โคลงหริภุญชัย
โคลงนิราศหริภุญชัย เดิมแต่งเป็นโคลงไทยเหนือ ต่อมามีผู้ถอดเป็นโคลงสี่สุภาพ ภาษาไทยกลางอีกต่อหนึ่ง ศ.อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และ อาจารย์เมธี ใจศรีสันนิษฐานว่าผู้แต่งคือศิริยวาปีมหาอำมาตย์ พระสวามีของพระนางสิริยศวดีเทวีหรือนางโป่งน้อย (สันนิษฐานว่าคือนางศรีทิพที่ถูกกล่าวในโคลง) ผู้แต่งมีความมุ่งหมายเพื่อบรรยายความรู้สึกที่ต้องจากหญิงที่รักไปนมัสการพระธาตุหริภุญชัย ส่วนผู้ถอดโคลงนี้เป็นภาษาไทยกลางแต่ไม่ปรากฏชื่อคงมีความประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์ใดองค์หนึ่ง
ประวัติ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ว่า อาจแต่งประมาณ พ.ศ. 2180 หรือก่อนหน้านั้นขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่พระพุทธสิหิงค์ยังประดิษฐานอยู่ที่เชียงใหม่ราวรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และกวีทางใต้คงนำมาดัดแปลงราวรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ศาสตราจารย์ประเสริฐ ณ นคร ได้ศึกษาโคลงเรื่องนี้ โดยเทียบกับต้นฉบับภาษาไทยเหนือที่เชียงใหม่และลงความเห็นว่าน่าจะแต่งขึ้นใน พ.ศ. 2060 ตรงกับรัชกาลพระเมืองแก้ว กษัตริย์เชียงใหม่ลำดับที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งเป็นเวลาที่พระแก้วมรกตยังอยู่ทีเจดีย์หลวงเชียงใหม่ เนื่องจากนิราศเรื่องนี้กล่าวถึงพระแก้วมรกตด้วย
เรื่องย่อ
เริ่มบทบูชาพระรัตนตรัย บอกวันเวลาที่แต่ง แล้วกล่าวถึงการที่ต้องจากนางที่เชียงใหม่ไปบูชาพระธาตุหริภุญชัยที่เมืองหริภุญชัย (ลำพูน) ก่อนออกเดินทางได้นมัสการลาพระพุทธสิหิงค์ ณ วัดพระสิงห์ ผ่านวัดทุงยู วัดศรีเกิด วัดผาเกียร (ชัยพระเกียรติ) วัดอูปแป้น ขอพรพระมังราชหรือพระมังรายซึ่งสถิต ณ ศาลเทพารักษ์ ผ่านหอพระแก้ว (กุฏาราม) นมัสการลาพระแก้วมรกต ณ วัดเจดีย์หลวง ผ่านวัดช่างแต้ม วัดเจ็ดลิน วัดเสฏฐา (วัดเชษฐา) วัดฟ่อนสร้อย วัดเชียงสง ออกประตูเชียงใหม่ ผ่านวัดศรีมหาทวาร (วัดเชียงของ) วัดพันงอม วัดเถียงเส่า วัดกุฎีคำ (วัดธาตุคำ) วัดน่างรั้ว ออกประตูขัวก้อม ขึ้นขบวนเกวียน ผ่านวัดกู่คำหลวง (วัดเจดีย์เหลี่ยม) วัดพระนอนป้านปิง (วัดพระนอนหนองผึ้ง) วัดยางหนุ่ม (วัดกองทราย) หยุดพักนอนที่กาดต้นไร (ตลาดต้นไทร) 1 คืน เมื่อเดินทางพบสิ่งใดหรือตำบลใดก็พรรณนาคร่ำครวญรำพันรักไปตลอดทางจนถึงเมืองหริภุญชัย ได้นมัสการพระธาตุหริภุญชัยสมความตั้งใจ บรรยายพระธาตุ งานสมโภชพระธาตุ ก่อรแวะไปนมัสการพระที่วัดพระยืน ตอนสุดท้ายลาพระธาตุกลับเชียงใหม่
คุณค่าและความสำคัญของเรื่อง
โคลงเรื่องนี้มีลักษณะเป็นการพรรณนาความอาลัยรักเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ สถานที่ และสภาพภูมิประเทศ ซึ่งผู้แต่งได้ประสบและนำพฤติการณ์ในชีวิตของตนไปเปรียบเทียบกับบุคคลในวรรคดีอื่น ๆ การใช้ถ้อยคำไพเราะ มีภาษาไทยเหนือปะปนอยู่มาก
นอกจากนี้ วรรณคดีเรื่องนี้ยังเป็นหลักฐานยืนยันถึงที่ตั้งปูชนียสถาน และโบราณวัตถุที่เชียงใหม่ และลำพูน เช่น พระพุทธสิหิงค์ พระแก้วมรกต ที่วัดเจดีย์หลวง ประตูเชียงใหม่และเวียงกุมกาม (เมืองเก่าระหว่างเชียงใหม่กับลำพูน) วัดพระธาตุหริภุญชัย กล่าวถึงความเจริญทางพุทธศาสนาและวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ เช่น สุธนู สมุทรโฆษ รามเกียรติ์ พระรถเมรี ท้าวบารสกับนางอุษา เป็นต้น
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายเกี่ยวกับความสำคัญของโคลงหริภุญชัยไว้ในฉบับพิมพ์ พ.ศ. 2467 ว่า อาจเป็นต้นแบบอย่างของนิราศที่แต่งเป็นโคลงและกลอนกันในกรุงศรีอยุธยา ตลอดมาจนกรุงรัตนโกสินทร์ ถ้ามิได้เป็นแบบอย่างก็เป็นนิราศชั้นเก่าที่สุด
- http://www.museum-press.com/content-%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E2%80%9C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5%E2%80%9D%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD500%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%A5-4-5600-117172-1.html
- https://www.matichonweekly.com/column/article_79331