สำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อ
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ในการตีพิมพ์ทางวิชาการ สำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อ (อังกฤษ: predatory open access publishing) ใช้เรียกการโมเดลธุรกิจของสำนักพิมพ์แบบเปิดเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยการเก็บค่าตีพิมพ์จากผู้เขียนโดยไม่ได้ให้บริการในการแก้ไขและตีพิมพ์ตามหลักของวารสารวิชาการที่ถูกต้องทางกฎหมาย (ไม่ว่าจะมีการเข้าถึงแบบเปิดหรือไม่ก็ตาม) "บัญชีรายชื่อของบีลล์" (Beall's List) ซึ่งเป็นรายงานเขียนโดย เจฟฟรี่ บีลล์ ที่มีการอัปเดตอยู่ตลอด ได้เป็นตัวตั้งเกณฑ์ในการจำแนกสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ และเรียบเรียงรายชื่อของสำนักพิมมพ์และวารสารทางวิชาการอิสระซึ่งอยู่ในเกณฑ์เหล่านั้น สำนักพิมพ์เอกสารวิชาการใหม่ๆจากประเทศกำลังพัฒนานั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเหยื่อของการกระทำเหล่านี้
ประวัติและบัญชีรายชื่อของบีลล์
ตำว่า "การเข้าถึงแบบเปิดที่ล่าเหยื่อ" ถูกบัญญัติโดยบรรณารักษ์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ ที่ชื่อว่า เจฟฟรี่ บีลล์ หลักจากที่ได้รับอีเมลจำนวนมากที่เชิญชวนให้เขาส่งบทความ หรือเข้าร่วมคณะกรรมการบรรณาธิการของวารสารวิชาการที่ไม่เป็นที่รู้จัก เขาได้เริ่มค้นหาสำนักพิมพ์แบบเปิดและสร้างบัญชีรายชื่อของบีลล์ ซึ่งเรียบเรียงรายชื่อของ สำนักพิมพ์ทางวิชาการแบบเปิด ที่มีแนวโน้ม ความเป็นไปได้ หรือความน่าจะเป็นที่จะทำการล่าเหยื่อ นอกจากนั้นบีลล์ยังเขียนหัวข้อในThe Charleston Advisor ซึ่งอยู่ในเนเจอร์ และใน Learned Publishing
ก่อนหน้าความพยายามของบีลล์ มีการจัดทำต้นฉบับซึ่งประกอบด้วยเรื่องไร้สาระที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ (ผ่าน โปรแกรมSCIgen) และส่งโดยนักศึกษาบัณฑิตศึกษาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล ที่มีชื่อว่า ฟิล เดวิส (บรรณาธิการของบล็อก Scholarly Kitchen) ซึ่งถูกรับไว้ภายใต้เงื่อนไขค่าใช้จ่าย (แต่ภายหลังโดนถอนโดยผู้ส่ง) โดยหนึ่งในหาสำนักพิมพ์แบบเปิดซึ่งตอนนี้ถูกระบุอยู่ในบัญชีรายชื่อของบีลล์ (Bentham Open).
ข้อกังขาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และการหลอกลวงในวารสารทางวิชาการแบบเปิดนั้นถูกกล่าวถึงตั้งแต่ปี 2552.
ความกังวงเกี่ยวกับการสแปมจาก"แกะดำในหมู่วารสารทางวิชาการแบบเปิดและสำนักพิมพ์" ได้นำทางให้สำนักพิมพ์แบบเปิดชั้นนำได้ก่อตั้ง กลุ่มสำนักพิมพ์ทางวิชาการแบบเปิด ในปี 2551 รวมไปถึงในปี 2552 บล็อกที่ชื่อว่า งานวิจัยที่ไม่น่าเชื่อถือ ได้พบว่าวารสารทางวิชาการของสำนักพิมพ์ Scientific Research Publishing ได้ทำสำเนาบทความที่ได้ถูกตีพิมพ์ไปแล้วโดยสำนักพิมพือื่น ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์คล้ายกันกับเนเจอร์เช่นกัน
บีลล์ได้ตีพิมพ์บัญชีรายชื่อสำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อครั้งแรกในปี 2553 ในเดือนสิงหาคม 2555 เขาได้ประกาศเกณฑ์ในการประเมินสำนักพิมพ์ โดยได้ออกฉบับที่ 2 ในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เขาได้เปิดให้สำนักพิมพ์ทำการอุทธรณ์การมีชื่ออยู่ในบัญชีได้ตามขั้นตอน
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีบททดสอบทางด้านระบบการตีพิมพ์ (ใครกลัวการประเมินอิสระ) จอห์น โบฮานนอน หนึ่งในพนักงานเขียนสำหรับสำนักพิมพ์ของนิตยสารไซแอนซ์และป๊อปปูล่าไซแอนซ์ ได้ตั้งเป้าไปที่ระบบการเข้าถึงแบบเปิดในปี 2556 โดยการส่งงามพิมพ์ที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดในหัวข้อ ผลกระทบของส่วนประกอบในไลเคน ไปให้วารสารเหล่านั้น ประมาณ 60% ของวารสารทางวิชาการได้ตอบรับงานพิมพ์ทางการแพทย์ผิดๆนี้ ในจำนวนนั้นรวมไปถึง Journal of Natural Pharmaceuticals ในขณะที่อีก 40% ที่เหลือรวมไปถึง PLOS ONE ได้ปฏิเสธงานพิมพ์นี้ โดยข้อผิดพลาดของงานพิมพ์นี้คือที่การทดลองไม่ได้ถูกประเมินอิสระ รวมไปถึงการใช้หลักการผิดๆ และการที่ไม่มีกลุ่มควบคุม
ลักษณะของสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ
ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับสำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อมีดังนี้
- รับบทความด้วยความรวดเร็วโดยผ่านการประเมินอิสระน้อยมาก หรือไม่ผ่านการประเมินคุณภาพเลย ทั้งยังรับงามพิมพ์ที่เป็นการหลอกลวงและไม่มีมูล
- แจ้งให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์หลังจากที่บทความถูกรับแล้ว
- มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้นักวิชาการส่งบทความหรือเข้าร่วมคณะบรรณาธิการ
- การลงชื่อนักวิชาการให้อยู่ในคณะบรรณาธิการโดยไม่ได้ขออนุญาต และไม่อนุญาตให้ลาออก
- มีการใส่ชื่อนักวิชาการปลอมลงในคณะบรรณาธิการ
- ลอกเลียนแบบชื่อหรือรูปแบบเว็ปไซต์ของวารสารทางวิชาการที่มีชื่อเสียงมากกว่า
- มีการอ้างอิงแบบหลอกลวงเกี่ยวกับการดำเนินการตีพิมพ์ เช่น ระบุที่ตั้งผิดๆ
- การใช้เลขมาตรฐานสากลสำหรับนิตยสารอย่างไม่เหมาะสม
- ใช้ปัจจัยกระทบปลอม หรือไม่มีเลย
การเติบโตและโครงสร้างของสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ
วารสารทางวิชาการที่ล่าเหยื่อได้เพิ่มการตีพิมพ์อย่างรวดเร็วจาก 53,000 ฉบับ ในปี 2553 ไปเป็นประมาณ 420,000 บทความในปี 2557 ผ่านทางวารสารทางวิชาการซึ่งอยู่ในระหว่างปฏิบัติการกว่า 8,000 แห่ง ก่อนนหน้าที่สำนักพิมพ์ที่มีวารสารทางวิชาการมากกว่า 100 วารสาร ได้ครอบคลุมส่วนใหญ่ของตลาด ทว่าตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา สำนักพิมพ์ที่มีวารสาร 10–99 ฉบับได้เข้ามาครอบครองส่วนใหญ่ของตลาดแทน การกระจายของที่อยู่ของทั้งสำนักพิมพืและผู้เขียนนั้นเอนเอียงอย่างชัดเจน โดยสามในสี่ส่วนของผู้เขียนนั้นมาจากทวีปเอเชียและแอฟริกา โดยเฉลี่ยแล้วผู้เขียนจ่ายเงินประมาณ 178 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบทความ ซึ่งได้ตีพิมพ์ประมาณ 2-3 เดือนหลังจากส่งบทความ
การยอมรับ
ในปี 2556 เนเจอร์ รายงานว่าบัญชีรายชื่อของบีลล์ และเว็ปไซต์นั้น "ถูกอ่านอย่างกว้างขวางโดยบรรณารักษ์ นักวิจัย และผู้ให้กาสนับสนุนการเข้าถึงแบบเปิดซึ่งส่วนใหญ่ล้วนนับถือความพยายามของบีลล์ที่จะเปิดโปงการกระทำที่ไม่โปร่งใสของสำนักพิมพ์"
ขณะเดียวกันยังมีคนบางส่วนที่ยังสงสัยว่า "มันยุติธรรมหรือไม่ที่วารสารทางวิชาการและสำนักพิมพ์ทั้งหมดนี้ถูกตราหน้าว่า'ล่าเหยื่อ' ด้วยความที่สีเทาหลายเฉดสีอาจม่สามารถถูกแยกแยะได้"
การวิเคราห์ของบีลล์ยังถูกเรียกว่าเป็นการเหมารวมโดยไร้ซึ่งหลักฐานยืนยัน นอกจากนั้น บีลล์ยังถูกวิจารย์ในความอคติต่อวารสารทางวิชาการซึ่งมาจากประเทศที่ด้อยพัฒนา บรรณารักษ์คนหนึ่งได้กล่าวว่าบัญชีรายชื่อของบีลล์นั้น "พยายามจะแยกแยะขุมทองที่มีความซับซ้อนเป็นสองกลุ่ม ดี และ ไม่ดี" ทว่าเกณฑ์หลายๆอย่างไม่สามารถที่จะระบุเป็นประมาณได้อย่างชัดเจน... เกณฑ์บางอย่างนั้นได้สมมติบนฐานของประเทศโลกที่หนึ่งซึ่งอาจไม่สามารถนำไปใช้กับประเทศอื่นๆบนโลกได้" คนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการที่คนๆเดียวจะตัดสินและสร้างบัญชีรายชื่อ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีความรู้เพียงพอ บางกลุ่มได้พยายามที่จะตรวจสอบบัญชีรายชื่อของบีลล์ทีระรายชื่อ และบันทึกเหตุการณ์ที่บอกถึงความไม่สอดคล้องและความกำกวม และสรุปว่าบัญชีรายชื่อนี้ควรถูกมองข้าม รวมไปถึงเสนออัลกอริทึมบนฐานของ Directory of Open Access Journals (DOAJ) บีลล์คัดค้านกับตัวเลือกนี้และยังเขียนจดหมายคัดค้านในกลางปี 2558
นักชีวจริยธรรม อาเธอร์ คาแพลน ได้เตือนว่าสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ ข้อมูลเท็จที่ถูกสร้างขึ้น และการขโมยความคิดทางการศึกษาอาจกัดกร่อนความมั่นใจในทางการแพทย์ ลดคุณค่าของวิทยาศาสตร์ และลดการสนับสนุนนโยบายอิงหลักฐานจากประชาชน
ดูเพิ่ม
- วารสารวิชาการ
- Author mill
- Diploma mill
- Hijacked journal
- Mega journal
- Open access journal
- Peer review failures
- Pseudo-scholarship
- Vanity press
อ้างอิง
- ↑ Elliott, Carl (June 5, 2012).
- Kearney, Margaret H. (2015).
- Xia, Jingfeng; Harmon, Jennifer L.; Connolly, Kevin G.; Donnelly, Ryan M.; Anderson, Mary R.; Howard, Heather A. (2014).
- ↑ Butler, Declan (March 27, 2013).
- Beall, J. (2012).
- Beall, J. (2013).
- ↑ Basken, Paul (June 10, 2009).
- Suber, Peter (October 2, 2009).
- Beall, Jeffrey (2009), "Bentham Open", The Charleston Advisor, Volume 11, Number 1, July 2009, pp. 29-32(4) [1]
- Eysenbach, Gunther.
- Abrahams, Marc (2009-12-22).
- Sanderson, Katharine (2010-01-13).
- Beall, Jeffrey (December 1, 2012).
- John Bohannon (Oct 2013).
- Eve, Martin (3 October 2013).
- Michael, Eisen (3 October 2013).
- ↑ Stratford, Michael (March 4, 2012).
- Gilbert, Natasha (June 15, 2009).
- Safi, Michael (November 25, 2014), "Journal accepts bogus paper requesting removal from mailing list", The Guardian .
- Beall, Jeffrey (August 1, 2012).
- ↑ Kolata, Gina (April 7, 2013).
- Neumann, Ralf (February 2, 2012).
- Jeffrey Beall (February 11, 2014).
- Mehrdad Jalalian, Hamidreza Mahboobi (2013).
- Shen, Cenyu; Björk, Bo-Christer (2015-10-01).
- Haug, C. (2013).
- Bivens-Tatum, Wayne (2014).
- Berger, Monica (March 2015).
- Coyle, Karen (April 4, 2013).
- Murray-Rust, Peter (February 18, 2014).
- Walt Crawford, (July 2014), "Journals, 'Journals' and Wannabes: Investigating The List", Cites & Insights, 14:7, ISSN 1534-0937
- Swoger, Bonnie (November 26, 2014).