เมซ วินดู
ตัวละคร สตาร์ วอร์ส | |
เมซ วินดู | |
อาจารย์เจได เมซ วินดู ระหว่างนำกลุ่มอัศวินเจไดเข้าร่วมยุทธการจีโอโนซิส | |
ตำแหน่ง | อาจารย์เจได, สมาชิกสภาเจได, นายพลใหญ่สาธารณรัฐ |
บ้านเกิด | ฮารูน คัล |
เกิด | ปีที่ 72 ก่อนยุทธการยาวิน |
ตาย | ปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน |
เผ่าพันธุ์ | มนุษย์ |
เพศ | ชาย |
ส่วนสูง | 1.88 เมตร |
สังกัด | นิกายเจได, สาธารณรัฐกาแลกติก |
นักแสดง | แซมมวล แอล. แจ็กสัน จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร (เสียงไทย) |
หมวดหมู่ ตัวละครในสตาร์ วอร์ส |
เพื่อนิกายและสาธารณรัฐ ข้ายอมมอบทุกอย่างรวมทั้งชีวิตของข้า— เมซ วินดู
เมซ วินดู (อังกฤษ: Mace Windu) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส เขามีอายุ 53 ปีใน เอพพิโซด 3 แสดงโดยแซมมวล แอล. แจ็กสันตลอดทั้งสตาร์ วอร์ส : ไตรภาคใหม่
วินดูมีชีวิตตามเวลาในท้องเรื่องอยู่ในช่วงปีที่ 72 ก่อนยุทธการยาวิน ถึงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน เขาเป็นอาจารย์เจไดและเจไดพิทักษ์ ชาวโครุน และเป็นหนึ่งในสมาชิกชุดสุดท้ายของสภาสูงเจไดก่อนเกิดเหตุการณ์การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ เขามักได้รับการกล่าวถึงในฐานะผู้เป็นสองรองจากปรมาจารย์โยดาในสภา แม้เขาจะมีอายุน้อยกว่าถึงกว่าแปดศตวรรษ สติปัญญาและพละกำลังของเขาอยู่ในขั้นเป็นตำนาน เมซ วินดู ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักดาบที่เก่งกาจที่สุดในนิกายเจได ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการที่เขาเป็นผู้ประดิษฐ์รูปแบบการต่อสู้ด้วยกระบี่แสงแบบวาแพดขึ้น
เมซ วินดูปฏิบัติหน้าที่ให้กับนิกายเจไดมาตลอดทั้งชีวิต ทั้งยังเป็นผู้ฝึกฝนเจไดจำนวนมาก รวมถึงเอชู เชนจอน และเดป้า บิลลาบา อาจารย์วินดูคนนี้นี่เองที่เป็นผู้นำอัศวินเจได 212 คน เข้าร่วมยุทธการจีโอโนซิสและกำราบนักล่าเงินรางวัลแจงโก เฟตต์ ผู้ร้ายกาจลงได้เป็นผลสำเร็จ เขารับใช้สาธารณรัฐตลอดทั้งสงครามโคลน ในสงครามโคลนพวกเจไดได้ถูกไปปฏิบัติภารกิจ ณ สถานที่ต่างและสภาเจไดเหลือเจไดเพียง 2 คนซึ่งได้แก่โยดาและเมซ วินดู ขณะนั้นนายพลกรีวัสได้นำกองทัพบุกนครหลวงคอรัสซังและพวกทหารดรอยได้โจมตีวิหารเจไดโยดาและเมซ วินดูได้ต่อสู้กับทหารดรอยนับแสนจนล่าถอยไปและมักจะเข้าร่วมการสู้รบในแนวหน้าอย่างดุเดือด อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ได้บอกว่าพัลพาทีนคือ ดาร์ธ ซีเดียส เมซ วินดู จึงนำกำลังเข้าจับกุมและได้ประลองกระบี่ไลเซเบอร์ ขณะที่ดาร์ธ ซีเดียสเสียท่า ได้ใช้พลังสายฟ้าฟาดเข้าใส่เมซ วินดู แต่ก็สามารถปัดป้องพลังงานดังกล่าวและได้สะท้อนกลับไปยังดาร์ธ ซีเดียส ส่งผลให้มีร่างกายที่บิดเบี้ยว แต่แล้วเมซ วินดูก็ถูกอนาคิน สกายวอล์คเกอร์หักหลัง โดยการตัดแขนและถูกพลังสายฟ้าจนตาย การเสียชีวิตของเมซ วินดู ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่
ประวัติ
ชีวิตช่วงต้น
ข้ารู้ว่าข้าจะต้องทำได้ ไม่ว่าจะยังไงข้ามีปัญญา พลัง และเท้าของข้า— เมซ วินดู
เมซ วินดูมาจากดาวฮารูนคัล ที่ซึ่งเขาเกิดในครอบครัววินดู หลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขาตายเขาก็ถูกนำตัวไปที่นิกายเจไดเมื่อเขาได้อายุหกเดือน เหมือนกับคนอื่นๆ ในนิกาย เมซได้รับการฝึกสอนโดยอาจารย์โยดาเมื่อเข้าเป็นนักเรียน และในที่สุดก็กลายเป็นพาดาวัน เมซถูกฝึกโดยทรา ซาในช่วงหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีใครทราบแน่ชัด
ในตอนที่เขายังเด็กเมซได้เรียนรู้ถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเขาในการมองเห็นจุดแตกหักของพลังและวิธีที่พวกมันจะส่งผลต่ออนาคตของเขาเช่นเดียวกับฝ่ายตรงข้าม ด้วยความสามารถนี้เขาสามารถมองเห็นอนาคตส่วนหนึ่งของเขาได้ อย่างเช่นกระบี่แสงที่เขาจะสร้างขึ้นมา
เมื่ออายุได้ 14 ปีสภาเจไดคำนึงถึงเมซเพราะว่าแม้ว่าเขาเป็นเลิศในสายของเขา เขายังไม่สามารถสร้างกระบี่แสงที่มาจากนิมิตของเขาได้ เขารายงานสภาว่าเขาต้องการความท้าทายที่แท้จริงเพื่อที่จะหาชิ้นส่วนที่ดีที่สุดต่อกระบี่แสงของเขา หลังจากทำการพิจารณาสภาได้ส่งเมซไปที่ดาวเฮอร์ริเคนโดยลำพัง ขณะปฏิบัติภารกิจเมซถูกไล่โดยชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นั่น แต่ก็ต้านพวกเขาไว้ได้โดยใช้พลัง เมื่อเขาทำให้ชาวพื้นเมืองคนหนึ่งบาดเจ็บเขาก็เสียใจและพยายามที่จะรักษาด้วยพลัง เขาได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในการเป็นเจได ชาวพื้นเมืองได้มอบรางวัลให้กับเขาเป็นคริสตัลสีม่วง เขาใช้คริสตัลนั้นสร้างกระบี่แสงของเขาตามที่เขาเห็นในนิมิตและมันก็ให้ใบมีดสีม่วงที่ไม่เหมือนใครออกมา เขายังมีอาวุธเป็นกระบี่แสงสีฟ้าอีกเล่มหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง เขายังใช้กระบี่แสงของเอธ คอธ ซึ่งเขาได้มันมาเมื่ออาจารย์เจไดทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนกันในพิธีกรรมแห่งความภักดี
สิบกว่าปีต่อมาเมซได้ทำภารกิจมากมายที่รวมทั้งการไปเยือนบ้านเกิดของเขา และที่นั่นเขาได้ตามรอยและเอาชนะนักฆ่าชื่ออูด้า คาลิด ในอาชีพของเขาเมซได้ฝึกเจไดหลายคนที่รวมทั้งอีชู เชนจอน (ผู้ที่รอดจากการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่) และเดป้า บิลลาบา เขายังได้ค้นพบดาร์รัส เจทในตอนที่ยังเด็กมากหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับพ่อแม่ของเด็กชาย เมซมั่นใจว่าเขาถูกทดสอบและต่อมาได้ฝึกเด็กชายถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นพาดาวันของเขาอย่างเป็นทางการ
อาจารย์เจได
ข้าได้สร้างวาแพดขึ้นมาเพื่อทดแทนจุดอ่อนของข้า มันเป็นการส่งด้านมืดของข้าเองเข้าไปในอาวุธ— เมซ วินดูพูดกับโอบีวัน เคโนบี
ด้วยความสามารถที่มหัศจรรย์ในพลัง เมซได้ผ่านการทดสอบและได้ตำแหน่งอาจารย์เจไดและด้วยวัยเพียง 25 ปีเขาก็ได้เป็นสมาชิกสภาเจได การเชื้อเชิญของสภาเกิดหลังจากที่วินดูทำความกล้าหาญในการปฏิวัติของชาวอาร์คาเนียน ในฐานะสมาชิกอาวุโสของสภาด้ามกระบี่แสงของเขาถูกตกแต่งด้วยเหล็กผสมเงินกับทอง ในที่สุดเขาก็ได้ตำแหน่งอาจารย์แห่งนิกาย ทำให้เขาเป็นผู้นำสภาและเป็นรองสมาชิกจากปรมาจารย์โยดาเท่านั้น
