โตโยต้า วีออส
โตโยต้า วีออส (อังกฤษ: Toyota Vios , Yaris Sedan ) เป็นรถรุ่นตระกูลที่โตโยต้า ออกแบบมาเพื่อมาแทนที่รถรุ่นโซลูน่า (Soluna) เริ่มผลิตรุ่นแรกใน พ.ศ. 2545 โดยจัดเป็นรถขนาดเล็กมาก (Subcompact Car) โดยทั่วไปจะนิยมนำรถวีออสไปใช้งานเป็นรถยนต์ส่วนตัวและเชิงพาณิชย์(บางบริษัท) แต่มีการนำไปใช้เป็นรถแท็กซี่ในบางประเทศ เช่นในอินโดนีเซีย จะมีรถวีออสสำหรับทำเป็นแท็กซี่จำหน่ายในชื่อ "โตโยต้า ลิโม่" (ต่างจากในประเทศไทย ที่รถโตโยต้า ลิโม่ คือรุ่นโคโรลล่าที่มีการตัด Option ต่างๆ ออก เพื่อให้รถมีราคาถูก เหมาะกับการซื้อไปเป็นแท็กซี่เช่า) และมีการนำไปปรับแต่งและใช้เป็นรถแข่ง
โตโยต้า วีออส | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โตโยต้า |
เรียกอีกชื่อ | โตโยต้า ยาริส ซีดาน โตโยต้า เบลต้า |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก |
รูปแบบตัวถัง | รถเก๋ง 4 ประตู |
โครงสร้าง | เครื่องวางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า |
รุ่นที่คล้ายกัน | โตโยต้า ยาริส |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | โตโยต้า เทอร์เซล/โซลูน่า |
วีออส เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับรถยนต์หลายรุ่น ที่สำคัญๆ คือ ฮอนด้า ซิตี้, เชฟโรเลต อาวีโอ ด้วยความที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถส่วนบุคคลขนาดเล็กราคาถูก
Generation ที่ 1 (พ.ศ. 2545-2550)
โตโยต้า วีออส โฉมแรกนี้ ผลิตในประเทศไทยที่ โรงงานโตโยต้าเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศจีน โดยส่งออกไปขายยัง อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, บรูไน, สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยรถวีออสโฉมที่ 1 ในประเทศเหล่านี้จะใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE ความจุ 1.5 ลิตร สำหรับรถวีออสโฉมนี้ในประเทศฟิลิปปินส์จะใช้เครื่องยนต์ 2NZ-FE ความจุ 1.3 ลิตร ส่วนรถวีออสโฉมนี้ในประเทศจีนจะใช้เครื่องยนต์แบบ 8A-FE โดยโฉมแรกนี้ เริ่มขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2546
มีตัวถังแบบเดียว คือ แบบซีดาน 4 ประตู โดยในระยะแรกในประเทศไทยจะจำหน่ายในชื่อ โตโยต้า โซลูน่า วีออส (Toyota Soluna Vios) เพื่อแสดงว่าเป็นโฉมใหม่ของโตโยต้า โซลูน่า และยังได้บริตนีย์ สเปียส์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์แต่ต่อมาจึงได้ยกเลิกชื่อโซลูน่า เพื่อทำการตลาดในชื่อรุ่นชื่อใหม่ คือ "วีออส"
รุ่นย่อยในประเทศไทยได้แก่ 1.5 S, 1.5 E และ 1.5 J
- 1.5 S เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เป็นรุ่นท็อปที่สุด ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับด้วยไฟฟ้า มือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียม มีคิ้วกันกระแทกด้านข้าง มีสีภายใน 2 สี คือสีเบจ (ตกแต่งลายไม้) และสีดำ (ตกแต่งด้วยสีเมทัลลิก) พร้อมด้วยเบาะผ้าสีเดียวกันกับสีภายใน วิทยุแบบเทป พร้อมเครื่องเล่น CD 1 แผ่น 4 ลำโพง มาตรวัดแบบดิจิตอล กระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บาน พร้อมระบบเลื่อนขึ้นและลงด้านคนขับแบบอัตโนมัติ ในส่วนของระบบความปลอดภัย มีการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TVSS พร้อมรีโมท และมีระบบเบรก ABS พร้อมถุงลมนิรภัยเฉพาะด้านคนขับ (เฉพาะรุ่น S ได้เรือนไมล์วัดความเร็วแบบดิจิตอล)
- 1.5 E เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เป็นรุ่นรองลงมา ล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับด้วยไฟฟ้า มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ มีคิ้วกันกระแทกด้านข้าง มีสีภายใน 2 สีเช่นเดียวกับรุ่น S คือสีเบจ (ตกแต่งลายไม้) และสีดำ พร้อมด้วยเบาะผ้าสีเดียวกันกับสีภายใน (ยกเว้นสีภายในสีดำ เบาะผ้าจะเป็นสีเทา) วิทยุแบบเทป 4 ลำโพง มาตรวัดแบบอนาล็อก กระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บาน พร้อมระบบเลื่อนขึ้นและลงด้านคนขับแบบอัตโนมัติ ในส่วนของระบบความปลอดภัย มีระบบเบรก ABS พร้อมถุงลมนิรภัยเฉพาะด้านคนขับ (เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งมีให้เลือก)
- 1.5 J เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เป็นรุ่นต่ำที่สุด ล้อกระทะขนาด 14 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำ ปรับด้วยมือ มือจับประตูด้านนอกสีดำ สีภายในมีเพียงสีเดียวคือสีดำ พร้อมด้วยเบาะผ้าสีเทา วิทยุแบบเทป 4 ลำโพง มาตรวัดแบบอนาล็อก กระจกหน้าต่างเป็นแบบมือหมุนทั้ง 4 บาน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ได้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์มาตรฐานเล็กน้อยในรุ่น 1.5 J โดยมีการเปลี่ยนกระจกมองข้างและมือจับประตูด้านนอกเป็นสีเดียวกับตัวรถ โดยกระจกมองข้างยังคงปรับด้วยมือ ส่วนภายในมีการเปลี่ยนกระจกหน้าต่างจากแบบมือหมุนทั้ง 4 บาน เป็นแบบไฟฟ้าทั้ง 4 บาน พร้อมระบบเลื่อนขึ้นและลงด้านคนขับแบบอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆยังเหมือนเดิม
และเมื่อต้นปี พ.ศ. 2549 ได้มีการปรับโฉม (Minor Change)
วีออส เทอร์โบ
โตโยต้า วีออส โฉมแรกนี้ เคยมีการผลิตและจำหน่ายรุ่นพิเศษ คือโตโยต้า วีออส เทอร์โบ (อังกฤษ: Toyota Vios Turbo) โดยมีการจัดทำรถรุ่นนี้ขึ้นในจำนวน 600 คัน และจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทย โดยรุ่นพิเศษนี้ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบเดิม แต่มีการติดตั้งเทอร์โบ และระบบอินเตอร์คูลเลอร์โดยสำนักแต่งรถ TRD หรือ Toyota Racing Development ซึ่งเป็นสำนักแต่งรถที่ขึ้นกับโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 143 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งตัวรถ ทำให้ดูแตกต่างไปจากรุ่นปกติ
รายละเอียดทางเทคนิค
ขนาด & น้ำหนัก | |
---|---|
ความยาว (มิลลิเมตร) | 4285 |
ความกว้าง (มิลลิเมตร) | 1695 |
ความสูง (มิลลิเมตร) | 1435 |
ความยาวช่วงล้อ (มิลลิเมตร) | 2500 |
ความกว้างช่วงล้อ (มิลลิเมตร) หน้า x หลัง | 1455 x 1430 |
ระดับต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) | 143 |
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) | 960 - 1050 |
ความจุกระโปรงท้ายรถ VDA (ลิตร) | 400 |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) | 4.9 |
เครื่องยนต์ | 1NZ-FE |
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบเรียง DOHC 16V พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i |
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มิลลิเมตร) | 75.0 x 84.7 |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,497 |
อัตราส่วนกำลังอัด | 10.5 : 1 |
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ (แรงม้า) / รอบต่อนาที) | 80 (109) / 6000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร (kg-m) / รอบต่อนาที) | 142 (14.5) / 4200 |
ระบบจ่ายน้ำมัน | EFI (Electronic Fuel Injection) |
ความจุถังน้ำมัน | 45 |
ระบบขับเคลื่อน & ระบบกันสะเทือน | |
ระบบขับเคลื่อน | อัตโนมัติ 4 จังหวะแบบร่องตรง (Slide) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ SuperECT |
ระบบช่วงล่าง - หน้า | อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบช่วงล่าง - หลัง | คานบิดแบบ ETA-Beam พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบเบรก - หน้า | ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรก - หลัง | ดิสก์เบรก (ในรุ่น S และ E) / ดรัมเบรก (ในรุ่น J ) |
ขนาดยาง | 175 / 65 R14 ( รุ่น J,E ), 185 / 55 R15 ( รุ่น S ) |
Generation ที่ 2 (พ.ศ. 2550-2555)
โฉมที่สองของวีออสเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2549 โดยใช้ชื่อว่า "โตโยต้า เบลต้า" และเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือ, ตะวันออกกลาง, อเมริกาใต้, ลาตินอเมริกา, ออสเตรเลีย ช่วงต้นปี 2550 โดยใช้ชื่อ "โตโยต้า ยาริส ซีดาน" ส่วนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้ชื่อว่า "โตโยต้า วีออส" เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกวันที่ 8 และ 9 มีนาคม พ.ศ. 2550 ที่สยามพารากอน
นอกเหนือจากการใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลแล้ว ยังมีการนำไปปรับแต่งและใช้เป็นรถแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขัน โตโยต้า วีออส วันเมคเรซ ซึ่งเป็นการแข่งรถในประเทศไทยที่ทางโตโยต้าจัดขึ้น
การแข่งรถมี 2 รุ่นได้แก่
Toyota Vios One Make Race Class C
Toyota Vios One Make Race Lady Cup
นักแข่งดาราในนามของ Toyota Team Star. (2010 - 2012)
รุ่น Vios One Make Race Class C อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม , วริษฐ์ ทิพโกมุท , ศิริศิลป์ โชติวิจิตร (กวาง เอบีนอร์มอล) ,
รุ่น Vios One Make Race Lady Cup ชัชฎาภรณ์ ธนันทา , สุคนธวา เกิดนิมิตร , เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ , ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ , นาตาลี เดวิส , แอริณ ยุกตะทัต , อารยา เอ ฮาร์เก็ต
ในปี 2550 - 2551 ในเมืองไทยมีการแบ่งการผลิตวีออสออกเป็น 3 รุ่นมาตรฐาน ได้แก่
- รุ่น J เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA / กระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ไฟตัดหมอกหลัง (ระบบป้องกันการโจรกรรม TVSS พร้อมรีโมทเป็นอุปกรณ์เสริม) กระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า
- รุ่น E เป็นเกรดกลาง เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น J มากขึ้นคือ ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ ล้อแม็กซ์อัลลอยด์ 5 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว ไฟตัดหมอกหลัง และภายในห้องโดยสารสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีเทาดำ (Dark Grey) และไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
