สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ และอดีตเหรัญญิกพรรคพลังประชาชน ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และเป็นอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ
สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ป.ช., ป.ม. | |
---|---|
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ | |
ดำรงตำแหน่ง 24 กันยายน พ.ศ. 2551 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 | |
นายกรัฐมนตรี | นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ |
ก่อนหน้า | วิรุฬ เตชะไพบูลย์ บรรยิน ตั้งภากรณ์ พิเชษฐ์ ตันเจริญ |
ถัดไป | อลงกรณ์ พลบุตร |
หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ | |
ดำรงตำแหน่ง 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 – 19 มีนาคม พ.ศ. 2564 | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 15 มีนาคม พ.ศ. 2487 (77 ปี) จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | ความหวังใหม่ (?–2544) ไทยรักไทย (2544–2550) พลังประชาชน (2550–2551) เพื่อไทย (2556–2561) เพื่อชาติ (2561–ปัจจุบัน) |
คู่สมรส | อรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ |
ศาสนา | พุทธ |
ประวัติ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2487 ที่จังหวัดสมุทรปราการ เป็นบุตรคนที่ 4 ในบรรดาบุตร 5 คนของนายเล่งอี่ แซ่กิม กับ นางเซ้งฮวย แซ่ฉั่ว สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต จากสถาบันราชภัฏธนบุรี และนิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนในระดับปริญญาโทอีก 2 ปริญญา ด้านบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการทั่วไป จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย และรัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
การทำงาน
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เป็นนักธุรกิจนำเข้าสินค้าของเด็กเล่นจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จนสามารถเปิดร้านผลิตของเล่นเป็นของตัวเองได้ที่ย่านสะพานควาย และได้ขยายกิจการเรื่อยมาจนได้ก่อตั้ง โรงงานมงกุฏทองผลิตภัณฑ์ เป็นที่มาของสินค้าที่มีเป็นที่รู้จักในชื่อ "ดรีมทอยส์" และ "ไทยทอยส์" และยังดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล อีกด้วย
งานการเมือง
ด้านงานการเมือง เคยเป็นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (ดร.โภคิน พลกุล) และที่ปรึกษาให้กับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต่อมาได้ลงเล่นการเมือง ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 1 ได้รับตำแหน่งเหรัญญิกพรรคพลังประชาชน และรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในปี พ.ศ. 2551 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน
เขาเคยเป็น 1 ใน 5 ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับการสนับสนุนเงินให้กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน (นปช.)
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 89 แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต่อมาเขาจัดตั้งพรรคการเมืองและดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อชาติ
ต่อมาเขาได้ลาออกากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขาได้ลงมติงดออกเสียงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2564 กรณีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า จนทำให้สมาชิกพรรคบางส่วนตำหนิ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2563 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. 2551 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
อ้างอิง
- ประกาศคณะกรรมการการเลือกต้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
- ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2010-01-29. สืบค้นเมื่อ 2010-08-20.
- พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์)
- เปิดชื่อ 109 กก.บริหาร “พปช.-ชาติไทย-มัชฌิมาฯ” ถูกยุบ-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
- "ส.-สงคราม" เสี่ยห้างดัง รวยเบาะๆ 200 ล้าน โยงรับเงิน"ทักษิณ"-ส่งท่อน้ำเลี้ยง "ม็อบแดง"?
- ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (พรรคเพื่อไทย)
- 'สงคราม' ไขก๊อกพ้นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๘, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๗๑, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