ปลากระดูกอ่อน (ชั้น: Chondrichthyes; อังกฤษ: Cartilaginous fish) เป็นชั้นของปลาจำพวกหนึ่ง ซึ่งมีโครงสร้างกระดูกประกอบไปด้วยเซลล์กระดูกอ่อนอย่างเดียว โดยมีหินปูนมาประกอบเป็นบางส่วน ส่วนมากมีเหงือกแยกออกเป็นช่อง 5 ช่อง มีเกล็ดแบบพลาคอยด์ ที่จะไม่โตไปตามตัว มีลักษณะสากเมื่อสัมผัส ตัวผู้มีรยางค์เพศที่ครีบท้องเป็นติ่งยื่นเรียก แคลสเปอร์ หรือที่ในภาษาไทยเรียก เดือย โดยมากจะออกลูกเป็นตัว ขากรรไกรแยกออกจากกะโหลก ปลาจำพวกนี้พบทั่วโลกประมาณ 800 ชนิด เป็นปลากินเนื้อ ส่วนมากเป็นปลาทะเล ในน้ำจืดมีเพียงไม่กี่สิบชนิด มีหลายอันดับ หลายวงศ์ หลายสกุล โดยปลาในกลุ่มปลากระดูกอ่อนนี้ที่รู้จักกันดี ก็ได้แก่ ปลาฉลาม, ปลากระเบน, ปลาฉนาก, ปลาโรนัน เป็นต้น
ปลากระดูกอ่อนส่วนใหญ่มีรูปร่างเรียวยาว ยกเว้น ปลากระเบน ที่มีรูปร่างแบน ส่วนใหญ่อยู่ในทะเล พบในน้ำจืดเพียงไม่กี่ชนิด เช่น ปลากระเบนน้ำจืด มีขนาดแตกต่างกันตามแต่ละสกุล แต่ละชนิด ตั้งแต่มีความยาวเพียงไม่ถึงหนึ่งฟุต จนถึง 20 เมตร หนักถึง 34 ตัน คือ ปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) ซึ่งเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การจัดจำแนก ปลากระดูกอ่อนแบ่งเป็น 2 ชั้นย่อย ดังนี้
- อีลาสโมแบรนชิไอ มีช่องเหงือกเปิดออกสู่ภายนอกโดยตรง ได้แก่ ฉลาม, กระเบน, ฉนาก
- ฮอโลเซฟาโล ช่องเหงือกไม่เปิดออกสู่ภายนอกโดยตรง แต่ผ่านช่องปิดเหงือก ที่พัฒนามาจากขากรรไกรบน ขากรรไกรและฟันแข็งแรง ตัวอย่างเช่น ปลากระต่าย
ความแตกต่างระหว่างปลาในชั้นกระดูกอ่อนและชั้นกระดูกแข็ง | ปลากระดูกอ่อน | ปลากระดูกแข็ง |
| โครงสร้างเป็นกระดูกอ่อน มีแคลเซียมสะสมอยู่ ไม่มีเนื้อเยื่อของกระดูก | โครงกระดูก เกิดจากการสะสมของเซลล์กระดูก |
| กระดูกหัวไม่มีร่อง | กระดูกหัวมีร่อง ประกอบด้วยกระดูกเป็นแผ่นแข็ง |
| เหงือกมีเยื่อกั้น ทำให้มีช่องเปิดเหงือก 5-7 คู่ ไม่มีกระดูกปิดเหงือก | เหงือกไม่มีเยื่อกั้น มีช่องเปิดเหงือก 1 คู่ มีกระดูกปิดเหงือก |
| เพศผู้มีเดือยหนึ่งคู่ (แคลสเปอร์) | ไม่มีแคลสเปอร์ |
| ไม่มีกระเพาะลม จึงมีตับขนาดใหญ่มาแทนที่เพื่อช่วยในการพยุงตัวให้ลอย | ส่วนมากมีกระเพาะลม บางอันดับมีปอด (ปลาปอด) |
| มีทวารร่วม ซึ่งเป็นช่องเปิดร่วมของทวารและช่องสืบพันธุ์ | ไม่มีทวารร่วม มีช่องเปิดของทวาร และช่องสืบพันธุ์แยกกัน |
| ลำไส้สั้น มีลักษณะเป็นบันไดเวียนหรือแบบม้วนเสื่อ | ลำไส้เป็นแบบธรรมดา |
| เกล็ดแบบพลาคอยด์เรียงกันเป็นแผ่น (สาก) | เกล็ดมีหลายแบบ บางจำพวกไม่มีเกล็ด |
| ครีบไม่มีก้านครีบ มีกระดูกอ่อนพยุง | ครีบมีก้านครีบ อาจเป็นก้านครีบแข็งหรือก้านครีบอ่อน |
| ส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว (เป็นไข่แต่ได้พัฒนาเป็นตัวในท้อง) | ส่วนมากออกลูกเป็นไข่ |
| บางจำพวกมีสไปราเคิล (ท่อน้ำออก) | ไม่มีสไปราเคิล |
| ไม่มีซอกฟันบนขากรรไกร | มีซอกฟันบนขากรรไกร |
| หางเป็นแบบเฮเทอโรเซอคอล | หางเป็นแบบโฮโมเซอคอ |