- รุ่น E Safety เป็นเกรดรองสูงสุด เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้า และและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนรุ่น E
- รุ่น G เป็นเกรดสูงสุด เพิ่มอุปกรณ์ภายใน เช่น เครื่องเสียงแบบ 6 ลำโพง หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีฟ้า ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนัง สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) ที่พักแขนพร้อมหลุมวางแก้วน้ำบริเวณผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40
และเพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ได้แก่
- รุ่น S-Limited เพิ่มอุปกรณ์ชุดแต่งจากโรงงานรอบคัน พร้อมปรับแต่งโช้คอัพ และสปริงให้มีความแข็งมากกว่ารุ่นอื่น หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีส้ม ส่วนภายในแบบสปอร์ตสีเทาควันบุหรี่ ทั้งเบาะหุ้มหนัง พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ รวมถึงเบาะผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40 ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ปรับระดับสูง - ต่ำ แปรผันอัตโนมัติตามน้ำหนักรถ เปลื่ยนระบบเบรกหลังจากดรัมเป็นดิสก์เบรก
- รุ่น G-Limited เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น G เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry เปิด - ปิดประตูแบบสัมผัส พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่อง หรือ Push Start และระบบป้องกันการโจรกรรมกุญแจเลียนแบบหรือ Immobilizer สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey)
- รุ่น GT Street โดยการนำรุ่น J มาตกแต่งในรูปแบบพิเศษ สเกิร์ตรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์และสติกเกอร์ GT Street ที่ฝากระโปรงหลัง ท่อไอเสียพร้อมฝาครอบ สแตนเลส และสติกเกอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต ส่วนภายในใช้โทนสีแดงดำ ทั้งผ้าเบาะ สีแดงกับสีดำ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีแดง คอนโซลหน้าสุดสปอร์ตสีดำ-แดง และเปลี่ยนล้อกระทะ เป็นล้อแม็กซ์ขนาด 15 นิ้ว (ลายเดียวกันกันยาริส ไมเนอร์เชนจ์ G/E Grade) โดยจะทำการผลิตเพียง 1,000 คัน
ความปลอดภัย
ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) แบบ 4 channel 4 Sensor ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) จะช่วยกระจายแรงดันน้ำมันเบรกโดยการแปรผันตามน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อและควบคุมแรงเบรกขณะเข้าโค้งอย่างอิสระ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุล ป้องกันการไถลของล้อขณะเข้าโค้งและเหยียบเบรกกะทันหัน
ในกรณีบรรทุกเต็มพิกัด ระบบ EBD จะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกที่ล้อคู่หลังขณะบรรทุก และ ควบคุมแรงเบรกของล้อทั้งหมดขณะเข้าโค้งเพื่อเสริมประสิทธิภาพการหยุดให้สูงที่สุด
ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ในกรณีเบรกแบบกะทันหัน ระบบ BA จะช่วยเพิ่มแรงเบรกในระบบ โดยคอมพิวเตอร์จะอ่านค่าจากการเหยียบของผู้ขับว่ามีแรงกระทำมากและนานเท่าไร ช่วยเสริมการหยุดรถได้ในระยะที่สั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พัฒนาการล่าสุดของโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่ให้ความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชน ให้ถ่ายเทไปสู่ส่วนต่างๆ ของตัวถัง เพื่อให้ลดความเสียหายห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยระบบดูดซับแรงกระแทกที่สามารถดูดซับแรงกระแทกลดความรุนแรงจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างเพิ่มความแข็งแกร่ง และความปลอดภัยให้กับห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน
ระบบลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บของศีรษะและหน้าอก จากแรงปะทะซึ่งเกิดจากการชนด้านหน้า (ในรุ่น E Safety, G, G-Limited, S-Limited)
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pretensioner & Force Limiter) ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชน ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงกระแทก
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL Concept ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง
NHTSA หน่วยงานด้านความปลอดภัยยานยนต์ทางบกของสหรัฐอเมริกา ให้คะแนนผลทดสอบการชน Toyota Vios ดังนี้
- การชนด้านหน้าฝั่งผู้ขับขี่:
- การชนด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร:
- การชนด้านข้างฝั่งผู้ขับขี่ (ไม่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
- การชนด้านข้างฝั่งผู้โดยสาร (ไม่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
- การชนด้านข้างฝั่งผู้ขับขี่ (มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
