fbpx
วิกิพีเดีย

ทักษาเวียงเชียงใหม่

ในการสร้างเวียงเชียงใหม่นั้น พญามังรายได้ทรงให้เหล่าโหราจารย์ ราชบัณฑิต คิดหาฤกษ์ยามในการสถาปนาเมืองตามแนวคิดและความเชื่อของคนโบราณที่ว่า เมืองนั้นก็มีชีวิตเช่นเดียวกับคน เมื่อมีการสร้างเมืองขึ้นมาก็เหมือนกับการให้ชีวิตเมืองด้วย เมืองนั้นมีส่วนต่าง ๆ เหมือนคน มีหัว มีสะดือ มีส่วนต่าง ๆ อยู่ตามทิศต่าง ๆ และมีดวงเหมือนเหมือนคน เมืองแต่ละเมืองก็จะมีทิศของดวงต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน เมื่อใดเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นกับเมือง หรือเกิดภัยพิบัติจะต้องมีการสืบชะตาเมืองเหมือนกับคนด้วย โดยความเชื่อเกี่ยวกับทิศของดาวเมืองนี้เป็นสิ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มหาทักษา หรือ ภูมิพยากรณ์ ของศาสนาพราหมณ์ โดยทักษา หมายถึง ชื่อเรียกกลุ่มดาวอัฐเคราะห์ หรือดาวทั้งแปด คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ พฤหัสบดี ราหู ศุกร์ ที่จัดเข้าระเบียบเป็น บริวาร อายุ เดช ศรี มูล อุตสาหะ มนตรี และกาลกิณี เวียนขวา (ทักษิณาวรรต) ไปตามทิศทั้ง 8 คือ บูรพา อาคเนย์ ทักษิณ หรดี ประจิม พายัพ และอุดร

ภาพทักษาเวียงเชียงใหม่ตามการคำนวณของดวงเวียงเชียงใหม่

ทักษาเวียงเชียงใหม่นั้นกำหนดตามทิศต่าง ๆ ดังนี้

  • บริวารเมือง -ประตูสวนดอก
  • มูลเมือง - ประตูท่าแพ
  • เกตุเมือง - วัดสะดือเมือง
  • ศรีเมือง - แจ่งศรีภูมิ
  • กาลกิณีเมือง - แจ่งกู่เฮือง
  • เดชเมือง - ประตูช้างเผือก
  • มนตรีเมือง - ประตูเชียงใหม่
  • อายุเมือง - แจ่งหัวลิน
  • อุตสาหะเมือง - แจ่งขะต้ำ