| กินสัตว์ทั้งสัตว์น้ำและแพลงก์ตอนเป็นอาหารทั้งหมด | กินทั้งสัตว์และพืช |
ปัจจุบัน มีความเชื่อว่า ปลากระดูกอ่อนนี้มิอาจป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ เนื่องจากในเซลล์กระดูกอ่อนซึ่งเป็นองค์ประกอบใหญ่ของกระดูกในร่างกายนั้น มีสารโปรตีนที่ช่วยยับยั้งในการเกิดเซลล์มะเร็ง จึงมีการสกัดเซลล์กระดูกอ่อนจากปลากระดูกอ่อนโดยเฉพาะ ปลาฉลาม ผลิตเป็นยาจำหน่ายโดยทั่วไป
แท้ที่จริงแล้ว ความเชื่อดังกล่าวยังมิได้พิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ และเรื่องที่ว่าปลากระดูกอ่อนมิอาจป่วยเป็นโรคมะเร็งนั้นก็มิได้เป็นความจริงแต่อย่างใด
อ้างอิง - มนตรี แก้วเกิด. สัตววิทยา. นครสวรรค์: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. 2542
- มีนวิทยา: รหัสวิชา 03-041-104
- กระดูกอ่อนฉลามรักษามะเร็ง?
ปลากระด, กอ, อน, วงเวลาท, ตอย, preЄ, คไซล, เร, ยนตอนปลาย, จจ, นปลาฉลามวาฬ, rhincodon, typus, ปลาท, ใหญ, ดในโลกและเป, นด, วย, หม, เกาะส, นการจำแนกช, นทางว, ทยาศาสตร, อาณาจ, กร, animaliaไฟล, chordataไฟล, มย, อย, vertebrataไฟล, มฐาน, gnathostomataช, chondrichthye. plakradukxxnchwngewlathimichiwitxyu PreYe Ye O S D C P T J K Pg N yukhislueriyntxnplay pccubnplachlamwal Rhincodon typus plathiihythisudinolkaelaepnplakradukxxndwy thihmuekaasimilnkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordataiflmyxy Vertebrataiflmthan Gnathostomatachn Chondrichthyes Huxley 1880chnyxyaelaxndbchnyxy Elasmobranchii xndbihy Selachimorpha xndb Mongolepidida xndb Carcharhiniformes xndb Lamniformes xndb Orectolobiformes xndb Heterodontiformes xndb Squaliformes xndb Squatiniformes xndb Pristiophoriformes xndb Hexanchiformes xndbihy Batoidea xndb Myliobatiformes xndb Rajiformes xndb Rhinopristiformes xndb Torpediniformes chnyxy Holocephali xndbihy Holocephalimorpha xndb Chimaeriformes plakradukxxn chn Chondrichthyes xngkvs Cartilaginous fish epnchnkhxngplacaphwkhnung sungmiokhrngsrangkradukprakxbipdwyesllkradukxxnxyangediyw odymihinpunmaprakxbepnbangswn swnmakmiehnguxkaeykxxkepnchxng 5 chxng miekldaebbphlakhxyd thicaimotiptamtw milksnasakemuxsmphs twphumiryangkhephsthikhribthxngepntingyuneriyk aekhlsepxr hruxthiinphasaithyeriyk eduxy odymakcaxxklukepntw khakrrikraeykxxkcakkaohlk placaphwkniphbthwolkpraman 800 chnid epnplakinenux swnmakepnplathael innacudmiephiyngimkisibchnid mihlayxndb hlaywngs hlayskul odyplainklumplakradukxxnnithiruckkndi kidaek plachlam plakraebn plachnak plaornn epntnplakradukxxnswnihymiruprangeriywyaw ykewn plakraebn thimiruprangaebn swnihyxyuinthael phbinnacudephiyngimkichnid echn plakraebnnacud mikhnadaetktangkntamaetlaskul aetlachnid tngaetmikhwamyawephiyngimthunghnungfut cnthung 20 emtr hnkthung 34 tn khux plachlamwal Rhincodon typus sungepnplathiihythisudinolk enuxha 1 karcdcaaenk 2 khwamaetktangrahwangplainchnkradukxxnaelachnkradukaekhng 3 khwamechuxeruxngkarrksaorkhmaerng 4 xangxingkarcdcaaenk aekikhplakradukxxnaebngepn 2 chnyxy dngni xilasomaebrnchiix michxngehnguxkepidxxksuphaynxkodytrng idaek chlam kraebn chnak hxolesfaol chxngehnguxkimepidxxksuphaynxkodytrng aetphanchxngpidehnguxk thiphthnamacakkhakrrikrbn khakrrikraelafnaekhngaerng twxyangechn plakratay 1 khwamaetktangrahwangplainchnkradukxxnaelachnkradukaekhng aekikhplakradukxxn plakradukaekhngokhrngsrangepnkradukxxn miaekhlesiymsasmxyu immienuxeyuxkhxngkraduk okhrngkraduk ekidcakkarsasmkhxngesllkradukkradukhwimmirxng kradukhwmirxng prakxbdwykradukepnaephnaekhngehnguxkmieyuxkn thaihmichxngepidehnguxk 5 7 khu immikradukpidehnguxk ehnguxkimmieyuxkn michxngepidehnguxk 1 khu mikradukpidehnguxkephsphumieduxyhnungkhu aekhlsepxr immiaekhlsepxrimmikraephaalm cungmitbkhnadihymaaethnthiephuxchwyinkarphyungtwihlxy swnmakmikraephaalm bangxndbmipxd plapxd mithwarrwm sungepnchxngepidrwmkhxngthwaraelachxngsubphnthu immithwarrwm michxngepidkhxngthwar aelachxngsubphnthuaeykknlaissn milksnaepnbnidewiynhruxaebbmwnesux laisepnaebbthrrmdaekldaebbphlakhxyderiyngknepnaephn sak ekldmihlayaebb bangcaphwkimmiekldkhribimmikankhrib mikradukxxnphyung khribmikankhrib xacepnkankhribaekhnghruxkankhribxxnswnihyxxklukepntw epnikhaetidphthnaepntwinthxng swnmakxxklukepnikhbangcaphwkmisipraekhil thxnaxxk immisipraekhilimmisxkfnbnkhakrrikr misxkfnbnkhakrrikrhangepnaebbehethxoresxkhxl hangepnaebbohomesxkhxkinstwthngstwnaaelaaephlngktxnepnxaharthnghmd kinthngstwaelaphuch 2 khwamechuxeruxngkarrksaorkhmaerng aekikhpccubn mikhwamechuxwa plakradukxxnnimixacpwyepnorkhmaerngid enuxngcakinesllkradukxxnsungepnxngkhprakxbihykhxngkradukinrangkaynn misaroprtinthichwyybynginkarekidesllmaerng cungmikarskdesllkradukxxncakplakradukxxnodyechphaa plachlam phlitepnyacahnayodythwipaeththicringaelw khwamechuxdngklawyngmiidphisucnthrabthangwithyasastraelakaraephthy aelaeruxngthiwaplakradukxxnmixacpwyepnorkhmaerngnnkmiidepnkhwamcringaetxyangid 3 xangxing aekikh mntri aekwekid stwwithya nkhrswrrkh mhawithyalyrachphtnkhrswrrkh 2542 minwithya rhswicha 03 041 104 kradukxxnchlamrksamaerng ekhathungcak https th wikipedia org w index php title plakradukxxn amp oldid 9265390, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