- การชนด้านข้างฝั่งผู้โดยสาร (มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง):
- ทดสอบการพลิกคว่ำ:
ผลทดสอบ
กลางปี 2551 - ต้นปี 2553 มีการเพิ่มรุ่น J มาตรฐาน และเปลื่ยนแปลงและลดอุปกรณ์บางอย่างในรุ่นปกติ เช่น
- รุ่น J มาตรฐาน (ไม่มี ABS) เป็นเกรดล่างสุด ลดอุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างออกไป เช่น วิทยุ CD/MP3/WMA ชนิด 2 ลำโพงมาตรฐาน วัสดุภายในสีดำ (Dark Grey) ล้อกระทะขนาด 14 นิ้วพร้อมยางขนาด 175/65 ยี่ห้อ Dunlop รุ่น SP10
- รุ่น J ปกติ (มี ABS) ยกเลิกไฟตัดหมอกหลัง / ไม่มีกระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ / เปลื่ยนยางเป็น Dunlop SP Sport 2030 ขนาดเดิม
- รุ่น E ยกเลิกไฟเลี้ยวกระจกมองข้างโดยติดตั้งที่บริเวณบังโคลน เปลื่ยนวัสดุภายในเป็นสีดำให้เหมือนรุ่น J แต่ยังคงเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) ไม่มีกระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ เปลื่ยนยางเป็นยี่ห้อ Dunlop รุ่น Sp Sport 2030 ขนาดเดิม
- รุ่น E Safety ลดสเปคเหมือนรุ่น E
ส่วนรุ่น G / G Limited / S Limited ยังคงสเปคเดิมทุกประการเหมือนปี 2007
ในปี 2553 ในเมืองไทยมีการปรับโฉม 3 รุ่นมาตรฐาน โดยองค์ประกอบภายนอกทุกรุ่นได้เปลื่ยนแปลงกระจังหน้า ล้ออัลลอยลายใหม่ 12 ก้าน (ในรุ่นที่ใช้ล้ออัลลอย) และชุดไฟท้าย รวมถึงออกแบบมือจับฝากระโปรงท้ายใหม่ ส่วนภายในห้องโดยสารการเปลี่ยนแปลงคือ
- รุ่น J มาตรฐาน (ไม่มี ABS) เป็นเกรดล่างสุด เปลื่ยนอุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างเช่น มือจับประตูและฝากระโปรงท้ายจากสีเดียวกับตัวรถเป็นเป็นวัสดุสีดำ เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ และถอดฝาครอบล้อออก
- รุ่น J ปกติ (ABS) เสริมระบบป้องกันการโจรกรรมแบบกุญแจ Immobilizer เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ และมือจับที่ฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่
- รุ่น E เปลี่ยนเป็นพวงมาลัยลายสปอร์ต ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ และระบบ Immobilizer ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ ไฟตัดหมอกหลัง วัสดุคอนโซลแบบสีเมทัลลิค (เฉพาะกรอบด้านข้าง แต่แผงควบคุมเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศยังเป็นสีดำ) ภายในห้องโดยสารสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) และเพิ่มจุดเชื่อมต่อวิทยุ (AUX) เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะ และมือจับฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่ พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
- รุ่น E Safety เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้าและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ เปลื่ยนพวงมาลัยลายใหม่ และดิสก์เบรก 4 ล้อ ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ เปลื่ยนวัสดุหุ้มเบาะ
- รุ่น G เปลื่ยนสีแผงควบคุมคอนโซลกลางเป็นแบบเปียโน แบล็ค (Piano Black) เปลื่ยนพวงมาลัยลายใหม่พร้อมชุดควบคุมเครื่องเสียง เพิ่มจุดเชื่อมต่อวิทยุ (AUX) ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ มือจับฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่ ฝาครอบไฟตัดหมอกหน้าลักษณะสีเมทัลลิค
- รุ่น G Limited ยังคงสเปคเดิมเหมือนรุ่นปี 2007 แต่เปลื่ยนสีแผงควบคุมคอนโซลกลางเป็นแบบเปียโน แบล็ค (Piano Black) เปลื่ยนพวงมาลัยลายใหม่พร้อมชุดควบคุมเครื่องเสียง เพิ่มจุดเชื่อมต่อวิทยุ (AUX) ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ มือจับฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่ ฝาครอบไฟตัดหมอกหน้าลักษณะสีเมทัลลิค
- ในรุ่น G และรุ่น G Limited ให้เลือกเป็นเบาะหนังสีเบจ หรือสีดำ
- ยกเลิกการจำหน่ายรุ่น S Limited
ต่อมาในช่วงปลายปี 2555 ต้นปี 2556 ได้มีการปรับอุปกรณ์อีกครั้ง โดยให้มีแอร์แบคคู่หน้าในทุกรุ่นย่อย ไฟหน้ารมดำในทุกรุ่นย่อย กลับมาใช้พวงมาลัยทรงเดียวกับปี 2007 (แต่รุ่น G และ G Ltd. ยังคงสเปคเดิมคือพวงมาลัยทรงสปอร์ต) และสำหรับรุ่นที่มีล้อแม็ก จะเป็นแม็กอัลลอย 12 ก้านขนาด 15 นิ้ว (ลายเดียวกับปี 2553) รมดำให้ความสปอร์ตมากขึ้น
ทุกแบบใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และแรงบิด 14.4 กก./ม. เหมือนโฉมปี 2545 - 2550 โดยมีการเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ
- ระบบคันเร่งจากเดิมที่ควบคุมด้วยสายเคเบิลมาเป็นระบบไฟฟ้า DBW หรือ Drive - By -Wire เรียกว่า ETCS-i โดยทำงานร่วมกับระบบ Canbus และระบบตรวจสอบข้อบกพร่อง OBD-II
- ย้ายกล่องสมองกลติดตั้งในห้องเครื่อง และเพิ่มหน่วยความจำเป็น 32 Bit
- เปลื่ยนตำแหน่งแบตเตอรี่ใหม่
- เปลื่ยนท่อร่วมไอดีใหม่
- เปลื่ยนตำแหน่งกรองอากาศใหม่ ให้มีระยะสั้นลงกว่าเดิม เพื่อให้อากาศเข้าเร็วขึ้น
- เปลื่ยนยางแท่นเครื่องฝั่งคนขับแบบใหม่ชนิดไฮโดรลิก
- เปลื่ยนตำแหน่งท่อแอร์ใหม่
- เปลื่ยนตำแหน่งชุดแผงคอนเดนเซอร์แอร์ใหม่
- เปลื่ยนหม้อน้ำใหม่
- เปลื่ยนชุดพัดลมไฟฟ้าใหม่
ระบบจ่ายเชี้อเพลิงควบคุมโดยกล่อง ECU ขนาด 32 Bit ติดตั้งอยู่บริเวณห้องเครื่อง พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ควบคุมด้วยสมองกล ECU พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังขับ 42 วัตต์ สามารถปรับความหนัก - เบา ตามความเร็วรถยนต์
ใช้เกียร์อัตโนมัติซึ่งเป็นลูกเดียวกับ Corolla Altis ในรุ่น 1.8 ในโฉม ZZE122R และ ZZE142R (รหัสเกียร์ U341E) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ Super ECT โดยมีการพัฒนาจากวีออสโฉมปี 2545 - 2550 คือ
- ใช้น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำแบบ ATF-WS
- พัฒนาชุดคลัตช์ และ ระบบล็อกอัพ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ใหม่
- เปลื่ยนแปลงชุดควบคุมคอมพิวเตอร์เกียร์ใหม่
- เปลื่ยนชุดควบคุมคันเกียร์ จากเดิมแบบตรง มาเป็นแบบร่องหยัก และโหมดป้องกันการเข้าเกียร์ผิดโดยไม่ตั้งใจ พร้อมปุ่ม Shift Lock
มีระบบ Hill Sensing Control สำหรับการปีนป่ายขึ้นที่สูงและลงทางลาดชันได้อย่างไร้กังวล ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหามุมองศาของการปีนป่ายที่สูงและลงทางชัน ระบบคอมพิวเตอร์จะป้องกันไม่ให้เปลี่ยนไปที่เกียร์สูงสุดโดยไม่จำเป็น หรือไม่ลดลงไปเกียร์ต่ำสุดเพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อกรณีปีนป่ายที่สูงและไม่ลาดชันจนเกินไป และในขาลง ก็จะคงที่ไว้ที่เกียร์สามเพื่อการขับขี่ที่มั่นคง และเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเรียนรู้การขับขี่ในแต่ละสภาพถนน เพื่อปรับเปลื่ยนจังหวะเกียร์ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ในวีออสโฉมปี 2550 - 2556 ทุกรุ่น จะมีระบบ
- Auto Crank Start โดยผู้ขับขี่สามารถติดเครื่องยนต์โดยการบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง Start แล้วปล่อยมือได้ทันที ระบบจะทำการติดเครื่องด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องบิดกุญแจค้างไว้ (ในรุ่น G-Limited สามารถกดปุ่มสตาร์ทแล้วปล่อยมือได้ทันที เครื่องจะทำการสตาร์ทเองโดยอัตโนมัติ)
- เครื่องเสียงพร้อมระบบ ASL หรือ Auto Sound-Speed Levelizer ปรับระดับเสียงขึ้น-ลง โดยอัตโนมัติตามความเร็วรถ และสามารถปรับได้สามระดับคือ Low Mid และ High พร้อมระบบ DSP (Digital Sound Processer) ช่วยเพี่มความสุนทรีย์ขณะฟังเพลง
- ระบบไฟฟ้ามีการหน่วงเวลาชุดกระจกไฟฟ้า 45 วินาทีหลังจากดับเครื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ กรณีจอดรถแล้วต้องการเปิดกระจก และระบบจะตัดการทำงาน เมื่อเปิดประตูคู่หน้าบานใดบานนึงออก หรือ หลังจาก 45 วินาทีเป็นต้นไป
- ระบบหน่วงเวลาไฟเพดานกลางห้องโดยสารหลังจากดับเครื่อง 30 วินาที และตัดการทำงานเมื่อเปิดเกิน 1 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อป้องกันไฟแบตเตอรี่หมด
รายละเอียดทางเทคนิค
ขนาด & น้ำหนัก | |
---|---|
ความยาว (มิลลิเมตร) | 4300 |
ความกว้าง (มิลลิเมตร) | 1700 |
ความสูง (มิลลิเมตร) | 1460 |
ความยาวช่วงล้อ (มิลลิเมตร) | 2550 |
ความกว้างช่วงล้อ (มิลลิเมตร) หน้า x หลัง | 1470 x 1460 |
ระดับต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) | 150 |
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) | 1020 - 1065 (แล้วแต่รุ่น) |
ความจุกระโปรงท้ายรถ VDA (ลิตร) | 420 (550 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง) |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) | 4.9 |
เครื่องยนต์ | 1NZ-FE |
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบเรียง DOHC 16V พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i |
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มิลลิเมตร) | 75.0 x 84.7 |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,497 |
อัตราส่วนกำลังอัด | 10.5 : 1 |
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ (PS) / รอบต่อนาที) | 80 (109) / 6000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร (kg-m) / รอบต่อนาที) | 141 (14.4) / 4200 |
ระบบจ่ายน้ำมัน | EFI (Electronic Fuel Injection) |
ความจุถังน้ำมัน | 42 |
ระบบขับเคลื่อน & ระบบกันสะเทือน | |
ระบบขับเคลื่อน | อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบร่องหยัก (GATE-TYPE) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ SuperECT |
ระบบช่วงล่าง - หน้า | อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบช่วงล่าง - หลัง | ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง |
ระบบเบรก - หน้า | ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรก - หลัง | ดรัมเบรก (ปี 2553 ดิสก์เบรกในรุ่น E/Safety และ G,G-LTD) |
ขนาดยาง | 185/60R15 ในรุ่น J,E,G,G-LTD,S-LTD และ 175/65R14 สำหรับรุ่น J มาตรฐาน |
Generation ที่ 3 (พ.ศ. 2556-ปัจจุบัน)
โฉมที่ 3 ของวีออสเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 โดยมีสโลแกนว่า Have It All โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจากรุ่นที่ 2 แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์ 1 NZ-FE 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และแรงบิด 14.4 กก./ม. เหมือนรุ่นแรก พร้อมทั้งมีพรีเซนเตอร์คนใหม่ จิรายุ ตั้งศรีสุข และ จรินทร์พร จุนเกียรติ มีให้เลือกทั้งหมด 7 สีซึ่งได้แก่ 1. สีขาว 2. สีเบจ 3. สีเงิน 4. สีดำ 5. สีน้ำตาล 6. สีเทา 7. สีแดง โดยมีให้เลือก 4 รุ่นดังนี้
รุ่น J
- ล้อกระทะพร้อมฝาครอบ 15 นิ้วลายใหม่ พร้อมยาง Dunlop SP Sport 2030 185/60R15
- ภายในสีเทา Dark Gray
- เบาะผ้าลายธรรมดา
- กุญแจรีโมทแบบ Immobilizer (แบบไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนผู้บุกรุกจากภายนอก)
รุ่น E
- มีระบบเบรก ABS/EBD/BA
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
- กุญแจรีโมท เพิ่มระบบสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อผู้บุกรุกจากภายนอก (TDS)
- ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ พร้อมยาง Dunlop SP Sport 2030 185/60R15
- ไฟเบรกดวงที่สาม ในห้องโดยสาร
- เบาะผ้าลายธรรมดา
- เลือกสีภายในได้ระหว่างสีเทา Dark Gray กับสีเบจ Ivory
รุ่น G
- ล้อแม็กแบบรุ่น E พร้อมยาง Dunlop SP Sport 2030 185/60R15
- ไฟหน้าโปรเจกเตอร์
- กระจังหน้าและคิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมียม
- ไฟเลี้ยวฝังบริเวณกรอบกระจกมองข้าง พร้อมพับไฟฟ้า
- เลือกสีภายในได้ระหว่างสีเทา Dark Gray กับสีเบจ Ivory
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
- หน้าปัดพร้อมจอ MID
- เบาะผ้าลายธรรมดา
- มือเปิดประตูด้านในโครเมียม
รุ่น S
- ล้อแม็ก 16 นิ้วรมดำ พร้อมยาง Bridgestone Turanza ER33 195/50R16
- ไฟตัดหมอกหน้า
- มือเปิดประตูด้านนอกโครเมียม
- ภายในสีเทา Dark Gray พร้อมเบาะผ้าลายสปอร์ต
- มาตรวัดพี้นหลังสีแดง
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start
(เฉพาะรุ่น S และ G จะได้กระจกบังลมหน้ากันเสียงรบกวน Acoustic Glass )
รุ่น TRD Sportivo IV 2014 อิงพี้นฐานจากวีออสรุ่น J แต่มีการปรับเปลื่ยนคือ
- ล้อแม็กซ์อัลลอย 15 นิ้วลายพิเศษเฉพาะ TRD
- สเกิร์ตและสปอยเลอร์ TRD
- สติ๊กเกอร์และสัญลักษณ์ TRD
- เบาะหนัง
- เครื่องเล่น DVD จอสัมผัส 7" รองรับ Smart G-Book
ช่วงปลายปี พ.ศ. 2558 ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของอุปกรณ์ติดรถเล็กน้อย
- รุ่น E
เพิ่มไฟเลี้ยวที่กรอบกระจกมองข้าง และ กระจกมองข้างสามารถพับเก็บด้วยไฟฟ้า
- รุ่น TRD SPORTIVO V
อิงจากรุ่น TRD Sportivo IV แต่เปลื่ยนล้ออัลลอย 15 นิ้วลายใหม่ ไฟหน้าโปรเจกต์เตอร์รมดำ กระจังหน้าสีดำ สติ๊กเกอร์ด้านข้างลายใหม่ ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ฝังในสเกิร์ตหน้า พร้อมชุดสเกิร์ตและสปอยเลอร์ TRD แบบใหม่รอบคัน
ราคาอย่างเป็นทางการของโตโยต้า วีออส ปี 2556 - 2558
- 1.5J M/T เกียร์ธรรมดา 559,000 บาท
- 1.5J A/T เกียร์อัตโนมัติ 589,000 บาท
- 1.5E M/T เกียร์ธรรมดา 614,000 บาท
- 1.5E A/T เกียร์อัตโนมัติ 649,000 บาท
- 1.5G A/T เกียร์อัตโนมัติ 699,000 บาท
- 1.5S A/T เกียร์อัตโนมัติ 734,000 บาท
ทุกแบบใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และแรงบิด 14.4 กก./ม. เหมือนวีออสโฉมปี 2550 - 2556 โดยมีการปรับเปลื่ยนคือ
- เปลื่ยนหม้อลมเบรกชนิด Dual - Servo
- เปลื่ยนยางแท่นเครื่องแบบไฮโดรลิกรุ่นใหม่ทรงจั่ว
- ย้ายตำแหน่ง ECU กลับเข้าไปห้องโดยสาร โดยอยู่ตำแหน่งหลังลี้นชักเก็บของฝั่งคนนั่ง
- จูนอัพการตอบสนองคันเร่งไฟฟ้าใหม่
- เพิ่มไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด (Eco) บนหน้าปัด โดยมีเฉพาะในรุ่นเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น
และยังคงใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติแบบร่องหยัก รหัสเกียร์ U341E เหมือนโฉมที่แล้ว ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ Super ECT มีระบบ Hill Sensing Control สำหรับการปีนป่ายขึ้นที่สูงและลงทางลาดชันได้อย่างไร้กังวล ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหามุมองศาของการปีนป่ายที่สูงและลงทางชัน โดยคอมพิวเตอร์จะป้องกันไม่ให้เปลี่ยนไปที่เกียร์สูงสุดโดยไม่จำเป็น หรือไม่ลดลงไปเกียร์ต่ำสุดเพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อกรณีปีนป่ายที่สูงและไม่ลาดชันจนเกินไป และในขาลง ก็จะคงที่ไว้ที่เกียร์สามเพื่อการขับขี่ที่มั่นคง และเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเรียนรู้การขับขี่ในแต่ละสภาพถนน เพื่อปรับเปลื่ยนจังหวะเกียร์ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความปลอดภัย
ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) แบบ 4 channel 4 Sensor ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) จะช่วยกระจายแรงดันน้ำมันเบรกโดยการแปรผันตามน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อและควบคุมแรงเบรกขณะเข้าโค้งอย่างอิสระ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุล ป้องกันการไถลของล้อขณะเข้าโค้งและเหยียบเบรกกะทันหัน
ในกรณีบรรทุกเต็มพิกัด ระบบ EBD จะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกที่ล้อคู่หลังขณะบรรทุก และ ควบคุมแรงเบรกของล้อทั้งหมดขณะเข้าโค้งเพื่อเสริมประสิทธิภาพการหยุดให้สูงที่สุด
ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ในกรณีเบรกแบบกะทันหัน ระบบ BA จะช่วยเพิ่มแรงเบรกในระบบ โดยคอมพิวเตอร์จะอ่านค่าจากการเหยียบของผู้ขับว่ามีแรงกระทำมากและนานเท่าไร ช่วยเสริมการหยุดรถได้ในระยะที่สั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พัฒนาการล่าสุดของโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่ให้ความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชน ให้ถ่ายเทไปสู่ส่วนต่างๆของตัวถัง เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยระบบดูดซับแรงกระแทกที่สามารถดูดซับแรงกระแทกลดความรุนแรงจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างเพิ่มความแข็งแกร่ง และความปลอดภัยให้กับห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน
ระบบลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS AIRBAG 2 ตำแหน่งปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บของศีรษะและหน้าอก จากแรงปะทะซึ่งเกิดจากการชนด้านหน้า
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pretensioner & Force Limiter) ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชน ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงกระแทก
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL Concept ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง
รายละเอียดทางเทคนิค
ขนาด & น้ำหนัก | |
---|---|
ความยาว (มิลลิเมตร) | 4410 |
ความกว้าง (มิลลิเมตร) | 1700 |
ความสูง (มิลลิเมตร) | 1475 |
ความยาวช่วงล้อ (มิลลิเมตร) | 2550 |
ความกว้างช่วงล้อ (มิลลิเมตร) หน้า x หลัง | 1470 x 1460 (1455 x 1445 ในรุ่น S) |
ระดับต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) | 145 |
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) | 1020 - 1065 (แล้วแต่รุ่น) |
ความจุกระโปรงท้ายรถ VDA (ลิตร) | 430 (ทุกรุ่นพับเบาะหลังไม่ได้) |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) | 5.1 |
เครื่องยนต์ | 1NZ-FE |
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบเรียง DOHC 16V พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i |
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มิลลิเมตร) | 75.0 x 84.7 |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,497 |
อัตราส่วนกำลังอัด | 10.5 : 1 |
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ (PS) / รอบต่อนาที) | 80 (109) / 6000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร (kg-m) / รอบต่อนาที) | 141 (14.4) / 4200 |
ระบบจ่ายน้ำมัน | EFI (Electronic Fuel Injection) |
ความจุถังน้ำมัน | 42 |
ระบบขับเคลื่อน & ระบบกันสะเทือน | |
ระบบขับเคลื่อน | อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบร่องหยัก (GATE-TYPE) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ SuperECT |
ระบบช่วงล่าง - หน้า | อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบช่วงล่าง - หลัง | ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบเบรก - หน้า | ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรก - หลัง | ดรัมเบรก (ดิสก์เบรกในรุ่น S และ G) |
ขนาดยาง | 195/50R16 ในรุ่น S และ 185/60R15 สำหรับทุกรุ่น |
ในปี พ.ศ. 2559 ได้มีการออกตัวถัง MY2016 เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใหม่ รหัส 2NR-FBE พร้อมเกียร์ CVT และยกระดับความปลอดภัยมากขึ้น
(สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนเครื่องเพราะเรื่องการปล่อยมลพิษมากกว่าเครื่อง 2NR-FBE เพื่อให้ผ่านค่ามลพิษ Euro 4-5 )
รายละเอียดทางเทคนิค
เครื่องยนต์ | 2NR-FBE |
---|---|
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบเรียง DOHC 16V พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual VVT-i |
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มิลลิเมตร) | 72.0 x 90.6 |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,496 |
อัตราส่วนกำลังอัด | 11.5 : 1 |
