เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม พิชเยนทรโยธิน)
พลเอก เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม พิชเยนทรโยธิน) (7 มีนาคม พ.ศ. 2414 – 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2485) ชื่อสกุลเดิม อินทรโยธิน เป็นนายทหารชาวไทย รับราชการและดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่ง ที่สุดได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลจนอสัญกรรม
พลเอก เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม พิชเยนทรโยธิน) น.ร., ร.ว., ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม., ว.ภ., ว.ม.ล. | |
---|---|
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ | |
ดำรงตำแหน่ง 21 สิงหาคม พ.ศ. 2478 – 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 (6 ปี 10 เดือน) | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล |
นายกรัฐมนตรี | พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) แปลก พิบูลสงคราม |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 7 มีนาคม พ.ศ. 2414 บ้านถนนพระสุเมรุ บางลำพูบน |
เสียชีวิต | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 (71 ปี) |
บิดา | เสงี่ยม อินทรโยธิน |
มารดา | คุณหญิงชม้าย อินทรโยธิน |
คู่สมรส | คุณหญิงสงัด พิชเยนทรโยธิน |
บุตร | อาจ พิชเยนทรโยธิน เอนทรี พิชเยนทรโยธิน |
ศาสนา | พุทธ |
ประวัติ
อุ่มเกิดที่บ้านถนนพระสุเมรุ บางลำพูบน ในกำแพงพระนคร เป็นบุตรนายเสงี่ยม อินทรโยธิน มีตำแหน่งเป็นมหาดเล็กวิเศษอยู่เวรศักดิ์ และคุณหญิงชม้าย อินทรโยธิน มีพี่น้องรวมท่านด้วยทั้งสิ้น 8 คน เป็นหญิงคนโต นอกนั้นเป็นชายทั้งหมด โดยท่านเป็นคนที่ 3 ได้รับการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนหลวงในพระบรมมหาราชวัง ในสำนักพระยาอนุกูล (ชม) และได้เข้าศึกษาวิชาทหารในสำนักพระยาวิเศษสัจธาดา ได้ศึกษาวิชาภาษาอังกฤษในสำนักครูลำดัส ได้ถวายตัวเป็นทหารรักษาพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
ในปี พ.ศ. 2427 ได้บวชเป็นสามเณรอยู่วัดรังสีในสำนักท่านอาจารย์สี เมื่อสึกจากสามเณรแล้วได้ไปศึกษาวิชาภาษาอังกฤษในสำนักหมอแมกฟาร์แลนด์เป็นเวลา 3 ปี แล้วสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบก วังสราญรมย์เมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้วก็เข้ารับราชการในกรมทหารราบที่ 4 เมื่อปี 2433 ได้ย้ายเข้าประจำกองโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้ไปในกองข้าหลวงใหญ่เพื่อปราบโจรผู้ร้ายหัวเมืองฝ่ายตะวันออก เมื่อครั้งที่ พลเอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ผู้บัญชาการทหารบก ได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็นข้าหลวงใหญ่ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายนั้น จากนั้นก็ได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยโทปลัดกองโรงเรียนนายร้อยทหารบก
ในปี พ.ศ. 2435 ขณะมียศเป็นว่าที่นายร้อยตรีได้เป็นผู้บังคับกองร้อยโทและได้ย้ายไปรับราชการประจำกองร้อยที่ 1 ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นก็ได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยเอกเป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 4 ไปรักษาราชการ ณ มณฑลลาวกาว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2436
ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2437 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นร้อยเอกในกรมทหารบก มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรสิทธยานุการ ถือศักดินา 800 เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณทิศฯ ทิวงคต ก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปรับราชการเป็นองครักษ์ประจำองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ พร้อมกับ พลตรีพระยาเสมอใจราช ข้าหลวงผู้เชิญเครื่องราชอิสริยยศไปทูลเกล้าฯ ที่กรุงลอนดอน ในการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ระหว่างที่รับราชการประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็ได้ตามเสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนทุกแห่ง และได้ศึกษาวิชาทหารบางวิชาโดยเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารด้วย
ในปี พ.ศ. 2443 ได้ตามเสด็จฯ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ไปในงานพระบรมศพพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลี ในเดือน กันยายน 2444 ได้ตามเสด็จฯ ไปในงานพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ในเดือนพฤษภาคม 2445 ได้ตามเสด็จฯ ไปในงานบรมราชาภิเษก พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน ในเดือน มิถุนายน 2445 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น พันตรี
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสำเร็จการศึกษาแล้ว ได้เสด็จประพาสไปเยี่ยมเยียนพระราชสำนักและเมืองต่างๆ ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ก็ได้ตามเสด็จฯ ไปด้วย ได้เสด็จฯ นิวัตกลับกรุงเทพฯ ทางอเมริกาถึงกรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือน ก.ค. 2445 นับได้ว่า พลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ได้ทำหน้าที่ราชองครักษ์ประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ตั้งแต่ไปและกลับเป็นเวลานานถึง 8 ปี และเมื่อกลับมาแล้วก็ยังคงรับราชการเป็นราชองครักษ์อยู่ต่อไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2445 จึงได้พ้นจากตำแหน่งราชองครักษ์ประจำการและได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยในกองโรงเรียนทหารบก
โดยเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินได้รับพระราชทานยศเป็น พันโท เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุรเดชรณชิต" ถือศักดินา 1000 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองโรงเรียนทหารบกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2446จากนั้นจึงได้เลื่อนยศเป็น พันเอก เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2449 อันตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกมณฑลพายัพเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ปีเดียวกันจากนั้นจึงได้เป็นพระยาศักดาภิเดชวรฤทธิ์ ถือศักดินา 1500 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2450 ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 8 มณฑลพายัพในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็น พลตรีต่อมาจึงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาดำรงตำแหน่งจเรทหารราบและจเรทหารม้า เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2452ในปี 2454 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกองข้าหลวงปักปันเขตแดน มณฑลปัตตานี และนครศรีธรรมราช ต่อกับเขตเมืองไทรบุรีและกลันตัน ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2456 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาเทพอรชุนและดำรงตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ปีเดียวกัน
ในปี พ.ศ. 2457 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าเป็นนายทหารพิเศษ ในกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร.ตำแหน่งจเรทหารรักษาวัง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้รับพระราชทานยศ พลโท เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2457ในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ไปเป็นจเรทหารบกและการปืนเล็กปืนกลทั้งยังเป็นประธานตุลาการศาลทหารบกกลางด้วย ต่อมาในเดือน มิ.ย. 2463 ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้แทนกระทรวงกลาโหมไปในการรับพระศพ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาท กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ณ ประเทศสิงคโปร์ พร้อมด้วยเสนาบดีกระทรวงวังโดยได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศเป็น พลเอก เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2467 วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2470 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรีตาม พระราชบัญญัติองคมนตรี พ.ศ. 2470
ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กลับเข้ามารับราชการในตำแหน่งสมุหราชองครักษ์และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จพระราชดำเนินประพาสประเทศอินโดจีน ญวน และเขมร ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ในเดือนเมษายน 2475 ก็เกษียณอายุราชการ
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาด้านการเมืองการปกครองประเทศ จึงขึ้นอยู่กับรัฐบาลผู้บริหารประเทศ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะรัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่ง พลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะผู้สำเร็จราชการด้วย
ในระหว่างที่ พลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เป็นผู้สำเร็จราชการนั้น มีเรื่องเล่ากันว่าภายหลังที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ถูกจับนั้น มีผู้ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ว่าสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร พระราชธิดาทรงประชวรด้วยโรคพระวักกะพิการ และหมอไม่สามารถถวายการรักษาได้ เพราะไม่เข้าใจสมมติฐานของโรค มีแต่เพียงสมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรเท่านั้นที่ทรงอธิบายได้ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าจึงทรงเรียก พลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินมาเฝ้า และทรงขอให้ไปติดต่อรัฐบาล เพื่ออนุญาตนำตัว สมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาท ออกมาชี้แจงสมมติฐานของโรคแก่หมอ แต่รัฐบาลก็ไม่ยินยอม สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าถึงกับมีรับสั่งกับ พลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ความว่า "เขาจะแกล้งให้ฉันตาย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ไปทำไม ลูกตายไม่ได้น้อยใจ ช้ำใจเหมือนครั้งนี้เลย เพราะมีเรื่องหักได้ว่าเป็นธรรมดาโลกครั้งนี้ทุกข์ที่สุดที่จะทุกข์แล้ว"
พลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาจนถึงปี 2485 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ยังไม่สิ้นสุดก็เริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง จนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจที่เกิดขึ้นโดยกะทันหัน ด้วยวัย 74ปี 4เดือน
นายปรีดี พนมยงค์เคยกล่าวว่าเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินได้รับความเคารพนับถือมากในหมู่คณะราษฎร
เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินตอนที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เจ้าพระยา ทรงศักดินา 10,000 ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีราชทินนามเต็มว่า "เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินหรินทรราชองครักษ์ มหาสวามิภักดิ์มูลิกากร อภิสรอนีกวนุส ยุทธสมัยสมันตวิทูร นเรนสูรศักตเสนานี มนัสวีเมตตาชวาศรัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ มุสิกนาม"
ยศและตำแหน่ง
- 6 มีนาคม พ.ศ. 2456 - สมุหราชองครักษ์
- 15 กันยายน พ.ศ. 2457 จเรกรมทหารรักษาวัง
- 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 นายพลเสือป่า
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2484 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2457 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.)
- พ.ศ. 2481 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2482 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- พ.ศ. 2468 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- พ.ศ. 2462 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์วัลลภาภรณ์ (ว.ภ.)
- พ.ศ. 2457 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์วชิรมาลา (ว.ม.ล.)
- พ.ศ. 2444 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 4 (จ.ป.ร.4)
- พ.ศ. 2459 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2 (ว.ป.ร.2)
- พ.ศ. 2469 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 3 (ป.ป.ร.3)
- พ.ศ. 2481 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 1 (อ.ป.ร.1)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 6 (ร.จ.ท.6)
อ้างอิง
- ↑ ที่ระลึกไนการพระราชทานเพลิงสพพนะท่าน นายพลเอก อุ่ม พิชเยนทรโยธิน ผู้สำเหร็ดราชการแทนพระองค์ นะสุสานหลวงวัดเทพสิรินทราวาส 16 ธันวาคม 2485. พระนคร: กรมราชองครักส์. 2485. p. 3. Check date values in:
|year=
(help) - ↑ ที่ระลึกไนการพระราชทานเพลิงสพพนะท่าน นายพลเอก อุ่ม พิชเยนทรโยธิน ผู้สำเหร็ดราชการแทนพระองค์ นะสุสานหลวงวัดเทพสิรินทราวาส 16 ธันวาคม 2485. พระนคร: กรมราชองครักส์. 2485. p. 6. Check date values in:
|year=
(help) - http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2473/D/268_1.PDF
- ตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กรมยุทธนาธิการ ในรัตนโกสินทร์ศก 111 (หน้า 257)
- ข้าราชการกราบถวายบังคมลา
- ทรงตั้งองคมนตรี และพระราชทานสัญญาบัตรเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
- พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง
- แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
- พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
- ส่งสัญญาบัตรขุนนางไปพระราชทาน
- ส่งสัญญาบัตรทหารบกไปพระราชทาน
- แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
- พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์
- ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ให้นายพลโทพระยาเทพอรชุนเป็นสมุหราชองครักษ์
- ตั้งตำแหน่งยศนายทหารบก
- ประกาศพระบรมราชโองการ ตั้งจเรทัพบกและการปืนเล็กปืนกล และสมุหราชองครักษ์
- พระราชทานสัญญาบัตรยศ
- พระบรมราชโองการ พระราชบัญญัติองคมนตรี
- พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งสมุหราชองครักษ์ (นายพลเอก พระยาเทพอรชุน)
- พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งกรม ตั้งพระองค์เจ้าและเจ้าพระยา (หน้า 192)
- สายเลือดพระเจ้าตาก-สายกรมขุนอินทรพิทักษ์-อินทรโยธิน www.oknation.net
- ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ให้นายพลโท พระยาเทพอรชุณเปนสมุหราชองครักษ์ (หน้า ๔๘๔-๘๕)
- ประกาศกระทรวงวัง
- พระราชทานยศเสือป่า
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า 2942 เล่ม 58, 18 กันยายน พ.ศ. 2484
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานตราวัราภรณ์ หน้า 351 เล่ม 31, 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2457
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า 2801 เล่ม 55, 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481
- ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า 1800 เล่ม 56, 19 กันยายน พ.ศ. 2481
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า 2512 เล่ม 42, 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า 11 เล่ม 36, 1 เมษายน พ.ศ. 2462
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานตราวชิรมาลา หน้า 1331 เล่ม 31, 10 กันยายน พ.ศ. 2457
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเหรียญจักรมาลา หน้า 297 เล่ม 18, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2444
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบัน หน้า 1041 เล่ม 25, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2451
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบัน หน้า 3259 เล่ม 33, 2 มกราคม พ.ศ. 2459
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบัน หน้า 3125 เล่ม 43, 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม 55, ตอน 0 ง, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 , หน้า 2958
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเหรียญราชรุจิ หน้า 724 เล่ม 28, 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2454
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม พิชเยนทรโยธิน) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) | ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (21 สิงหาคม พ.ศ. 2478 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2485) | ปรีดี พนมยงค์ |