โรแบร์ตู ฟีร์มีนู
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
โรแบร์ตู ฟีร์มีนู บาร์โบซา จี โอลีเวย์รา (โปรตุเกส: Roberto Firmino Barbosa de Oliveira; เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือกองหน้าให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและทีมชาติบราซิล
ฟีร์มีนูกับทีมชาติบราซิลในปี ค.ศ. 2018 | |||
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | โรแบร์ตู ฟีร์มีนู บาร์โบซา จี โอลีเวย์รา | ||
วันเกิด | 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991 (30 ปี) | ||
สถานที่เกิด | มาเซโอ, บราซิล | ||
ส่วนสูง | 1.8 ม. | ||
ตำแหน่ง | กองหน้า / กองกลางตัวรุก | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | ||
หมายเลข | 9 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
2004-2008 | เซแอรีเบ | ||
2008-2009 | ฟีเกย์เร็งซี | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2009–2010 | ฟีเกย์เร็งซี | 38 | (8) |
2011–2015 | 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ | 140 | (38) |
2015– | ลิเวอร์พูล | 216 | (67) |
ทีมชาติ‡ | |||
2014– | บราซิล | 55 | (17) |
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2021 ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 |
หลังจากเริ่มต้นอาชีพกับฟีเกย์เร็งซีใน ค.ศ. 2009 เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับฮ็อฟเฟินไฮม์เป็นระยะเวลา 4 ฤดูกาลครึ่ง โดยในบุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2013–14 เขาทำ 16 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของลีก ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เขาเซ็นสัญญากับสโมสรลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก การสร้างสรรค์เกม การทำประตู และการทำงานหนักของเขา ทำให้เขาได้รับการชื่นชมที่ลิเวอร์พูล ซึ่งผู้จัดการทีมอย่างเยือร์เกิน คล็อพ กล่าวถึงฟีร์มีนูว่าเป็น "เครื่องจักร" ที่ช่วยขับเคลื่อนการเล่นเกมสวนกลับของทีม ต่อมาในฤดูกาล 2018–19 เขาพาทีมชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และในฤดูกาลถัดมา เขาพาทีมชนะเลิศยูฟ่าซูเปอร์คัพ, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี
ฟีร์มีนูลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และเป็นตัวแทนทีมชาติในการแข่งขันโกปาอาเมริกา 2015, ฟุตบอลโลก 2018 และโกปาอาเมริกา 2019 ซึ่งเขาพาทีมชาติบราซิลชนะเลิศ
สโมสรอาชีพ
ฟีเกย์เร็งซี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลิเวอร์พูล
ฤดูกาล 2015-16
ในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูติดทีมชาติบราซิลชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015 สโมสรลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัวฟีร์มีนูจากฮ็อฟเฟินไฮม์ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,450 ล้านบาท พร้อมค่าเหนื่อยกว่า 1 แสนปอนด์ หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อสัปดาห์
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรกโดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทน จอร์ดอน ไอบ์ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 1-0 ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าและทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตีที่เอติฮัดสเตเดียม 4-1 ต่อมาในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับอาร์เซนอล 3-3 ต่อมาในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลเอาชนะนอริชซิตีที่แคร์โรว์โรด 5-4 ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ 2-2 ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0 ต่อมา ในวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1 ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0 ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 2-1 ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 2-0
ฤดูกาล 2016-17
ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2016 อีเอฟแอลคัพ รอบ 2 ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในฤดูกาล 2016-17 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบอร์ตันอัลเบียน 5-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 3 อีเอฟแอลคัพ ได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 4-1 ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สวอนซีซิตี ที่ลิเบอร์ตีสเตเดียม 2-1 ต่อมา ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 4-2 ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1 ต่อมา ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สโตกซิตี 4-1
ในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ สวอนซีซิตี 2-3 ต่อมา ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ใน พรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1 ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 2-1 ต่อมา ในวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่เดอะฮอว์ทอนส์ 1-0 จบฤดูกาล ฟีร์มีนูยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 11 ประตูจาก 35 นัด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2017-18
ก่อนจะเริ่มฤดูกาล 2017-18 ฟีร์มีนูเปลี่ยนสวมเสื้อหมายเลข 9 แทนหมายเลข 11 ที่มอบให้กับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ นักเตะใหม่ที่ย้ายจากโรมามาอยู่กับลิเวอร์พูล ต่อมา ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2017–18 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-3 ต่อมา ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบเพลย์ออฟ นัดที่ 2 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา ฮ็อฟเฟินไฮม์ จากเยอรมัน 4-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮ็อฟเฟินไฮม์ 6-3 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 4-0 ต่อมา ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E ฟีร์มีนูทำประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนที่เขายิงจุดโทษพลาด ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เซบิยา จากสเปน 2-2 ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0 ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 3-0 ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เซบิยา จากสเปน 3-3 ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 5-1 ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-3 ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0
ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 4-3 ต่อมา ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2018 เอฟเอคัพ รอบสี่ ฟีร์มีนูยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 1-0 แต่สุดท้ายเขายิงจุดโทษพลาดก็แพ้ไป 2-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด ต่อมา ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ ที่สนามกีฬาจอห์นสมิท 3-0 ต่อมา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0 ต่อมา ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนูทำประตูที่ 8 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-0 ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-1 ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 14 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0 ต่อมา ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 2-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 5-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-0 ต่อมา ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โรมา จากอิตาลี 5-2
ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล เป็นเวลา 5 ปี
ฤดูกาล 2018-19
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงพาวเวอร์สเตเดียม 2-1 ต่อมา ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ 2-1 ต่อมา ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C ฟีร์มีนูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง จากฝรั่งเศส 3-2 ต่อมา ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เรดสตาร์ เบลเกรด จากเซอร์เบีย 4-0 ต่อมา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-0 ต่อมา ในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-1 ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 5-1 ทำให้ ฟีร์มีนูเป็นนักเตะบราซิลที่ทำประตูรวมมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
ในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 1-2 ต่อมา ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 4-3 ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบิร์นลีย์ 4-2 ต่อมา ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1 ต่อมา ในวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 2-0 ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2019-20
ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-1 ต่อมา ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-0 ทำให้ ฟีร์มีนูเป็นนักเตะบราซิลคนแรกที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกครบ 50 ประตู ต่อมา ในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-1 ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1
ในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 ฟีร์มีนูลงสนามเป็นตัวสำรองทำประตูชัย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มอนเตร์เรย์ จากเม็กซิโก 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ ฟีร์มีนูลงสนามและทำประตูชัย สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ 1-0 ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-0 ต่อมา ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2020 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ อัตเลติโกเดมาดริด จากสเปน โดยนัดแรก ลิเวอร์พูล ไปพ่ายแพ้ 0-1 ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ 2-0 ถึงจะผ่านเข้ารอบต่อไป โดย ฟีร์มีนูยิงประตูขึ้นนำ 2-0 แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ 2-3 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ 2-4 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบไปในที่สุด
ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชลซี 5-3 และฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 ที่แอนฟีลด์ส่งท้าย
ฤดูกาล 2020-21
ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 2-1 ต่อมา ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 3-0 ต่อมา ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1 ต่อมา ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 7-0 ต่อมา ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2021 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ 3-1 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 4-2 ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-0
ฤดูกาล 2021-22
ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2021 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริชซิตี ที่แคร์โรว์โรด 3-0 ต่อมา ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-1
ทีมชาติบราซิล
ทีมเยาวชน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ทีมชุดใหญ่
ฟุตบอลโลก 2018
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ทีมชาติบราซิลเรียกตัวฟีร์มีนูติดรายชื่อชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย บราซิล ได้อยู่กลุ่มอี ร่วมกับ สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และ เซอร์เบีย สุดท้าย บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 ต่อมา ในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟีร์มีนูทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ต่อมา ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล พ่ายแพ้ เบลเยียม 1-2 ทำให้ บราซิล ต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เพียงเท่านี้
สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2021
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วย | ลีกคัพ | ทวีป | อื่น ๆ | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
ฟีเกย์เร็งซี | 2009 | 2 | 0 | — | — | — | — | 2 | 0 | ||||
2010 | 36 | 8 | — | — | — | 15 | 4 | 51 | 12 | ||||
รวม | 38 | 8 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 15 | 4 | 53 | 12 | |
1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ | 2010–11 | 11 | 3 | — | — | — | — | 11 | 3 | ||||
2011–12 | 30 | 7 | 3 | 0 | — | — | — | 33 | 7 | ||||
2012–13 | 33 | 5 | 1 | 0 | — | — | 2 | 2 | 36 | 7 | |||
2013–14 | 33 | 16 | 4 | 6 | — | — | — | 37 | 22 | ||||
2014–15 | 33 | 7 | 3 | 3 | — | — | — | 36 | 10 | ||||
รวม | 140 | 38 | 11 | 9 | — | 0 | 0 | 2 | 2 | 153 | 49 | ||
ลิเวอร์พูล | 2015–16 | 31 | 10 | 0 | 0 | 5 | 0 | 13 | 1 | — | 49 | 11 | |
2016–17 | 35 | 11 | 2 | 0 | 4 | 1 | — | — | 41 | 12 | |||
2017–18 | 37 | 15 | 2 | 1 | 0 | 0 | 15 | 11 | — | 54 | 27 | ||
2018–19 | 34 | 12 | 1 | 0 | 1 | 0 | 12 | 4 | — | 48 | 16 | ||
2019–20 | 38 | 9 | 2 | 0 | 0 | 0 | 8 | 1 | 4 | 2 | 52 | 12 | |
2020–21 | 36 | 9 | 2 | 0 | 0 | 0 | 9 | 0 | 1 | 0 | 48 | 9 | |
2021–22 | 5 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 1 | 2 | — | 6 | 3 | ||
รวม | 216 | 67 | 9 | 1 | 10 | 1 | 58 | 19 | 5 | 2 | 298 | 90 | |
รวมทั้งหมด | 394 | 113 | 20 | 10 | 10 | 1 | 58 | 19 | 22 | 8 | 504 | 151 |
- Appearances in Bundesliga relegation play-offs
- Appearances in UEFA Europa League
- ↑ Appearances in UEFA Champions League
- One appearance in FA Community Shield, one appearance in UEFA Super Cup, two appearances and two goals in FIFA Club World Cup
- Appearance in the FA Community Shield
ทีมชาติ
- ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2021
ทีมชาติบราซิล | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ปี | ลงเล่น | ประตู | |||||
2014 | 2 | 1 | |||||
2015 | 9 | 3 | |||||
2016 | 2 | 1 | |||||
2017 | 5 | 0 | |||||
2018 | 11 | 3 | |||||
2019 | 15 | 5 | |||||
2020 | 4 | 3 | |||||
2021 | 7 | 1 | |||||
รวม | 55 | 17 |
ประตูในนามทีมชาติ
- เรียงเอาจำนวนประตูและคะแนนของบราซิลขึ้นก่อน
ที่ | วันที่ | สถานที่ | คู่แข่งขัน | ประตู | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 18 พฤศจิกายน 2014 | แอนสท์-ฮัพเพิล-ชตาดิโยน, เวียนนา, ออสเตรีย | ออสเตรีย | 2–1 | 2–1 | เกมกระชับมิตร |
2. | 29 มีนาคม 2015 | เอมิเรตส์สเตเดียม, ลอนดอน, อังกฤษ | ชิลี | 1–0 | 1–0 | เกมกระชับมิตร |
3. | 10 มิถุนายน 2015 | เอสตาจีอูเบย์รา-รีอู, ปอร์ตูอาเลเกร, บราซิล | ฮอนดูรัส | 1–0 | 1–0 | เกมกระชับมิตร |
4. | 21 มิถุนายน 2015 | สนามกีฬาอนุสรณ์ดาบิด อาเรยาโน, ซานเตียโก, ชิลี | เวเนซุเอลา | 2–0 | 2–1 | โกปาอาเมริกา 2015 |
5 | 6 ตุลาคม 2016 | Arena das Dunas, นาตาล, Brazil | โบลิเวีย | 5–0 | 5–0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
6 | 3 มิถุนายน 2018 | แอนฟีลด์, ลิเวอร์พูล, อังกฤษ | โครเอเชีย | 2–0 | 2–0 | เกมกระชับมิตร |
7. | 2 กรกฎาคม 2018 | Cosmos Arena, Samara, Russia | เม็กซิโก | 2–0 | 2–0 | 2018 FIFA World Cup |
8. | 7 กันยายน 2018 | MetLife Stadium, East Rutherford, United States | สหรัฐ | 1–0 | 2–0 | Friendly |
9. | 26 มีนาคม 2019 | Sinobo Stadium, Prague, Czech Republic | เช็กเกีย | 1–1 | 3–1 | |
10. | 9 มิถุนายน 2019 | Estádio Beira-Rio, Porto Alegre, Brazil | ฮอนดูรัส | 6–0 | 7–0 | |
11. | 22 มิถุนายน 2019 | Arena Corinthians, São Paulo, Brazil | เปรู | 2–0 | 5–0 | 2019 Copa América |
12. | 2 กรกฎาคม 2019 | Estádio Mineirão, Belo Horizonte, Brazil | อาร์เจนตินา | 2–0 | 2–0 | |
13 | 10 October 2019 | National Stadium, Kallang, Singapore | เซเนกัล | 1–0 | 1–1 | Friendly |
14 | 9 October 2020 | Neo Química Arena, São Paulo, Brazil | โบลิเวีย | 2–0 | 5–0 | 2022 FIFA World Cup qualification |
15 | 3–0 | |||||
16 | 13 November 2020 | Estádio do Morumbi, São Paulo, Brazil | เวเนซุเอลา | 1–0 | 1–0 | |
17 | 23 June 2021 | Estádio Olímpico Nilton Santos, Rio de Janeiro, Brazil | โคลอมเบีย | 1–1 | 2–1 | 2021 Copa América |
เกียรติประวัติ
สโมสร
ลิเวอร์พูล
- พรีเมียร์ลีก: 2019–20
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018–19
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2019
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2019
ทีมชาติ
บราซิล
รางวัลส่วนตัว
- Bundesliga Breakthrough of the Season: 2013–14
- PFA Player of the Month: January 2016
- PFA Fans' Player of the Month: มกราคม 2016
- UEFA Champions League Squad of the Season: 2017–18
- Samba Gold: 2018
- Standard Chartered Liverpool Player of the Month: มกราคม 2016, มกราคม 2018, กันยายน 2019
- ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของอีเอ สปอร์ตส์: มกราคม 2016, เมษายน 2017, มกราคม 2018, มกราคม 2019
อ้างอิง
- "Updated squads for 2017/18 Premier League confirmed". Premier League. 2 February 2018. สืบค้นเมื่อ 11 February 2018.
- "FIFA Club World Cup Qatar 2019: List of Players: Liverpool" (PDF). FIFA. 21 December 2019. p. 7. สืบค้นเมื่อ 17 January 2020.
- "2018 FIFA World Cup: List of players" (PDF). FIFA. 21 June 2018. p. 4.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อengine
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2015-11-25. สืบค้นเมื่อ 2016-02-06.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2015-11-26. สืบค้นเมื่อ 2016-02-06.
- อัลเลนยิงท้ายเกมช่วยทีมแบ่งแต้ม ในเกมสุดตื่นเต้นที่มี 6 ประตู
- ลัลลานาทำประตูตัดสินเกมสุดระทึก ที่มีถึง 9 ประตูที่แคร์โรว์ โร้ด[ลิงก์เสีย]
- 5 ข้อเท็จจริงที่ได้จากชัยชนะสุดดราม่าของลิเวอร์พูลเหนือนอริช ซิตี้[ลิงก์เสีย]
- ลิเวอร์พูลถูกซันเดอร์แลนด์ไล่ตีเสมอท้ายเกม
- ลิเวอร์พูลกลับมาคว้าชัยเหนือแมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม[ลิงก์เสีย]
- จุดโทษท้ายเกมของเบนเตเก้ช่วยลิเวอร์พูลที่เหลือ 10 คนเอาชนะพาเลซ[ลิงก์เสีย]
- หงส์แดงฟอร์มเยี่ยม ยิงตุน 2 ประตูในเกมยูโรปา ลีก นัดแรกกับแมนฯ ยูไนเต็ด
- สเตอร์ริดจ์ และเฟอร์มิโน่ ทำประตูให้ลิเวอร์พูลบุกชนะบอร์นมัธ
- อัลเลน และเฟอร์มิโน่ ยิงให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือวัตฟอร์ด
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-08-28. สืบค้นเมื่อ 2016-08-25.
- ลิเวอร์พูลถล่มเลสเตอร์ ในเกมประเดิมเมน สแตนด์ ที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-10-04. สืบค้นเมื่อ 2016-10-02.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-11-02. สืบค้นเมื่อ 2016-10-31.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-11-09. สืบค้นเมื่อ 2016-11-08.
- ลิเวอร์พูลกลับมาถล่มสโต๊ก 4-1 ที่แอนฟิลด์
- เฟอร์มิโน่เหมาสองประตูในเกมพ่ายสวอนซีที่แอนฟิลด์
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-03-07. สืบค้นเมื่อ 2017-03-07.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-04-10. สืบค้นเมื่อ 2017-04-10.
- ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนชนะเวสต์บรอม
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-08-15. สืบค้นเมื่อ 2017-08-14.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-08-26. สืบค้นเมื่อ 2017-08-24.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-08-30. สืบค้นเมื่อ 2017-08-28.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-09-18. สืบค้นเมื่อ 2017-09-15.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-18.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-21.
- ลิเวอร์พูลถล่มฮัดเดอร์สฟิลด์ที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-11-24. สืบค้นเมื่อ 2017-11-22.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-01-06. สืบค้นเมื่อ 2017-12-03.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-12-08. สืบค้นเมื่อ 2017-12-07.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-12-23. สืบค้นเมื่อ 2017-12-18.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-12-25. สืบค้นเมื่อ 2017-12-23.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2017-12-31. สืบค้นเมื่อ 2017-12-27.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-01-16. สืบค้นเมื่อ 2018-01-15.
- ลิเวอร์พูลพ่ายเวสต์บรอม ตกรอบเอฟเอ คัพ[ลิงก์เสีย]
- ลิเวอร์พูลกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะที่ฮัดเดอร์สฟิลด์[ลิงก์เสีย]
- ลิเวอร์พูลบุกไปคว้าสามแต้มที่เซาท์แฮมป์ตัน[ลิงก์เสีย]
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-26. สืบค้นเมื่อ 2018-02-25.
- ซาลาห์กด 4 ประตูให้ลิเวอร์พูลถล่มวัตฟอร์ด 5-0[ลิงก์เสีย]
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-04-13. สืบค้นเมื่อ 2018-04-11.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-04-21. สืบค้นเมื่อ 2018-04-15.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-04-29. สืบค้นเมื่อ 2018-04-25.
- โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ตกลงเงื่อนไขสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับสโมสรลิเวอร์พูล
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนเลสเตอร์ 2-1
- Match report: ลิเวอร์พูลบุกไปชนะสเปอร์ส พร้อมคว้า 3 แต้มจากเวมบลีย์
- Match Report: เฟอร์มิโน่ซัดช่วงทดเวลาให้ลิเวอร์พูลพลิกชนะในแชมเปียนส์ลีก!!!
- Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มเร้ดสตาร์ 4-0 ในแชมเปียนส์ลีก (วิดีโอ)
- Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้ม หลังบุกชนะวัตฟอร์ด 3-0
- Match Report: ลิเวอร์พูลสู้กลับมาชนะเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟ มัวร์
- Match Report: ลิเวอร์พูลพลิกจากตามหลัง ถล่มอาร์เซนอล 5-1
- Match Report: ลิเวอร์พูลออกไปพ่ายแมนฯ ซิตี้ (วิดีโอ)
- Match Report: ซาลาห์เบิ้ลให้ลิเวอร์พูลเฉือนพาเลซ 4-3
- Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ต้อนเบิร์นลีย์ 4-2
- Match Report: ลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูงหลังเฉือนสเปอร์สจากประตูท้ายเกม
- Match Report: ลิเวอร์พูลชนะปอร์โต้ 2-0 ในแชมเปียนส์ลีก เลกแรก
- Match Report: ลิเวอร์พูลกด 4 ประตูผ่านเข้ารอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก
- Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกหลังชนะสเปอร์ส 2-0
- Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ หลังดวลจุดโทษชนะเชลซี
- Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนเซาท์แฮมป์ตันที่เซนต์ แมรีส์
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกถล่มเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟ มัวร์
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกเฉือนเชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
- Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือคริสตัล พาเลซ จากประตูชัยของเฟอร์มิโน่
- Match Report: เฟอร์มิโน่ซัดให้ลิเวอร์พูลเข้าชิงฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ
- Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คลับ เวิลด์ ที่กาตาร์
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มเลสเตอร์ 4-0
- Match Report: ประตูโทนของเฟอร์มิโน่ช่วยลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือสเปอร์ส
- Match Report: ประตูจาก เฮนเดอร์สัน และ ประตูท้ายเกมจาก เฟอร์มิโน่ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะเหนือวูล์ฟแฮมป์ตัน
- Match Report: ลิเวอร์พูลชนะเชลซีก่อนชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์
- อัลบั้มภาพ: ทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
- Match Report: ลิเวอร์พูลแซงเอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1
- Match Report: ลิเวอร์พูลร้อนแรงชนะเลสเตอร์ขาดลอย
- Match Report: เฟอร์มิโน่โขกประตูชัยท้ายเกมส่งลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกถล่มคริสตัล พาเลซ 7-0
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะสเปอร์สที่ลอนดอน
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
- Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะเบิร์นลีย์ขยับขึ้นท็อปโฟร์
- Match Report: ลิเวอร์พูลออกสตาร์ตพรีเมียร์ลีกด้วยสามแต้ม
- Match Report: ลิเวอร์พูลฟอร์มร้อนแรงบุกชนะปอร์โต้ 5-1
- ข้อมูลของ โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ที่ ซ็อกเกอร์เวย์. เรียกข้อมูลเมื่อ 19 November 2014.
- "Games played by โรแบร์ตู ฟีร์มีนู in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 November 2015.
- "Games played by โรแบร์ตู ฟีร์มีนู in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 26 May 2016.
- "Games played by โรแบร์ตู ฟีร์มีนู in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 August 2020.
- "Roberto Firmino". National Footbal Teams. สืบค้นเมื่อ 15 June 2015.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อgoal
- "Brazil 1-0 Chile". BBC. สืบค้นเมื่อ 29 March 2015.
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพีเอฟเอ
- เฟอร์มิโน่รับมอบรางวัลจากพีเอฟเอที่เมลวู้ด
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนเป็นครั้งแรก
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนม.ค.ของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนก.ย.ของลิเวอร์พูล (วิดีโอ)
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมเดือนมกราคม
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนเมษายน
- ประกาศรางวัลประตูยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลประจำเดือน ม.ค.
- เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคม (วิดีโอ)
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: โรแบร์ตู ฟีร์มีนู |
- Liverpool F.C. profile