วัดป่าแดงมหาวิหาร
วัดป่าแดงมหาวิหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดป่าแดง” ที่ได้ชื่อว่าวัดป่าแดงเนื่องจากในอดีตบริเวณวัดมีต้นไม้แดงอยู่มาก วัดป่าแดงมหาวิหารตั้งอยู่เลขที่ 71 หมู่ 14 ซอย 4 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ปัจจุบันพระครูโฆสิตปริยัตยาภรณ์เป็นเจ้าอาวาส
วัดป่าแดงมหาวิหาร | |
---|---|
วัดป่าแดงมหาวิหาร | |
ชื่อสามัญ | วัดป่าแดง |
ที่ตั้ง | 71 หมู่ 14 ซอย 4 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200 |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระพุทธพิชิตชัยอดิสัยป่าแดงมิ่งมงคล พระพุทธสิริมงคลชัย |
เจ้าอาวาส | พระครูโฆสิตปริยัตยาภรณ์ (เจ้าคณะตำบลสุเทพเขต 1) |
พระจำพรรษา | จำนวนภิกษุ 6 รูป สามเณร 14 รูป |
จุดสนใจ | พระอุโบสถ พระวิหาร เจดีย์ บันไดนาค |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
ประวัติความเป็นมา ความสำคัญ
วัดป่าแดงสถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1974 โดยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายเพื่อเป็นที่พำนักของพระญาณคัมภีร์และคณะสงฆ์ที่เดินทางกลับมาจากลังกาเพื่อเผยแผ่ลัทธินิกายลังกาวงค์ใหม่หรือนิกายสิงหลในขณะนั้นพระญาณคัมภีร์ได้อัญเชิญพระไตรปิฏก พระพุทธรูป และต้นโพธิ์มาไว้ในวัดแห่งนี้ ในสมัยพระเจ้าติโลกราชพระองค์ทรงเลื่อมใสและทำนุบำรุงพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ใหม่อีกทั้งทรงผนวชที่วัดป่าแดงมหาวิหาร การสนับสนุนคณะสงฆ์นิกายสีหลทำให้พุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ใหม่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากเป็นที่เลื่อมใสของผู้คน วัดป่าแดงจึงเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาสายลังกาวงศ์ใหม่ พระเจ้าติโลกราชได้ถวายพระเพลิงพระศพพระราชบิดาและพระราชมารดาที่วัดแห่งนี้ทั้งยังได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิพระราชบิดาและพระรามารดาซึ่งยังคงมีหลักฐานหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ใหม่หรือนิกายสีหล เป็นพุทธศาสนานิกายใหม่ที่เข้ามาเผยแผ่ในล้านนาโดยมีพระญาณคัมภีร์เป็นผู้นำในการเผยแผ่ นำเข้ามาในเชียงใหม่ในสมัยพญาสามฝั่งแกน(พ.ศ. 1973) สาเหตุที่ทำให้พระญาณคัมภีร์ตั้งนิกายลังกาวงศ์ใหม่ขึ้นเนื่องจาก การเผยแผ่ลัทธิลังกาวงศ์เก่าของพระสุมนเถระซึ่งทำให้เกิดการตื่นตัวทางพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางนำไปสู่แนวความคิดที่ต้องการพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ถูกต้องตามพระธรรมวินัย พระญาณคัมภีร์และคณะจึงเดินทางไปศึกษาและอุปสมบทที่ลังกาโดยตรง จึงเดินทางกลับมาเผยแผ่หลักการและแนวปฏิบัติใหม่ออกไปอย่างกว้างขวางจนเกิดความขัดแย้งและแตกแยกกับนิกายลังกาวงศ์เก่าหรือนิกายรามัญ (วัดสวนดอก) คณะสงฆ์ฝ่ายป่าแดงกล่าวหาสงฆ์ฝ่ายสวนดอกว่าไม่เป็นภิกษุเพราะไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดในสมัยพญาสามฝั่งแกน(พ.ศ. 1945-1984) จึงโปรดให้จัดเวทีโต้แย้งกันจนในที่สุดสงฆ์ฝ่ายป่าแดงชนะ หลังจากนั้นพระสงฆ์ทั้งสองนิกายยังเกิดการทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้งพญาสามฝั่งแกนจึงโปรดให้สงฆ์ฝ่ายป่าแดงออกจากเชียงใหม่ใน พ.ศ. 1977 ทำให้นิกายปาแดงไปเจริญรุ่งเรืองที่ เชียงราย เชียงแสน พะเยา ลำปาง เชียงตุงจนกระทั่งสมัยพระเจ้าติโลกราช(พ.ศ. 1984-2030) ทรงเลื่อมใสในนิกายวัดป่าแดงจึงทรงอุปถัมภ์จนนิกายวัดป่าแดงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ปูชนียวัตถุ
พระพุทธสิริธัมมจักกสัติโลกราช
พระพุทธสิริธัมมจักกสัติโลกราชเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนทรงเครื่อง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2524 หน้าตักกว้าง 20 นิ้ว สูง 34 นิ้ว ในยอดพระเกตุโมลีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ้งได้ประทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551
พระพุทธพิชิตชัยอดิสัยป่าแดงมิ่งมงคล
พระพุทธพิชิตชัยอดิสัยป่าแดงมิ่งมงคล เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 55 นิ้ว สูง 72 นิ้ว จำลองมาจากพระเจ้าเก้าตื้อ วัดสวนดอกพระอารารมหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2525 โดยมีนายณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ เป็นเจ้าภาพจัดสร้างในสมัยพระบัญชา ฐิตสีโล ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าแดงมหาวิหาร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศน์วิหารกรุงเทพมหานคร ขณะดำรงตำแหน่งสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระญาณสังวร ได้ประทานนามให้
พระพุทธสิริมงคลชัย
พระพุทธสิริมงคลชัยเป็นพุทธศิลปะแบบญี่ปุ่นประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์ลังกา ขนาดหน้าตักกว้าง2.85 เมตร สูง 3.20 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2520 โดยพระธุดงค์รูปหนึ่งได้รับการสมโภชเมื่อ พ.ศ. 2524 บริเวณลานพระพุทธสิริมงคลชัยจะมีการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้เป็นข่วงธรรม
สมเด็จพระโลกนาถศาสดาบรมบพิตรสถิตรัตตวัน
สมเด็จพระโลกนาถศาสดาบรมบพิตรสถิตรัตตวันเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ขนาดหน้าตักหว้าง 72นิ้ว สูง90นิ้ว สร้างเมื่อพ.ศ. 2543 ประดิษฐานในศาลาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2544 โดยความอุปถัมภ์ของพระวิสุทธิสุนทร วัดอมรคีรี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2545 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ กรรมการเถรสมาคมวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาเยี่ยมชมวัดป่าแดงมหาวิหาร และประธานนามว่าสมเด็จพระโลกนาถศาสดาบรมบพิตรสถิตรัตตวัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 72 พรรษา
พระพุทธมณีศรีอุดม
พระพุทธมณีศรีอุดมเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐด้วยปูน ขนาดหน้าตักกว้าง 1.35 เมตร สูง 1.53 เมตร ประดิษฐานในซุ้มโขงหลังพระประธาน ได้รับการบูรณะครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2543
ช้างไม้มงคลคู่
ช้างไม้มงคลคู่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 15 มกราคม 2553 เวลา 14.30 น. นายธัญศักดิ์ ศรีจันทร์ ปลัด อบต.สุเทพ(ในขณะนั้น) ได้อัญเชิญช้างไม้มงคลคู่พระราชทานมาประดิษฐานในวัดป่าแดงมหาวิหาร โดยช้างไม้มงคลคู่นี้มีความสูง 2.97 เมตร ฐานกว้าง 95 เมตร ยาว 2.90 เมตร น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม
โบราณสถาน
เจดีย์วัดป่าแดงหลวง(ร้าง)
เจดีย์วัดป่าแดงหลวงร้างเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่บริเวณทางด้านตะวันออกของวัดในส่วนที่มีพระสงฆ์จำพรรษา เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 1990 โดยพญาติโลกราชโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิพระราชมารดาและพระบิดาของพระองค์ ลักษณะประกอบของเจดีย์มีความสัมพันธ์กับเจดีย์ช้างล้อมศรีสัชชนาลัย ประกอบด้วยฐานเขียงทรงสี่เหลี่ยมซ้อนกันสองชั้นแล้วเคยปรากฏรูปปั้นช้างล้อมองค์เจดีย์ ลำตัวของช้างเหล่านั้นติดกับติดกับฐานเขียงทรงสี่เหลี่ยมแต่ปัจจุบันชำรุดหลุดร่วงไปหมดแล้ว ถัดจากฐานช้างล้อมเป็นฐานทรงแท่งรูปสี่เหลี่ยมยกสูง เจาะเป็นช่องซุ้มจระนำเป็นกรอบวงโค้งลักษณะคล้ายกรอบซุ้มหน้านางในศิลปะสุโขทัย โดยที่ช่องซุ้มนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 5ซุ้ม รวม 20 ซุ้ม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกรอบซุ้มหน้านางในศิลปะสุโขทัยที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะลังกาซึ่งอิทธิพลของเจดีย์ทรงระฆังแบบสุโขทัย อาจเข้ามาในล้านนาตั้งแต่การเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระสุมนเถระ พ.ศ. 1912
วิหารวัดป่าแดงหลวง