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ (PS)5WK /50168 รอบต่อนาที) | AV79 15K601 ACE7C30 (030)(108) / 6000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร (kg-m) / รอบต่อนาที) | 140 (14.3) / 4200 |
ระบบจ่ายน้ำมัน | EFI (Electronic Fuel Injection) |
ความจุถังน้ำมัน | 42 |
ระบบขับเคลื่อน | |
ระบบขับเคลื่อน | CVT 7 จังหวะ แบบร่องหยัก (GATE-TYPE) พร้อมโหมด Manual (+/-) |
วีออส ปี 2559 ได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 2NR-FBE และอิงออปชั่นจากตอนเปิดตัวปี 2556 และภายในทุกรุ่นเปลี่ยนแค่ฐานเกียร์ใหม่แบบ +/- โดยยังคงรูปแบบร่องหยัก (Gate Type) พร้อม Shift Lock เหมือนเดิม โดยมีราคาเปลี่ยนแปลงดังนี้
- 1.5 J CVT 599,000 บาท. (เพิ่ม 10,000 บาท)
- 1.5 E CVT 669,000 บาท. (เพิ่ม 20,000 บาท
- 1.5 G CVT 714,000 บาท. (เพิ่ม 15,000 บาท)
- 1.5 Exclusive 719,000 บาท. (รุ่นย่อยใหม่)
- 1.5 S CVT 749,000 บาท. (เพิ่ม 15,000 บาท)
โดยรุ่นย่อยใหม่ 1.5 Exclusive CVT จะอิงจากรุ่น J มีอุปกรณ์ที่แตกต่างดังนี้
ภายนอก
- สเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตหลัง
- ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟตัดหมอกหน้า
- กระจังหน้าโครเมียม
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า
- มือจับประตูด้านนอกโครเมียม
- คิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมียม
- ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่
- กล้องมองหลัง
- สัญลักษณ์ Exclusive ด้านท้ายรถ
ภายในห้องโดยสาร
- สีภายในห้องโดยสาร โทนสีดำ
- เบาะหนังสีดำลายกราฟิก
- คอนโซลหน้าและแผงประตูตกแต่งด้วยลายไฮโดรกราฟิกสีเทา
- พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังตกแต่งด้วย Piano Black
- เครื่องเล่น DVD/CD/MP3/WMA หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว T-Connect พร้อมช่องต่อ USB / HDMI / SD Card
- ระบบเชื่อมต่อ Hands-free แบบไร้สาย Bluetooth
- ถาดใส่ของ และ กล่องเก็บสัมภาระท้ายรถ
- ชุดอุปกรณ์เติมลมยาง Air Compressor Kit
วีออส โฉมปี 2559 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE มีระบบความปลอดภัยในทุกรุ่นย่อยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน เช่น ระบบ ABS, EBD, BA, VSC พร้อมสวิตช์ เปิด - ปิด การทำงาน อยู่บริเวณฝั่งคนขับ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
โตโยต้าได้ยกเลิกเกียร์ธรรมดาในวีออส ทำให้รุ่นย่อย 1.5 E M/T และ 1.5 J M/T ถูกยกเลิกไปในช่วงของการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งนั่นแสดงว่าโตโยต้าไม่มีรถยนต์นั่งขนาดเล็กเกียร์ธรรมดาในไทยในช่วงเวลานี้ เพราะ โตโยต้า ยาริส เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรก็เปิดตัวด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งหมด เหลือเพียงรถยนต์นั่งขนาดกลางอย่าง "โคโรลล่า อัลติส ไมเนอร์เชนจ์" รุ่นย่อย J M/T ในราคา 799,000 เพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น
รุ่นปรับปรุงปี 2560
รุ่นปรับปรุงปี 2560 ของโตโยต้า วีออส เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 ตามหลังประเทศจีน โดยมีกระจังหน้าแบบใหม่ที่เหมือนโตโยต้า วีออส โฉมจีน และโตโยต้า คัมรี่โฉม XV60 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE เหมือนรุ่นปรับโฉมปี 2559 และมีระบบความปลอดภัย เช่น กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว, ABS, EBD, BA, VSC พร้อมสวิตช์ เปิด - ปิด การทำงาน อยู่บริเวณฝั่งคนขับ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งตั้งแต่รุ่น E ขึ้นไปจะมีไฟตัดหมอกหน้าและเซนเซอร์กะระยะด้านท้ายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และตั้งแต่รุ่น G ขึ้นไปจะมีจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีราคาเปลี่ยนแปลงดังนี้
- รุ่น 1.5J CVT ราคา 609,000 บาท (เพิ่ม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.5E CVT ราคา 679,000 บาท (เพิ่ม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.5G CVT ราคา 729,000 บาท (เพิ่ม 10,000 บาท)
- รุ่น 1.5S CVT ราคา 789,000 บาท (เพิ่ม 40,000 บาท) เพิ่มเบาะหนังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
จนถึงทุกวันนี้ทำยอดขายที่เริ่มจะน้อยลง Toyota ส่ง Vios MY2019 ด้วยการเปลื่ยนชื่อรุ่นย่อยเช่น Entry,Mid และ High พร้อมกับปรับอุปกรณ์มากขึ้นเช่น กล้องติดหน้ารถยนต์,ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED,รุ่น Mid เพิ่มออฟชั่นให้กับรุ่น High เช่น ไฟหน้า LED,หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว และอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา
อ้างอิง
- "Safercar.gov". Safercar.gov. สืบค้นเมื่อ 2010-04-27.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ข้อมูลของวีออสโฉมที่ 2 โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด