มะฮอกกานีใบใหญ่
มะฮอกกานีใบใหญ่ | |
---|---|
ใบของมะฮอกกานีใบใหญ่ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
ไม่มั่นคง (IUCN 2.3) | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Sapindales |
วงศ์: | Meliaceae |
สกุล: | Swietenia |
สปีชีส์: | S. macrophylla |
ชื่อทวินาม | |
Swietenia macrophylla King |
มะฮอกกานีใบใหญ่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Swietenia macrophylla King), อังกฤษ: big leaf, Brazillian, Hondurus(English), caoba/aguono/mara(Spanish), mogno/aguano(Portuguese), mahogani grands feuillis(French), Echtes mahagoni(German), mogano(Italian), cheria mahogany(Malay)
การตั้งชื่อ
ชื่อสกุล Swietenia ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ Gerard von Swieten (1700-1772) นักพฤกษศาสตร์และนักฟิสิกส์ และ จักรพรรดินีออสเตรีย Maria Theresa ชื่อระบุสปีชีส์ macrophylla มาจากคำว่าใบใหญ่จากภาษากรีก 'makros' แปลว่าใหญ่ และ 'phyllon' แปลว่าใบ
การกระจายพันธุ์
อเมริกากลาง ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก จนถึงตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ มะฮอกกานีในธรรมชาติเคยมีราว 278 ล้านเฮกตาร์ 57% พบในบราซิล และ 21% ถูกโค่นไปในปี 2000 อุณหภูมิระหว่าง 20-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ย 24 องศาเซลเซียส ไม่เกิน 35 องศาเซลเซียส ปริมาณฝน 1600-2500 มิลลิเมตรต่อปี ความสูง 0-1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถพบได้ในป่าทุกประเภทตั้งแต่ป่าสน ทุ่งหญ้าเขตร้อนจนถึงป่าดงดิบ การค้นพบครั้งแรกของทวีปอเมริกาใต้พบริมแม่น้ำแอมะซอนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทราบได้ว่า มะฮอกกานีสามารถโตได้ในอากาศร้อนชื้นและกึ่งร้อนชื้น มีการกระจายตัวเป็นกลุ่มเล็ก หาได้ยากที่มีความหนาแน่นมากกว่า 4-8 ต้นต่อเฮกตาร์ ในเขตร้อนชื้นของทวีปอเมริกาพบเป็นพืชกลุ่มเริ่มต้นหลังจากการฟื้นฟูจากการแผ้วถางที่ดินเพื่อการเพาะปลูก มีการปลูกร่วมกับต้นสัก [[1]] ในฟิลิปปินส์มีรายงานว่าทนทานต่อลมและพายุไซโคลน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ต้น สูง 30-40 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 3-4 เมตร ในสภาวะที่เหมาะสม สูงได้ถึง 60 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 9 เมตร ต้องการแสง สามารถอยู่ในที่ได้รับแสงบางเวลาได้เช่นกัน เช่น ในป่า
การขยายพันธุ์ เป็นพืชที่มีสองเพศในต้นเดียว ต้นตรง ทรงกระบอก มีรากพูพอนที่โคน เปลือกไม้ขรุขระ และหลุดล่อนเป็นชิ้นเล็ก
- ใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ยาว 60 เซนติเมตร ใบย่อย 6-16 ใบ รูปไข่ รูปหอก ปลายใบค่อนข้างเรียวแหลม สีเขียวอ่อนหรือออกแดงเมื่อยังอ่อน เขียวเข้มและเป็นมันเมื่อโตเต็มที่