แนวคิด

 
ภาพแสดงทักษาเมืองและวัดที่ประจำตามทักษาเมือง

สำหรับแนวคิดในเรื่องวัดทักษาเมืองนั้นเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช ด้วยในสมัยนั้นทางอาณาจักรล้านนากับอาณาจักรอยุธยาได้ทำศึกสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองเชลียง ทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระเถระมังลุงหลวง ชาวพุกาม มาทำลายล้างเวียงเชียงใหม่ พระเถระมังลุงหลวงได้ออกอุบายลวงพระเจ้าติโลกราชว่า ถ้าหากพระองค์มีพระประสงค์จะมีพระบรมเดชานุภาพปราบไปทั้งชมพูทวีป พระองค์ควรตัดต้นไม้ศรีเมืองและสร้างพระราชฐานบริเวณศรีเมืองนั้น เมื่อพระเจ้าติโลกราชทรงทำตามคำยุ ตัดต้นไม้นิโครธ (ต้นไทร) อันเป็นไม้ศรีเมืองทิ้ง ก็เกิดอาเพทเหตุอุบาทว์ต่าง ๆ นานากับเวียงเชียงใหม่ นอกจากนี้ทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพวกผาสี (ชาวจีนอิสลาม) มาทำคุณไสยฝังสิ่งอัปมงคลต่าง ๆ ภายในทักษาเวียงเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าติโลกราชทรงทราบความจริงจึงทำการฆ่าพระเถระมังลุงหลวงและพวกผาสีทิ้ง ด้วยความเชื่อที่ว่าบ้านเมืองถูกกระทำคุณไสย ทำให้เป็นที่สร้างความวิตกกังวลในหมู่ชาวเมืองและพระเจ้าติโลกราช ดังนั้นพรเจ้าติโลกราชได้รับสั่งให้เหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต พระเถระชั้นผู้ใหญ่ กระทำพิธีแก้ขึด โดยการย้ายและสร้างศูนย์กลางเมืองมาที่ใหม่คือ พระธาตุเจดีย์หลวง โดยการเปลี่ยนฐานะจากกู่ (สถูป) บรรจุอัฐิพระเจ้ากือนามาเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งสถาปนาวัดเจดีย์หลวงเป็นเกตุเมือง และทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่องค์พระเจดีย์ อีกทั้งให้หมื่นด้ำพร้าคต (สีหโคตเสนาบดี) เสริมสร้างความใหญ่โตและแข็งแรงให้แก่องค์พระเจดีย์เพื่อให้เป็นมิ่งขวัญเมือง พร้อมทั้งสถาปนาวัด 8 วัด ซ้อนทักษาเมืองเดิมที่ถูกทำลายไป (โดยเฉพาะศรีเมือง) และนี่ก็คือที่มาของวัดทักษาเมืองทั้ง 8 ทิศของเวียงเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย

  1. ศูนย์กลางเมือง หรือเกตุเมือง - วัดเจดีย์หลวง (โชติการาม)
  2. มูลเมือง - วัดบุพพาราม (อารามทิศตะวันออก)
  3. อุตสาหะเมือง - วัดชัยมงคล
  4. มนตรีเมือง - วัดนันทาราม
  5. กาลกิณีเมือง - วัดร่ำเปิง (ตโปธาราม)
  6. บริวารเมือง - วัดบุปผาราม (วัดสวนดอก)
  7. อายุเมือง - วัดเจ็ดยอด (โพธารามมหาวิหาร)
  8. เดชเมือง - วัดเชียงยืน (ทีฆวัสสาราม)
  9. ศรีเมือง - วัดชัยศรีภูมิ

การกำหนดอาณาเขต

ทักษาเมืองนอกจากจะเกี่ยวข้องกับดวงเมืองแล้ว ยังเป็นเครื่องหมายกำหนดอาณาเขตของการประกอบกิจกรรมหรือการแบ่งเขตที่อยู่ของชนชั้นต่าง ๆ ภายในกำแพงเวียงเชียงใหม่อีกด้วย แนวคิดเรื่องการตั้งเวียงเชียงใหม่แบ่งออกเป็นเขตต่าง ๆ อาศัยความเชื่อเรื่องดวงเมืองตามคัมภีร์มหาทักษา ทักษาเวียงเชียงใหม่ตามการคำนวณของดวงเมืองเวียงเชียงใหม่นั้นจะได้แก่

  1. อายุเมือง (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) - พระเจ้าแผ่นดิน
  2. เดชเมือง (ทิศเหนือ) - การเมืองการปกครอง
  3. ศรีเมือง (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) - พระเจ้าแผ่นดิน
  4. มูลเมือง (ทิศตะวันออก) - การพาณิชยกรรม
  5. อุตสาหะเมือง (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) - การอุตสาหกรรม
  6. มนตรีเมือง (ทิศใต้) - ที่พักอาศัยขุนนางเจ้าหน้าที่
  7. กาลกิณีเมือง (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) - คุก, สุสาน
  8. บริวารเมือง (ทิศตะวันตก) - ที่พักอาศัยไพร่พลเมือง

อ้างอิง

  • วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, สุจิณณา พานิชกุล, ปัทมา จันทรวิโรจน์. (2547). เส้นทางท่องเที่ยวสถาปัตยกรรมเชิงประวัติศาสตร์ : รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
  • สงวน โชติสุขรัตน์. (2508). ตำนานเมืองเหนือ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์
  • สุรพล ดำริห์กุล. (2542). ล้านนา สิ่งแวดล้อม สังคม และ วัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: รุ่งอรุณพับลิชชิ่ง
  • สุรพล ดำริห์กุล. (2545). ข่วงเมืองและวัดหัวข่วง กับแบบแผนของเมืองในดินแดนล้านนา. เชียงใหม่ : คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม

กษาเว, ยงเช, ยงใหม, ในการสร, างเว, ยงเช, ยงใหม, พญาม, งรายได, ทรงให, เหล, าโหราจารย, ราชบ, ณฑ, ดหาฤกษ, ยามในการสถาปนาเม, องตามแนวค, ดและความเช, อของคนโบราณท, เม, องน, นก, ตเช, นเด, ยวก, บคน, เม, อม, การสร, างเม, องข, นมาก, เหม, อนก, บการให, ตเม, องด, วย, เม, อ. inkarsrangewiyngechiyngihmnn phyamngrayidthrngihehlaohracary rachbnthit khidhavksyaminkarsthapnaemuxngtamaenwkhidaelakhwamechuxkhxngkhnobranthiwa emuxngnnkmichiwitechnediywkbkhn emuxmikarsrangemuxngkhunmakehmuxnkbkarihchiwitemuxngdwy emuxngnnmiswntang ehmuxnkhn mihw misadux miswntang xyutamthistang aelamidwngehmuxnehmuxnkhn emuxngaetlaemuxngkcamithiskhxngdwngtang imehmuxnkn emuxidekidsingimdikhunkbemuxng hruxekidphyphibticatxngmikarsubchataemuxngehmuxnkbkhndwy odykhwamechuxekiywkbthiskhxngdawemuxngniepnsingthibnthukiwinkhmphirmhathksa hrux phumiphyakrn khxngsasnaphrahmn odythksa hmaythung chuxeriykklumdawxthekhraah hruxdawthngaepd khux xathity cnthr xngkhar phuth esar phvhsbdi rahu sukr thicdekharaebiybepn briwar xayu edch sri mul xutsaha mntri aelakalkini ewiynkhwa thksinawrrt iptamthisthng 8 khux burpha xakheny thksin hrdi pracim phayph aelaxudrphaphthksaewiyngechiyngihmtamkarkhanwnkhxngdwngewiyngechiyngihm thksaewiyngechiyngihmnnkahndtamthistang dngni briwaremuxng pratuswndxk mulemuxng pratuthaaeph ektuemuxng wdsaduxemuxng sriemuxng aecngsriphumi kalkiniemuxng aecngkuehuxng edchemuxng pratuchangephuxk mntriemuxng pratuechiyngihm xayuemuxng aecnghwlin xutsahaemuxng aecngkhataaenwkhid aekikh phaphaesdngthksaemuxngaelawdthipracatamthksaemuxng sahrbaenwkhidineruxngwdthksaemuxngnnekidkhuninsmyphraecatiolkrach dwyinsmynnthangxanackrlannakbxanackrxyuthyaidthasuksngkhramephuxaeyngchingemuxngechliyng thangkrungsrixyuthyaidsngphraethramnglunghlwng chawphukam mathalaylangewiyngechiyngihm phraethramnglunghlwngidxxkxubaylwngphraecatiolkrachwa thahakphraxngkhmiphraprasngkhcamiphrabrmedchanuphaphprabipthngchmphuthwip phraxngkhkhwrtdtnimsriemuxngaelasrangphrarachthanbriewnsriemuxngnn emuxphraecatiolkrachthrngthatamkhayu tdtnimniokhrth tnithr xnepnimsriemuxngthing kekidxaephthehtuxubathwtang nanakbewiyngechiyngihm nxkcaknithangkrungsrixyuthyaidsngphwkphasi chawcinxislam mathakhunisyfngsingxpmngkhltang phayinthksaewiyngechiyngihm emuxphraecatiolkrachthrngthrabkhwamcringcungthakarkhaphraethramnglunghlwngaelaphwkphasithing dwykhwamechuxthiwabanemuxngthukkrathakhunisy thaihepnthisrangkhwamwitkkngwlinhmuchawemuxngaelaphraecatiolkrach dngnnphrecatiolkrachidrbsngihehlankprachyrachbnthit phraethrachnphuihy krathaphithiaekkhud odykaryayaelasrangsunyklangemuxngmathiihmkhux phrathatuecdiyhlwng odykarepliynthanacakku sthup brrcuxthiphraecakuxnamaepnecdiybrrcuphrabrmsaririkthatu phrxmthngsthapnawdecdiyhlwngepnektuemuxng aelathrngxyechiyphraaekwmrktmapradisthanthixngkhphraecdiy xikthngihhmundaphrakht sihokhtesnabdi esrimsrangkhwamihyotaelaaekhngaerngihaekxngkhphraecdiyephuxihepnmingkhwyemuxng phrxmthngsthapnawd 8 wd sxnthksaemuxngedimthithukthalayip odyechphaasriemuxng aelanikkhuxthimakhxngwdthksaemuxngthng 8 thiskhxngewiyngechiyngihm sungprakxbdwy sunyklangemuxng hruxektuemuxng wdecdiyhlwng ochtikaram mulemuxng wdbuphpharam xaramthistawnxxk xutsahaemuxng wdchymngkhl mntriemuxng wdnntharam kalkiniemuxng wdraeping toptharam briwaremuxng wdbuppharam wdswndxk xayuemuxng wdecdyxd ophtharammhawihar edchemuxng wdechiyngyun thikhwssaram sriemuxng wdchysriphumikarkahndxanaekht aekikhthksaemuxngnxkcakcaekiywkhxngkbdwngemuxngaelw yngepnekhruxnghmaykahndxanaekhtkhxngkarprakxbkickrrmhruxkaraebngekhtthixyukhxngchnchntang phayinkaaephngewiyngechiyngihmxikdwy aenwkhideruxngkartngewiyngechiyngihmaebngxxkepnekhttang xasykhwamechuxeruxngdwngemuxngtamkhmphirmhathksa thksaewiyngechiyngihmtamkarkhanwnkhxngdwngemuxngewiyngechiyngihmnncaidaek xayuemuxng thistawntkechiyngehnux phraecaaephndin edchemuxng thisehnux karemuxngkarpkkhrxng sriemuxng thistawnxxkechiyngehnux phraecaaephndin mulemuxng thistawnxxk karphanichykrrm xutsahaemuxng thistawnxxkechiyngit karxutsahkrrm mntriemuxng thisit thiphkxasykhunnangecahnathi kalkiniemuxng thistawntkechiyngit khuk susan briwaremuxng thistawntk thiphkxasyiphrphlemuxngxangxing aekikhwithury ehliywrungeruxng sucinna phanichkul pthma cnthrwiorcn 2547 esnthangthxngethiywsthaptykrrmechingprawtisastr raynganwicychbbsmburn krungethph sankngankxngthunsnbsnunkarwicy sngwn ochtisukhrtn 2508 tananemuxngehnux phimphkhrngthi 3 krungethph oxediynsotr surphl darihkul 2542 lanna singaewdlxm sngkhm aela wthnthrrm krungethph rungxrunphblichching surphl darihkul 2545 khwngemuxngaelawdhwkhwng kbaebbaephnkhxngemuxngindinaednlanna echiyngihm khnawicitrsilp mhawithyalyechiyngihmekhathungcak https th wikipedia org w index php title thksaewiyngechiyngihm amp oldid 8734381, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม