าวในการประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนว่า "เหตุการณ์เทียนอันเหมินเป็นขบวนการมวลชนปฏิวัติโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องได้รับการประเมินอีกครั้งอย่างเปิดเผยและทั่วถึง" สิ่งนี้มีบทบาทสําคัญในการผลักดันเติ้งไปสู่การฟื้นอำนาจหลังจากการฟื้นฟูเกียรติภูมิ เช่นเดียวกับการคืนสถานะผู้นำให้กับ และ(หยาง ช่างคุน) สมาชิกอาวุโสในพรรคหลายคนพูดถึงความทุกข์ทรมานของพวกเขาในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม และวิจารณ์ฮฺว่าที่ไม่ได้แตกหักกับลัทธิเหมาอย่างชัดเจน ฮฺว่าได้ในวันที่ 13 กันยายน โดยกล่าวว่าเขาสนับสนุนจุดยืนของเหมามากเกินไป
ฮฺว่าสูญเสียอํานาจจริง ๆ ใน หลังจากนั้น เติ้ง เสี่ยวผิง ก็กลายเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของจีน และนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของเขาได้รับการยอมรับจากพรรค เขายังคงมีอำนาจอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขัดขวางการเพิ่มเนื้อหาที่วิจารณ์เขาใน "ปณิธานทางประวัติศาสตร์" ที่ร่างโดยผู้นําของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อประเมินการปฏิวัติทางวัฒนธรรม
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2523 คณะกรมการเมืองได้ออกมาวิจารณ์ฮฺว่าอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม โดยมองว่าเขาเป็นบุคคลที่ต่อต้านปฏิรูปและพยายามเลียนแบบเหมาเท่านั้น สิ่งนี้ได้รับการเสริมเพิ่มเติมด้วยมติทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านรับรองในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 6 ของคณะกรรมาธิการกลางพรรคชุดที่ 11 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2524 ซึ่งกล่าวว่าฮฺว่าทำน้อยเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ หลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของเหมา นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่าเขาทําได้ดีในการกําจัดแก๊งสี่คน แต่หลังจากนั้นเขาได้กระทำ "ข้อผิดพลาดร้ายแรง"
ในขณะที่เติ้งค่อย ๆ เข้ามาควบคุมพรรค ฮฺว่าก็ถูกประณามจากการส่งเสริมนโยบายสองสิ่ง ในช่วงต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2522 สื่อของรัฐได้หยุดเรียกเขาว่าผู้นำ และเขาถูกแทนที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดย (จ้าว จื่อหยาง) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2523 ถูกแทนที่ในตำแหน่งประธานพรรคโดย หู เย่าปัง และถูกแทนที่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางโดยเติ้งเองในปี พ.ศ. 2524
ฮฺว่า กั๋วเฟิง ถูกลดตำแหน่งตำแหน่งเป็นรองประธานพรรค และเมื่อตำแหน่งนี้ถูกยกเลิกในปี พ.ศ. 2525 เขายังคงดำรงตำแหน่งสมาชิกสามัญของคณะกรรมาธิการกลางพรรค ซึ่งดำรงตำแหน่งจนถึงการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 16 ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 แม้ว่าเขาจะเกินอายุเกษียณในวัย 70 ปี ในปี พ.ศ. 2534 ก็ตาม
เกษียณอายุและถึงแก่อสัญกรรม
ฮฺว่าสูญเสียที่นั่งในคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเป็นทางการ หลังจากในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 มีรายงานว่าเขาสมัครใจที่จะถอนตัวเนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพ แต่ทางพรรคก็ไม่ได้ยืนยันในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2550 เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วม ในฐานะผู้แทนพิเศษ และเขาก็ปรากฏตัวในพิธีรำลึกวันเกิดครบรอบ 115 ปีของเหมา เจ๋อตง ที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 แม้จะมีตำแหน่งในพรรค แต่ฮฺว่าก็เริ่มตีตัวออกห่างจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง งานอดิเรกหลักของเขาคือการเพาะปลูกองุ่น และติดตามสถานการณ์บ้านเมืองโดยการอ่านหนังสือพิมพ์
สุขภาพของฮฺว่าเริ่มแย่ลงในปี พ.ศ. 2551 เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคแทรกซ้อนที่ไตและหัวใจ และถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551 โดยไม่ได้ระบุสาเหตุการถึงแก่อสัญกรรม
เนื่องจากการถึงแก่อสัญกรรมของเขาเกิดขึ้นในช่วงกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน สื่อของรัฐจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก มีเพียงการออกอากาศในรายการข่าวระดับชาติ "(ซินเหวินเหลียนปัว)"(新闻联播) เพียง 30 วินาที[] และย่อหน้าสั้น ๆ ที่มุมหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์(พีเพิลส์เดลี) (People's Daily) เพียงเท่านั้น
พิธีศพของฮฺว่าถูกจัดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม ที่(สุสานปฏิวัติปาเป่าชาน) (八宝山革命公墓) มีสมาชิกทุกคนเข้าร่วม อาทิเช่น อดีตประธานาธิบดี(เจียง เจ๋อหมิน) และอดีตนายกรัฐมนตรี(จู หรงจี้)
มรดก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ชีวิตส่วนตัว
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi80LzQ5L0h1YV9HdW9mZW5nX2FuZF9IYW5fWmhpanVuLmpwZy8yMjBweC1IdWFfR3VvZmVuZ19hbmRfSGFuX1poaWp1bi5qcGc=.jpg)
ฮฺว่า กั๋วเฟิงแต่งงานกับ (韩芝俊) ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2492 มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 4 คน และทั้งหมดมีนามสกุลว่า "ซู" (苏) ตามนามสกุลเมื่อแรกเกิดของฮฺว่า:
- ซู หฺวา (苏华) เป็นนาย(ทหารอากาศ)เกษียณอายุ
- ซู ปิน (苏斌) เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- ซู หลิง (苏玲) เป็นเจ้าหน้าที่พรรคและสหภาพแรงงานใน(สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน)
- ซู ลี่ (苏莉) ทำงานใน(คณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน)
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อbio1
- Palmowski, Jan: "Hua Guofeng" in A Dictionary of Contemporary World History. , 2004.
- Wang, James C.F., Contemporary Chinese Politics: An Introduction (Prentice-Hall, New Jersey: 1980), p. 36.
- Li, Xiaobing; Tian, Xiansheng (2013-11-21). Evolution of Power: China's Struggle, Survival, and Success (ภาษาอังกฤษ). Lexington Books. p. 67. ISBN .
- Wang, James C.F., Contemporary Chinese Politics: An Introduction (Prentice-Hall, New Jersey: 1980), p. 37.
- Hollingworth, Clare, Mao and the Men Against Him (Jonathan Cape, London: 1985), p. 291ff
- Fontana 1982, p. 245.
- Hollingworth, Clare, Mao and the Men Against Him (Jonathan Cape, London: 1985), pp. 297–298
- . Duowei. 3 November 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-08. สืบค้นเมื่อ 2023-09-20.
- Hsü, Immanuel Chung-yueh (1990), China Without Mao: the Search for a New Order, Oxford University Press, p. 18, ISBN
- Hsin, Chi. The Case of the Gang of Four. Revised ed. Hong Kong: Cosmo, 1978. Print.
- Li-Ogawa 2022, p. 126.
- Li-Ogawa 2022, p. 131.
- "Post-Mao Period, 1976-78". ibiblio.org. สืบค้นเมื่อ 1 May 2019.
- Gewirtz 2022, p. 15.
- Gewirtz 2022, p. 16.
- Gewirtz 2022, p. 17–18.
- Weber 2021, p. 106.
- Andelman, David A. (20 August 1979). "China's Balkan Strategy". International Security. 4 (3): 60–79. doi:10.2307/2626694. (JSTOR) 2626694. (S2CID) 154252900.
- "Chairman Hua Officially Visits the UK". Hua Guofeng Memorial Website. 28 October 1979. สืบค้นเมื่อ 27 March 2010.
- . National Railway Museum. 10 April 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 June 2017. สืบค้นเมื่อ 10 April 2017.
- "1979: Chairman Hua arrives in London". (BBC News). 28 October 1979. สืบค้นเมื่อ 27 March 2010.
- 华主席抵德黑兰进行正式友好访问 巴列维国王举行盛大宴会热烈欢迎. (ภาษาChinese (China)). 1978-08-30. p. 1.
- Wright, Robin (17 November 2004). "Iran's New Alliance With China Could Cost U.S. Leverage". (The Washington Post). สืบค้นเมื่อ 4 May 2010.
- Gewirtz 2022, p. 18–19.
- Gewirtz 2022, p. 20.
- Li-Ogawa 2022, p. 134.
- Gewirtz 2022, p. 26–27.
- "Pakistan Daily Times Article". . สืบค้นเมื่อ 10 February 2005.
- 十七大之后拜访华国锋 [Visiting Hua Guofeng after the 17th Congress]. Sohu. สืบค้นเมื่อ 22 September 2008.
- [A simple late life: Hua Guofeng's days away from politics]. China News Weekly (ภาษาChinese (China)). 21 September 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 June 2020. สืบค้นเมื่อ 21 September 2008.
- Keith Bradsher and William J. Wellman, "Hua Guofeng, 87, Who Led China After Mao, Dies", The New York Times, 20 August 2008.
- 华国锋在京病逝 曾经担任党和国家重要领导职务. Sohu via Xinhua. 21 August 2008. สืบค้นเมื่อ 31 December 2011.
- . People's Daily. 30 August 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 December 2011. สืบค้นเมื่อ 31 December 2011.
แหล่งข้อมูลอื่น
- (ภาษาจีน), สำนักข่าวซินหัว 31 สิงหาคม 2551
- เอกสารเก่าของฮฺว่า กั๋วเฟิง ในเอกสารสำคัญทางอินเทอร์เน็ตของลัทธิมาร์กซิสต์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์