ปลาทะเลลึก
ปลาทะเลลึก (อังกฤษ: deep sea fish) คือปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกที่มืดมิดและแสงแดดส่องไม่ถึง (ลึกกว่าเขตมีแสง) ปลาทะเลลึกที่พบมากที่สุดคือปลาตะเกียง นอกจากนี้ยังมีปลาทะเลลึกชนิดอื่นมากมาย เช่น ปลาฉลามคุกกี้คัตเตอร์ ปลาตกเบ็ด ปลาไวเปอร์
จากการสำรวจมีเพียง 2% จากสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตในทะเลทั้งหมดเท่านั้นที่เรารู้จัก หมายความว่าพวกมันอาศัยอยู่ในห้วงน้ำ ต่างจากสิ่งมีชีวิตเขตอยู่ก้นทะเลที่อาศัยอยู่ในหรือบนก้นทะเล โดยทั่วไปจะพบสิ่งมีชีวิตทะเลลึกในเขตท้องทะเลลึก (ระดับความลึก 1,000–4,000 เมตร) และเขตความลึกก้นสมุทร (ระดับความลึก 4,000–6,000 เมตร) อย่างไรก็ตามปลาทะเลลึกอย่าง ปลาที่เรืองแสงได้สามารถพบได้ในท้องทะเลลึกปานกลางด้วย (ระดับความลึก 200–1,000 เมตร)
- ท้องทะเลลึกปานกลางเป็นห้วงน้ำที่มีความอับแสง แต่ยังสามารถวัดปริมาณแสงได้เล็กน้อย ระดับความลึกที่มีออกซิเจนน้อยมากจะอยู่ที่ระดับ 700–1,000 เมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นด้วยว่ามีแหล่งผลิตออกซิเจนหรือไม่ ท้องทะเลลึกปานกลางยังเป็นพื้นที่ ๆ อาหารยังอุดมสมบูรณ์
- ท้องทะเลลึกและเขตความลึกก้นสมุทรเป็นห้วงน้ำที่ไร้แสง หรือก็คือไม่สามารถวัดปริมาณแสงได้เลย ห้วงน้ำเหล่านี้คิดเป็น 75% ของพื้นที่อาศัยอยู่ได้ในมหาสมุทร
ท้องทะเลตื้น (ระดับความลึก 0–200 เมตร) เป็นห้วงน้ำที่มีแสงมากทำให้เกิดการสังเคราะห์แสง จึงเรียกได้ว่าเป็นเขตมีแสง แสงสามารถทะลุผ่านความลึกของมหาสมุทรได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ทำให้ปริมาตรน้ำกว่า 90% ของมหาสมุทรเป็นพื้นที่ ๆ มืดมิด ทะเลลึกเป็นพื้นที่ ๆ มีสภาพที่สุดขั้วมาก เพราะน้ำมีความเย็น 3 °ซ. ถึง -1.8 °ซ. (ยกเว้นบริเวณปล่องแบบน้ำร้อน ที่น้ำอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 350 °ซ.) ออกซิเจนต่ำ อีกทั้งยังมีแรงกดดันของน้ำจำนวนมหาศาลขนาดความดันระหว่าง 20 ถึง 1,000 บรรยากาศ (ระหว่าง 2 ถึง 100 เมกะปาสคาล)
ลักษณะทั่วไป
ปลาทะเลลึกนั้นมีรูปร่างเหมือนสัตว์ประหลาดพบเห็นได้ยากแต่ก็มีความน่าสนใจเพราะมีนิทานหลายเรื่องที่กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติมากมายและยังไม่ได้รับการศึกษาในสมัยนั้นเนื่องจากพวกมันอยู่ในทะเลลึกที่มืดมิดซึ่งอาจจะพบได้แค่ตอนเกยตื้นหรือซากศพของพวกมัน ปลาทะเลลึกโดยทั่วไปนั้นจะพึงพาความรู้สึกมากกว่าการมองเห็นเนื่องจากแสงสว่างใต้ทะเลลึกนั้นมีไม่มากพอจึงไม่สามารถพึงพาการมองเห็นในการล่าเหยือหรือลีกหนีการไล่ล่าได้มันจะพึงพาการเปลียนแปลงความดันและกลิ่นแทนแต่ถึงอย่างนั้นปลาบางชนิดมีตาที่ไวต่อแสงกว่ามนุษย์ถึง 100 เท่า นอกจากนี้มันยังมีสีที่เข้มเพื่อหลีกหนีการล่าของวาฬและนักล่าอื่นๆอีกด้วย
ปลาทะเลลึกหลายชนิดเป็นสารเรืองแสงที่มีดวงตาที่ใหญ่มากเหมาะกับความมืด ปลาที่เรืองแสงมีความสามารถในการผลิตแสงทางชีวภาพผ่านการกระเจิงของโมเลกุลของลูซิเพอลีน (luciferin) ซึ่งทำให้เกิดแสง โดยกระบวนการนี้ต้องใช่ออกซิเจนด้วย ปลาเรืองแสงมากกว่า 50% ส่วนมากอยู่ตรงบริเวณไหล่ทวีปที่ระดับความลึกประมาณ 200 เมตรและ 80% ของกุ้งและปลาหมึกก็มีความสามารถในการเรืองแสงด้วยเช่นกัน อัวยวะเรืองแสง (photophores) ซึ่งผลิดมาจากเซลล์ที่มีแบคทีเรีย อวัยวะเรืองแสงเหล่านี้มีเซลล์ที่คล้ายกับเลนส์ที่เหมือนกับที่อยู่ในดวงตาของมนุษย์เพื่อใช้ในการทำให้แสงกระจ่ายตัวอีกด้วย การเรืองแสงเหล่านี้ใช้พลังงานเพียง 1% ของพลังงานทั้งหมดแต่มีจุดประสงค์มากมายเช่นใช้ค้นหาอาหาร, สื่อสาร, หาคู่ผสมพันธุ์และดึงดูดเหยื่อเช่นปลาตกเบ็ดนอกจากนี้พวกมันยังลวงตานักล่าด้วยการปรับแสงให้ตรงกับความเข้มข้มของแสงจากด้านบนได้อีกด้วย
วงจรชีวิตของปลาทะเลน้ำลึกส่วนใหญ่จะเป็นไข่และตัวอ่อนตรงน้ำตื้นและลงน้ำลึกเมื่อโตเต็มวัย โดยไข่อาจจะลอยเป็นแพลงค์ตอนหรือวางไว้ในหลุมก็ได้แล้วแต่ชนิดของปลาเมื่อพวกมันโตเต็มที่พวกมันจะมีการดัดแปลงร่างกายเนื่องจากความหนาแน่นของน้ำทำให้ตัวพวกมันนั้นลอยน้ำได้จึงต้องเพิ่มความหนาแน่นของตัวมันให้มากกว่าน้ำรอบ ๆ ด้วยการทำให้เนื้อเยื่อส่วนมีลักษณะเป็นเนื้อเหลว ๆ เหมือวุ้นเพื่อสร้างสมดุลสิ่งมีชีวิตส่วนมากใต้ทะเลพัฒนาถุงลมของพวกมัน แต่เนื่องจากความดันที่สูงมากของสภาพแวดล้อมนี้ปลาทะเลลึกจึงมักจะไม่ได้มีอวัยวะนี้ แต่ถึงอย่างนั้นปลาทะเลลึกที่อยู่ลึกมาก ๆ นั้นจะมีกล้ามเนื้อที่เหมือนวุ้นและมีโครงสร้างกระดูกน้อยเพราะพวกมันลดความหนาแน่นของเนื้อเยื่อโดยเพิ่มไขมันให้สูงขึ้นและลดน้ำหนักโครงกระดูกลงเพื่อลดขนาดความหนาและปริมาณแร่และการสะสมน้ำจึงทำให้พวกมันช้าและคล่องตัวน้อยกว่าปลาบนผิวน้ำ
เนืองจากความลึกนี้ทำให้การสังเคราะห์แสงน้อยทำให้ทะเลลึกปลาส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการจมของซากศพและสารอินทรีย์จากทะเลด้านบนแต่บางที่พวกมันก็มีแหล่งอาหารอยู่เช่นบริเวณปล่องแบบน้ำร้อนแต่ถึงอย่างนั้นทะเลลึกนี้ก็เป็นสถานที่ๆหาอาหารได้ยากดังนั้นพวกมันจึงมีการปรับตัวเพื่องให้ดำรงชีวิตได้ง่ายขึ้นเช่นยืดหดขากรรไกรได้เช่นปลาฉลามก็อบลิน มี่ติ่งเนื้อเรืองแสงที่คล้ายเบ็ดตกปลาเช่นปลาตกเบ็ด มีปากที่ใหญ่เช่นปลาไหลกัลเปอร์และมีกระเพาะขนาดใหญ่เช่นปลาแบล็คสวอลโล
ปลาที่อยู่ในทะเลน้ำลึกมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดทางโครงสร้างทางกายภาพและพฤติกรรมซึ่งเกิดจากโซนที่อยู่อาศัยการอพยพการล่าและอื่น ๆ นั้นเองครีบก้นและครีบหางเป็นของที่หาได้ยากในหมู่ปลาทะเลน้ำลึกซึ่งแสดงให้เห็นว่าปลาทะเลน้ำลึกมีความเก่าแก่และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของมันได้ดีทำให้การรุกรานของปลาชนิดอื่น ๆ นั้นไม่ประสบความสำเร็จครีบส่วนใหญ่จะเป็นแบบปลาโบราณ ปลาทะเลลึกคงรูปร่างเดิมตั้งแต่อดีตจึงเป็นแบบอย่างของวิวัฒนาการที่ยาวนานในอดีตเมือหลายร้อนล้านปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากปลาผิวบนและปลาน้ำจืดที่มีการวิวํฒนาการเรือยมา
สถานะปัจจุบัน
ปัจจุบันเรารู้จักปลาทะเลลึกเพียง2%จากสายพันธุ์ปลาทะเลทั้งหมดเนื่องจากพวกมันสามารถพบเห็นและจับมาศึกษาได้ยากทำให้ได้ศึกษาเพียงซากศพที่ถูกกระแสน้ำพัดพามาเกยตื้นส่วนที่นักวิทยาศาสตร์สามารถจับได้ก็อาศัยอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะตายลงเนื่องจากปลาทะเลลึกส่วนใหญ่ที่มีการพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันมหาศาลและนี้ทำให้พวกมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพห้องปฏิบัติการและด้วยความพยายามที่จะเก็บพวกมันไว้ในกรงขังนั้นจะทำให้พวกมันตายเพราะสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกมีช่องว่างที่เต็มไปด้วยแก๊สvacuoles ซึ่งก๊าซนั้นจะถูกบีบอัดภายใต้แรงดันสูงและจะขยายตัวภายใต้แรงดันต่ำด้วยเหตุนี้เองทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกระเบิดหากพวกมันขึ้นมาสู่ผิวน้ำ
แหล่งที่อยู่อาศัย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สรีรวิทยา
การที่ทะเลลึกไม่มีแสงแดด,แรงกดดันมหาศาล,อุณหภูมิต่ำ,ออกซิเจนมีไม่มาก,และความหนาแน่นต่ำอินทรียวัตถุทั้งหมดนี่มีผลกับลักษณะทางสิ่งแวดล้อมของปลาทะเลลึกจึงได้มีการปรับตัวหลายอย่างดังนี้
กล้ามเนื้อและกระดูก
น้ำหนักของโครงกระดูกและโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกายของปลามักจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากในน้ำเค็ม แต่เนื่องจากใต้ทะเลนั้นขาดแคลนอาหารจึงต้องทำให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด ดังนั้นจึงทำให้ความหนาแน่นของกล้ามเนื้อและกระดูกของปลาทะเลลึกนั้นที่มีขนาดเล็กลงแต่ก็มีการทดแทนโดยที่ร่างกายของปลาทะเลลึกนั้นมีน้ำและไขมันจำนวนมากจึงทำให้พวกมันพยุงตัวได้ดี เงี่ยงและครีบของปลาทะเลลึกมีน้ำหนักเบา แต่การที่กล้ามเนื้อมีน้ำและไขมันเยอะจึงทำให้กล้ามเนื้อของปลามีลักษณะคล้ายวุ้นซึ้งจะทำให้การเคลื่อนที่ของมันช้าลงไปด้วย
ระบบทางเดินอาหาร
ส่วนมากปลาทะเลลึกจะมีปากขนาดใหญ่และกระเพาะขนาดใหญ่เนื่องจากทะเลลึกนั้นเป็นสถานที่ที่ขาดแคลนอาหารยิ่งลึกก็ยิ่งหาเหยื่อยากจึงทำให้ปลาทะเลลึกนั้นจับทุกอย่างที่พวกมันพบถึงแม้ว่าเหยื่อจะมีขนาดใหญ่เพื่อจะไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินไปในการแสวงหาเหยือรายต่อไปเช่นปลาไหลกัลเปอร์ที่มีปากขนาดใหญ่และปลาแบล็คสวอลโลที่มีกระเพาะขนาดใหญ่
การปรับเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพ
ปลาทะเลลึกนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลลักษณะทางกายภาพของตัวมันเองเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มันอาศัยอยู่เช่นการมีดวงตาที่ใหญ่โต่ขึ้นเนื่องจากใช่เพื่อประสิทธิภาพในการรับแสงในใต้ทะเลอันมืดมิด
การมองเห็น
ทะเลลึกนั้นไม่มีแสงสว่างส่องผ่านลงไปถึงจึงทำให้ปลาทะเลลึกบางชนิดนั้นมีการปรับตัว2รูบแบบคือทำให้ดวงตาใหญ่กว่าปกติเพื่อเพิ่มการรับแสง,กับอีกบางชนิดนั้นเป็นปลาที่ตาบอด
การเรืองแสง
ปลาที่อาศัยอยู่ในความมืดของทะเลลึกนั้นมีสปีชีส์ 65% จากการสุ่มตรวจนั้นสามารถที่จะเรืองแสงได้โดนจะมีอวัยวะเรืองแสงซึ่งสร้างขึ้นโดยปฏิกิริยาทางเคมีของแสงหรือมีการใช่แบคทีเรีย โดยอวัยวะเรืองแสงเหล่านี้จะมีหน้าที่ต่างกันออกไปตามชนิดของปลาและสภาพแวดล้อม เช่นใช้หาคู่หรือเอาไว้ใช่ล่อเหยื่อ
การให้กำเนิด
เนื่องจากความหนาแน่นของประชากรที่ต่ำจึงทำให้ความน่าจะเป็นของการที่เพศชายและหญิงมาเจอกันเป็นไปได้ยากจึงทำให้เพศชายมีการเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเองให้เล็กลงและทำตัวเองให้ติดไปกับเพศเมียเมื่อเจอกันจากนั้นจะค่อยๆรวมกันแล้วรับสารอาหารจากกระแสเลือดของเพศเมียเหมือเป็นปรสิตและรวมกันจนเหลือแต่อวัยวะสืบพันธุ์เพื่อใช่ในการสืบพันธุ์
การประมงทะเลลึก
การทำประมงทะเลลึกของไทยยังไม่ได้มีการพัฒนามากเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆมีเพียงการร่วมมือกับต่างประเทศในการจับปลาทูน่าเท่านั้น
รายชื่อปลาทะเลลึก
ปลาใกล้สูญพันธุ์
จากการศึกษาใน พ.ศ. 2549 ของนักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดานั้นได้พบปลาทะเลลึกได้แก่ ปลา blue hakeและปลา spiny eel ที่จะสูญพันธุ์เนื่องจากการตกปลาในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่บริเวณไหล่ทวีป-ก้นสมุทรที่ระดับความลึกประมาณ 1,600 เมตรเนืองการสืบพันธุ์ของปลาเหล่านี้ช้าและมีวัยเจริญพันธุ์ในอายุที่เท่าๆกันกับมนุษย์จึงทำให้นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่พวกมันไม่สามารถฟื้นตัวได้จากการประมงที่มากเกินไปของมนุษย์
ดูเพิ่ม
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ปลาทะเลลึก |
อ้างอิง
- Trujillo, Alan P.; Harold V. Thurman (2011). Essentials of Oceanography 10th ed. Boston: Prentice Hall. p. 354. ISBN 978-0321668127.
- ↑ Trujillo, Alan P.; Harold V. Thurman (2011). Essentials of Oceanography 10th ed. Boston: Prentice Hall. p. 365. ISBN 978-0321668127.
- Trujillo, Alan P.; Harold V. Thurman (2011). Essentials of Oceanography 10th ed. Boston: Prentice Hall. pp. 457, 460. ISBN 978-0321668127.
- ↑ Trujillo, Alan P.; Harold V. Thurman (2011). Essentials of Oceanography 10th ed. Boston: Prentice Hall. p. 415. ISBN 978-0321668127.
- Trujillo, Alan P.; Harold V. Thurman (2011). Essentials of Oceanography 10th ed. Boston: Prentice Hall. pp. 414–415. ISBN 978-0321668127.
- Randall, David J.; Anthony Peter Farrell (1997). Deep-sea Fishes. San Diego: Academic. p. 217. ISBN 978-0123504401.
- Randall, David J.; Anthony Peter Farrell (1997). Deep-sea Fishes. San Diego: Academic. p. 195. ISBN 978-0123504401.
- Randall, David J.; Anthony Peter Farrell (1997). Deep-sea Fishes. San Diego: Academic. pp. 196, 225. ISBN 978-0123504401.
- Moyle and Cech, 2004, p. 591
- Haedrich RL (1996) "Deep-water fishes: evolution and adaptation in the earth's largest living spaces" Journal of Fish Biology 49(sA):40-53.
- Moyle and Cech, 2004, page 586
- Compagno, L.J.V. (1984). Sharks of the World: An Annotated and Illustrated Catalogue of Shark Species Known to Date. Food and Agricultural Organization of the United Nations. pp. 14–15. ISBN 92-5-101384-5.
- Wharton, David A. (2007-07-23). (vacuoles) &source=bl&ots=sC3ScXZ-Bf&sig=X7oTxFYOAAZEDP9UgygFO6LUmwQ&hl=en&sa=X&ved=0ahUKEwjK-f2Q7-zRAhXDKWMKHSzXBY4Q6AEIIjAC#v=onepage&q=Deep-sea%20organisms%20contain%20gas-filled%20spaces%20 (vacuoles) &f=false Life at the Limits: Organisms in Extreme Environments Check
|url=
value (help) (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN 9781139431941. - Wharton, David. (2002). Life at the Limits: Organisms in Extreme Environments. Cambridge, UK: Cambridge UP. p. 199. ISBN 978-0521782128.
- Ryan P "Deep-sea creatures: The bathypelagic zone" Te Ara - the Encyclopedia of New Zealand. Updated 21 September 2007.
- Froese, Rainer and Pauly, Daniel, eds. (2010). "Chauliodus sloani" in FishBase. April 2010 version.