- ดอก ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 มิลลิเมตร ช่อดอกแยกแขนงปลายแคบ ยาว 8-13 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม กลีบดอกขาวอมเหลือง รูปวงรี ยาว 4 มิลลิเมตร มีทั้งดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย ดอกเพศเมียส่วนใหญ่อยู่กลางช่อ ออกดอกกลางถึงปลายฤดูแล้ง ต้นที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20-30 ก็ออกดอกได้ ขึ้นกับสภาพพื้นที่ ขยายพันธุ์ได้เต็มที่เมื่อต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 70-80 เซนติเมตร ถึง 130 เซนติเมตร
- ผล ตรง ผลแตก แข็งเหมือนไม้ ยาว 10-20 เซนติเมตร ผลิตผลได้ 800 ผลต่อต้น
- เมล็ด ภายในมีราว 50 เมล็ด เมล็ดปลิวไปตามลมช่วงกลางฤดูแล้ง ปกติไปได้ห่างจากต้น 32-36 เมตรแต่อาจไปได้ถึง150 เมตร เมล็ดเริ่มงอกในฤดูฝน อัตราการงอกของเมล็ดในสภาวะที่ถูกควบคุมอยู่ที่ประมาณ 80-90% การงอกในป่ามีอัตราการงอกราว10-58% ขึ้นกับปี ปริมาณฝนและประเภทของป่า
- ศัตรูพืช Hypsipyla grandella ตัวอ่อนของผีเสื้อเจาะยอด กินเนื้อเยื่อเจริญปลายยอด ทำลายยอดของต้นอ่อน
Steniscadia poliophaea ตัวอ่อนของผีเสื้อทำลายใบและต้นอ่อน
บทบาทต่อระบบนิเวศ
ในสภาพแวดล้อมปกติ มีจำนวนเรือนยอดไม่มากนักแต่มีความสำคัญทางโครงสร้างและบทบาททางชีวภาพ มะฮอกกานีมีอายุได้มากกว่า 200ปี เป็นที่อยู่ของสัตว์และแมลง มีโพรงเป็นที่อยู่อาศัยของนกเช่น นกทูแคน และนกมาคอว์ การออกดอกแต่ละมีมีเรณูและหวานสำหรับผีเสื้อ ผีเสื้อกลางคืน ผึ้ง นกมาคอว์และนกแก้ว กินผลแก่ได้หลายเดือนในฤดูฝน สัตว์ฟันแทะที่อาศัยอยู่ตามพื้นหลายชนิดรวมถึงปาคาสและคูเทียกินเมล็ดที่ตกบนพื้นในปลายฤดูแล้ง แมลงนักล่ามีหลายชนิด ผีเสื้อกลางคืน Steniscadia poliophaea มีวงจรชีวิตอยู่กับมะฮอกกานี การเจริญที่รวดเร็วแต่มีอายุขัยยาวนานทำให้ไม้เลื้อยมาอาศัยที่ให้ดอกและผลเป็นอาหารของให้สัตว์และแมลงต่างๆ
การใช้ประโยชน์(ดั้งเดิม) และประโยชน์ทางการค้า
เนื้อไม้มะฮอกกานีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเพราะความแข็งแรง ทนทาน ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายและมีความสวยงาม ใช้ในการผลิตเครื่องเรือน และของประดับตกแต่ง เปลือกและเมล็ดของมะฮอกกานีใช้บรรเทาอาการท้องร่วง และแก้ปวดฟันของชาวพื้นเมือง น้ำมันที่สกัดจากเปลือกใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
การใช้ประโยชน์จากส่วนต่างๆ
- เนื้อไม้ มีมูลค่าสูง แก่นไม้ออกแดงหรือชมพู สีเข้มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นตั้งแต่ชมพูเข้มไปจนถึงน้ำตาล กระพี้ไม้ สีออกเหลือง สามารถใช้กับเครื่องมือที่ใช้มือได้ง่าย คุณภาพและรูปร่างคงทน ขัดแล้วไม่แตกหักหรืองอ น้ำหนัก 485-840 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตรที่ความชื้น 15% เสี้ยนเชื่อมหรือบางครั้งตรง เสี้ยนละเอียดหรือค่อนข้างหยาบ ผิวลื่น ใช้ในการทำแผงควบคุม กรอบประตู หน้าต่าง โค้ง เครื่องเรือน โครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง ใช้ในเรือ ปูพื้น อัดเป็นไม้วีเนียร์มักใช้ทำกีตาร์ คุณภาพของไม้สามารถแบ่งแยกได้จากสี ลาย ของเนื้อไม้ การเจาะด้วยเครื่องและเข็มเพื่อการทดสอบ
ความหนาแน่นจากของเนื้อไม้ต้นปลูกน้อยกว่าในป่าธรรมชาติ
- ยางหรือเรซิน ยางผลิตมาจากการกรีดเปลือกพบในตลาดบอมเบย์ที่อินเดีย อยู่ในรูปบริสุทธิ์หรือผสมยางอื่น
- แทนนินและสีย้อม ใช้ย้อมและฟอกหนัง
- ลิพิด มีมูลค่าทางการค้าจากการสกัดเมล็ด
- ยา ยาพื้นบ้านในแถบอเมริกากลาง
- อื่นๆ เป็นพืชให้ร่มเงา ใช้ในการปลูกป่าทดแทน เปลือกผลบดใช้เป็นวัสดุปลูก เป็นไม้ประดับเช่นที่มาเลเซียตะวันตก
การค้า
ต้นทศวรรษ 1970 ถึงปลายทศวรรษ 1990 ประเทศที่มีความสำคัญทางการค้าคือ บราซิล แต่เนื่องด้วยข้อโต้แย้งของสากล ว่าเป็นแหล่งผลิตที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลห้ามการตัด การขนส่ง หรือทำการค้าขายในปี 2001 ทำให้การค้าขายไม้มะฮอกกานีของบราซิลลดลง โบลิเวียเริ่มเข้ามาแทนที่ในปี 1990 แต่ก็ตกลงเพราะ จำนวนมีน้อยลง และการตัดต้นมะฮอกกานีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ความต้องการเพิ่มขึ้น ราคาจึงพุ่งสูงขึ้น จนเกิดเหตุการณ์ red gold จนมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ เกิดข้อโต้แย้งในการใช้ประโยชน์ทางการค้าและการอนุรักษ์ และท้ายสุดได้ถูกบรรจุในอนุสัญญาไซเตส (CITES Appendix II) มีผลวันที่ 15 พฤศจิกายน 2003
มะฮอกกานี(mahogany)ที่นำมาใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้(timber)มี 3 สปีชีส์ ได้แก่ West Indian mahogany ชื่อวิทยาศาสตร์ Swietenia mahagoni (Linnaeus) Jacquin, Enum. Syst.[[2]] Hondurus mahogany ชื่อวิทยาศาสตร์ Swietenia macrophylla King และSwietenia humulis
มะฮอกกานีที่พบในประเทศไทย มี 2 สปีชีส์ คือ มะฮอกกานีใบใหญ่ และมะฮอกกานีใบเล็ก แต่ส่วนมากเป็นมะฮอกกานีใบใหญ่
สัญลักษณ์ประจำสถาบันการศึกษา
อ้างอิง
- 108 สมุนไพรไทย
- BIG-LEAF MAHOGANY (SWIETENIA MACROPHYLLA) IN PERU, BOLIVIA AND BRAZIL AUTHORS: Elena Mejía et al.2008
- Swietenia macrophylla King. United States Department of Agricuture (USDA)-Natural Resources Conservation Service.
- Swietenia macrophylla. The IUCN Red List of Threatened Species
- Swietenia macrophylla. Agroforestry Database 4.0. Orwa et al.2009. page 2-3
- Krisnawati, H., Kallio, M. and Kanninen, M. 2011 Swietenia macrophylla King: ecology, silviculture and productivity. CIFOR, Bogor, Indonesia.
- Swietenia macrophylla. Agroforestry Database 4.0. Orwa et al.2009. page 2-3
- Krisnawati, H., Kallio, M. and Kanninen, M. 2011 Swietenia macrophylla King: ecology, silviculture and productivity. CIFOR, Bogor, Indonesia.
- Swietenia macrophylla. Agroforestry Database 4.0. Orwa et al.2009. page 2-3
- http://www.thairath.co.th/content/336593
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-06-15. สืบค้นเมื่อ 2016-05-19.