ไผ่ตง
Dendrocalamus | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Monocots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Commelinids |
อันดับ: | Poales |
วงศ์: | Poaceae |
วงศ์ย่อย: | Bambusoideae |
เผ่าใหญ่: | Bambusodae |
เผ่า: | Bambuseae |
เผ่าย่อย: | Bambusinae |
สกุล: | Dendrocalamus Nees |
ชนิดต้นแบบ | |
Dendrocalamus strictus (Roxb.) Nees | |
ชื่อพ้อง | |
|
ไผ่ตง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus) เป็นไผ่สกุลหนึ่งในวงศ์หญ้า (Poaceae) ชื่อสกุลมีที่มาจากภาษากรีกว่า "δένδρον" (déndron) แปลว่า "ต้นไม้" และ "κάλαμος" แปลว่า "พืชจำพวกกกหรืออ้อย" รวมหมายถึง "อ้อยที่เป็นกอคล้ายต้นไม้" จึงสื่อถึงลักษณะของไผ่สกุลนี้ที่มีขนาดใหญ่และนิยมปลูกเพื่อการบริโภคหน่อ ไผ่สกุลนี้มีประมาณ 50 ชนิด ในจำนวนนี้พบในไทย 4 ชนิด กระจายพันธุ์ในเขตร้อนและกึ่งร้อนของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในเขตอินเดีย จีน อินโดนีเซีย พม่า ไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ลักษณะทั่วไป
ไผ่ตงมีชื่อสามัญว่า Rough Giant Bamboo เป็นไผ่ประเภทเหง้ามีกอขนาดใหญ่ สูง 20–30 เมตร ลำตรงอัดกันเป็นกอค่อนข้างแน่น ปลายลำโค้งถึงห้อยลง เส้นผ่านศูนย์กลางลำ 10–20 เซนติเมตร ปล้องยาว 20–50 เซนติเมตร เนื้อลำหนา 1–3.5 เซนติเมตร ลำอ่อนปล้องล่างมีขนสีน้ำตาลปกคลุมหนาแน่น ปล้องบนมีขนสีขาวหรือสีเทาปกคลุม ลำแก่สีเขียวเข้มหรือสีเขียวอมเทา ปล้องล่างยังมีขนปกคลุมหนาแน่นและมักมีรากอากาศจำนวนมากออกตามข้อ แตกกิ่งต่ำหรือตั้งแต่กลางลำต้นขึ้นไป มีข้อลำ 3–5 กิ่ง กิ่งเด่นหนึ่งกิ่งอยู่ตรงกลาง กิ่งที่เหลือขนาดไล่เลี่ยกันมักมีรากอากาศที่กิ่ง
ใบ
ใบเป็นรูปแถบแกมรูปใบหอกมีขนาด กว้าง 1.5–4.5 เซนติเมตร ยาว 15–30 เซนติเมตร กาบหุ้มลำมีสีน้ำตาลอมม่วงหรือสีน้ำตาลจนถึงสีเขียวอ่อน กาบของหน่ออ่อนหรือกาบล่างๆของลำปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลเข้ม ส่วนกาบของหน่อบินหรือปล้องบน ๆ ของลำมักมีขนสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีเทา ใบยอดกาบรูปใบหอก สีน้ำตาลอมม่วงจนถึงสีเขียวอมม่วง กางออกถึงพับลง หูกาบเป็นพูเด่น ขอบและด้านในมีขนแข็งและยาวปกคลุม ลิ้นกาบเป็นแถบสูงประมาณ 1 เซนติเมตร ขอบจักไม่สม่ำเสมอและมีขน
ดอก
ช่อดอกย่อยเทียมยาว 5–9 มิลลิเมตร กลูม 1–2 อัน ดอกย่อยสมบูรณ์ 4–5 ดอก ปลายช่อดอกย่อยมีดอกที่พัฒนาไม่เต็มที่ 1 ดอก เกสรตัวผู้ 6 อัน ก้านเกสรเพศผู้แยกอิสระ ยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน
นิเวศวิทยาและการกระจายพันธุ์
กล่าวกันว่าไผ่ตงนำมาจากจีน บางครั้งมีรายงานว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากอินโดเนเซีย แต่ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากที่ใด ในไทยนิยมปลูกทั่วทุกภาค ไม่พบในป่าธรรมชาติ บางครั้งอาจพบขึ้นเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ป่าที่เคยมีการทำสัมปทานไม้ในอดีต เช่น พื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติคลองพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี สันนิษฐานว่าหลงเหลือจากการนำไผ่ตงไปปลูกเพื่อใช้สอยในค่ายที่พักของคนงานที่เข้าไปทำไม้ในอดีต
ประโยชน์
- ลำ ใช้ในการก่อสร้าง เป็นวัสดุในการทำเฟอร์นิเจอร์และเครื่องจักสาน
- ลำต้นของไผ่ตงที่แก่จัดๆสามารถนำมาเหลาทำผืนระนาดเอก-ระนาดทุ้มได้
- หน่อ นิยมนำมาบริโภคเป็นอาหาร
ชนิด
ชนิดพืชในสกุลไผ่ตงและแหล่งที่พบมีดังนี้
- Dendrocalamus asper - จีนใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อนุทวีปอินเดีย
- Dendrocalamus bambusoides - ยูนนาน
- Dendrocalamus barbatus - ยูนนาน
- Dendrocalamus bengkalisensis - หมู่เกาะเรียว
- Dendrocalamus birmanicus - ยูนนาน, พม่า
- Dendrocalamus brandisii - ยูนนาน , อินโดจีน, หมู่เกาะอันดามัน
- Dendrocalamus buar - เกาะสุมาตรา
- Dendrocalamus calostachyus - รัฐอรุณาจัลประเทศ, ภูฏาน, ยูนนาน, พม่า
- Dendrocalamus cinctus - ศรีลังกา
- Dendrocalamus collettianus - พม่า
- Dendrocalamus detinens - พม่า
- Dendrocalamus dumosus - ไทย, มาเลเซียแผ่นดินใหญ่
- Dendrocalamus elegans - ไทย, มาเลเซียแผ่นดินใหญ่
- Dendrocalamus exauritus - กวางสี
- Dendrocalamus farinosus - กวางสี, กุ้ยโจว, เสฉวน, ยูนนาน, เวียดนาม
- Dendrocalamus fugongensis - ยูนนาน
- Dendrocalamus giganteus - ยูนนาน, อัสสัม, เบงกอลตะวันตก, ลาว, พม่า; มาดากัสการ์, มอริเชียส, เซเชลส์, ศรีลังกา, บังกลาเทศ, เนปาล, กัมพูชา, ไทย, เอกวาดอร์, เกาะตรินิแดด, เปอร์โตริโก
- Dendrocalamus hait - สุมาตรา
- Dendrocalamus hamiltonii - ยูนนาน, เนปาล, หิมาลัยตะวันออก, อินโดจีนเหนือ
- Dendrocalamus hirtellus - มาเลเซียแผ่นดินใหญ่
- Dendrocalamus hookeri - หิมาลัยตะวันออก, พม่า
- Dendrocalamus jianshuiensis - ยูนนาน
- Dendrocalamus khoonmengii - ไทย
- Dendrocalamus latiflorus - จีนใต้, อินโดจีนเหนือ; หมู่เกาะรีวกีว, หมู่เกาะโอะงะซะวะระ, คิวบา, บราซิล
- Dendrocalamus liboensis - กุ้ยโจว
- Dendrocalamus longispathus - อินโดจีน, รัฐอัสสัม, บังกลาเทศ
- Dendrocalamus macroculmis - เวียดนาม
- Dendrocalamus manipureanus - มณีปุระ
- Dendrocalamus membranaceus - อินโดจีน, ยูนนาน, บังกลาเทศ
- Dendrocalamus menglongensis - กวางตุ้ง
- Dendrocalamus merrillianus - ฟิลิปปินส์
- Dendrocalamus messeri - พม่า
- Dendrocalamus minor - กวางตุ้ง, กวางสี, กุ้ยโจว
- Dendrocalamus nudus - ไทย
- Dendrocalamus pachystachys - ยูนนาน
- Dendrocalamus parishii - หิมาลัยตะวันตก
- Dendrocalamus parvigemma - เวียดนาม
- Dendrocalamus peculiaris - ยูนนาน
- Dendrocalamus pendulus - มาเลเซียแผ่นดินใหญ่
- Dendrocalamus poilanei - เวียดนาม
- Dendrocalamus pulverulentus - กวางตุ้ง
- Dendrocalamus sahnii - อรุณาจัลประเทศ
- Dendrocalamus semiscandens - ยูนนาน
- Dendrocalamus sericeus - รัฐพิหาร, ลาว, เวียดนาม
- Dendrocalamus sikkimensis - รัฐสิกขิม, ภูฏาน, อรุณาจัลประเทศ, ยูนนาน
- Dendrocalamus sinicus - ยูนนาน, ลาว
- Dendrocalamus sinuatus - มาเลเซียแผ่นดินใหญ่, ลาว, เวียดนาม
- Dendrocalamus somdevae - รัฐอุตตราขัณฑ์
- Dendrocalamus strictus - อินเดีย, อินโดจีน; แคริบเบียน, เกาะชวา, มาเลเซีย, เกาะบางแห่งในมหาสมุทรอินเดีย
- Dendrocalamus suberosus - กวางตุ้ง
- Dendrocalamus tibeticus - Tibet, ยูนนาน
- Dendrocalamus tomentosus - ยูนนาน
- Dendrocalamus triamus - กวางตุ้ง
- Dendrocalamus tsiangii - เสฉวน, กวางสี, กุ้ยโจว
- Dendrocalamus wabo - พม่า
- Dendrocalamus xishuangbannaensis - ยูนนาน, เวียดนาม
- Dendrocalamus yunnanicus
ประเทศไทย
ในประเทศไทยพบไผ่ตง 4 ชนิด ดังนี้
- ไผ่ตงหนู บางครั้งเรียกไผ่ตงเล็ก เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เส้นผ่านศูนย์กลางลำประมาณ 3-6 เซนติเมตร ส่วนใหญ่แล้วมีความนิยมในการปลูกน้อยเนื่องจากให้ผลผลิตที่ต่ำกว่าสายพันธุ์อื่น แต่ในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดลำปางและเชียงใหม่ จะให้ผลผลิตค่อนข้างดี
- ไผ่ตงเขียว เป็นไผ่ตงที่มีลำต้นขนาดเล็กและสั้น ลำต้นมีสีเขียวตามชื่อแต่มีเนื้อไม้ที่บาง เส้นผ่านศูนย์กลางลำประมาณ 5-12 เซนติเมตร ใบบางสีเขียวเข้ม มีขนาดปานกลางไม่สากมือ ส่วนหน่อของสายพันธุ์นี้จะมีเนื้อสีขาวแกมเหลือง รสชาติหวานอมขมเล็กน้อย สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ดีจึงเป็นที่นิยมปลูกกันมากในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ไผ่ตงดำ หรือตงหวาน มีลำต้นสีเขียวอมดำตามชื่อเรียก สายพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่รองลงมาจากไผ่ตงหม้อแต่มีลำต้นที่เตี้ยและสั้นกว่า เส้นผ่านศูนย์กลางลำประมาณ 9-12 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวเข้มหนาและมีขนาดใหญ่สังเกตเห็นร่องใบได้ชัดเจน ไผ่ตงดำได้ชื่อว่าเป็นไผ่ตงที่เป็นหนึ่งในเรื่องหน่อไม้เพราะหน่อของสายพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่ไม่มีเสี้ยน รสชาติหวาน เนื้อกรอบและขาวละเอียด ดังนั้นหน่อไม้ของสายพันธุ์นี้จึงเป็นที่นิยมในการปลูกและนำมาบริโภคหรือค้าขายค่อนข้างมาก
- ไผ่ตงหม้อ หรือตงใหญ่ ไผ่ตงสายพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 4 สายพันธุ์ มีลำต้นที่ยาวและสูง เส้นผ่านศูนย์กลางลำประมาณ 12-18 เซนติเมตร ส่วนใบมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ลำต้นสูงโปร่งเนื่องแตกกิ่งน้อย หน่อมีขนาดใหญ่มากมีสีน้ำตาลอมดำหรือน้ำตาลอมม่วง น้ำหนักหน่อประมาณ 5 กิโลกรัมขี้นไป เนื้อหน่อจะหยาบ แข็ง และมีสีขาว หน่อจะออกมากในช่วงฤดูฝน
การขยายพันธุ์
การเพาะเมล็ด
ไผ่ตงที่เจริญเติบโตเต็มที่จะออกดอกและตายในที่สุด ตามปกติแล้วไผ่ตงจะออกดอกในช่วงประมาณเดือน พฤศจิกายน-มกราคม และเมล็ดจะร่วงหล่นประมาณเดือน มีนาคม-เมษายน เราสามารถใช้เมล็ดที่หล่นนี้มาเพาะเป็นต้นกล้าใหม่ได้โดยมีวิธีการคือ
- เก็บเมล็ดพันธุ์ไผ่ตงที่ร่วงหล่นตามพื้นมาทำความสะอาดและทำการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์โดยการใช้กระด้งฝัด จากนั้นเอาเปลือกนอกของเมล็ดพันธุ์ออกโดยใช้รองเท้าแตะที่เป็นยางนวดขัดเมล็ดพันธุ์กับกระด้งเพื่อให้เปลือกหลุดออก จากนั้นฝัดด้วยกระด้งอีกครั้งเพื่อให้เปลือกที่หลุดปลิวหล่นไป นำเมล็ดที่ได้ไปพึ่งแดดประมาณ 1 แดด เพื่อช่วยป้องกันแมลง
- เพาะกล้าไผ่ตง โดยนำเมล็ดที่ได้จากการพึ่งแดดมาแช่น้ำประมาณ 2 คืน หรืออาจใช้วิธีแช่ในน้ำอุ่น 2 ชั่วโมง แล้วแช่ในน้ำปกติอีก 1 วันก็ได้เช่นกัน เมื่อครบกำหนดนำเมล็กขึ้นจากน้ำแล้วห่อหุ้มด้วยผ้าที่เปียกชื้นอีกประมาณ 2 คืน เพื่อเร่งการงอกของราก
- นำเมล็ดที่งอกแล้วไปเพาะปลูกลงแปลงขี้เถ้าแกลบผสมดินเล็กน้อยตามสัดส่วนที่เหมาะสม อาจใช้หญ้าหรือฟางที่แห้งคลุมหน้าดินเพื่อไม่ให้โดดแดดมากเกินไป รดน้ำให้ชุ่มพอเหมาะ
- ภายหลังการเพาะลงแปลง 15 วัน หรือประมาณ 2 สัปดาห์ จะได้ต้นกล้าไผ่ตงที่สูงประมาณ 2-3 นิ้ว ให้ทำการย้ายต้นกล้าไปปลูกลงถุงเพาะชำเพื่อนำไปปลูกเป็นต้นขนาดใหญ่ตามความต้องการ
การแยกเหง้า
- เลือกก่อไผ่ที่มีอายุ 1-2 ปี เพื่อใช้ในการขุดเหง้า จากนั้นตัดลำที่ต้องการขุดให้สูงประมาณ 1 เมตร
- ขุดเหง้าตรงลำที่ตัดไว้โดยให้ลึกลงไปประมาณ 20-50 เซนติเมตรหรือตามความลึกของเหง้า
- ระวังอย่าให้ส่วนเหง้าที่ขุดขาดหรือลำไผ่ฉีกโดยเฉพาะส่วนที่เป็นตาเหง้าเพราะอาจทำให้ไผ่ฟื้นตัวหรือแตกกิ่งไม่ได้
- นำเหง้าที่ขุดได้ไปปลูกลงดินและลดน้ำให้ชุ่มพอเหมาะ การขยายพันธุ์โดยวิธีนี้จะมีโอกาสรอดตายค่อนข้างสูงแต่ต้องใช้แรงและเวลามากในการขุด
เกร็ด
ปัจจุบันมีหลายพันธุ์ปลูก (cultivar) เช่น ไผ่ตงดำ ไผ่ตงหม้อ สองพันธุ์นี้ส่วนมากปลูกเพื่อตัดลำต้นไปใช้ประโยชน์เนื่องจากมีลำสูง ส่วนไผ่ตงเขียวและไผ่ตงหนูเป็นพันธุ์ปลูกที่ให้หน่อดก ขนาดกอไม่สูงมาก นิยมปลูกเพื่อตัดหน่อขาย กล่าวกันว่าไผ่ตงเขียวแท้ๆสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยแล้ว จาก เอกสารการปลูกสร้างและบำรุงรักษาสวนไผ่ (รุ่งนภา พัฒนพิบูลย์ และคณะ,2545) รายงานว่าราวปี พ.ศ. 2477 มีการนำท่อนพันธุ์ไผ่ตงเขียวจากประเทศจีนมาปลูกในไทยครั้งแรกบริเวณพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ต่อมาไผ่ตงเขียวได้รับความนิยมและปลูกกันทั่วประเทศโดยขยายพันธุ์จากต้นตอต้นแม่เดียวกัน จนในปี พ.ศ. 2537–2539 ไผ่ตงเขียวออกดอกและตายพร้อมกันเกือบทั่วประเทศ ต้นลูกที่ได้จากเมล็ดไผ่ตงเขียวที่ออกดอกส่วนใหญ่เป็นต้นลูกที่ลักษณะไม่สมบูรณ์ แต่หลังจากการคัดเลือกต้นและปรับปรุงพันธุ์ปลูกของต้นลูกไผ่ตงเขียว จนในที่สุดได้พันธุ์ปลูกที่มีลักษณะดีเท่าไผ่ตงเขียวเดิม ไผ่ที่เกิดจากการปรับปรุงต้นรุ่นลูกไผ่ตงเขียวนี้เดิมมีชื่อว่า "เพชรประจันตคาม" ซึ่งต่อมาภายหลังมีชื่อใหม่ว่า "ศรีปราจีน" นิยมปลูกเพื่อบริโภคหน่อกันทั่วประเทศ