จักรพรรดิโมโมโซโนะ
จักรพรรดิโมโมโซโนะ (อังกฤษ: Emperor Momozono , ญี่ปุ่น: 桃園天皇) จักรพรรดิองค์ที่ 116 แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นตามที่ได้จัดเรียงไว้ใน รายพระนามจักรพรรดิญี่ปุ่น
จักรพรรดิโมะโมะโซะโนะ | |
---|---|
จักรพรรดิญี่ปุ่น องค์ที่ 116 | |
ครองราชย์ 9 มิถุนายน [ตามปฎิทินเก่า: 2 มิถุนายน] 1747 – 31 สิงหาคม [ตามปฎิทินเก่า: 12 สิงหาคม] 1762 | |
ทรงราชย์ | 9 มิถุนายน ค.ศ. 1747 |
พิธีราชาภิเษก | ค.ศ. 1747 พระราชวังหลวงเคียวโตะ |
รัชกาลก่อนหน้า | ซะกุระมะชิ |
รัชกาลถัดไป | โกะ-ซะกุระมะชิ |
ประสูติ | 14 เมษายน [ตามปฎิทินเก่า: 29 มีนาคม] 1741 พระราชวังหลวงเคียวโตะ |
พระบรมนามาภิไธย | โทะโอะฮิโตะ |
พระอิสริยยศ | เจ้ายะโฮะ เจ้าซะชิ |
สวรรคต | 31 สิงหาคม [ตามปฎิทินเก่า: 12 สิงหาคม] 1762 พระราชวังหลวงเคียวโตะ |
สุสานหลวง | สึกิ โนะ วะ โนะ มิซะซะงิ (เคียวโตะ) |
พระราชบิดา | จักรพรรดิซะกุระมะชิ |
พระสนม | อิชิโจ โทะมิโกะ |
ในเดือน 3 ปี เอ็งเคียว ที่ 4 ตรงกับวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1747 จักรพรรดิซะกุระมะชิพระราชบิดาได้สถาปนาเจ้าชายโทะโอะฮิโตะพระราชโอรสองค์ใหญ่พระชนมายุเพียง 6 พรรษาขึ้นเป็นรัชทายาทและผู้สืบราชบัลลังก์แต่หลังจากนั้นไม่นานในวันที่ 2 เดือน 5 ปี เอ็งเคียว ที่ 4 ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1747 จักรพรรดิซะกุระมะชิได้สละราชบัลลังก์ให้กับเจ้าชายโทะโอะฮิโตะขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็น จักรพรรดิโมะโมะโซะโนะ โดยในเวลาไม่นานได้มีการประกอบพิธีราชาภิเษกจักรพรรดิโมะโมะโซะโนะ
ในปี โฮเระกิ ที่ 10 ตรงกับ ค.ศ. 1760 โทะกุงะวะ อิเอะชิเงะ โชกุนคนที่ 9 ได้สละตำแหน่งให้กับ โทะกุงะวะ อิเอะฮะรุ บุตรชายคนโตขึ้นเป็นโชกุนคนที่ 10 หลังจากนั้นได้ปีเศษอดีตโชกุนอิเอะชิเงะได้อสัญกรรมเมื่อวันที่ 12 เดือน 6 ปี โฮเระกิ ที่ 11 ตรงกับวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1761
จักรพรรดิโมะโมะโซะโนะเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 12 เดือน 7 ปี โฮเระกิ ที่ 12 ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1762 ที่ พระราชวังหลวงเคียวโตะ ขณะพระชนมายุเพียง 21 พรรษาโดยก่อนสวรรคตจักรพรรดิโมะโมะโซะโนะได้มอบราชบัลลังก์ให้กับเจ้าหญิงโทะชิโกะพระเชษฐภคินี (พี่สาว) ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็น จักรพรรดินีโกะ-ซะกุระมะชิ แทนที่จะเป็นเจ้าชายฮิเดะฮิโตะพระราชโอรสองค์ใหญ่ของจักรพรรดิโมะโมะโซะโนะที่ต่อมาขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็น จักรพรรดิโกะ-โมะโมะโซะโนะ จักรพรรดิองค์ที่ 118 เนื่องจากทั้งสองพระองค์ดำริว่าเจ้าชายฮิเดะฮิโตะยังทรงพระเยาว์เกินไปที่จะบริหารราชการแผ่นดิน