fbpx
วิกิพีเดีย

พระเจ้าติโลกราช

พระเจ้าติโลกราช (คำเมือง: ) (พ.ศ. 1952–2030) พระมหากษัตริย์ล้านนาแห่งราชวงศ์มังรายพระองค์ที่ 9 ครองราชย์ พ.ศ. 1985–2030 พระนามเดิมคือ "เจ้าลก" เนื่องจากเป็นพระโอรสองค์ที่ 6 ในพญาสามฝั่งแกน (ลก ในภาษาไทเดิม มีความหมายว่า ลำดับที่ 6) ร่วมรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา

พระเจ้าติโลกราช
พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าติโลกราช ณ วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงราย
พระปรมาภิไธยพระเจ้าสิริธรรมจักรพรรดิติลกราชาธิราช
พระอิสริยยศพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา
ราชวงศ์ราชวงศ์มังราย
รัชกาลพ.ศ. 1985–2030 (45 ปี)
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระราชสมภพพ.ศ. 1952
สวรรคตพ.ศ. 2030 (78 พรรษา)
พระราชบิดาพระเจ้าสามฝั่งแกน
พระราชมารดาแม่พระพิลก
พระราชบุตรท้าวบุญเรือง

พระราชประวัติ

เจ้าลก เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 1952 เป็นพระโอรสลำดับที่ 6 ในพระเจ้าสามฝั่งแกน เมื่อทรงเจริญพระชันษาถึงกาลสมควร พระราชบิดาทรงพระกรุณาโปรดให้พระองค์เสด็จไปครองเมืองพร้าววังหิน (อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน) ต่อมาเกิดราชการสงครามขึ้นแล้ว ทัพของเจ้าลก ยกไปสมทบพระราชบิดาช้า พระเจ้าสามฝั่งแกน จึงทรงลงพระราชอาญา เนรเทศให้เจ้าลกไปครองเมืองยวมใต้ (อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน)

ต่อมามีอำมาตย์ของพระเจ้าสามฝั่งแกนคนหนึ่งชื่อ "เจ้าแสนขาน" คิดเอาราชสมบัติให้เจ้าลก จึงได้ซ่องสุมกำลังลอบไปรับเจ้าลกจากเมืองยวมใต้มาซ่อนตัวไว้ที่นครเชียงใหม่ ในขณะที่พระเจ้าสามฝั่งแกนประทับแปรพระราชฐานอยู่ที่เวียงเจ็ดลิน การเริ่มชิงราชสมบัติทำโดยการเผาเวียงเชียงใหม่ แล้วบังคับให้พระเจ้าสามฝั่งแกนสละราชสมบัติ แล้วก็อัญทูลเชิญ เจ้าลกขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1985 มีพระนามว่า พระมหาศรีสุธรรมติโลกราช เมื่อมีพระชนมายุ 32 พรรษา ส่วนพระราชบิดาโปรดให้ไปประทับอยู่ที่เมืองสาด (อยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า) แต่อยู่มาได้เพียง 1 เดือน 15 วัน เจ้าแสนขานก็คิดก่อการเป็นกบฏอีก พระเจ้าติโลกราชจึงให้ "หมื่นโลกนคร" พระเจ้าอาของพระองค์ ผู้ครองเมืองลำปาง เข้าจับตัวเจ้าแสนขานไปคุมขังแต่ไม่ให้ทำร้าย เมื่อพ้นโทษได้ลดยศเป็น "หมื่นขาน" และให้ไปครองเมืองเชียงแสน (อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในปัจจุบัน) แทน

พระเจ้าติโลกราชทรงสร้างความมั่นคงภายในอาณาจักรล้านนาในช่วง 45 ปี (พ.ศ. 1985–2030) อาณาจักรล้านนาจึงมีความเข้มแข็ง สามารถยึดได้เมืองน่าน เมืองแพร่ จากนั้นจึงขยายอำนาจลงสู่ทางใต้ ทรงทำสงครามกับอยุธยาในสมัยพระเจ้าสามพระยาและสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถติดต่อกัน ในช่วงเวลา 24 ปี เริ่ม พ.ศ. 1994 พระยายุทธิษเฐียรเจ้าเมืองพิษณุโลกเข้าสวามิภักดิ์ ต่อพระเจ้าติโลกราชและร่วมกันตีได้เมืองปากยม (พิจิตรตอนใต้) จากนั้นใน พ.ศ. 2003 พระยาเชลียงก็เข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าติโลกราช ในปีต่อมาพระยาเชลียงนำพระเจ้าติโลกราชมาตีเมืองพิษณุโลกและเมืองกำแพงเพชร แต่ไม่สำเร็จ

สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงแก้ไขการขยายอำนาจของพระเจ้าติโลกราช โดยเสด็จขึ้นมาครองเมืองพิษณุโลกใน พ.ศ. 2006 ในการทำสงครามกับล้านนา นอกจากใช้กำลังทหารโดยตรงแล้วทางอยุธยายังใช้พิธีสงฆ์และไสยศาสตร์ด้วย กล่าวคือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเมื่อทรงออกผนวชใน พ.ศ. 2008 ก็ได้ทรงขอเครื่องสมณบริขารจากพระเจ้าติโลกราช และระหว่างที่ผนวชก็ทรงขอบิณฑบาตเมืองเชลียงคืน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนการใช้ไสยศาสตร์ก็ได้ส่งพระเถระชาวพม่ามาทำลายต้นนิโครธ (ต้นไทร) ซึ่งเป็นไม้ศรีเมืองณ แจ่งศรีภูมิ ด้วยความเชื่อทางไสยศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2017 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงยึดเมืองเชลียงกลับคืนได้ และ พ.ศ. 2018 อยุธยาและล้านนาก็ทำไมตรีต่อกัน

อำนาจของพระเจ้าติโลกราชด้นตะวันออกตีได้เมืองน่านเป็นเมืองขึ้นเป็นครั้งแรกจรดกับเมืองหลวงพระบาง ซึ่งพระเจ้าติโลกราชได้ร่วมมือกับกองทัพจากเมืองหลวงพระบางเพื่อต่อต้านและขับไล่กองทัพไดเวียด ซึ่งทำสงครามขยายอิทธิพลรุกรานหลวงพระบางในปี พ.ศ. 2023 ซึ่งก่อนหน้านั้นหลวงพระบางถูกกองทัพไดเวียดโจมตีและรุกราน กองทัพล้านนาไปร่วมรบตอบโต้จนแม่ทัพล้านช้างสามารถขับไล่แม่ทัพฝ่ายไดเวียดพ่ายกลับไปซึ่งแม่ทัพไดเวียดหนีไปได้แต่ต่อมาไม่นานกลับถูกฟ้าผ่าจนถึงแก่อนิจกรรมในแดนแกว ทำให้ยุคนี้ล้านนากับล้านช้างเริ่มสานสัมพันธ์เป็นพันธมิตรที่หนี่ยวแน่นเป็นครั้งแรก ซึ่งส่งผลให้ยุคหลังเมื่อล้านนาถูกไทใหญ่และพม่ารุกรานยึดเมืองหลวงอย่างเชียงใหม่ พระเจ้ากรุงล้านช้างก็จะไปช่วยล้านนาต่อต้านขับไล่ออกไปจนสำเร็จ ส่วนอำนาจอาณาเขตด้านตะวันตกขยายออกไปถึงรัฐฉาน ได้เมืองไลคา เมืองนาย เมืองสีป้อ เมืองยองห้วย เป็นต้น พระเจ้าติโลกราชได้กวาดต้อนครัวเงี้ยวเข้ามาใว้ในล้านนาถึงหมื่นคนเศษ ด้านเหนือตีได้เมืองเชียงรุ่ง เมืองยอง และได้กวาดชาวลื้อ บ้านปุ๋ง เมืองยองมาไว้ที่ลำพูน

พระราชกรณียกิจ

พระเจ้าติโลกราช เป็นพระมหากษัตริย์นักรบที่ทรงพระปรีชาสามารถได้แผ่ขยายอำนาจของกรุงราชธานีเชียงใหม่ไปทั่ว 57 หัวเมืองขึ้น ครอบคลุมทิศเหนือจรดเมืองเชียงรุ่ง (จิ่งหง) มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เมืองเชียงตุง เมืองยอง (รัฐฉาน ประเทศพม่า) เมืองนาย เมืองไลค่า เมืองเจียงตอง เมืองปั่น เมืองยองห้วย เมืองสุ เมืองจีด เมืองกิง เมืองลอกจอก เมืองสีป้อ เมืองจาง รวมกว่า 11 เมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสาละวิน (รัฐฉาน พม่า) ทิศตะวันออกตีได้เมืองน่านจรดกับล้านช้าง ทิศใต้จรดขอบแดนอยุธยา แนว ตาก เถิน ศรีสัชนาลัย (สุโขทัย) ลับแล แพร่ น่าน อาณาจักรล้านนาในรัชกาลของพระองค์เป็นยุคทอง รุ่งเรืองสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับการรับรองจากคนกลาง "โอรสแห่งสวรรค์"จักรพรรดิ์จีนแห่งราชวงศ์หมิง ซึ่งบันทึกไว้ใน"หมิงสื่อลู่"เป็นเอกสารโบราณประจำรัชกาลที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดแห่งราชสำนักจักรพรรดิจีน และ ดร.วินัย พงศรีเพียร นักประวัติศาสตร์ผู้เรืองนาม ได้แปลไว้ในเอกสารชื่อ "ปาไป่สีฟู่ ปาไป่ต้าเตี้ยน" (คณะกรรมการสืบค้นประวัติศาสตร์ไทยในเอกสารภาษาจีน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดพิมพ์ในโอกาสเชียงใหม่มีอายุครบ 700 ปี ใน พ.ศ. 2539) บันทึกว่า จักรพรรดิ์จีนยกย่องให้พระเจ้าติโลกราชเป็น "ตาวหล่านนา"หรือท้าวล้านนาและพระราชทานเครื่องประกอบเกียรติยศมากมายนอกจากนี้ยังสถาปนาพระเกียรติยศเป็นลำดับ"สอง" รองจากองค์จักรพรรดิ์จีน ซึ่งตรงกับเอกสารของพม่าที่บันทึกสมัยอยุธยาก่อนกรุงแตกครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2305 ชื่อว่า "Zinme Yazawin (Chronicle of Chiang Mai หรือตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับพม่า) ดังความว่า ที่ใดก็ตามที่ปรากฏศัตรูขึ้นในแปดทิศของจักรพรรดิ์อุทิปวาผู้ปกครองทุกสิ่งภายใต้สวรรค์ ให้ท้าวล้านนาเจ้าฟ้าแห่งเมืองเชียงใหม่มีอำนาจที่จะปราบปรามและลงโทษศัตรูนั้นได้... (Wherever enemies appeae in the eight directions of the Empire of the Utipwa,who Rules All under Heaven ,Thao Lan Na , Chaofa of Chiang Mai with his forecs shall subdue and punish them.) และทรงให้ราชสมญานามพระเจ้าติโลกราชว่า "ราชาผู้พิชิต", "ราชาแห่งทิศตะวันตก" (Victorious Monarch, King of the West) โดยให้เสนาบดีผู้ใหญ่ควบคุมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตราพระราชลัญจกร พระสุพรรณบัตร เครื่องประกอบเกียรติยศมากมาย ทองคำแท่ง 100 ตำลึง เดินทางมาถึงเชียงใหม่ ทำพิธีอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ นอกนั้นพระราชกรณียกิจที่สำคัญพระองค์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก จึงทำให้รัชกาลของพระองค์พระพุทธศาสนารุ่งเรืองสูงสุด พระสงฆ์แตกฉานภาษาบาลี มีการตรวจชำระพระไตรปิฎก หรือสังคายนา เป็นครั้งที่ 8 ของโลก ณวัดเจ็ดยอด อ.เมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2020 ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบวชกุลบุตรเป็นพระภิกษุจำนวน 500 รูปในอุทกสีมาหรืออุปสมบทกลางแม่นำปิงตามอย่างลัทธิลังกาวงค์ ในปี พ.ศ. 1990 เมื่อพระราชบิดา พระเจ้าสามฝั่งแกนสวรรคต จึงจัดการพระราชทานเพลิงพระศพแล้วสถาปนาพระสถูปบรรจุพระอัฐิไว้ ณ ป่าแดงหลวง ( อยู่เชิงดอยสุเทพ ในบริเวณ ม.เชียงใหม่) โดยบุทองแดงแล้วปิดทองทั้งองค์ เมื่อเสร็จงานในปีเดียวกันก็ออกผนวชโดยให้พระมารดาว่าราขการแทนพระองค์ ทั้งนี้เพื่อศึกษาปฏิบัติพระธรรมวินัย ต่อมาเมื่อพระมารดาสิ้นพระชนม์ก็ถวายพระเพลิง ณ สถานที่เดียวกันกับพระบิดา แล้วสถาปนาที่นั้นเป็นพระอารามในปี พ.ศ. 1994 โดยทรงขนานนามว่าวัดอโสการามวิหาร ลุถึงปี พ.ศ. 1998 โปรดให้สร้างวัดโพธารามวิหาร หรือวัดเจดีย์เจย์เจ็ดยอด