วิหารวัดป่าแดงหลวงตั้งหน้าไปทางด้านทางตะวันออก ตามสภาพในปัจจุบันได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยครั้งสำคัญเมื่อ พ.ศ. 2523 เช่น การก่อผนังและหน้าต่างใหม่ การมุงหลังคาด้วยกระเบื้อง แต่ในส่วนศิลปกรรมตามสภาพเดิม เช่น หน้าบัน คันทวย รองรับเชิงชาย และลวดลายปูนปั้นประดับมณฑปปราสาทภายในวิหารมีลักษณะค่อนข้างสมบรูณ์รวมถึงตัวผังพื้นของอาคารเป้นแบบดั้งเดิมของล้านนา ลักษณะตัววิหารเป็นอาคารเครื่องไม้ขนาดกว้าง 3 ห้อง ยาว 6 ห้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีลักษณะเป็นวิหารแบบปิดโดยมีการ ก่ออิฐฉาบปูนเป็นผนังทึบรอบตัวอาคาร มีการเจาะช่องหน้าต่าง ระหว่างห้องวิหารทุกห้อง สำหรับห้องท้ายวิหารเป็นผนังก่อทึบและเจาะช่องเพื่อทะลุถึง องค์มณฑปปราสาทที่สร้างท้ายวิหารเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำริด แผนผังของวิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสัมพันธ์กับหลังคาที่มี 2 ชั้น เป็นกระเบื้องดินเผาเคลือบสีน้ำตาล
อุโบสถวัดป่าแดง
อุโบสถวัดป่าแดง ตั้งแยกอยู่ในบริเวณตอนล่าง ห่างจากบันไดนาคราวหนึ่งร้อยเมตร ทางด้านทิศตะวันออก ปัจจุบันอยู่ติดโรงแรมฟลอรัลอยาตนะเชียงใหม่ ตัวอุโบสถหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินดิน บริเวณหน้าบันตกแต่งด้วยลายแกะสลักไม้ โดยลายหน้าบันด้านทิศตะวันตกปรากฏลายแกะไม้ประดับกระจก เป็นภาพยักษ์ประกอบเถาวายก้านขด ป้านลมทั้งสองด้านเป็นรูปพญานาคประดับกระจก อุโบสถวัดป่าแดง ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างแต่จากรูปแบบศิลปกรรมน่าจะสร้างหลังจากวิหาร
เจดีย์ทรงระฆัง
ด้านหลังวิหารวัดป่าแดงปรากฏเจดีย์ทรงระฆัง ที่ตัวระฆังได้ปรับรูปแบบอยู่ในผังแปดเหลี่ยม บนฐานปัทม์ อันเป็นเจดีย์ศิลปะล้านนา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อสร้าง โดยร่องรอยที่ปรากฏในปัจจุบันได้ถูกปฏิสังขรณ์ไปมากแล้วเจดีดังกล่าวสันนิษฐานว่าอาจสร้างหรือปฏิสังขรณ์ในช่วงเวลาที่ครูบาศรีวิชัยมาพำนักที่วัดป่าแดง ตามเอกสารล้านนาราวกลางพุทธศตวรรษที่ 25 ได้กล่าวว่าครูบาศรีวิชัยได้ บรูณะซ่อมแซมในช่วงหลังที่ท่านได้มาปฏิสังขรณ์วัดสวนดอก รวมทั้งให้สร้างหอไตรขึ้นระหว่างซุ้มพระหลังวิหารกับเจดีย์
เจดีย์ทรงปราสาท
เจดีย์ทรงปราสาทบนฐานปัทม์ มียอดเป็นทรงระฆังกลม ภายในองค์ธาตุเรือนธาตุนั้นเป็นห้องขนาดเล็กโดยปัจจุบันเป็นอาคารที่ใช้เป็นหอธรรมหรือเก็บคัมภีร์ใบลาน เจดีย์ดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างแต่เมื่อพิจารณาจากรูปแบบศิลปกรรมเจดีย์ในปัจจุบันแม้จะได้ถูกปฏิสังขรณ์ไปมากแต่จากร่องรอยบางประการ เช่น การปรากฏการตกแต่งด้วยปูนปั้นประดับกระจกบริเวณองค์ระฆังเหนือเรือนธาตุด้วยลานศิลปะพม่า และยอดเจดีย์ที่ปราศจากบัลลังก์ ก็เป็นลักษณะของเจดีย์ศิลปะพม่า ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการปฏิสังขรณ์โดยผสมผสานกับศิลปะพม่า เพราะเป็นที่นิยมแพร่หลายในสมัยนั้น
สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ
- ศาลาอเนกประสงค์และศูนย์การเรียนรู้ติโลกราช เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว กว้าง 9 เมตร ยาว 20 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2518 นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เรียนของศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ของวัดป่าแดงมหาวิหาร ซึ่งเริ่มเปิดสอนตั้งแต่ พ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบัน
- ศาลาบำเพ็ญกุศล จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารชั้นเดียวสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
- ศาลาโตแสงชัย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2518
- ศาลาบำเพ็ญบุญ
- ศาลาหมอชีวกโกมารภัจจ์ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2518
- ศาลาแก้วสืบตระกูล สร้างเมื่อ พ.ศ. 2532
- หอระฆัง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2538
- อาคารสำนักงานวัดป่าแดงมหาวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2541 และปรับปรุงเมื่อ พ.ศ. 2546
- ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาฯ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2543 มีสมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาบรมบพิตรสถิตรัตตวันเป็นพระประธาน และเป็นที่ประดิษฐานของช้างไม้มงคลคู่ ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางพระบรมราชินีนาถ
รายนามเจ้าอาวาส
รายนามเจ้าอาวาสวัดป่าแดงมหาวิหารรูปแรกจนถึงปัจจุบันมีดังนี้
ลำดับที่ | รายนาม | วาระการดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | พระมหาญาณคัมภีร์ | พ.ศ. 1973 - ไม่ปรากฏ |
2 | พระมหาสวามีญาณโพธิ | พ.ศ. 2031 - พ.ศ. 2035 |
3 | พระมหาสัทธัมมสัณฐิกะ | ไม่ปรากฏ |
4 | พระมหาสารภังคะเถระ | ไม่ปรากฏ |
5 | ครูบามณีวรรณ | ไม่ปรากฏ |
6 | ครูบาเสาร์ | ไม่ปรากฏ |
7 | พระคำตั๋น | ไม่ปรากฏ |
8 | พระหล้า | ไม่ปรากฏ |
9 | พระอธิการอิ่นแก้ว อรินฺโท | พ.ศ. 2487 - พ.ศ. 2516 |
10 | พระบัญชา ฐิตสีโล | พ.ศ. 2516 - พ.ศ. 2526 |
11 | พระครูสุนทรธรรมคุณ | พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2530 |
12 | พระสายันห์ ยสปาโล | พ.ศ. 2530 - พ.ศ. 2532 |
13 | พระครูฤทธิเดช ฐานวโร | พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2540 |
14 | พระมหาไสว เทวปุญฺโญ | พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2542 |
15 | พระมหาธีรพงษ์ สิรินฺธโร พระครูธรรมธรธีรพงษ์ สิรินฺธโร พระครูโฆสิตปริยัตยาภรณ์ | พ.ศ. 2542 - พ.ศ. 2544 พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน |
อาณาเขต
- ทิศเหนือ จรดสำนักงานมูลนิธิโครงการหลวง
- ทิศใต้ จรดเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย
- ทิศตะวันออก จรดที่ดินของเอกชน
- ทิศตะวันตก จรดเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย
ประมวลภาพบรรยากาศภายในวัดป่าแดงมหาวิหาร
การเดินทาง
จากสี่แยกตลาดต้นพยอมตรงมาตามถนนสุเทพ ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประมาณ 400 เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอย 4 ก่อนถึงวัดอุโมงค์จะมีทางแยกเลี้ยวขวาแล้วตรงไปจนสุดทาง
อ้างอิง
- ↑ สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 125.
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. (2557). ประวัติศาสตร์ล้านนา. หน้า 162.
- ↑ อุษณีย์ ธงไชย. (2556). เอกสารประกอบการสอนประวัติศาสตร์ไทยจากสมัยสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์. หน้า 83.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 128.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 127.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 129.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 130.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 126.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 131.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 82.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2552). โครงการศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาวัดป่าแดงมหาวิหารอย่างยั่งยืน. หน้า 29.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 133.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2552). โครงการศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาวัดป่าแดงมหาวิหารอย่างยั่งยืน. หน้า 32.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 117.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 132.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2552). โครงการศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาวัดป่าแดงมหาวิหารอย่างยั่งยืน. หน้า 44.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 135.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 115.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2552). โครงการศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาวัดป่าแดงมหาวิหารอย่างยั่งยืน. หน้า 43.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 134.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2554). วัดป่าแดงมหาวิหาร : อดีต ปัจจุบัน อนาคต. หน้า 114.
- สมโชติ อ๋องสกุล และคณะ. (2552). โครงการศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาวัดป่าแดงมหาวิหารอย่างยั่งยืน. หน้า 42.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากกูเกิลแมปส์