พิเชษฐ สถิรชวาล
พิเชษฐ อับดุรฺรอชีด สถิรชวาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ[1] อดีต ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาล ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และอดีตผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย
พิเชษฐ สถิรชวาล ม.ป.ช., ม.ว.ม. | |
---|---|
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554 – 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | |
นายกรัฐมนตรี | ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร |
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | |
ดำรงตำแหน่ง 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 | |
นายกรัฐมนตรี | ดร. ทักษิณ ชินวัตร |
ก่อนหน้า | วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย |
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม | |
ดำรงตำแหน่ง 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 – สิงหาคม พ.ศ. 2546 | |
นายกรัฐมนตรี | ดร. ทักษิณ ชินวัตร |
ก่อนหน้า | ประชา มาลีนนท์, นิกร จำนง |
ถัดไป | วิเชษฐ์ เกษมทองศรี, นิกร จำนง |
เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2549 – 29 กันยายนพ.ศ. 2553 | |
ก่อนหน้า | เด่น โต๊ะมีนา |
ถัดไป | พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 ธันวาคม พ.ศ. 2485 (78 ปี) เพชรบุรี ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | ประชาธรรมไทย |
คู่สมรส | นางสุรีย์ สถิรชวาล |
ศาสนา | อิสลาม |
ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2485 ที่จังหวัดเพชรบุรี ศึกษาในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนประจำจังหวัดเพชรบุรีและในระดับหลักสูตรอาชีวศึกษาโรงเรียนพณิชยการตั้งตรงจิต จากนั้นจึงศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่แคลิฟอร์เนีย คอลเลจ ออฟ คอมเมอร์ซ สหรัฐอเมริกา และในระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยปาล์มบีช ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา[2]
สมรสกับนางสุรีย์ สถิรชวาล (สกุลเดิม นภากร น้องสาวนายทวี นภากร อิหม่ามศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย) ขณะกำลังศึกษาที่สหรัฐอเมริกาด้วยกัน นายพิเชษฐได้นับถือศาสนาอิสลามตามภรรยา
การทำงาน
เริ่มทำงานปี 2508 ที่ธนาคารไทยทนุ จำกัด ก่อนจะลาออกเมื่อปี 2511 เพื่อไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วก็เข้าทำงานในภาครัฐกระทั่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2527 ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งได้ริเริ่มนำคอมพิวเตอร์มาใช้ใน ขสมก.และเปลี่ยนรถเมล์จากสีฟ้าเป็นสีแดงทั้งหมดแล้วปรับขึ้นค่าโดยสาร หลังจากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปี 2531-2538 จึงลาออก[3]
การเมือง
ใน พ.ศ. 2518 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกิจสังคมและใน พ.ศ. 2519 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรีในนามพรรคกิจสังคมแต่ก็ไม่ได้รับเลือกต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรีในนามพรรคชาติไทยแต่ก็ไม่ได้รับเลือกอีก จนกระทั่งในการเลือกตั้งวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี พรรคความหวังใหม่
พิเชษฐ สถิรชวาล เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคความหวังใหม่[4] และได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรในโควตาพรรคความหวังใหม่ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 และต่อมาหลังจากมีการยุบพรรคความหวังใหม่รวมกับพรรคไทยรักไทยและการปฏิรูปกระทรวง ทบวง กรมในปี 2545 ก็ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการการกระทรวงคมนาคมในวันที่ 3 ตุลาคม 2545[5]
ในเดือนสิงหาคม 2546 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้พิเชษฐพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเนื่องจากจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ รวมถึงห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี[6] โดยช่วงเวลาห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ได้ผันตัวเองไปทำงานด้านกิจการศาสนาอิสลามในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
หลังจากพ้นช่วงเวลาการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นโดยมีชื่อว่าพรรคสันติภาพไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองแนวมุสลิม[7]โดยพิเชษฐดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค อย่างไรก็ตามนายสมัคร สุนทรเวชหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในขณะนั้นได้เชิญพรรคสันติภาพไทยเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน[8] ต่อมาสมาชิกพรรคสันติภาพไทยได้ตั้งกลุ่มการเมืองชื่อกลุ่มสันติภาพไทยซึ่งพิเชษฐเป็นประธานที่ปรึกษากลุ่มแล้วเข้าสังกัดพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา[9]โดยที่ไม่ได้เข้าสังกัดพรรคพลังประชาชน อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 กลุ่มสันติภาพไทยไม่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคพลังประชาชนทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนเดิมเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่อมาพิเชษฐก็เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยโดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานภาคใต้พรรคเพื่อไทย ต่อมาเมื่อพลเอกชวลิต ยงใจยุทธเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและได้รับแต่งตั้งเป็นประธานพรรคและประธานภาคใต้ของพรรคเพื่อไทยพลเอกชวลิตก็ได้แต่งตั้งพิเชษฐเป็นประธานโซนอันดามันพรรคเพื่อไทย[10]
ในปี พ.ศ. 2554 พิเชษฐได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทยในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[11]
ต่อมาพิเชษฐได้มายื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อ พรรคประชาธรรมไทย[12] เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561 ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีพิเชษฐเป็นหัวหน้าพรรค โดนชูนโยบายแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ [13]
การศาสนา
ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พิเชษฐได้กำกับดูแลบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจุฬาราชมนตรีก็ได้แต่งตั้งพิเชษฐเป็นที่ปรึกษาเพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้พิเชษฐเริ่มมีความสัมพันธ์กับผู้นำศาสนาอิสลามในประเทศไทย
เมื่อถูกห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิเชษฐก็ได้ผันตัวเองมาทำงานศาสนาอิสลามด้วยการสมัครเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบุรีและได้รับเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบุรี จากนั้นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบุรีก็เลือกให้พิเชษฐเป็นผู้แทนในคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย แล้วคณะกรรมการก็มีมติให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
หลังจากได้รับเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์จุฬาราชมนตรี (ในขณะนั้น) ก็ได้เสนอชื่อให้พิเชษฐเป็นประธานจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮิจเราะห์ศักราช 1427 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจญ์ทางการไทย (อะมีรุลฮัจญ์)[14]อีกด้วย
อย่างไรก็ดีหลังจากที่นายอาศิส พิทักษ์คุมพลเข้ารับตำแหน่งจุฬาราชมนตรีซึ่งเป็นประธานกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยโดยตำแหน่งไม่นาน คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยก็ได้มีการยกเลิกโครงสร้างของคณะกรรมการสมัยจุฬาราชมนตรีคนก่อน ทำให้พิเชษฐต้องพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยไปด้วย ต่อมาพิเชษฐก็ได้ลาออกจากกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบุรีทำให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยด้วยเช่นกัน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2545 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[15]
- พ.ศ. 2544 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[16]
อ้างอิง
- ↑ ประกาศคณะกรรมการการเลือกต้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
- ↑ http://www.ryt9.com/s/refb/228756
- ↑ http://www.ryt9.com/s/refb/228756
- ↑ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
- ↑ http://www.cabinet.thaigov.go.th/cab_54.htm
- ↑ http://www.constitutionalcourt.or.th/download/Summary_desic/46/Summary_desic_thai/center-law29-46.pdf
- ↑ http://www.bangkokbiznews.com/2006/06/21/c009_114136.php?news_id=114136
- ↑ http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=19&topic_id=16541
- ↑ http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=19&id=424
- ↑ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1266573467
- ↑ นายกปูตั้ง"บังยี"เป็นผู้แทนการค้าไทย
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคประชาธรรมไทย
- ↑ พิเชษฐ สถิรชวาล ยื่นจองชื่อ'พรรคประชาธรรมไทย' ชู แก้3จังหวัดชายแดนใต้ มติชนออนไลน์ 9 มีนาคม 2561
- ↑ http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=19&id=632
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๑, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๖, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔
