โรคกุ้งตายด่วน
โรคกุ้งตายด่วน หรือกลุ่มอาการตายด่วน (อังกฤษ: Shrimp Early Mortality Syndrome, ย่อ: EMS) เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กลุ่มอาการตับและตับอ่อนตายเฉียบพลัน (อังกฤษ: Acute Hepatopancreatic Necrosis Syndrome, ย่อ: AHPNS) เป็นโรคระบาดส่งผลถึงตายในกุ้งเลี้ยง ซึ่งเป็นอาการที่พบว่าเซลล์ตับและตับอ่อนของกุ้งมีลักษณะการตายหรือถูกทำลายอย่างรุนแรง
โรคกุ้งตายด่วน (EMS) หรือกลุ่มอาการตับและตับอ่อนตายเฉียบพลัน (AHPNS) เริ่มมีการระบาดครั้งแรกในรัฐเท็กซัสปี 2528 จากนั้นโรคนี้แพร่ระบาดไปยังฟาร์มกุ้งในทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาในปี 2552 มีการแพร่มายังประเทศจีน และกระจายอย่างรวดเร็วสู่ประเทศเวียดนามในปี 2553 ในมาเลเซียปี 2554 และประเทศไทยปลายปี 2554 ตามลำดับ
ในต้นปี 2556 พบว่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคนี้คือ Vibrio parahaemolyticus อัตราการตายสูงสุดพบในกุ้งขาวแวนนาไม (Penaeus vannamei)ซึ่งเป็นกุ้งเลี้ยงที่ติดในสองอันดับแรกที่มีการเลี้ยงมากที่สุด โดยกุ้งที่เกิดโรคกุ้งตายด่วน (EMS) หรือกลุ่มอาการตับและตับอ่อนตายเฉียบพลัน (AHPNS) จะเกิดภายใน 20 - 30 วันหลังการปล่อยลูกกุ้งลงบ่อ ในช่วงระยะแรกกุ้งในบ่อที่ป่วยจะไม่แสดงอาการผิดปกติอย่างเด่นชัด ไม่มีอาการเกยขอบบ่อ แต่จะเริ่มพบกุ้งตายในยอและตายที่ก้นบ่อ หลังจากนั้นจะพบซากกุ้งลอยขึ้นมา กุ้งเริ่มทยอยตาย และหากไม่ได้รับการรักษาก็จะส่งผลกระทบต่อกุ้งระยะโพสท์ลาวาซึ่งจะมีอัตราตายถึง 90% ภายใน 30 วัน
จากงานวิจัยพบว่าโรคกุ้งตายด่วนไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพคน เนื่องจากเชื้อ V.parahaemolyticus บางสายพันธุ์ที่พบได้ยากเท่านั้นที่มียีนชนิดพิเศษ 2 ตัวซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารของคนได้และมีเพียง 1-2% ของสายพันธุ์ของเชื้อ V.parahaemolyticus ที่พบได้ในธรรมชาติทั่วโลกเท่านั้นที่มียีนพิเศษ 2 ชนิดนี้
อาการและอาการแสดง
ช่วงแรกที่กุ้งเริ่มป่วยจะยังไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่ต่อมา กุ้งจะมีอาการ ดังนี้
- ว่ายน้ำเฉื่อย
- เซื่องซึม
- กินอาหารน้อยลง
- ซีดหรือสีคล้ำเพราะถูกทำลายจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ตับมีสีขาวซีด เนื่องจากสูญเสียเม็ดสีในชั้นแคปซูลของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
- ตับฝ่อลีบอย่างเห็นได้ชัด
- เปลือกนิ่ม ลำไส้ไม่มีอาหาร หรือขาดช่วง
- อาจมีจุดหรือเส้นสีดำที่ตับ
- ตับเหนียว บี้ด้วยนิ้วมือยาก
- จมลงก้นบ่อ
พยาธิสภาพ
อาการเสื่อมสภาพของตับและตับอ่อน จะเริ่มจาก R-cell, B-cell และ F-cell ในตับและตับอ่อนมีจำนวนลดลง จากนั้นการแบ่งตัวของนิวเคลียสใน E-cell ก็ต่ำลงเช่นกัน จึงทำให้ R, B, F-cell และ E-cell เริ่มทำงานผิดปกติตามลำดับ ส่งผลให้ส่วนต้นของท่อของเซลล์ตับและตับอ่อนเริ่มมีการเสื่อมสภาพไปจนถึงส่วนปลายของท่อ ซึ่งจะพบความผิดปกติของนิวเคลียส รวมถึงเซลล์ตับและตับอ่อนหลุดลอก
ไฟล์:พยาธิสภาพของตับและตับอ่อนในกุ้งขาวแวนาไม (Penaeusvannamei) ในประเทศไทยที่ตรวจพบ AHPNS.jpg
เนื้อเยื่อบริเวณตับและตับอ่อนมีความผิดปกติ โดยเริ่มจากเซลล์เยื่อบุ (epithelial cell) ของตับและตับอ่อนถูกทำลายอย่างรุนแรงคล้ายกับถูกสารพิษ ตับอ่อนมีการสะสมไขมันทั้งในรูปของ fat storage cell vesicle และ oil droplet ลดต่ำลง การทำงานของเซลล์ที่หลั่งสารมีประสิทธิภาพลดลงด้วย ซึ่งกุ้งที่มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงพบว่าไขมัน, เซลล์ของตับและตับอ่อน และเซลล์ที่ทำหน้าที่หลั่งสารถูกทำลายรุนแรงมากยิ่งขึ้นและหลุดสู่ช่องของท่อตับ ในระยะท้ายของโรคมีการติดเชื้อซ้ำ (secondary infection) อย่างรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นโดยการฉวยโอกาสของเชื้อ Vibrio parahaemolyticus และในที่สุดกุ้งที่ติดเชื้อจะตาย เป็นผลมาจากการที่ตับและตับอ่อนล้มเหลว
สาเหตุ
สาเหตุหลักที่ทำให้กุ้งตายเป็นผลมาจากตับและตับอ่อนถูกทำลาย เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus เป็นเชื้อที่สร้างสารพิษจะอยู่เฉพาะที่ (localized infection) พบในกระเพาะอาหาร เมื่อตับและตับอ่อนของกุ้งถูกทำลายจึงจะพบเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณตับและตับอ่อนเป็นจำนวนมาก ปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อ “Vibrio parahaemolyticus” ได้แก่ น้ำที่มีออกซิเจนต่ำ สารอินทรีย์สูง, การหมักหมมของอุปกรณ์, อาหารกุ้งตกค้างในบ่อ และเศษตะกอนอินทรีย์คงค้าง ซึ่งเชื้อก่อโรคจะชอบน้ำที่มีอุณหภูมิสูง (เกิน 29 °C) และมีระดับความเค็มสูง (กว่า 20–38 ppt) การหลีกเลี่ยงภาวะเหล่านี้ในบ่อเลี้ยงจึงมีความสำคัญต่อมาตรการควบคุมโรค แต่ไม่ทนกรด อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะทราบสาเหตุของโรค แต่การควบคุมและป้องกันแบคทีเรียนี้เป็นไปได้ยาก เนื่องจากยังขาดวิธีการตรวจวินิจฉัยเชื้อก่อโรคที่มีความจำเพาะและรวดเร็ว
วิทยาการระบาด
พบในกุ้งกุลาดำ (Penaeus monodon) และกุ้งขาวแวนนาไม (Penaeus vannamei) และ Litopenaeus stylirostris (กุ้งน้ำเงินตะวันตก) เป็นหลัก แต่มีรายงานเพิ่มอีกสามชนิดในทวีปอเมริกา ได้แก่ Farfantepenaeus aztecus, Farfantepenaeus californiensis, และ Litopenaeus setiferus
การป้องกันและควบคุมโรค
ให้มีฆ่าเชื้อโรคทั้งในบ่อและเชื้อที่อาจมากับไข่กุ้ง นอร์เพลียสทั้งของกุ้งและของไรอาร์ทีเมีย รวมถึงต้องมีการพักบ่อระหว่างการเลี้ยงแต่ละครั้ง การเลี้ยงต้องมีการควบคุมสภาพแวดล้อม นอกจากนั้น โรงเพาะควรมีการใช้โปรไบโอติกและใช้ยาต้านจุลชีพเมื่อจำเป็นอีกด้วย ตลอดจนควบคุมการเพิ่มจำนวนของแพลงก์ตอน การให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม การใช้ปูนขาวโรยบ่อ มีการพักบ่อ เป็นต้น
อาจใช้สารกลุ่มโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติมีสาร Bioactive Flavonoids เป็นส่วนประกอบหลัก สารกลุ่มนี้สามารถควบคุมปริมาณเชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus ได้ รวมทั้งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระก็เป็นส่วนส่งเสริมให้เซลล์ของตับและตับอ่อนของกุ้งแข็งแรง และฟื้นตัวได้ดีขึ้น
การป้องกันการเกิดโรคกุ้งตายด่วนเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ลดความเสียหายที่เกิดจากโรคดังกล่าวได้ด้วยวิธีการตรวจลูกกุ้งก่อนปล่อยลงบ่อเลี้ยงและการสุ่มตรวจตลอดทุกช่วงอายุการเลี้ยงกุ้งดังนั้นถ้ามีวิธีที่ตรวจวัดเชื้อก่อโรคได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงจึงมีประโยชน์กับอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งเป็นอย่างมาก จากรายงานการวิจัยของ Arunrut et al. 2016 ได้พัฒนาชุดตรวจแบบใหม่ขึ้นโดยอาศัยเทคนิค Loop-mediated isothermal amplification (LAMP) ที่ใช้เพียงเครื่องควบคุมอุณหภูมิ (Heating block) ที่ราคาไม่แพง ร่วมกับการอ่านผลด้วยตาเปล่าโดยใช้ตัวตรวจจับดีเอ็นเอที่ติดฉลากด้วย Gold nanoparticle มาประยุกต์ใช้ในการตรวจหาเชื้อ V. parahaemolyticus ที่เป็นสาเหตุของโรคตับตายเฉียบพลันสาเหตุหนึ่งของโรคกุ้งตายด่วน โดยการออกแบบไพรเมอร์แลมป์ที่จำเพาะต่อ toxin gene ของเชื้อ V. parahaemolyticus ในการตรวจหาเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นแนวทางป้องกันและควบคุมโรคกุ้งตายด่วนที่สะดวก ง่าย รวดเร็ว และแม่นยำได้
ในประเทศไทย
อุตสาหกรรมกุ้งของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโรคกุ้งตายด่วน ส่งผลให้ผลผลิตกุ้งลดลงถึง 50% โดยปี 2556 มีผลผลิตลดลงเหลือประมาณ 270,000 ตัน ในขณะที่ภาพรวมของผลกระทบจากการระบาดของโรคกุ้งตายด่วนในอีกหลายประเทศ ทำให้การผลิตกุ้งเลี้ยงของโลกลดลงประมาณ 11% ปัญหาโรคกุ้งตายด่วน สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งมากทั้งต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมส่งออก ส่งผลให้ผู้นำเข้าเริ่มหากุ้งจากประเทศอื่นทดแทน และผู้เลี้ยงเองไม่มีความมั่นใจในการลงกุ้งเลี้ยง
อ้างอิง
- http://www.shrimpcenter.com/ems%20shrimp%20ekanant.pdf
- http://www.shrimpcenter.com/ems%20shrimp%20ekanant.pdf
- ↑ Melba G. Bondad-Reantaso, S. E. McGladdery, I. East & R. P. Subasinghe (บ.ก.). "Chapter 4". Asia Diagnostic Guide to Aquatic Animal Diseases (PDF). FAO Fisheries Technical Paper 402/2, NACA/FAO 2001. ISBN 92-5-104620-4.CS1 maint: multiple names: editors list (link)
- http://www.thai-frozen.or.th/newsletters_jan2014_03.php
- http://www.thai-frozen.or.th/newsletters_jan2014_03.php
- FAO (2013) Report of the FAO/MARD Technical Workshop on Early Mortality Syndrome (EMS) or Acute Hepatopancreatic Necrosis Syndrome (AHPND) of Cultured Shrimp (under TCP/VIE/3304). Hanoi, Viet Nam, 25–27 June 2013. FAO Fisheries and Aquaculture Report No. 1053. Rome. 54 pp.
- http://www.fisheries.go.th/cf-songkhla/index.php?option=com_content&view=article&id=8:ems
- FAO (2013) Report of the FAO/MARD Technical Workshop on Early Mortality Syndrome (EMS) or Acute Hepatopancreatic Necrosis Syndrome (AHPND) of Cultured Shrimp (under TCP/VIE/3304). Hanoi, Viet Nam, 25–27 June 2013. FAO Fisheries and Aquaculture Report No. 1053. Rome. 54 pp.
- http://www.fisheries.go.th/ems/images/15.05.56/FAO%20Cause%20of%20AHPNS_p.pdf
- http://www.fisheries.go.th/fpo-samutpra/index.php?option=com_weblinks&view=category&id=42&Itemid=128
- http://www.aquathai.org/z27ou-7m.html?§ion=download&file_id=979
- https://docs.google.com/file/d/0B2nVWfalCX3NbXgtaF9BbFZScGs/edit
- http://www.aquathai.org/ubpz9egk-3.html?&Page=ArticlePlay&Article=307
- http://www.aquathai.org/z27ou-7m.html?§ion=download&file_id=979
- http://www.shrimpaqua.com/download/EMS/EMS&Troubleshooting.pdf
- Jun, J. W., J. E. Han, et al. "Potential application of bacteriophage pVp-1: Agent combating Vibrio parahaemolyticus strains associated with acute hepatopancreatic necrosis disease (AHPND) in shrimp." Aquaculture.
- Donald V. Lightner, บ.ก. (1996). A Handbook of Shrimp Pathology and Diagnostic Procedures for Disease of Cultured Penaeid Shrimp. Baton Rouge: World Aquaculture Society. ISBN 0-9624529-9-8.
- http://www.thai-frozen.or.th/newsletters_jan2014_03.php
- http://www.fisheries.go.th/cf-songkhla/index.php?option=com_content&view=article&id=8:ems
- คู่มือการตรวจและวินิจฉัยโรคในกุ้งทะเล โดย นายสัตวแพทย์ ดร.ทินรัตน์ ศรีสุวรรณ์ ศูนย์วิจัยและชันสูตรโรคสัตว์น้ำ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ เผยแพร่ใน Thai-NIAH eJournal : ISSN 1905-5048, http://www.dld.go.th/niah, V3 N2 (September – December 2008) หน้า 89 - 121.
- http://www.technologychaoban.com/news_detail.php?tnid=773
- http://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0151769
- http://www.nstda.or.th/news/17770-biotec-workshops-shrimp-ems-and-analysis-solutions