เช่นเดียวกับความสามารถในการต่อสู้ที่น่าทึ่งของเขา เมซยังมีพรสวรรค์ที่หายาก เขามีความเข้าใจในรูปแบบของพลังซึ่งทำให้เขามองเห็นสถานการณ์แตกหักหรืออะไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะเผยสิ่งที่น่าเชื่อถือ จุดแตกหักสามารถสร้างการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งมีชีวิต สัตว์ ดาวเคราะห์ หรือยาน และหากมันถูกทำลายหรือใช้งาน จุดแตกหักก็จะเป็นสิ่งสำคัญที่อาจหยุดความพินาศ ชะตากรรม ชนะการรบ และเติมเต็มจิตใจของพลังได้
นอกจากนี้ เพื่อเป็นนักรบแห่งตำนานและผู้มีสัมผัสทางพลังที่โดดเด่น วินดูมีความรู้มากมายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเจไดและปราชญ์ และมีความสามารถทางด้านการเมือง เมซเป็นผู้ประสานงานหลักของสภากับสมุหนายก ถึงแม้ว่าสงครามโคลนจะทำให้เขากังขาต่อความเชื่อของตนเอง
ในฐานะอาจารย์เจไดและสาชิกของสภา เมซนั้นกระตือรือร้นเสมอ เป็นผู้นำทางด้านการเมือง และเป็นผู้รักษาความสงบ รวมทั้งบนดาวยินชอร์และมาลาสแตร์ เขายังช่วยเข้าญาณในการขัดแย้งสตาร์ก ในปีที่ 33 ก่อนยุทธการยาวินเมซได้พบกับสมุหนายกฟินิส วาโลรัมและแนะนำเขาเกี่ยวกับวิธีที่จะจัดการกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ยังมีภารกิจบนนาร์ชาดดาที่เมซทำงานร่วมกับอดีตพาดาวันของเขา เดป้า บิลลาบา ด้วยการสืบสวนการลักลอบค้าสัตว์ เมื่อเขาถูกล้อมโดยกลุ่มอันธพาล พาดาวันของเขาได้มาช่วยเขาเอาไว้ และพวกเขาก็ช่วยกันทำงานในระยะหนึ่ง ท้ายสุดพวกเขาก็พบแหล่งลักลอบแต่ก็หลังจากต่อสู้อย่างหนัก เมซและบิลลาบาจบลงที่ดาวคารูนคัลพร้อมกับผลที่น่าเศร้า
สงครามโคลน
ยุทธการจีโอโนซิส
งานเลี้ยงเลิกแล้ว— เมซ วินดูพูดกับดูกู
เมื่อ 22 ปีก่อนยุทธการยาวินได้เกิดความขัดแย้งทางทหารที่ชัดเจนระหว่างสาธารณรัฐกาแลกติกกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดน อัศวินเจไดโอบีวัน เคโนบีถูกจับกุมโดยฝ่ายสมาพันธ์บนจีโอโนซิสและพร้อมที่จะประหารเขา เมื่อเมซรู้เรื่องนี้เขาก็ไม่รอให้กองทัพโคลนมาถ่วงเวลา เขาได้นำทีมโจมตีไปที่จีโอโนซิสแทน เมซพร้อมกับลูมินาร่า อันดูลิได้ทำลายแท่นปืนของจีโอโนเซียนที่ขวางทางพาหนะของพวกเขา เมื่อโอบีวัน อนาคิน และแพดเม่ อมิดาล่าถูกนำตัวไปที่ลานประหาร เมซและเพื่อนเจไดของเขาก็เผยตัวต่อเคาท์ดูกู หัวหน้าของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน ผู้ที่เฝ้ามองดูจากที่ส่วนตัว การต่อสู้ที่ดุเดือดแต่สั้นได้เริ่มขึ้นในขณะที่เมซจัดการกับนักล่าเงินรางวัลแจงโก้ เฟทท์ ต้นแบบของโคลนทรูปเปอร์ เฟทท์ตายด้วยน้ำมือของเมซที่ได้มีการทำนายไว้เมื่อหลายพันปีก่อนโดยดาร์ธ เทรย่าตั้งแต่สมัยสงครามซิธเก่า
ในที่สุดเจไดก็ต้องจำนนต่อดรอยด์รบจำนวนมากของฝ่ายแบ่งแยก แต่อาจารย์โยดาและโคลนทรูปเปอร์ก็มาช่วยเหล่าเจไดเอาไว้ได้ หลังจากนั้นเมซและเจไดที่รอดชีวิตก็เข้าร่วมสมรภูมิในฐานะผู้นำทางการทหาร อีกครั้งที่เมซควบคุมรถถังของเขาและเคลื่อนที่เข้าสกัดกั้นเคาท์ดูกูเมื่อนักบวชมืดทั้งสามของดูกูเผชิญหน้ากับเขา เมซเอาชนะพวกเขาทั้งสามได้ แต่ก็ชะลอให้เขาไล่ตามดูกูไม่ทัน
หลังจากสิ้นสุดการรบ เมซได้ตำแหน่งอาจารย์แห่งนิกายต่อจากโยดา ผู้ที่ใช้ตำแหน่งปรมาจารย์
รูล
หลายเดือนหลังจากเหตุการณ์บนจีโอโนซิส เมซ วินดูได้ติดต่อกับสหายเก่าของเขาโซร่า บัลก์ ผู้ที่นำกลุ่มของเจไดที่ประท้วงการมีส่วมร่วมในสงครามโคลนแยกตัวออกมาจากนิกาย เพื่อตอบสนองข้อความของบัลก์ เมซจึงออกเดินทางไปยังรูลเพื่อพบกับพวกเขา โชคร้ายที่ไม่นานหลังจากที่เขาไปถึงบัลก์ก็ถูกโจมตีโดยมือบลอบสังหารที่ฝึกโดยเคาท์ดูกู อซาจจ์ เวนเทรสส์ ทำให้พาดาวันของตาย เมื่อเจไดคนที่เหลือรวมทั้งเมซ เกี่ยวข้องกับพวกเขา เวนเทรสส์อ้างว่าเธอถูกส่งมาโดยเมซเอง ทำให้พวกเจไดที่เหลือสับสน
ในขณะที่เจไดที่เหลือกำลังยุ่งอยู่ เมซก็เริ่มสืบสวนการมาของเวนเทรสส์ โดยไม่รู้ว่าถูกตามโดยเจไดราด ทาร์น ในขณะทำการสืบสวนเขาไปพบกับยานของเวนเทสส์เข้า และนั่นแปลว่าบัลก์ต้องเป็นคนปล่อยให้เธอลงจอดบนดาว เพราะไม่มีใครสามารถลงจอดบนรูลได้โดยที่บัลก์ไม่รู้ เมซรีบไปเผชิญหน้ากับบัลก์แต่ก็พบว่าเขากำลังเสียใจกับร่างพาดาวันของเขา เมื่อเมซกล่าวหาบัลก์ว่าเขาเข้าสู่ด้านมืดและเข้าร่วมกับฝ่ายสมาพันธ์ บัลก์ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งนั้น บัลก์เผยว่าเหตุผลเดียวที่ให้เมซมาที่นี่ก็เพราะต้องการทำให้เขาเสียชื่อเสียง โดยการใช้เจไดคนอื่นเป็นพยานโดยที่พวกเขาไม่รู้
จากนั้นบัลก์ชักกระบี่แสงและโชโตของเขาและต้องการที่จะสังหารเมซ และกลับไปบอกคนอื่นๆ ว่าเมซคือคนทรยศ วินดูชักกระบี่แสงของเขาออกมาและเริ่มการต่อสู้ อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด เมซรับรู้ถึงเจไดคนอื่นกำลังตกอยู่ในอันตรายและรีบจบการต่อสู้ด้วยการโค่นเสาลงมาใส่บัลก์ เขารีบไปที่ยานของเวนเทรสส์เขาพบว่าราด ทาร์นตายแล้วและเจไดคนอื่นๆ ที่ตามทาร์นไปก็กำลังต่อสู้กับเจไดมืด หลังจากที่เข้าร่วมต่อสู้เขาก็ไล่เวนเทรสส์ไปได้
หลังจากที่เวนเทรสส์หนีไปและบัลก์เผยตัวว่าเป็นฝ่ายแบ่งแยกดินแดน เมซและเจไดที่รอดจึงกลับไปที่คอรัสซัง
นายพลเจไดขั้นสูง
ในสงครามโคลนเมซได้บัญชาการกองทัพระบบอัลฟ่า ในฐานะนายพลขั้นสูงในหลายๆ เหตุการณ์และได้รับชัยชนะที่มีชื่อเสียงในยุทธการแดนทูอีน มีตำนานที่เล่าว่าเมซได้เอาชนะกองทัพบี2 ซูเปอร์แบทเทิลดรอยด์และรถถังสร้างแผ่นดินไหวโดยการใช้มือเปล่า เรื่องนี้มาจากเด็กชายผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งต่อมาได้ใช้เป็นการโฆษณาต่อต้านจักรวรรดิในสงครามกลางเมืองกาแลกติก
ฮารูนคัล
เราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราจำเป็นที่จะต้องสู้— เมซ วินดู
หกเดือนหลังจากยุทธการจีโอโนซิสเมซได้กลับไปที่บ้านเกิดของเขาเพื่อตามหาอดีตพาดาวันของเขาที่หายตัวไป เดป้า บิลลาบา เขาถูกโจมตีสองครั้งในเมืองหลวงแห่งเพเลคบอว์ แต่ก็พบกับทีมที่เดป้าส่งมาเพื่อรับตัวเขา ในขณะที่เดินทางผ่านป่าเขาได้เอาชนะยานปืนของกลุ่มไซร์นาสามลำ ทำลายไปสอง และทำให้ลำที่สามเสียหายอย่างหนัก เมซพร้อมกับขัลค์ เลช เบช และนิก รอสตู ต้องพบกับอันตรายจากป่าและกองทหารอย่างมาก
ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ฮารูนคัล เมซได้เอาชนะศัตรูไปมากมาย หลังจากที่เขาพบกับเดป้าเมซก็แนะาให้พาตัวเธอกลับไปที่วิหารเจได เขายังได้จัดการกับคาร์ วาสเตอร์ผู้ทรงพลัง หลังจากที่กองทัพได้เปิดการโจมตีใส่กลุ่มโครูนไนที่เดป้านำกลุ่ม เขาได้ทำแผนที่จะยึดดาวให้กับสาธารณรัฐและรบกับคาร์ วาสเตอร์ มันเป็นอารมณ์ที่นำเขาไปสู่ด้านมืด เมซได้ต่อสู้กับพาดาวันของเขาหลังจากที่เธอยอมจำนนต่อพลัง และเอาชนะเธอได้โดยที่ไม่ได้ทำร้ายเธอ แม้ว่าเมซจะรอดการทดสอบนี้และการวางแผนของเขาก็สมบูรณ์ ความทรงจำในการกลับมาที่ฮารูนคัลของเขายังคงหลอกหลอนเขาต่อไป ต่อมาเดป้าพยายามที่จะฆ่าตัวตายเมื่อรู้ว่าเธอเข้าด้านมืด และเป็นโคม่าเป็นเวลานานหลังจากนั้น
เมซ วินดูด้วยการช่วยเหลือจากพลังบนฮารูนคัล เป็นการทำนายถึงการล่มสลายของเจไดและการทำลายวิหารเจได ตามที่เกิดในตอนที่ยูซาน วองเข้ายึดคอรัสซัง
ยุทธการไรลอธ
หลังจากที่ตอบสนองการร้องของจากวุฒิสภา ทางสภาได้ส่งอนาคิน สกายวอล์คเกอร์และพาดาวันของเขาอโซก้า ทาโน่ไปเปิดการปิดกันของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนรอบๆ ดาวไรลอธเพื่อนำกองกำลังภาคพื้นดินเข้าปลดปล่อยชาวทวิเลคจากฝ่ายแบ่งแยกดินแดน
เมื่อการปะทะเริ่มแรกต่อการปิดกั้นไม่ประสบความสำเร็จ มันส่งผลให้สาธารณรัฐสูญเสียไปมาก อาจารย์วินดูได้เตือนสกายวอล์คเกอร์ว่าเขาได้จัดสรรกองกำลังโจมตีไปที่การหมุนจุดเดียวของไรลอธเพื่อผ่านฝ่ายแบ่งแยกดินแดนไปให้ได้ เพราะการรุกต้องการที่จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยไม่สนว่าจะต้องทำลายการป้องกันของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนหรือไม่ เช่นนั้นสกายวอล์คเกอร์และอโซก้าจึงใช้น้อยกว่ายุทธวิธีเพื่อเอาชนะยานรบของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน เพื่อเปิดทางให้กับกองกำลังที่นำโดยอาจารย์วินดูและอาจารย์เคโฯบีเพื่อเริ่มการโจมตีภาคพื้นดินของพวกเขา
เคโนบีและกองร้อนโกสท์ตั้งที่มั่นบนนาแบท ซึ่งเจไดได้วางแผนที่จะใช้เป็นจุดส่งพลลงจอด อย่างไรก็ตามปืนใหญ่โปรตอนจากเบื้องล่างได้ยิงเข้าใส่ยานจู่โจมแอคคลาเมเตอร์ของพวกเขา และหลังจากที่ผู้บัญชาการปอนด์สได้รายงานว่าปืนดังกล่าวได้ทะลุเกราะของพวกเขาแล้ว วินดูได้สั่งการให้เคโนบีไปทำลายปืนนั่นเสียและทำให้การขนส่งสำเร็จ เคโนบีทำสำเร็จในที่สุดและหลังจากที่มีการลงจอด เจไดและโคลนทรูปเปอร์ก็ตั้งที่มั่นในเมืองหลวงแห่งเลสซูเพื่อยึดมันคืนและปลดปล่อยดาว
เพื่อทำให้มันสำเร็จเมซถูกบังคับให้ต้องใช้ทักษะในการเจรจาของเขา เพราะเขารู้ว่าเขาจะต้องการช่วยเหลือจากแชม ซินดุลล่า ผู้นำของนักสู้อิสระชาวทวิเลค อย่างไรก็ตามซินดุลล่าไม่อยากที่จะเจรจากับสาธารณรัฐเพราะเขาไม่เชื่อใจในตัววุฒิสมาชิกประจำไรลอธ ออร์น ฟรี ทา ซึ่งทาเองก็กลัวว่าวินดุลล่าจะวางแผนที่เพื่อยึดอำนาจ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รู้ว่าฝ่ายแบ่งแยกดินแดนได้เริ่มทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของชาวทวิเลค ซินดุลล่าก็ตกลงที่จะคุยกับวุฒิสมาชิกทา
เมซทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยไกล่เลี่ยในการสนทนา และได้สร้างพันธมิตรระหว่างทั้งสองขึ้นมาโดยที่พวกต้องการจะให้คนของพวกเขาเป็นอิสระ จากนั้นซิลดุลล่าเพิ่มกองกำลังของเขาให้กับเมซและทั้งสองก็ยึดเมืองเลสซูคืนมาได้ นอกจากนั้นเมซยังสามารถจับกุมผู้นำของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนได้อีกด้วย
แพลเน็ทคิลเลอร์
ช่วงหนึ่งเมซได้ทำภารกิจเข้าหยุดอาวุธของฝ่ายปบ่งแยกดินแดนที่เรียกว่า"แพลเน็ทคิลเลอร์"หรือ"นักฆ่าดาว" อุปกรณ์ทรงกลมนี้ถูกออกแบบให้ทำลายดาวเคราะห์ที่มันติดตั้งอยู่ อย่างไรก็ตามวินดูได้ปิดการทำงานของมันก่อนที่มันจะจุดชนวนที่ทดสอบโดยนักวิทยาศาสตร์ที่หวังว่าจะขายมันให้กับเคาท์ดูกู โชคร้ายที่แม้ว่าเมซจะทำวำเร็จ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็นำดูกูไปสู่การสร้างสุดยอดอาวุธของเขาเอง
นุล
เมื่อสงครามดำเนินไปหลายเดือน นุลกลายมาเป็นพื้นที่การรบระหว่างสาธารณรัฐและฝ่ายแบ่งแยกดินแดน เจไดผู้รักษาทำหน้าที่อยู่ที่แนวหลังของสาธารณรัฐ แม้ว่าในจุดนี้เอง มันก็ยังอันตรายที่อาจถูกฝ่ายศัตรูเข้ามาเอาชนะได้
ในขณะที่พยายามรักษาโคลนทรูปเปอร์และเจไดที่บาดเจ็บ ทรา ซาอดีตอาจารย์ของเมซและแบร์ริส ออฟฟีถูกจับโดยนักล่าเงินรางวัลที่ทำงานให้กับกลุ่มคริมสันโนว่าจากสมาคมนักล่าเงินรางวัล นักล่าใช้สปีดเดอร์ไบค์เปิดฉากยิงใส่เจได สังหารไปบางส่วน และเผาไฟป่ารอบ ในขณะต่อสู้กระบี่แสงของทรา ซาหลุดออกจากมืดเธอและนักล่าเงินรางวัลเก็บมันไป โดยที่ไม่มีเครื่องป้องกันตัวทรา ซาใช้พลังดึงต้นไม่ให้ล้มลงเหนือผู้รอดชีวิต เป็นการช่วยพวกเขาให้รอดจากไฟ
ไม่นานพายุฝนก็ดับไฟลงและเมซมาถึงเพื่อช่วยผู้รอดชีวิต เขาพบออฟฟี โคลน และซาที่หมดสติ ผู้ที่บาดเจ็บจากการกระทำที่กล้าหาฐของเธอเพื่อช่วยพวกพ้องเอาไว้ เมซบอกให้เธอรอยานปืนอยู่กับออฟฟี แม้ว่าฝ่ายแบ่งแยกดินแดนจะรู้ตำแหน่งของพวกเขาแล้ว เจไดผู้รักษารายงานต่อเมซถึงรายละเอียดของการรบที่คาดไม่ถึง และเขาก็แก้ไขด้วยการยุติการกระทำของกลุ่มคริมสันโนว่าด้วยการไปที่เดอะ ริก ฐานที่มั่นของกลุ่ม
เดอะ ริก
หลังจากสิ้นสุดยุทธการนุล สภาเจไดได้เรียนรู้ว่านักล่าเงินรางวัลได้วางค่าหัวต่อเจไดและสมาชิกของกลุ่มคริมสันโนว่าพยายามที่จะเก็บค่าหัวเหล่านั้น อาจารย์วินดูไม่อยากให้เจไดตกเป็นเป้าในสนามรบเขาจึงรวบรวมเจไดที่ทรงพลังที่สุดเท่ที่มี—อาจารย์เจไดคิท ฟิสโต เซซี ทิอิน และอเจน โคลาร์ เป็นเจไดกลุ่มเดียวกันกับที่เมซนำไปจับกุมพัลพาทีน—และจากนั้นพวกเขาก็บุกไปที่เดอะ ริก ฐานที่มั่นของคริมสันโนว่า
ทีมของเมซได้ทะลุการป้องกันของเดอะ ริกเข้าไปได้ เมซเองยังคงเป็นตัวหันเหความสนใจของนักล่าเงินรางวัลจากเจไดคนอื่นๆ โคลาร์ใช้ชื่อว่าอาร์เจน โคล ปลอมเป็นนักล่าเงินรางวัลที่มองหาเงินจากการที่จับคิท ฟิสโตได้ ในขณะที่ฟิสโตไปกระตุ้นให้เกิดการก่อจลาจลในหมู่นักโทษ ทิอินที่ปลอมตัวเป็นคนขนของเถื่อนก็ติดตั้งระเบิดในโรงเก็บยาน
เมื่อเกิดความอลหม่านบนเดอะ ริก เจไดก็เปิดเผยตนต่อกลุ่มเพื่อสังหารหัวหน้า ค่าหัวถูกยกเลิกและผู้ที่ตั้งค่าหัว คาริส เฟนน์ ก็ถูกสังหารโดยควินลัน วอสในเวลาต่อมา
แวมไพร์พลังงาน
ต่อมาเมซได้ทำภารกิจกู้ภัยเพื่อตามหาทหารที่หายไปของหน่วยอัลฟ่า-2 โดยได้เผชิญหน้ากับเคาท์เตสราจินที่เป็นแวมไพร์พลังงาน ราจินใช้ผีดิบของหลายเผ่าพันธุ์รวมทั้งสมาชิกของหน่วยอัลฟ่า-2 ที่ตายแล้วเพื่อจับเมซ ด้วยการช่วยเหลือจากดรอยด์ซี-18 เขาก็สามารถปราบราจินด้วยการใช้โฮโลครอนของเจไดซามูโรที่ล่วงลับ ผู้ที่ได้กักขังราจินไว้บนดาวเมื่อหลายร้อยปีก่อน
บอซพิตี้
หลังจากที่โอบีวัน เคโนบีพบการปรากฏตัวของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนบนดาวบอซพิตี้ กองกำลังของสาธารณรัฐก็เข้าปะทะกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดนบนพื้นดาวโดยมีอาจารย์วินดูเป็นหนึ่งในผู้นำ พวกเขาตั้งเป้าไปที่ศูนย์การแพทย์ของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน อาจารย์เอดิ กัลเลียและซูน เบย์ทสเป็นระลอกแรกที่เข้าปะทะ และทั้งสองก็ถูสังหารโดยนายพลกรีวัส แม้ว่าอัลฟ่า-17 จะรอดมาได้ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเมซทิ้งเอสทีเอพีใส่นายพลขณะทำการรบ
ในขณะนั้นเองโอบีวันได้ลักลอบเข้าไปในศูน์การแพทย์ของฝ่ายแบ่งแยก เขาได้พบว่าอซาจจ์ เวนเทรสส์อยู่ในถังรักษาตัวและเคาท์ดูกูกำลังรอเธออยู่ หลังจากที่สนทนากับดูกูสักพัก อซาจจ์ก็ทำลายถังออกมาและต่อสู้กับโอบีวัน การต่อสู้นำพวกเขากลับไปยังสมรภูมิที่ซึ่งอนาคิน สกายวอล์คเกอร์เข้าร่วม โอบีวันได้ขัดขวางอนาคินที่พยายามจะฆ่าอซาจจ์ โดยเชื่อว่าเธอยังสามารถไถ่บาปได้
ดูกูก็หลบหนีออกจากศูนย์การแพทบ์เช่นกัน แต่ถูกโจมตีโดยเมซ วินดู ดูกูต้องยอมจำนนต่อเมซแต่แมกน่าการ์ดของเขาก็เข้ามาจับตัวเจไดเอาไว้ ปลดอาวุธของเขาและลากเขาไปที่หลุมในขณะที่ดูกูไปที่จุดอพยพ เพื่อช่วยนายพลกรีวัสที่ได้รับบาดเจ็บ
อซาจจ์หนีจากโอบีวันและอนาคิน และมุ่งหน้าไปที่กระสวยของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตามดูกูไม่อยากให้เธอมาถ่วงเวลาของเขาจึงสั่งให้ยิงเธอและทิ้งเธอไว้เพื่อหันเหความสนใจ อซาจจ์พยายามที่จะฆ่าโอบีวันแต่ก็ถูกขัดขวางโดยอนาคิน จากนั้นเธอก็สาหัสจนกำลังจะตาย โอบีวันนำร่างของเธอไปยังคอรัสซัง การปิดกั้นดูเหมือนว่าจะล่าถอยไปหรือถูกทำลาย
ยุทธการคอรัสซัง
มีเจไดที่ฉลาดมากคนหนึ่งกล่าวกับข้าไว้ว่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องชนะ แต่เราจำเป็นที่จะต้องสู้— โอบีวัน เคโนบีพูดถึงเมซ วินดู
เมื่อใกล้สิ้นสุดสงครามโคลนนายพลกรีวัสได้เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่เข้าใสคอรัสซัง ในการรบเมซได้บินยานของเขารอบๆ เมืองหลวงและทำลายกองกำลังของฝ่ายแบ่งแยกไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมีช่วงหนึ่งที่เขาต้องสละยานของเขาและใช้ยานของดรอยด์แทน และเขาก็ยังใช้มันทำลายยานดรอยด์ลำอื่นๆ ไปอีกจำนวนมาก
หลังจากนั้นเมซก็ต่อสู้กับกรีวัสเหนือรถไฟและเอาชนะเขาได้ เมซได้เข้าร่วมกับโยดาในการรักษาแนวของสาธารณรัฐต่อการบุกของกองทัพดรอยด์ขนาดใหญ่ ทั้งสองคนเริ่มสงสัยว่าทำไมกรีวัสจึงไม่เข้ายึดวิหารเจไดหรือวุฒิสภา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มรู้แล้วว่ามันเป็นแค่เพียงแผนลวงเพื่อหันเหความสนใจจากจุดประสงค์ที่แท้จริง นั่นก็คือการจับตัวสมุหนายกพัลพาทีน
กรีวัสนั้นจับพัลพาทีนได้สำเร็จแม้ว่าก่อนที่เขาจะนำตัวสมุหนายกขึ้นยานของเขาได้นั้น เมซได้ใช้พลังบดขยี้ทำลายเกราะและอวัยวะของกรีวัส (โดยเฉพาะปอด) นั่นส่งผลให้เขาต้องไอไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา พลังบดขยี้เป็นพลังที่ชั่วร้ายที่สุดที่เจไดและแม้กระทั่งซิธรู้จัก ดังนั้นการที่เมซใช้มันจึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติที่สุด อย่างไรก็ตามกรีวัสก็รอดชีวิตและหลบหนีไปพร้อมกับพัลพาทีน แม้ว่าโอบีวันและอนาคินจะช่วยเขาได้ในที่สุดและยังสังหารเคาท์ดูกูอีกด้วย
การเปิดเผย
สงครามโคลนไม่ได้แบ่งแยกสาธารณรัฐแค่เพียงเขตแดนรอบนอกเท่านั้น แต่มันยังได้แบ่งอำนาจสูงสุดอีกด้วย เมื่อใกล้จบสงครามอาจารย์จากสภาสูงเจไดได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอันบ่อยครั้งของสมุหนายกที่เข้ามาเป็นผู้เผด็จการ เมื่อวุฒิสภายอมมอบอำนาจบริหารมากมายให้กับสมุหนายก อาจารย์วินดูก็เริ่มสงสัยในการเคลื่อนไหวของพัลพาทีน แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดแต่พัลพาทีนก็ยังต้องการเครื่องรับรองทางการเมืองและสังคมเพื่อยึดครองสาธารณรัฐทั้งหมด แม้กระทั่งวุฒิสภาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าที่ปรึกษาและตรายางเพื่อผ่านกฎหมายของพัลพาทีน เมื่อสิ้นสุดยุทธการคอรัสซังเจไดมองหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่จะนำพัลพาทีนออกจากตำแหน่ง โดยอย่างแรกคือกล่าวว่าสงครามจะสิ้นสุดด้วยการตายของเคาท์ดูกู และจากนั้นก็ทำลายนายพลกรีวัสเพื่อที่ว่าสมุหนายกจะต้องหมดวาระในการใช้อำนาจฉุกเฉิน สถานการณ์ระหว่างสภากับสมุหนายกเริ่มตึงเครียดในตอนจบของสงครามโคลน คิ อดิ มันดิได้ประกาศว่าถ้าหากสมุหนายกไม่ออกจากตำแหน่งหลังจากโอบีวันสังหารนายพลกรีวัสแล้วล่ะก็ เจไดจะไม่มีทางเลือกนอกจากบังคับให้สมุหนายกออก เมซสรุปว่าสภาเจไดจะต้องเข้ายึดวุฒิสภาเพื่อรักษาความสงบเมื่อต้องย้ายอำนาจจากห้องทำงานของสมุหนายกมาเป็นสภาสูงเจได อาจารย์โยดากลัวว่าวิธีนี้จะนำนิกายเจไดไปสู่สิ่งที่แย่กว่า แต่โยดาเองก็เริ่มเบื่อหน่ายกับสมุหนายกและดูเหมือนจะตกลงกับวิธีนี้
เมื่อข่าวชัยชนะของโอบีวันมาถึงคอรัสซัง เมซเตรียมพร้อมสำหรับการกำจัดพัลพาทีนออกจากอำนาจฉุกเฉินของเขา เมื่อเมซพร้อมที่จะไปที่วุฒิสภาเพื่อแจ้งข่าวการตายของนายพลกรีวัส อนาคินที่สับสนก็มาถึงและยืนยันถึงสิ่งที่สภาเจไดกลัวที่สุด คือผู้นำของสาธารณรัฐกาแลกติกคือซิธลอร์ดดาร์ธ ซีเดียส อาจารย์วินดูได้สั่งให้อนาคินรออยู่ที่ห้องประชุมสภาและขึ้นยานไปพร้อมกับอาจารย์เจไดคิท ฟิสโต เซซี ทิอิน อเจน โคลาร์ พวกเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับสมุหนายก
อ้างอิง
- ↑ Shatterpoint (ฉบับนวนิยาย)
- Star Wars Episode III: Revenge of the Sith
- Star Wars Episode I: The Phantom Menace
- Star Wars Republic: Show of Force
- Stones
- ↑ Star Wars Republic: Emissaries to Malastare
- Survivors
- Conversation in Shadow
- The New Essential Guide to Characters
- ↑ Star Wars : Databank
- The Complete Star Wars Encyclopedia
- Jedi Council: Acts of War
- Star Wars Republic: The Stark Hyperspace War
- Shadows of Coruscant
- Star Wars Episode II: Attack of the Clones
- Star Wars: Knights of the Old Republic II: The Sith Lords
- Star Wars: The Clone Wars (เกม)
- Guide to the Grand Army of the Republic
- Clone Wars Chapter 13
- ↑ Star Wars: The Clonces War — Storm Over Ryloth
- Star Wars: The Clonces War — Innocents of Ryloth
- ↑ Star Wars: The Clonse War — Liberty on Ryloth
- Clone Wars Adventures: Volume 2 — "Run Mace Run"
- Clone Wars Adventures: Volume 9 — "No Way Out"
- ↑ Star Wars: Obsession
แหล่งข้อมูลอื่น
- Mace Windu ใน Star Wars Databank
- Mace Windu ใน Wookieepedia: The Star Wars Wiki