ตลอด 46 ปีของรัชกาลพระเจ้าติโลกราช มีการทำสงครามขยายพระเดชานุภาพนับได้ หลายครั้ง ดังนี้

  1. ปราบหัวเมืองฝางที่แข็งเมืองเจ้าเมืองหนีไปพึ่งบารมีเจ้าเมืองเทิง (อ.เทิง จ.เชียงราย) แต่ถูกประหารชีวิตต่อหน้าเจ้าเมืองเทิง เป็นการกระทำที่ไม่ไว้หน้าเจ้าเมืองเทิง จึงส่งสารลับแจ้งให้อยุธยายกทัพมาตีเชียงใหม่ นับว่าเป็นปฐมเหตุแห่งศึกสิงห์เหนือ เสือใต้ (เชียงใหม่ -อยุธยา) ยืดเยื้อยาวนาน ถึง 18 ปีจนสิ้นรัชกาลทั้งพระเจ้าติโลกราชกับพระเจ้าสามพระยาและพระเจ้าบรมไตรโลกนาถ
  2. อยุธยามาตีเมืองเชียงใหม่ ตามที่เจ้าเมืองเทิงแปรพักตร์แจ้งให้ยกทัพมาชิงเมือง ผล อยุธยาถูกกลศึกตอบโต้โดนโจมตีแตกพ่าย ส่วนเจ้าเมืองเทิงถูกประหารชีวิต ตัดคอใส่แพหยวกกล้วยล่องนำปิง โดยมีนัยว่าเพื่อให้ไปถึงพระเจ้าอยุธยา (พระบรมราชาที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา)
  3. ปราบเมืองน่านที่แข็งเมือง พระญาเมืองน่านหนีไปพึ่งบารมีเจ้าเมืองเชลียงของอยุธยา
  4. ขับไล่เมืองหลวงพระบางที่ยกทัพลอบโจมตีเมืองน่านส่งผลให้หลวงพระบางไม่มาบุกรุกเมืองน่านอีกต่อไป
  5. ปราบเมืองยอง ไทลื้อ (รัฐฉาน พม่า)
  6. ปราบเมืองเจียงตอง(รัฐฉาน) เมืองขรองหลวง เมืองขรองน้อย
  7. ปราบเมืองเชียงรุ่ง หรือ เชอหลี่ใหญ่ หรือจิ่งหง- Jinghong (12 ปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน) เมืองลอง เมืองตุ่น เมืองแช่
  8. ปราบเมืองเชียงรุ่งที่แข็งเมืองอีกครั้ง และเข้าตีเมืองอิง
  9. ปราบเมืองนาย ไลค่า ล๊อกจ๊อก เจียงตอง เมืองปั่น หนองบอน ยองห้วย เมืองสู่ เมืองจีด เมืองจาง เมืองกิง จำคา เมืองพุย สีป้อ กวาดต้อนผู้คนจำนวน 12,328 คนมาใส่เมืองเชียงใหม่
  10. ยกทัพไปตีเมืองไทใหญ่ ครั้นถึงเมืองหาง ทราบข่าวเวียดนามยกทัพ 400,000 นาย มาตีหลวงพระบาง และมาโจมตีเมืองน่านจึงยกทัพกลับมาช่วยเมืองน่าน เจ้าเมืองน่านต่อสู้อย่างทรหด รบชนะกองทัพมหาศาลของจักรพรรดิเลทันตองแห่งเวียดนาม ตัดศีรษะแม่ทัพ มาถวายเป็นจำนวนมาก พระเจ้าติโลกราชจึงมีพระบรมราชโองการให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ควบคุมเชลยศึกเวียดนาม พร้อมศีรษะแม่ทัพ เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง เพื่อถวายแด่จอมจักรพรรดิ์ ในตอนแรกจอมจักรพรรดิจีนไม่เชื่อว่ากองทัพล้านนาจะต่อตีกองทัพจักรพรรดิ๋เลทันตองแห่งเวียดนามได้ เพราะกองทัพจีนเพิ่งรบแพ้แก่กองทัพเวียดนามมาหยก ๆ จอมจักรพรรดิ์จีนจึงมีพระบัญชาสั่งสอบสวนเชลยศึกเวียดนาม ทีเดียวพร้อม ๆ กันโดยแยกสอบสวนคนละห้อง เพื่อป้องกันมิให้เชลยศึกเวียดนาม บอกข้อมูลให้แก่กัน ผลการสอบสวน ตรงกันหมดว่ากองทัพที่ยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ์เลทันตองแห่งเวียดนาม พ่ายแพ้หมดรูปแก่กองทัพพระเจ้าติโลกราช ณ สมรภูมิที่ เมืองน่าน จักรพรรดิ์จีนถึงกับยกพระหัตถ์ทุบพระอุระ ตรัสด้วยพระสุรเสียงดังทั่วท้องพระโรงต่อหน้าเสนา อำมาตย์ ที่ชุมนุม ณ ที่นั้นว่า "เหวย ๆ ข้าคิดว่าในใต้หล้ามีเพียงข้าผู้เดียวที่มีเดชานุภาพมาก แต่บัดเดี๋ยวนี้มี ท้าวล้านนาพระเจ้าติโลกราช มีเดชานุภาพทัดเทียมข้า ข้าจึงแต่งตั้งให้ท้าวล้านนาเป็น "ราชาผู้พิชิตแห่งทิศตะวันตก"ให้เป็นใหญ่รองจากข้า มีอำนาจที่จะปราบปรามกษัตริย์น้อยใหญ่ที่ก่อการแข็งเมืองต่อข้า นับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไป" พร้อมกับทรงส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเครื่องประกอบเกียรติยศ กองทหารพร้อมเสนาบดีผู้ใหญ่ เดินทางมาประกอบพิธีที่เชียงใหม่อย่างยิ่งใหญ่ อลังการโดยทรงยกย่องให้เป็น "รอง" จักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์หมิง เป็น "ราชาผู้พิชิตแห่งทิศตะวันตก" (King of the West) ส่วนจักรพรรดิจีนเป็นจักรพรรดิแห่งทิศตะวันออกZinme Yazawin หรือ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับภาษาพม่า (พม่าเรียกเชียงใหม่ ว่า "Zinme ") นี้เป็นเอกสารสำคัญที่พม่าขณะเข้าปกครองเชียงใหม่ กว่า ๒๐๐ ปี ตั้งแต่บุเรงนอง ยาตราทัพเข้ายึดครองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ ๒๑๐๑ - ๒๓๑๗ และในรัชกาลต่อๆมาได้นำเอาเอกสารในราชสำนักราชวงค์มังรายไปคัดลอกเป็นภาษาพม่า และนำกลับพม่า ต่อมาด้วยความร่วมมือของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ในชื่อว่า Zinme yazawin เมื่อ คศ. ๒๐๐๔ เอกสารฉบับนี้ทราบกันในหมู่นักวิชาการแคบๆเพียงไม่กี่คน ทราบว่ามีอยู่เพียง ๒๐ เล่มในขณะนั้น ปัจจุบันยังไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านลิขสิทธิ์
  11. ตีกำแพงเพชร (ชากังราว) แตก ส่งทัพหน้ามากวาดครัวถึงเมืองชัยนาท เข้าตีสุโขทัยมิได้ จึงถอยทัพกลับ
  12. เจ้าเมืองเชลียงแห่งสุโขทัย มาสวามิภักดิ์
  13. เจ้าเมืองพิษณุโลก หัวเมืองเหนือของอยุธยา มาสวามิภักดิ์ พร้อมนำไพร่พลเมือง ทหารกว่า 1 หมื่นคน มาอยู่ในเชียงใหม่แม่แบบ:Zinme Yazawin
  14. ยกทัพไปล้อมเมืองพิษณุโลก พระบรมไตรโลกนาถ ใช้กลศึกหลบหนีออกจากเมืองพิษณุโลกเวลาเที่ยงคืนและเดือนมืดสนิท ทางลำน้ำน่านกลับอยุธยา พระเจ้าติโลกราชทรงพระพิโรธ รับสั่ง ให้"ควักลูกตา "ทหารทุกนายที่ซุ่มล้อม ณ พื้นที่ลำน้ำน่าน "หมื่นด้งนคร"แม่ทัพใหญ่รุดเข้าเฝ้า กราบบังคลทูลถวายรายงานว่า พระบรมไตรโลกนาถ ใช้ "กลศึก" ตีสัญญาณ ฆ้อง กลองล่องเรือหนีมาตามลำน้ำน่านโดยให้จังหวะเคาะสัญญาณ เลียนแบบสัญญาณ ของ "มหาราชเชียงใหม่" ทุกประการ ประกอบกับเดือนมืด มองเห็นไม่ถนัด ทหารที่ซุ่มเฝ้าระวัง จึงไม่เฉลียวใจ ต่างคิดว่า เป็นเรือพระที่นั่งของพระเจ้าติโลกราช เสด็จ จึงไม่ยับยั้ง และข้าในฐานะแม่ทัพ ขอรับโทษแทนทหารชั้นผู้น้อยทั้งหมด หากจะควักลูกตาทหารผู้น้อย ก็ขอให้ควักลูกตาของข้าแต่เพียงผู้เดียว พระเจ้าติโลกราช ได้ฟังทหารเอกผู้ภักดี ยอมสละแม้กระทั่งลูกนัยตาของตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ปกป้อง รับแทนทหารลูกน้อง อีกทั้ง ความจงรักภักดีของหมื่นด้งนคร ที่มีต่อ มหาราชเชียงใหม่ รุกรบไปทั่วดินแดนใกล้ ไกล เคียงบ่า เคียงไหล่ ร่วมเป็น ร่วมตาย มาด้วยกัน นับครั้งไม่ถ้วน ทรงตรึกตรอง แล้วนิ่งเสีย ไม่ตรัสถึงอีกต่อไป ต่อมากองทหารม้าทัพหน้าไล่ตาม เรือพระที่นั่งของพระบรมไตรโลกนาถ ขณะยั้งพักที่ปากยม และกองทัพม้าได้รายล้อมทัพสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไว้แล้ว จึงได้ส่งม้าเร็วรีบแจ้งขอรับพระบรมราชโองการจากพระเจ้าติโลกราช พระองค์ตรัสว่า "มันก็พญา (กษัตริย์) กู ก็ พญา กูแป้ (ชนะ) มัน มันก็ละอายแก่ใจแล้ว หมื่นด้ง มึงอย่าทำเลย" ต่อมากองทัพหน้าไปตีเมืองปากยม (พิจิตร)
  15. แต่งให้หมื่นด้งนครไปตีเมืองเชลียง
  16. อยุธยาถูกกลศึกผ่านสายลับที่ถูกจับได้ ให้เห็นกองทัพเชียงใหม่จะยกทัพไปทำศึกทางเหนือ จึงแจ้งให้อยุธยายกทัพมาชิงเอาเชียงใหม่ โดยเชียงใหม่รอซุ่มโจมตีที่ดอยขุนตาล (รอยต่อ ลำพูนกับลำปาง) ตีกองทัพอยุธยาแตกพ่าย ถูกไล่ติดตามตลอดทั้งคืนผ่านห้างฉัตร ลำปาง เด่นชัย จนถึงเขาพลึง (เขตต่อแดน แพร่กับอุตรดิตถ์) ครั้งนั้นพระอินทราชา พระราชโอรสในพระบรมไตรโลกนาถต้องปืนที่พระพักตร์
  17. อยุธยา สบโอกาส กองทัพเชียงใหม่ยกขึ้นขึ้นเหนือไปตี เมืองพง ไทลื้อ (มณฑลยูนนาน ประเทศจีน) จึงยกทัพเข้าตีเมืองแพร่ ฝ่ายหมื่นด้งนคร ผู้รักษาเมืองเชียงใหม่ ยกทัพไปช่วยเมืองแพร่ป้องกันเมือง ครั้นกองทัพพระเจ้าติโลกราชแผด็จศึกเมืองพงไทลื้อ เสร็จแล้วจึงกลับยังไม่ทันถึงเชียงใหม่ ทราบข่าวจึงยกทัพหลวงไปช่วยเมืองแพร่ พระบรมไตรโลกนาถ ทรงเห็นกองทัพเชียงใหม่ใหญ่เกินกำลังจะต้านทานได้จึง ถอยทัพกลับ โดยทัพหลวงมหาราชเชียงใหม่ไล่ติดตามไปแต่ไม่ทัน จึงไม่ได้รบกัน ทัพหลวงผ่านเมืองเชลียงกลัวหายนะภัยจึงขอเป็นข้าราชบริภาร จากนั้นทัพมหาราชเชียงใหม่เข้าตีเมืองพิษณุโลกสองแคว แต่ไม่สำเร็จ จึงถอยทัพไปตีเมืองปางพล แล้วกลับผ่านเมืองเชลียง ลำปาง เชียงใหม่
  18. ต่อมาเจ้าเมืองเชลียงเป็นกบถจึงให้หมื่นด้งนครยกทัพไปจับกุมตัวเจ้าเมืองเชลียงมายังเชียงใหม่ และเนรเทศไปอยู่เมืองหาง พร้อมกับแต่งตั้งให้หมื่นด้งนคร ครองเมืองเชลียง (สวรรคโลก) เพิ่มขึ้นอีกเมืองหนึ่ง
  19. ต่อมาเชียงใหม่ถูกพระเถระพุกามที่รับจ้างจากอยุธยา มาเชียงใหม่ หลอกให้ตัดต้นไม้นิโครธ ไม้แห่ง "เดชเมือง" ซึ่งชาวเชียงใหม่สักการบูชาที่แจ่งศรีภูมิ จนบ้านเมืองปั่นป่วน ต่อมามีเหตุการณ์ไม่คาดคิด คือ พระเจ้าติโลกราช สั่งประหารท้าวบุญเรือง พระราชโอรสองค์เดียวที่ถูกท้าวหอมุก (นางสนม) ใส่ความว่าจะชิงราชบัลลังก์ ภายหลังทราบว่าพระโอรสบริสุทธิ์ ก็ทรงเสียพระทัย อีกทั้งทรงกริ้วและหวาดระแวงว่าหมื่นด้งนคร ทหารเอกคู่บัลลังก์ ที่ส่งให้ไปต้านทานกองทัพอยุธยาที่ชายแดนเมืองเชลียง เชียงชื่น (สวรรคโลก จ.สุโขทัย) จะแปรพักตร์ไปเข้าอยุธยา จึงเรียกตัวไปเชียงใหม่และถูกประหารชีวิต เมื่อทหารเอกคู่บัลลังก์หมื่นด้งนครถึงแก่อนิจกรรมแล้ว พระเจ้าติโลกราชจึงให้หมื่นแคว่นผู้ครองเมืองแจ้ห่ม (อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง) ไปครองเมืองเชียงชื่น (สวรรคโลก) แต่ถูกพระยาสุโขทัยยกทัพเข้าตี จนหมื่นแคว่นตายในที่รบ เมืองสุโขทัยจึงได้เมืองเชียงชื่นกลับคืน หลังจากอยู่ใต้ธงมหาราชเชียงใหม่ มายาวนาน 23 ปี อันเป็นต้นเรื่องและเป็นประเด็นหลักใน ลิลิตยวนพ่ายที่เทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ที่ตีเมืองเชลียง เมืองเชียงชื่นหรือเมืองสวรรคโลก (อดีตเมืองลูกหลวงของสุโขทัย) กลับคืนมาอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารได้อีกครั้งในปี พ.ศ. 2017
  20. ศักราช 837 มะแมศก (พ.ศ. 2018) มหาราช (เชียงใหม่) ขอมาเป็นไมตรี...พงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
  21. นับจากนี้เป็นเวลา 12 ปีที่อาณาจักรทั้งสองเป็นมิตรมีไมตรีต่อกัน และมหาราชทั้งสองพระองค์ล่วงเข้าสู่วัยชรา มหาราชเชียงใหม่สวรรคตในปี 2030 ขณะพระชนมายุได้ 78 พรรษาครองราชย์ 46 ปีและตามติดกันในปีต่อมา มหาราชอยุธยา สวรรคตในปี 2031 ขณะพระชนมายุได้ 57 พรรษา ครองราชย์ 40 ปี....

การทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยา

อาณาจักรล้านนาในสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้ทำสงครามครั้งแรกกับอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ต่อมาจึงทำสงครามกับพระบรมไตรโลกนาถหลายครั้งด้วยกัน ในปี พ.ศ. 1985 เจ้าเมืองเทิง แห่งอาณาจักรล้านนา (ปัจจุบันคือ อ.เทิง จังหวัดเชียงราย) ไม่พอใจที่ หมื่นโลกนคร แม่ทัพของพระเจ้าติโลกราช ติดตามไปฆ่าท้าวซ้อย เจ้าเมืองฝางที่แข็งเมืองและหลบหนีไปพึ่งบารมี จึงได้ขอสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยาซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบรมราชาธิราช ที่ 2 (เจ้าสามพระยา) จึงทรงถือเป็นโอกาสเสด็จยกทัพไปตีนครเชียงใหม่ ในขณะเดียวกัน พระเจ้าติโลกราชได้จับเจ้าเมืองเทิงประหารชีวิต กองทัพอยุธยาได้ถูกกลศึกของฝ่ายเชียงใหม่ปลอมตัวเป็นตะพุ่นช้าง (คนหาอาหารให้ช้าง) ปะปนเข้าไปในกองทัพเจ้าสามพระยาเมื่อได้จังหวะยามวิกาลจึงตัดปลอกช้าง ฟันหางช้างจนช้างแตกตื่นแล้วฟันนายช้างตาย กองทัพเชียงใหม่ได้ยินเสียงอึกทึกก็ได้ทียกเข้าตีกองทัพกรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายไป เจ้าสามพระยาได้พยายามอีกครั้งหนึ่งโดยยกทัพกรุงศรีอยุธยาเข้าตีเมืองเชียงใหม่แต่ประชวรสิ้นพระชนม์กลางทาง รวมการทำสงครามระหว่าง 2 อาณาจักร ยืดเยื้อยาวนานถึง 33 ปี (นับแต่ พ.ศ. 1985 สมัยพระเจ้าสามพระยา ถึง พ.ศ. 2018 สมัยพระบรมไตรโลกนาถ)

พระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนากับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งอาณาจักรอยุธยา

ในสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991พ.ศ. 2031) พระองค์ขึ้นครองราชย์ขณะพระชนมายุได้ 17 พรรษา และก่อนขึ้นครองราชย์ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก เมื่อขึ้นครองราชย์ได้เสด็จลงมาประทับที่กรุงศรีอยุธยา เป็นเหตุให้เจ้าเมืองต่าง ๆ ชิงอำนาจกันเอง และเจ้าเมืองพิษณุโลกสองแคว แปรพักตร์ไปสวามิภักดิ์พระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา จึงนำกองทัพมาตีเมืองต่าง ๆ ของอยุธยา คือ เมืองพิษณุโลกสองแคว เมืองปากยม (พิจิตร) เมืองชากังราว (กำแพงเพชร) เมืองสุโขทัย เมืองเชลียง (ศรีสัชชนาลัย) เมืองเชียงชื่น (สวรรคโลก) โดยได้เข้าตีเมืองสุโขทัยในปี พ.ศ. 1994 แต่เมื่อทรงทราบข่าวว่าพระเจ้ากรุงล้านช้างยกทัพมาประชิดแดนล้านนาเพื่อบุกตีเมืองน่านจึงโปรดให้ยกทัพกลับ แต่กองทัพกรุงศรีอยุธยาตามไปตีกองหลังของกองทัพพระเจ้าติโลกราชแตกที่ "เมืองเถิน"แตกพ่ายไป

ครั้นถึง พ.ศ. 2004 พระเจ้าติโลกราชยกทัพลงมาตีหัวเมืองตอนเหนือของอยุธยาอีก แต่บังเอิญพวกฮ่อ (จีน ยูนนาน) ยกกำลังมาตีชายแดนเชียงใหม่ก็จำต้องยกทัพกับไปรักษาเมืองขึ้นกับเชียงใหม่ อย่างไรก็ดี พระเจ้าติโลกราชได้ยกทัพมารุกรานหัวเมืองฝ่ายเหนือของอยุธยาอยู่เนือง ๆ เป็นเหตุให้สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเปลี่ยนนโยบายเสด็จขึ้นไปประทับครองราชสมบัติเสีย ณ เมืองพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. 2006โดยยกฐานะเมืองพิษณุโลกเป็นเมืองหลวง เพื่อสะดวกในการจัดกำลังต่อตีทัพมหาราชฝ่ายเหนือ อีกทั้งยังทำหัวเมืองฝ่ายเหนือซึ่งมักแก่งแยกอำนาจกันและแตกออกจากฝ่ายกรุงศรีอยุธยามีความสามัคคีด้วยความยำเกรงสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์ได้ประทับครองราชย์อยูที่เมืองพิษณุโลกจนสิ้นรัชกาล เมื่อ พ.ศ. 2031 แต่กระน้นก็ยังต้องคอยสู้รบกับการรุกรานของพระเจ้าติโลกราชอยู่เรื่อยมารวม 27 ปี

การสงบศึกและเป็นพันธมิตร

ใน พ.ศ. 2008 ขณะพระชนมายุได้ 34 พรรษา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถผนวชที่วัดจุฬามณี เมืองพิษณุโลก พระองค์ส่งราชทูตมายังเชียงใหม่เพื่อขอเครื่องอัฐบริขารพร้อมกับพระเถรานุเถระไปทำพิธีผนวชจากพระเจ้าติโลกราช (ขณะนั้นมีพระชนมายุ 56 พรรษา) จึงโปรดให้หมื่นล่ามแขกเป็นราชทูตพร้อมด้วยพระเทพคุณเถระและพระอับดับ 12 รูปลงมาเมืองพิษณุโลกเพื่อเข้าเฝ้าถวายเครื่องอัฐบริขารแด่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ตามหลักฐานศิลาจารึกวัดจุฬามณี ที่บันทึกว่า " ศักราช 826 ปีวอกนักษัตร (พ.ศ. 2007) อันดับนั้น สมเด็จพระรามาธิบดีศรีบรมไตรโลกนาถบพิตรเปนเจ้า ให้สร้างอาศรมจุฬามณีที่จะเสด็จออกทรงมหาภิเนษกรม ขณะนั้น เอกราชทั้งสามเมืองคือ พระญาล้านช้าง แลมหาราชพระญาเชียงใหม่ แลพระญาหงสาวดี ชมพระราชศรัทธา ก็แต่งเครื่องอัฐบริขารให้มาถวาย" ในขณะผนวช 8 เดือน 15 วัน พระองค์ได้ทรงถือโอกาสส่งสมณะทูตชื่อโพธิสัมภาระมาขอเอาเมืองเชลียง -สวรรคโลกคืน เพื่อ"ให้เป็นข้าวบิณฑบาตร"จากพระเจ้าติโลกราชแต่พระเจ้าติโลกราชเห็นว่าเป็น"กิจของสงฆ์"จึงทรงนิมนต์พระมหาเถระฝ่ายอรัญวาสีทุกรูปมาประชุมเพื่อถวายข้อปรึกษา ครั้งนั้นมีพระเถระเชียงใหม่ชื่อสัทธัมมรัตตนะได้กล่าวกับโพธิสัมภาระสมณะทูตของอยุธยา ว่า" ตามธรรมเนียมท้าวพระญา (พระมหากษัตริย์) เมื่อผนวชแล้วก็ย่อมไม่ข้องเกี่ยวข้องในเรื่องบ้านเมืองอีก เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถผนวชแล้วยังมาขอเอาบ้านเอาเมืองนี้ ย่อมไม่สมควร"พระบรมไตรโลกนารถได้ยินคำเหล่านั้น ก็นิ่งเก็บไว้ในใจ เมือทรงลาผนวชแล้วจึงได้ออกอุบายจ้างให้พระเถระพุกามรูปหนึ่งที่ทรงไสยคุณไปเป็นไส้สึกในเชียงใหม่ ทำไสยศาสตร์ ยุแยงให้พระเจ้าติโลกราช ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธ์ของเมือง อาทิ ตัดโค่นไม้นิโครธประจำเมือง จนเกิดอาเพศ มีความระแวงสงสัยบรรดาข้าราชบริพาร จนถึงกับสำเร็จโทษท้าวบุญเรืองราชโอรสตามที่เจ้าจอมหอมุกใส่ความว่าจะชิงราชบัลลังก์ ครั้นทราบความจริงภายหลังทรงเสียพระทัยที่หลงเชื่อจนประหารราชโอรสพระองค์เดียว รวมทั้งการลงโทษหมื่นด้งนครผู้เป็นแม่ทัพเอกคู่บารมีผู้พิชิตเมืองเชลียง เชียงชื่น (ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ซึ่งเคยเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัย) ที่ถูกใส่ความอีกด้วย ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ส่งราชทูตนำเครื่องราชสักการะมาเยือนเชียงใหม่ นัยว่ามาสืบราชการลับที่ จ้างพระเถระพุกามทำคุณไสย์แก่เชียงใหม่ ต่อมาพระเถระพุกามถูกจับและเปิดเผยความจริง จึงถูกลงราชทัณฑ์นำตัวใส่ขื่อคาไปทิ้งลงแม่นำปิงที่"แก่งพอก" เพื่อให้คุณไสย์ชั่วร้ายสนองคืนกลับแก่ผู้ที่สั่งมา

พระเจ้าติโลกราชทำสงครามกับพระบรมไตรโลกนาถต่อเนื่องมาเป็นเวลา 27 ปี ต่างพลัดกันรุกผลัดกันรับ ครั้งนั้นพระองค์ขยายอำนาจขึ้นไปทางทิศเหนือตีได้เมืองเชียงรุ้ง (เชอหลี่ใหญ่หรือจิ่งหง) สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ภาคใต้ของประเทศจีน ตีได้เมืองเชียงตุง (เชอหลี่น้อยหรือเขมรัฐ) ทิศตะวันตก ได้รัฐฉาน ฝั่งตะวันตกแม่น้ำสาละวิน ติดพรมแดนมู่ปางหรือแสนหวี คือเมืองสีป้อ เมืองนาย เมืองไลค่า เมืองเจียงตอง รวมกว่า 11 เมือง โดยเจ้าฟ้าเมืองต่าง ๆ นำไพร่พลเมืองมาพึ่งพระโพธิสมภารที่เชียงใหม่ 12,328 คน ทางทิศตะวันออกจรดล้านช้าง ประเทศลาว ทิศใต้จรด ตาก เชลียง (ศรีสัชนาลัย) เชียงชื่น (สวรรคโลก) ซึ่งอยู่ห่างจากสุโขทัยเพียง 60 กม.ต่อมา ในปี พ.ศ. 2018 พระเจ้าติโลกราชจึงทรงติดต่อกับฝ่ายกรุงศรีอยุธยาขอเป็นไมตรีกัน ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาซึ่งบอบช้ำมากพอกันจึงรับข้อเสนอของพระเจ้าติโลกราช ในปลายสมัยของรัชกาลของทั้งสองพระองค์อาณาจักรล้านนากัยกรุงศรีอยุธยาจึงมีความสงบเป็นไมตรีต่อกันจนสิ้นรัชกาลโดยพระเจ้าติโลกราชสวรรคตในปี พ.ศ. 2030 และให้หลังอีก 1 ปี สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถก็สวรรคต ในปี พ.ศ. 2031 เป็นการปิดฉาก ศึก 2 มหาราชแห่ง 3 โลก ("ติโลก""ไตรโลก"แปลว่า 3 โลกคือเมืองสวรรค์ เมืองมนุษย์ และเมืองนรก)

ศาสนา

ในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช พุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงเลื่อมใสและทำนุบำรุงพุทธศาสนา ทรงสนับสนุนคณะสงฆ์สำนักวัดป่าแดง (ลังกาวงศ์นิกายสิงหลใหม่) ทรงนิมนต์พระมหาเมธังกรญาณแกนนำกลุ่มลังกาวงศ์ใหม่จากลำพูน มาจำพรรษาที่วัดราชมณเฑียร และทรงสถาปนาให้พระมหาเมธังกรญาณขึ้นเป็นพระมหาสวามี และส่วนของพระองค์เองก็ผนวชชั่วคราว ณ วัดป่าแดงมหาวิหาร การสนับสนุนสงฆ์ฝ่ายลังกาวงศ์สิงหล ทำให้ฝ่ายลังกาวงศ์ใหม่รุ่งเรืองมาก กุลบุตรมาบวชเป็นจำนวนมาก พระภิกษุในนิกายสิงหลเพิ่มขึ้นมาก นิกายสิงหลใหม่นี้เน้นการศึกษาภาษาบาลีและการปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย การศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมเจริญก้าวหน้าอย่างสูง และความขัดแย้งระหว่างลังกาวงศ์ใหม่สายสิงหล (วัดป่าแดง) และลังกาวงศ์เก่าสายรามัญ (วัดสวนดอก) ที่มีอยู่ในยุคนั้นก็ทำให้พระสงฆ์สายรามัญตื่นตัวพยายามศึกษาพระปริยัติเช่นกัน พระเจ้าติโลกราชทรงส่งเสริมการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมทรงยกย่องพระภิกษุที่มีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก พระในสมัยนั้นจึงมีความรู้สูงที่ปรากฏมีชื่อเสียงมาก เช่น พระโพริรังสี พระธรรมทินนเถระ และพระญาณกิตติเถระ เป็นต้น

ความเชี่ยวชาญในการรจนาคัมภีร์ภาษาบาลีและรอบรู้พระไตรปิฎกของพระเถระชาวล้านนาในยุคนั้น ได้ก่อให้เกิดการทำสังคายนาสอบชำระพระไตรปิฎกใน พ.ศ. 2020 ที่วัดมหาโพธาราม (เจ็ดยอด) ซึ่งใช้เวลา 1 ปีจึงเสร็จ นับเป็นการสังคายนาครั้งที่ 8 ของโลกและพระไตรปิฎกฉบับที่สอบชำระในสมัยพระเจ้าติโลกราชจึงถือเป็นคัมภีร์หลักฐาน สำคัญชิ้นหนึ่งของพุทธศาสนาในล้านนาที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

พระเจ้าติโลกราชทรงบำรุงพระสงฆ์ ถวายสมณศักดิ์แก่พระมหาเมธังกรญาณอาจารย์ของพระองค์เป็นที่ "พระอดุลศักตยาธิกรณมหาสามี" ทรงปรารถนาเป็นทายาทในศาสนาและสนองคุณพระชนนีจึงทรงมอบราชสมบัติแด่พระชนนี แล้วผนวชโดยมีพระอดุลศักตยาธิกรณมหาสามีเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระญาณมงคลเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ ผนวชอยู่ไม่นานก็ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ต่อ

การสร้างและบูรณะวัดสำคัญ ๆ ในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช มีดังนี้ ในปี พ.ศ. 1999 โปรดให้สร้างวัดเป็นที่อยู่ของพระอุตตมปัญญาเถระ ที่ริมน้ำแม่ขาน (โรหิณี) โปรดให้ปลูกต้นโพธิในอารามนั้นแล้วตั้งชื่อว่า วัดมหาโพธาราม จากนั้นสร้างสัตตมหาสถาน ในปีวอก พ.ศ. 2020 โปรดให้สร้างมหาวิหารในอารามนั้นและสร้างวัดราชมณเฑียร วัดป่าตาล วัดป่าแดงหลวงมหาวิหาร เป็นต้น ทรงบูรณะต่อเดิมเจดีย์หลวง ให้ใหญ่และสูงกว่าเดิม กว้างด้านละ 35 วา สูง 45 วา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในพระเจดีย์นั้น

ทรงสร้างโรงอุโบสถในวัดป่าแดงหลวง ซึ่งเป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระราชบิดา (พญาสามฝั่งแกน) และพระราชมารดา เมื่อสร้างพระอุโบสถเสร็จในวันมหาปวารณา จึงทรงร่วมพิธีผูกพัทธสีมาที่วัดป่าแดงนั้นด้วย ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต จากวัดพระธาตุลำปางหลวง นครเขลางค์ มาประดิษฐานไว้ที่ซุ้มจระนำด้านตะวันออกแห่งเจดีย์หลวง

ทรงมอบภาระให้สีหโคตเสนาบดีและอาณากิจจาธิบดีมหาอำมาตย์ ดำเนินการหล่อพระพุทธรูปแบบลวปุระขนาดใหญ่ ด้วยทองสัมฤทธิ์หนักสามสิบสามแสน (=3,960 กิโลกรัม) ณ วัดป่าตาลมหาวิหารทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีพระธรรมทินนมหาเถระเป็นเจ้าอาวาส และในยุคนั้นได้มีการสถาปนาความเชื่อเรื่องพระธาตุในที่ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอาณาจักรโดยอาศัยความสัมพันธ์ทางศาสนาของคนในถิ่นต่าง ๆ โดยการสร้างตำนานเมืองและตำนานพระธาตุ ขึ้นอย่างแพร่หลาย

การสังคายนาชำระพระคัมภีร์พระไตรปิฏก

ที่วัดเจดีย์เจ็ดยอดนี้เองที่พระเจ้าติโลกราชโปรดให้ชุมนุมพระเถรานุเถระ โดยมีพระธรรมทินมหาเถระ เจ้าอาวาสวัดป่าตาลเป็นประธาน กระทำสังคายนาชำระพระคัมภีร์พระไตรปิฎกที่วัดโพธารามนี้ได้รับการยอมรับต่อเนื่องต่อเนื่องว่าเป็นการสังคายนาครั้งที่ 8 ในประวัติพระพุทธศาสนต่อจากที่ทำมาแล้ว 7 ครั้งในประเทศอินเดียและศรีลังกา โดยเรียกการสังคายนาครั้งที่ 8 ที่เชียงใหม่นี้ว่า “อัฏฐสังคายนา” ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยนี้ จนเป็นที่เลื่องลือพระเกียรติยศไปทั่วประเทศข้างเคียง ทำให้พระเจ้าติโลกราชได้รับากรเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า “พระเจ้าศิริธรรมจักรวัติโลกราชามหาธรรมิกราช พระเจ้านครพิงค์เชียงใหม่”

การก่อสร้างและปฏิสังขรพระพุทธสถาน

 
เจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิพระเจ้าติโลกราช วัดเจ็ดยอด เชียงใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2030

เมื่อปี พ.ศ. 2022 พระเจ้าติโลกราชโปรดให้หมื่นด้ามพร้าคตเดินทางไปประเทศลังกาจำลองแบบโลหปราสาทและมาก่อสร้างเป็นเจดีย์ 7 ยอด ณ วัดมหาโพธาราม (วัดเจ็ดยอด) และจำลองรัตนมาลีเจดีย์เพื่อนำแบบมาปฏิสังขรพระเจดีย์ใหญ่ที่วัดเจดีย์หลวงที่พระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์มังรายโปรดฯ ให้สร้างขึ้น พระเจดีย์ใหญ่องค์นี้จึงได้รับการขยายเสริมฐานให้กว้างเป็น 70 เมตร สูง 88 เมตร โปรดให้บรรจุพระบรมธาตูที่ได้มาจากลังกาไว้ในองค์พระเจดีย์นี้ พร้อมทั้งโปรดฯ ให้สร้างหอพระแก้วตามอย่างโลหปราสาทที่ลังกา(ปัจจุบันซากกำแพงสองชั้นของหอพระแก้วร้างอยู่ใต้หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่) แล้วอาราธนาพระแก้วมรกตในซุ้มจระนำทิศตะวันออก พระสิงห์ในซุ้มจระนำทิศเหนือและพระแก้วขาวมาไว้ในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง

ในปี พ.ศ. 2025 โปรดฯ ให้อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรแก่นจันทน์แดงจากวิหารวัดป่าแดงเหนือเมืองพะเยามาไว้ที่นครเชียงใหม่ โดยเสด็จไปรับด้วยพระองค์เองที่เมืองลำพูน ตลอดเวลาในช่วงปลายรัชกาล พระเจ้าติโลกราชได้สนพระทัยทะนุบำรุงพระศาสนาเป็นอันมาก ได้โปรดฯ ให้หล่อพระพุทธรูปทองคำองค์หนึ่งและโปรดฯ ให้บรรจุพระบรมธาตู 500 องค์ ขนานนามว่า พระป่าตาลน้อย ประดิษฐานไว้ ณ วัดป่าตาลวัน ที่ซึ่งพระธรรมทินเถระผู้เป็นประธานในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 เป็นเจ้าอาวาส

พระเจ้าติโลกราชเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2030 พระชนมายุ 78 พรรษา (ก่อนสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเพียงปีเดียวขณะพระชนมายุ 57 พรรษา) หลังครองราชย์มาเป็นเวลานานถึง 46 ปี พระองค์ได้ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่อาณาจักรล้านนาและนครเชียงใหม่มากที่สุดพระองค์หนึ่ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ ทางราชการจึงได้ตั้งชื่อหอประชุมใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า “หอประชุมติโลกราช” (ปัจจุบัน อยู่ติดกับศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) ในวัดอินทขิลสะดือเมือง หรือบริเวณอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์) ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ในช่วงรัชสมัยของพระองค์อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรืองและยังมีผลสืบเนื่องต่อมาถึงรัชสมัยของพญายอดเชียงราย และรัชสมัยของพระเมืองแก้ว (พระเจ้าภูตาธิปติราช หรือพระเจ้าติลกปนัดดาธิราช) ผู้เป็นเหลนของพระองค์ ในระหว่างปี พ.ศ. 2038-2068 อีกด้วย

อ้างอิง

  1. สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 188
  2. พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน, หน้า 48
  • วิลาสวงศ์ พงศะบุตร ติโลกราช สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิยสถาน เล่ม 13 พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ 2524
  • สรัสวดี อ๋องสกุล 2530 เว็บไซต์ล้านนาคดี
  • วินัย พงศ์ศรีเพียร ปาไป่สีฟู่ ปาไป่ต้าเตี้ยน เชียงใหม่ในเอกสารจีนโบราณ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2539
  • Zinme Yazawin (Chronicle of Chiang Mai) จัดพิมพ์โดย University Historical research Centre ,Yangon,First published ,March 2003. 97หน้า ด้วยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง(ประเทศพม่า)และได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Toyota
  • ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏชียงใหม่,2538 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ 700 ปี
  • มูลนิธิพระบรมธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่,2548 วัดโลกโมฬี ส.ทรัพย์การพิมพ์ เชียงน้ำเต้าหู้
ก่อนหน้า พระเจ้าติโลกราช ถัดไป
พญาสามฝั่งแกน    
กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา
(พ.ศ. 1984–2030)
  พญายอดเชียงราย


พระเจ, าต, โลกราช, ในบทความน, หร, อส, วนของบทความน, งคล, มเคร, อว, เน, อหาท, ใดเป, นเร, องจร, ใดเป, นเร, องสมม, เร, องเล, าขาน, ยาย, ภาพยนตร, ฯลฯ, โปรดเร, ยบเร, ยงใหม, โดยแยกแยะให, ดเจน, ตามแนวทางการแยกเร, องจร, งก, บเร, องสมม, บทความน, อาจม, งานค, นคว, าต, นฉ. inbthkhwamni hruxswnkhxngbthkhwamni yngkhlumekhruxwa enuxhathiidepneruxngcring thiidepneruxngsmmuti eruxngelakhan niyay phaphyntr l oprderiyberiyngihmodyaeykaeyaihchdecn tamaenwthangkaraeykeruxngcringkberuxngsmmutibthkhwamnixacmingankhnkhwatnchbbrwmxyukrunaprbprungodyephimhlkthanphisucnyunynkhxkhwamthixangaelaephimkarxangxinginbrrthd khxkhwamthimiechphaangankhnkhwatnchbbephiyngxyangediywkhwrthuklbesiy eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir phraecatiolkrach khaemuxng ph s 1952 2030 phramhakstriylannaaehngrachwngsmngrayphraxngkhthi 9 khrxngrachy ph s 1985 2030 phranamedimkhux ecalk enuxngcakepnphraoxrsxngkhthi 6 inphyasamfngaekn lk inphasaithedim mikhwamhmaywa ladbthi 6 rwmrchsmysmedcphrabrmitrolknathaehngkrungsrixyuthyaphraecatiolkrachphrabrmrachanusawriyphraecatiolkrach n wdecdyxd cnghwdechiyngrayphraprmaphiithyphraecasirithrrmckrphrrditilkrachathirach 1 phraxisriyysphramhakstriyaehngxanackrlannarachwngsrachwngsmngrayrchkalph s 1985 2030 45 pi khxmulswnphraxngkhphrarachsmphphph s 1952swrrkhtph s 2030 78 phrrsa phrarachbidaphraecasamfngaeknphrarachmardaaemphraphilk 2 phrarachbutrthawbuyeruxng enuxha 1 phrarachprawti 2 phrarachkrniykic 2 1 karthasngkhramkbkrungsrixyuthya 2 1 1 phraecatiolkrachaehngxanackrlannakbsmedcphrabrmitrolknathaehngxanackrxyuthya 2 1 2 karsngbsukaelaepnphnthmitr 3 sasna 3 1 karsngkhaynacharaphrakhmphirphraitrpitk 3 2 karkxsrangaelaptisngkhrphraphuththsthan 4 xangxingphrarachprawti aekikhecalk esdcphrarachsmphphemux ph s 1952 epnphraoxrsladbthi 6 inphraecasamfngaekn emuxthrngecriyphrachnsathungkalsmkhwr phrarachbidathrngphrakrunaoprdihphraxngkhesdcipkhrxngemuxngphrawwnghin xaephxphraw cnghwdechiyngihminpccubn txmaekidrachkarsngkhramkhunaelw thphkhxngecalk ykipsmthbphrarachbidacha phraecasamfngaekn cungthrnglngphrarachxaya enrethsihecalkipkhrxngemuxngywmit xaephxaemsaeriyng cnghwdaemhxngsxninpccubn txmamixamatykhxngphraecasamfngaeknkhnhnungchux ecaaesnkhan khidexarachsmbtiihecalk cungidsxngsumkalnglxbiprbecalkcakemuxngywmitmasxntwiwthinkhrechiyngihm inkhnathiphraecasamfngaeknprathbaeprphrarachthanxyuthiewiyngecdlin karerimchingrachsmbtithaodykarephaewiyngechiyngihm aelwbngkhbihphraecasamfngaeknslarachsmbti aelwkxythulechiy ecalkkhunethlingthwlyrachsmbtiepnphraecaechiyngihminpi ph s 1985 miphranamwa phramhasrisuthrrmtiolkrach emuxmiphrachnmayu 32 phrrsa swnphrarachbidaoprdihipprathbxyuthiemuxngsad xyuinrthchan praethsphma aetxyumaidephiyng 1 eduxn 15 wn ecaaesnkhankkhidkxkarepnkbtxik phraecatiolkrachcungih hmunolknkhr phraecaxakhxngphraxngkh phukhrxngemuxnglapang ekhacbtwecaaesnkhanipkhumkhngaetimihtharay emuxphnothsidldysepn hmunkhan aelaihipkhrxngemuxngechiyngaesn xaephxechiyngaesn cnghwdechiyngray inpccubn aethnphraecatiolkrachthrngsrangkhwammnkhngphayinxanackrlannainchwng 45 pi ph s 1985 2030 xanackrlannacungmikhwamekhmaekhng samarthyudidemuxngnan emuxngaephr caknncungkhyayxanaclngsuthangit thrngthasngkhramkbxyuthyainsmyphraecasamphrayaaelasmysmedcphrabrmitrolknathtidtxkn inchwngewla 24 pi erim ph s 1994 phrayayuththisethiyrecaemuxngphisnuolkekhaswamiphkdi txphraecatiolkrachaelarwmkntiidemuxngpakym phicitrtxnit caknnin ph s 2003 phrayaechliyngkekhaswamiphkditxphraecatiolkrach inpitxmaphrayaechliyngnaphraecatiolkrachmatiemuxngphisnuolkaelaemuxngkaaephngephchr aetimsaercsmedcphrabrmitrolknaththrngaekikhkarkhyayxanackhxngphraecatiolkrach odyesdckhunmakhrxngemuxngphisnuolkin ph s 2006 inkarthasngkhramkblanna nxkcakichkalngthharodytrngaelwthangxyuthyayngichphithisngkhaelaisysastrdwy klawkhux smedcphrabrmitrolknathemuxthrngxxkphnwchin ph s 2008 kidthrngkhxekhruxngsmnbrikharcakphraecatiolkrach aelarahwangthiphnwchkthrngkhxbinthbatemuxngechliyngkhun aetimprasbkhwamsaerc swnkarichisysastrkidsngphraethrachawphmamathalaytnniokhrth tnithr sungepnimsriemuxngn aecngsriphumi dwykhwamechuxthangisysastr txmainpi ph s 2017 smedcphrabrmitrolknaththrngyudemuxngechliyngklbkhunid aela ph s 2018 xyuthyaaelalannakthaimtritxknxanackhxngphraecatiolkrachdntawnxxktiidemuxngnanepnemuxngkhunepnkhrngaerkcrdkbemuxnghlwngphrabang sungphraecatiolkrachidrwmmuxkbkxngthphcakemuxnghlwngphrabangephuxtxtanaelakhbilkxngthphidewiyd sungthasngkhramkhyayxiththiphlrukranhlwngphrabanginpi ph s 2023 sungkxnhnannhlwngphrabangthukkxngthphidewiydocmtiaelarukran kxngthphlannaiprwmrbtxbotcnaemthphlanchangsamarthkhbilaemthphfayidewiydphayklbipsungaemthphidewiydhniipidaettxmaimnanklbthukfaphacnthungaekxnickrrminaednaekw thaihyukhnilannakblanchangerimsansmphnthepnphnthmitrthihniywaennepnkhrngaerk sungsngphlihyukhhlngemuxlannathukithihyaelaphmarukranyudemuxnghlwngxyangechiyngihm phraecakrunglanchangkcaipchwylannatxtankhbilxxkipcnsaerc swnxanacxanaekhtdantawntkkhyayxxkipthungrthchan idemuxngilkha emuxngnay emuxngsipx emuxngyxnghwy epntn phraecatiolkrachidkwadtxnkhrwengiywekhamaiwinlannathunghmunkhness danehnuxtiidemuxngechiyngrung emuxngyxng aelaidkwadchawlux banpung emuxngyxngmaiwthilaphunphrarachkrniykic aekikhphraecatiolkrach epnphramhakstriynkrbthithrngphraprichasamarthidaephkhyayxanackhxngkrungrachthaniechiyngihmipthw 57 hwemuxngkhun khrxbkhlumthisehnuxcrdemuxngechiyngrung cinghng mnthlyunnan praethscin emuxngechiyngtung emuxngyxng rthchan praethsphma emuxngnay emuxngilkha emuxngeciyngtxng emuxngpn emuxngyxnghwy emuxngsu emuxngcid emuxngking emuxnglxkcxk emuxngsipx emuxngcang rwmkwa 11 emuxngthangfngtawntkkhxngaemnasalawin rthchan phma thistawnxxktiidemuxngnancrdkblanchang thisitcrdkhxbaednxyuthya aenw tak ethin srischnaly suokhthy lbael aephr nan xanackrlannainrchkalkhxngphraxngkhepnyukhthxng rungeruxngsungsud odyechphaaxyangyingidrbkarrbrxngcakkhnklang oxrsaehngswrrkh ckrphrrdicinaehngrachwngshming sungbnthukiwin hmingsuxlu epnexksarobranpracarchkalthimikhwamnaechuxthuxmakthisudaehngrachsankckrphrrdicin aela dr winy phngsriephiyr nkprawtisastrphueruxngnam idaepliwinexksarchux paipsifu paiptaetiyn khnakrrmkarsubkhnprawtisastrithyinexksarphasacin sankelkhathikarnaykrthmntri cdphimphinoxkasechiyngihmmixayukhrb 700 pi in ph s 2539 bnthukwa ckrphrrdicinykyxngihphraecatiolkrachepn tawhlanna hruxthawlannaaelaphrarachthanekhruxngprakxbekiyrtiysmakmaynxkcakniyngsthapnaphraekiyrtiysepnladb sxng rxngcakxngkhckrphrrdicin sungtrngkbexksarkhxngphmathibnthuksmyxyuthyakxnkrungaetkkhrngthi 2 emux ph s 2305 chuxwa Zinme Yazawin Chronicle of Chiang Mai hruxtananphunemuxngechiyngihm chbbphma dngkhwamwa thiidktamthipraktstrukhuninaepdthiskhxngckrphrrdixuthipwaphupkkhrxngthuksingphayitswrrkh ihthawlannaecafaaehngemuxngechiyngihmmixanacthicaprabpramaelalngothsstrunnid Wherever enemies appeae in the eight directions of the Empire of the Utipwa who Rules All under Heaven Thao Lan Na Chaofa of Chiang Mai with his forecs shall subdue and punish them aelathrngihrachsmyanamphraecatiolkrachwa rachaphuphichit rachaaehngthistawntk Victorious Monarch King of the West odyihesnabdiphuihykhwbkhumekhruxngrachxisriyaphrn traphrarachlyckr phrasuphrrnbtr ekhruxngprakxbekiyrtiysmakmay thxngkhaaethng 100 talung edinthangmathungechiyngihm thaphithixyangyingihy xlngkar nxknnphrarachkrniykicthisakhyphraxngkhthrngepnexkxkhrsasnupthmphk cungthaihrchkalkhxngphraxngkhphraphuththsasnarungeruxngsungsud phrasngkhaetkchanphasabali mikartrwccharaphraitrpidk hruxsngkhayna epnkhrngthi 8 khxngolk nwdecdyxd x emuxngechiyngihm inpi ph s 2020 thrngbaephyphrarachkuslbwchkulbutrepnphraphiksucanwn 500 rupinxuthksimahruxxupsmbthklangaemnapingtamxyanglththilngkawngkh inpi ph s 1990 emuxphrarachbida phraecasamfngaeknswrrkht cungcdkarphrarachthanephlingphrasphaelwsthapnaphrasthupbrrcuphraxthiiw n paaednghlwng xyuechingdxysuethph inbriewn m echiyngihm odybuthxngaedngaelwpidthxngthngxngkh emuxesrcnganinpiediywknkxxkphnwchodyihphramardawarakhkaraethnphraxngkh thngniephuxsuksaptibtiphrathrrmwiny txmaemuxphramardasinphrachnmkthwayphraephling n sthanthiediywknkbphrabida aelwsthapnathinnepnphraxaraminpi ph s 1994 odythrngkhnannamwawdxoskaramwihar luthungpi ph s 1998 oprdihsrangwdophtharamwihar hruxwdecdiyecyecdyxdtlxd 46 pikhxngrchkalphraecatiolkrach mikarthasngkhramkhyayphraedchanuphaphnbid hlaykhrng dngni prabhwemuxngfangthiaekhngemuxngecaemuxnghniipphungbarmiecaemuxngething x ething c echiyngray aetthukpraharchiwittxhnaecaemuxngething epnkarkrathathiimiwhnaecaemuxngething cungsngsarlbaecngihxyuthyaykthphmatiechiyngihm nbwaepnpthmehtuaehngsuksinghehnux esuxit echiyngihm xyuthya yudeyuxyawnan thung 18 picnsinrchkalthngphraecatiolkrachkbphraecasamphrayaaelaphraecabrmitrolknath xyuthyamatiemuxngechiyngihm tamthiecaemuxngethingaeprphktraecngihykthphmachingemuxng phl xyuthyathukklsuktxbotodnocmtiaetkphay swnecaemuxngethingthukpraharchiwit tdkhxisaephhywkklwylxngnaping odyminywaephuxihipthungphraecaxyuthya phrabrmrachathi 2 hruxecasamphraya prabemuxngnanthiaekhngemuxng phrayaemuxngnanhniipphungbarmiecaemuxngechliyngkhxngxyuthya khbilemuxnghlwngphrabangthiykthphlxbocmtiemuxngnansngphlihhlwngphrabangimmabukrukemuxngnanxiktxip prabemuxngyxng ithlux rthchan phma prabemuxngeciyngtxng rthchan emuxngkhrxnghlwng emuxngkhrxngnxy prabemuxngechiyngrung hrux echxhliihy hruxcinghng Jinghong 12 pnna mnthlyunnan praethscin emuxnglxng emuxngtun emuxngaech prabemuxngechiyngrungthiaekhngemuxngxikkhrng aelaekhatiemuxngxing prabemuxngnay ilkha lxkcxk eciyngtxng emuxngpn hnxngbxn yxnghwy emuxngsu emuxngcid emuxngcang emuxngking cakha emuxngphuy sipx kwadtxnphukhncanwn 12 328 khnmaisemuxngechiyngihm ykthphiptiemuxngithihy khrnthungemuxnghang thrabkhawewiydnamykthph 400 000 nay matihlwngphrabang aelamaocmtiemuxngnancungykthphklbmachwyemuxngnan ecaemuxngnantxsuxyangthrhd rbchnakxngthphmhasalkhxngckrphrrdielthntxngaehngewiydnam tdsirsaaemthph mathwayepncanwnmak phraecatiolkrachcungmiphrabrmrachoxngkarihxamatyphuihykhwbkhumechlysukewiydnam phrxmsirsaaemthph edinthangipyngkrungpkking ephuxthwayaedcxmckrphrrdi intxnaerkcxmckrphrrdicinimechuxwakxngthphlannacatxtikxngthphckrphrrdielthntxngaehngewiydnamid ephraakxngthphcinephingrbaephaekkxngthphewiydnammahyk cxmckrphrrdicincungmiphrabychasngsxbswnechlysukewiydnam thiediywphrxm knodyaeyksxbswnkhnlahxng ephuxpxngknmiihechlysukewiydnam bxkkhxmulihaekkn phlkarsxbswn trngknhmdwakxngthphthiyingihykhxngckrphrrdielthntxngaehngewiydnam phayaephhmdrupaekkxngthphphraecatiolkrach n smrphumithi emuxngnan ckrphrrdicinthungkbykphrahtththubphraxura trsdwyphrasuresiyngdngthwthxngphraorngtxhnaesna xamaty thichumnum n thinnwa ehwy khakhidwainithlamiephiyngkhaphuediywthimiedchanuphaphmak aetbdediywnimi thawlannaphraecatiolkrach miedchanuphaphthdethiymkha khacungaetngtngihthawlannaepn rachaphuphichitaehngthistawntk ihepnihyrxngcakkha mixanacthicaprabpramkstriynxyihythikxkaraekhngemuxngtxkha nbaetbdediywniepntnip phrxmkbthrngsngekhruxngrachxisriyaphrnaelaekhruxngprakxbekiyrtiys kxngthharphrxmesnabdiphuihy edinthangmaprakxbphithithiechiyngihmxyangyingihy xlngkarodythrngykyxngihepn rxng ckrphrrdicinaehngrachwngshming epn rachaphuphichitaehngthistawntk King of the West swnckrphrrdicinepnckrphrrdiaehngthistawnxxkZinme Yazawin hrux tananphunemuxngechiyngihm chbbphasaphma phmaeriykechiyngihm wa Zinme niepnexksarsakhythiphmakhnaekhapkkhrxngechiyngihm kwa 200 pi tngaetbuerngnxng yatrathphekhayudkhrxngechiyngihm emux ph s 2101 2317 aelainrchkaltxmaidnaexaexksarinrachsankrachwngkhmngrayipkhdlxkepnphasaphma aelanaklbphma txmadwykhwamrwmmuxkhxng mhawithyalyechiyngihm kbmhawithyalyyangkung idaeplepnphasaxngkvs inchuxwa Zinme yazawin emux khs 2004 exksarchbbnithrabkninhmunkwichakaraekhbephiyngimkikhn thrabwamixyuephiyng 20 elminkhnann pccubnyngimmikaraeplepnphasaithy enuxngcakkhxcakdthangdanlikhsiththi tikaaephngephchr chakngraw aetk sngthphhnamakwadkhrwthungemuxngchynath ekhatisuokhthymiid cungthxythphklb ecaemuxngechliyngaehngsuokhthy maswamiphkdi ecaemuxngphisnuolk hwemuxngehnuxkhxngxyuthya maswamiphkdi phrxmnaiphrphlemuxng thharkwa 1 hmunkhn maxyuinechiyngihmaemaebb Zinme Yazawin ykthphiplxmemuxngphisnuolk phrabrmitrolknath ichklsukhlbhnixxkcakemuxngphisnuolkewlaethiyngkhunaelaeduxnmudsnith thanglanananklbxyuthya phraecatiolkrachthrngphraphiorth rbsng ih khwklukta thharthuknaythisumlxm n phunthilananan hmundngnkhr aemthphihyrudekhaefa krabbngkhlthulthwayraynganwa phrabrmitrolknath ich klsuk tisyyan khxng klxnglxngeruxhnimatamlanananodyihcnghwaekhaasyyan eliynaebbsyyan khxng mharachechiyngihm thukprakar prakxbkbeduxnmud mxngehnimthnd thharthisumefarawng cungimechliywic tangkhidwa epneruxphrathinngkhxngphraecatiolkrach esdc cungimybyng aelakhainthanaaemthph khxrbothsaethnthharchnphunxythnghmd hakcakhwkluktathharphunxy kkhxihkhwkluktakhxngkhaaetephiyngphuediyw phraecatiolkrach idfngthharexkphuphkdi yxmslaaemkrathngluknytakhxngtwexngephuxaesdngkhwamrbphidchxb pkpxng rbaethnthharluknxng xikthng khwamcngrkphkdikhxnghmundngnkhr thimitx mharachechiyngihm rukrbipthwdinaednikl ikl ekhiyngba ekhiyngihl rwmepn rwmtay madwykn nbkhrngimthwn thrngtruktrxng aelwningesiy imtrsthungxiktxip txmakxngthharmathphhnailtam eruxphrathinngkhxngphrabrmitrolknath khnayngphkthipakym aelakxngthphmaidraylxmthphsmedcphrabrmitrolknathiwaelw cungidsngmaerwribaecngkhxrbphrabrmrachoxngkarcakphraecatiolkrach phraxngkhtrswa mnkphya kstriy ku k phya kuaep chna mn mnklaxayaekicaelw hmundng mungxyathaely txmakxngthphhnaiptiemuxngpakym phicitr aetngihhmundngnkhriptiemuxngechliyng xyuthyathukklsukphansaylbthithukcbid ihehnkxngthphechiyngihmcaykthphipthasukthangehnux cungaecngihxyuthyaykthphmachingexaechiyngihm odyechiyngihmrxsumocmtithidxykhuntal rxytx laphunkblapang tikxngthphxyuthyaaetkphay thukiltidtamtlxdthngkhunphanhangchtr lapang ednchy cnthungekhaphlung ekhttxaedn aephrkbxutrditth khrngnnphraxinthracha phrarachoxrsinphrabrmitrolknathtxngpunthiphraphktr xyuthya sboxkas kxngthphechiyngihmykkhunkhunehnuxipti emuxngphng ithlux mnthlyunnan praethscin cungykthphekhatiemuxngaephr fayhmundngnkhr phurksaemuxngechiyngihm ykthphipchwyemuxngaephrpxngknemuxng khrnkxngthphphraecatiolkrachaephdcsukemuxngphngithlux esrcaelwcungklbyngimthnthungechiyngihm thrabkhawcungykthphhlwngipchwyemuxngaephr phrabrmitrolknath thrngehnkxngthphechiyngihmihyekinkalngcatanthanidcung thxythphklb odythphhlwngmharachechiyngihmiltidtamipaetimthn cungimidrbkn thphhlwngphanemuxngechliyngklwhaynaphycungkhxepnkharachbriphar caknnthphmharachechiyngihmekhatiemuxngphisnuolksxngaekhw aetimsaerc cungthxythphiptiemuxngpangphl aelwklbphanemuxngechliyng lapang echiyngihm txmaecaemuxngechliyngepnkbthcungihhmundngnkhrykthphipcbkumtwecaemuxngechliyngmayngechiyngihm aelaenrethsipxyuemuxnghang phrxmkbaetngtngihhmundngnkhr khrxngemuxngechliyng swrrkholk ephimkhunxikemuxnghnung txmaechiyngihmthukphraethraphukamthirbcangcakxyuthya maechiyngihm hlxkihtdtnimniokhrth imaehng edchemuxng sungchawechiyngihmskkarbuchathiaecngsriphumi cnbanemuxngpnpwn txmamiehtukarnimkhadkhid khux phraecatiolkrach sngpraharthawbuyeruxng phrarachoxrsxngkhediywthithukthawhxmuk nangsnm iskhwamwacachingrachbllngk phayhlngthrabwaphraoxrsbrisuththi kthrngesiyphrathy xikthngthrngkriwaelahwadraaewngwahmundngnkhr thharexkkhubllngk thisngihiptanthankxngthphxyuthyathichayaednemuxngechliyng echiyngchun swrrkholk c suokhthy caaeprphktripekhaxyuthya cungeriyktwipechiyngihmaelathukpraharchiwit emuxthharexkkhubllngkhmundngnkhrthungaekxnickrrmaelw phraecatiolkrachcungihhmunaekhwnphukhrxngemuxngaechm x aechm c lapang ipkhrxngemuxngechiyngchun swrrkholk aetthukphrayasuokhthyykthphekhati cnhmunaekhwntayinthirb emuxngsuokhthycungidemuxngechiyngchunklbkhun hlngcakxyuitthngmharachechiyngihm mayawnan 23 pi xnepntneruxngaelaepnpraednhlkin lilitywnphaythiethidphraekiyrtismedcphrabrmitrolknath thitiemuxngechliyng emuxngechiyngchunhruxemuxngswrrkholk xditemuxnglukhlwngkhxngsuokhthy klbkhunmaxyuitphrabrmophthismpharidxikkhrnginpi ph s 2017 skrach 837 maaemsk ph s 2018 mharach echiyngihm khxmaepnimtri phngsawdarkrungeka chbbhlwngpraesrithxksrniti nbcakniepnewla 12 pithixanackrthngsxngepnmitrmiimtritxkn aelamharachthngsxngphraxngkhlwngekhasuwychra mharachechiyngihmswrrkhtinpi 2030 khnaphrachnmayuid 78 phrrsakhrxngrachy 46 piaelatamtidkninpitxma mharachxyuthya swrrkhtinpi 2031 khnaphrachnmayuid 57 phrrsa khrxngrachy 40 pi karthasngkhramkbkrungsrixyuthya aekikh xanackrlannainsmyphraecatiolkrach idthasngkhramkhrngaerkkbxyuthyainrchkalsmedcphrabrmrachathi 2 hruxecasamphraya txmacungthasngkhramkbphrabrmitrolknathhlaykhrngdwykn inpi ph s 1985 ecaemuxngething aehngxanackrlanna pccubnkhux x ething cnghwdechiyngray imphxicthi hmunolknkhr aemthphkhxngphraecatiolkrach tidtamipkhathawsxy ecaemuxngfangthiaekhngemuxngaelahlbhniipphungbarmi cungidkhxswamiphkditxkrungsrixyuthyasungtrngkbrchsmykhxngphrabrmrachathirach thi 2 ecasamphraya cungthrngthuxepnoxkasesdcykthphiptinkhrechiyngihm inkhnaediywkn phraecatiolkrachidcbecaemuxngethingpraharchiwit kxngthphxyuthyaidthukklsukkhxngfayechiyngihmplxmtwepntaphunchang khnhaxaharihchang papnekhaipinkxngthphecasamphrayaemuxidcnghwayamwikalcungtdplxkchang fnhangchangcnchangaetktunaelwfnnaychangtay kxngthphechiyngihmidyinesiyngxukthukkidthiykekhatikxngthphkrungsrixyuthyaaetkphayip ecasamphrayaidphyayamxikkhrnghnungodyykthphkrungsrixyuthyaekhatiemuxngechiyngihmaetprachwrsinphrachnmklangthang rwmkarthasngkhramrahwang 2 xanackr yudeyuxyawnanthung 33 pi nbaet ph s 1985 smyphraecasamphraya thung ph s 2018 smyphrabrmitrolknath phraecatiolkrachaehngxanackrlannakbsmedcphrabrmitrolknathaehngxanackrxyuthya aekikh insmykhxngsmedcphrabrmitrolknath ph s 1991 ph s 2031 phraxngkhkhunkhrxngrachykhnaphrachnmayuid 17 phrrsa aelakxnkhunkhrxngrachy smedcphrabrmitrolknathprathbxyuthiemuxngphisnuolk emuxkhunkhrxngrachyidesdclngmaprathbthikrungsrixyuthya epnehtuihecaemuxngtang chingxanacknexng aelaecaemuxngphisnuolksxngaekhw aeprphktripswamiphkdiphraecatiolkrachaehnglanna cungnakxngthphmatiemuxngtang khxngxyuthya khux emuxngphisnuolksxngaekhw emuxngpakym phicitr emuxngchakngraw kaaephngephchr emuxngsuokhthy emuxngechliyng srischchnaly emuxngechiyngchun swrrkholk odyidekhatiemuxngsuokhthyinpi ph s 1994 aetemuxthrngthrabkhawwaphraecakrunglanchangykthphmaprachidaednlannaephuxbuktiemuxngnancungoprdihykthphklb aetkxngthphkrungsrixyuthyatamiptikxnghlngkhxngkxngthphphraecatiolkrachaetkthi emuxngethin aetkphayipkhrnthung ph s 2004 phraecatiolkrachykthphlngmatihwemuxngtxnehnuxkhxngxyuthyaxik aetbngexiyphwkhx cin yunnan ykkalngmatichayaednechiyngihmkcatxngykthphkbiprksaemuxngkhunkbechiyngihm xyangirkdi phraecatiolkrachidykthphmarukranhwemuxngfayehnuxkhxngxyuthyaxyuenuxng epnehtuihsmedcphrabrmitrolknaththrngepliynnoybayesdckhunipprathbkhrxngrachsmbtiesiy n emuxngphisnuolkemux ph s 2006odyykthanaemuxngphisnuolkepnemuxnghlwng ephuxsadwkinkarcdkalngtxtithphmharachfayehnux xikthngyngthahwemuxngfayehnuxsungmkaekngaeykxanacknaelaaetkxxkcakfaykrungsrixyuthyamikhwamsamkhkhidwykhwamyaekrngsmedcphrabrmitrolknath phraxngkhidprathbkhrxngrachyxyuthiemuxngphisnuolkcnsinrchkal emux ph s 2031 aetkrannkyngtxngkhxysurbkbkarrukrankhxngphraecatiolkrachxyueruxymarwm 27 pi karsngbsukaelaepnphnthmitr aekikh in ph s 2008 khnaphrachnmayuid 34 phrrsa smedcphrabrmitrolknathphnwchthiwdculamni emuxngphisnuolk phraxngkhsngrachthutmayngechiyngihmephuxkhxekhruxngxthbrikharphrxmkbphraethranuethraipthaphithiphnwchcakphraecatiolkrach khnannmiphrachnmayu 56 phrrsa cungoprdihhmunlamaekhkepnrachthutphrxmdwyphraethphkhunethraaelaphraxbdb 12 ruplngmaemuxngphisnuolkephuxekhaefathwayekhruxngxthbrikharaedsmedcphrabrmitrolknath tamhlkthansilacarukwdculamni thibnthukwa skrach 826 piwxknkstr ph s 2007 xndbnn smedcphraramathibdisribrmitrolknathbphitrepneca ihsrangxasrmculamnithicaesdcxxkthrngmhaphienskrm khnann exkrachthngsamemuxngkhux phrayalanchang aelmharachphrayaechiyngihm aelphrayahngsawdi chmphrarachsrththa kaetngekhruxngxthbrikharihmathway inkhnaphnwch 8 eduxn 15 wn phraxngkhidthrngthuxoxkassngsmnathutchuxophthismpharamakhxexaemuxngechliyng swrrkholkkhun ephux ihepnkhawbinthbatr cakphraecatiolkrachaetphraecatiolkrachehnwaepn kickhxngsngkh cungthrngnimntphramhaethrafayxrywasithukrupmaprachumephuxthwaykhxpruksa khrngnnmiphraethraechiyngihmchuxsththmmrttnaidklawkbophthismpharasmnathutkhxngxyuthya wa tamthrrmeniymthawphraya phramhakstriy emuxphnwchaelwkyxmimkhxngekiywkhxngineruxngbanemuxngxik emuxsmedcphrabrmitrolknathphnwchaelwyngmakhxexabanexaemuxngni yxmimsmkhwr phrabrmitrolknarthidyinkhaehlann kningekbiwinic emuxthrnglaphnwchaelwcungidxxkxubaycangihphraethraphukamruphnungthithrngisykhunipepnissukinechiyngihm thaisysastr yuaeyngihphraecatiolkrach thalaysingskdisiththkhxngemuxng xathi tdokhnimniokhrthpracaemuxng cnekidxaephs mikhwamraaewngsngsybrrdakharachbriphar cnthungkbsaercothsthawbuyeruxngrachoxrstamthiecacxmhxmukiskhwamwacachingrachbllngk khrnthrabkhwamcringphayhlngthrngesiyphrathythihlngechuxcnpraharrachoxrsphraxngkhediyw rwmthngkarlngothshmundngnkhrphuepnaemthphexkkhubarmiphuphichitemuxngechliyng echiyngchun srischnaly swrrkholk sungekhyepnemuxnglukhlwngkhxngsuokhthy thithukiskhwamxikdwy txmasmedcphrabrmitrolknath sngrachthutnaekhruxngrachskkaramaeyuxnechiyngihm nywamasubrachkarlbthi cangphraethraphukamthakhunisyaekechiyngihm txmaphraethraphukamthukcbaelaepidephykhwamcring cungthuklngrachthnthnatwiskhuxkhaipthinglngaemnapingthi aekngphxk ephuxihkhunisychwraysnxngkhunklbaekphuthisngmaphraecatiolkrachthasngkhramkbphrabrmitrolknathtxenuxngmaepnewla 27 pi tangphldknrukphldknrb khrngnnphraxngkhkhyayxanackhunipthangthisehnuxtiidemuxngechiyngrung echxhliihyhruxcinghng sibsxngpnna mnthlyunnan phakhitkhxngpraethscin tiidemuxngechiyngtung echxhlinxyhruxekhmrth thistawntk idrthchan fngtawntkaemnasalawin tidphrmaednmupanghruxaesnhwi khuxemuxngsipx emuxngnay emuxngilkha emuxngeciyngtxng rwmkwa 11 emuxng odyecafaemuxngtang naiphrphlemuxngmaphungphraophthismpharthiechiyngihm 12 328 khn thangthistawnxxkcrdlanchang praethslaw thisitcrd tak echliyng srischnaly echiyngchun swrrkholk sungxyuhangcaksuokhthyephiyng 60 km txma inpi ph s 2018 phraecatiolkrachcungthrngtidtxkbfaykrungsrixyuthyakhxepnimtrikn faykrungsrixyuthyasungbxbchamakphxkncungrbkhxesnxkhxngphraecatiolkrach inplaysmykhxngrchkalkhxngthngsxngphraxngkhxanackrlannakykrungsrixyuthyacungmikhwamsngbepnimtritxkncnsinrchkalodyphraecatiolkrachswrrkhtinpi ph s 2030 aelaihhlngxik 1 pi smedcphrabrmitrolknathkswrrkht inpi ph s 2031 epnkarpidchak suk 2 mharachaehng 3 olk tiolk itrolk aeplwa 3 olkkhuxemuxngswrrkh emuxngmnusy aelaemuxngnrk sasna aekikhinrchsmyphraecatiolkrach phuththsasnamikhwamecriyrungeruxng phraxngkhthrngeluxmisaelathanubarungphuththsasna thrngsnbsnunkhnasngkhsankwdpaaedng lngkawngsnikaysinghlihm thrngnimntphramhaemthngkryanaeknnaklumlngkawngsihmcaklaphun macaphrrsathiwdrachmnethiyr aelathrngsthapnaihphramhaemthngkryankhunepnphramhaswami aelaswnkhxngphraxngkhexngkphnwchchwkhraw n wdpaaedngmhawihar karsnbsnunsngkhfaylngkawngssinghl thaihfaylngkawngsihmrungeruxngmak kulbutrmabwchepncanwnmak phraphiksuinnikaysinghlephimkhunmak nikaysinghlihmniennkarsuksaphasabaliaelakarptibtitamhlkphrathrrmwiny karsuksaelaeriynphrapriytithrrmecriykawhnaxyangsung aelakhwamkhdaeyngrahwanglngkawngsihmsaysinghl wdpaaedng aelalngkawngsekasayramy wdswndxk thimixyuinyukhnnkthaihphrasngkhsayramytuntwphyayamsuksaphrapriytiechnkn phraecatiolkrachthrngsngesrimkarsuksaelaeriynphrapriytithrrmthrngykyxngphraphiksuthimikhwamruaetkchaninphraitrpidk phrainsmynncungmikhwamrusungthipraktmichuxesiyngmak echn phraophrirngsi phrathrrmthinnethra aelaphrayankittiethra epntnkhwamechiywchayinkarrcnakhmphirphasabaliaelarxbruphraitrpidkkhxngphraethrachawlannainyukhnn idkxihekidkarthasngkhaynasxbcharaphraitrpidkin ph s 2020 thiwdmhaophtharam ecdyxd sungichewla 1 picungesrc nbepnkarsngkhaynakhrngthi 8 khxngolkaelaphraitrpidkchbbthisxbcharainsmyphraecatiolkrachcungthuxepnkhmphirhlkthan sakhychinhnungkhxngphuththsasnainlannathisubthxdmacnthungpccubnphraecatiolkrachthrngbarungphrasngkh thwaysmnskdiaekphramhaemthngkryanxacarykhxngphraxngkhepnthi phraxdulsktyathikrnmhasami thrngprarthnaepnthayathinsasnaaelasnxngkhunphrachnnicungthrngmxbrachsmbtiaedphrachnni aelwphnwchodymiphraxdulsktyathikrnmhasamiepnphrakrrmwacacary phrayanmngkhlethraepnphraxupchchay phnwchxyuimnankthrnglaphnwchxxkmakhrxngrachytxkarsrangaelaburnawdsakhy inrchsmykhxngphraecatiolkrach midngni inpi ph s 1999 oprdihsrangwdepnthixyukhxngphraxuttmpyyaethra thirimnaaemkhan orhini oprdihpluktnophthiinxaramnnaelwtngchuxwa wdmhaophtharam caknnsrangsttmhasthan inpiwxk ph s 2020 oprdihsrangmhawiharinxaramnnaelasrangwdrachmnethiyr wdpatal wdpaaednghlwngmhawihar epntn thrngburnatxedimecdiyhlwng ihihyaelasungkwaedim kwangdanla 35 wa sung 45 wa brrcuphrabrmsaririkthatuiwinphraecdiynnthrngsrangorngxuobsthinwdpaaednghlwng sungepnthithwayphraephlingphrabrmsphkhxngphrarachbida phyasamfngaekn aelaphrarachmarda emuxsrangphraxuobsthesrcinwnmhapwarna cungthrngrwmphithiphukphththsimathiwdpaaedngnndwy thrngxyechiyphraaekwmrkt cakwdphrathatulapanghlwng nkhrekhlangkh mapradisthaniwthisumcranadantawnxxkaehngecdiyhlwngthrngmxbpharaihsihokhtesnabdiaelaxanakiccathibdimhaxamaty daeninkarhlxphraphuththrupaebblwpurakhnadihy dwythxngsmvththihnksamsibsamaesn 3 960 kiolkrm n wdpatalmhawiharthangthistawntkechiyngitkhxngemuxngechiyngihm sungmiphrathrrmthinnmhaethraepnecaxawas aelainyukhnnidmikarsthapnakhwamechuxeruxngphrathatuinthitang thimixyuinxanackrodyxasykhwamsmphnththangsasnakhxngkhninthintang odykarsrangtananemuxngaelatananphrathatu khunxyangaephrhlay karsngkhaynacharaphrakhmphirphraitrpitk aekikh thiwdecdiyecdyxdniexngthiphraecatiolkrachoprdihchumnumphraethranuethra odymiphrathrrmthinmhaethra ecaxawaswdpatalepnprathan krathasngkhaynacharaphrakhmphirphraitrpidkthiwdophtharamniidrbkaryxmrbtxenuxngtxenuxngwaepnkarsngkhaynakhrngthi 8 inprawtiphraphuththsasntxcakthithamaaelw 7 khrnginpraethsxinediyaelasrilngka odyeriykkarsngkhaynakhrngthi 8 thiechiyngihmniwa xtthsngkhayna thaihphraphuththsasnaecriyrungeruxngmakinsmyni cnepnthieluxngluxphraekiyrtiysipthwpraethskhangekhiyng thaihphraecatiolkrachidrbakrechlimphraprmaphiithywa phraecasirithrrmckrwtiolkrachamhathrrmikrach phraecankhrphingkhechiyngihm karkxsrangaelaptisngkhrphraphuththsthan aekikh ecdiybrrcuphrabrmxthiphraecatiolkrach wdecdyxd echiyngihm srangemux ph s 2030 emuxpi ph s 2022 phraecatiolkrachoprdihhmundamphrakhtedinthangippraethslngkacalxngaebbolhprasathaelamakxsrangepnecdiy 7 yxd n wdmhaophtharam wdecdyxd aelacalxngrtnmaliecdiyephuxnaaebbmaptisngkhrphraecdiyihythiwdecdiyhlwngthiphraecaaesnemuxngma kstriyxngkhthi 9 aehngrachwngsmngrayoprd ihsrangkhun phraecdiyihyxngkhnicungidrbkarkhyayesrimthanihkwangepn 70 emtr sung 88 emtr oprdihbrrcuphrabrmthatuthiidmacaklngkaiwinxngkhphraecdiyni phrxmthngoprd ihsranghxphraaekwtamxyangolhprasaththilngka pccubnsakkaaephngsxngchnkhxnghxphraaekwrangxyuithxprawtisastremuxngechiyngihm aelwxarathnaphraaekwmrktinsumcranathistawnxxk phrasinghinsumcranathisehnuxaelaphraaekwkhawmaiwinecdiywdecdiyhlwnginpi ph s 2025 oprd ihxyechiyphraphuththptimakraekncnthnaedngcakwiharwdpaaedngehnuxemuxngphaeyamaiwthinkhrechiyngihm odyesdciprbdwyphraxngkhexngthiemuxnglaphun tlxdewlainchwngplayrchkal phraecatiolkrachidsnphrathythanubarungphrasasnaepnxnmak idoprd ihhlxphraphuththrupthxngkhaxngkhhnungaelaoprd ihbrrcuphrabrmthatu 500 xngkh khnannamwa phrapatalnxy pradisthaniw n wdpatalwn thisungphrathrrmthinethraphuepnprathaninkarsngkhaynaphraitrpidkkhrngthi 8 epnecaxawasphraecatiolkrachesdcswrrkhtemux ph s 2030 phrachnmayu 78 phrrsa kxnsmedcphrabrmitrolknathephiyngpiediywkhnaphrachnmayu 57 phrrsa hlngkhrxngrachymaepnewlananthung 46 pi phraxngkhidthrngsrangkhwamecriyrungeruxngihaekxanackrlannaaelankhrechiyngihmmakthisudphraxngkhhnung ephuxepnkarechlimphraekiyrtiaedphraxngkh thangrachkarcungidtngchuxhxprachumihykhxngcnghwdechiyngihmwa hxprachumtiolkrach pccubn xyutidkbsalaklangcnghwd hlngeka inwdxinthkhilsaduxemuxng hruxbriewnxnusawriy 3 kstriy icklangemuxngechiyngihm inchwngrchsmykhxngphraxngkhxanackrlannaecriyrungeruxngaelayngmiphlsubenuxngtxmathungrchsmykhxngphyayxdechiyngray aelarchsmykhxngphraemuxngaekw phraecaphutathiptirach hruxphraecatilkpnddathirach phuepnehlnkhxngphraxngkh inrahwangpi ph s 2038 2068 xikdwyxangxing aekikh srswdi xxngskul prawtisastrlanna phimphkhrngthi 6 krungethph xmrinthr 2552 hna 188 phiess eciycnthrphngs karemuxnginprawtisastr yukhsuokhthy xyuthya phramhathrrmracha kstrathirach phimphkhrngthi 2 krungethph mtichn hna 48 wilaswngs phngsabutr tiolkrach saranukrmithy chbbrachbnthiysthan elm 13 phimphkhrngthi 2 krungethph 2524 srswdi xxngskul 2530 ewbistlannakhdi winy phngssriephiyr paipsifu paiptaetiyn echiyngihminexksarcinobran phimphkhrngthi 1 ph s 2539 Zinme Yazawin Chronicle of Chiang Mai cdphimphody University Historical research Centre Yangon First published March 2003 97hna dwykhwamrwmmuxrahwangmhawithyalyechiyngihm kbmhawithyalyyangkung praethsphma aelaidrbkarsnbsnuncakmulnithi Toyota sunywthnthrrmcnghwdechiyngihm sthabnrachphtchiyngihm 2538 tananphunemuxngechiyngihm chbb echiyngihm 700 pi mulnithiphrabrmthatudxysuethph echiyngihm 2548 wdolkomli s thrphykarphimph echiyngnaetahukxnhna phraecatiolkrach thdipphyasamfngaekn kstriyaehngxanackrlanna ph s 1984 2030 phyayxdechiyngrayekhathungcak https th wikipedia org w index php title phraecatiolkrach amp oldid 9540341, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม