มหาวิทยาลัยชิคาโก
มหาวิทยาลัยชิคาโก (อังกฤษ: The University of Chicago, UChicago, U of C หรือ Chicago) เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1890 วิทยาเขตหลักตั้งอยู่ในย่านไฮด์พาร์ก ในนครชิคาโก มหาวิทยาลัยรับเด็กนักเรียนเข้าศึกษาทั้งหมด 16,445 คน ในฤดูใบไม้ร่วง ปี ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาตรี 6,286 คน และนักศึกษาระดับบัณฑิตวิทยาลัย 10,159 คน มหาวิทยาลัยชิคาโกถูกจัดอันดับโดยสื่อสิ่งพิมพ์ทางด้านการศึกษาที่สำคัญ ให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีกระบวนการคัดเลือกเด็กที่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยชิคาโก | |
---|---|
The University of Chicago | |
ไฟล์:University of Chicago shield.svg | |
คติพจน์ | Crescat scientia; vita excolatur |
สถาปนา | 1890; เมื่อ 131 ปีที่ผ่านมา |
ประเภท | มหาวิทยาลัยวิจัยเอกชน |
อธิการบดี | โรเบิร์ต เจ ซิมเมอร์ |
นายกสภาฯ | คา ยี คริสตินา ลี |
ที่ตั้ง | ชิคาโก อิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา |
ฉายา | มารูนส์ |
มาสคอต | นกฟินิกซ์ ฟิล |
เว็บไซต์ | www.uchicago.edu |
มหาวิทยาลัยประกอบไปด้วยวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีหนึ่งแห่ง และคณะด้านการวิจัยที่เปิดสอนในระดับบัณฑิตศึกษาอีกห้าแห่ง ซึ่งหมายความรวมถึงหลักสูตรในระดับบัณฑิตศึกษาและคณะกรรมการสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยชิคาโกยังมีสำนักวิชาที่เน้นด้านการทำงานแปดแห่งคือ สำนักวิชากฎหมาย, สำนักวิชาธุรกิจบูท, สำนักวิชาแพทยศาสตร์พริตซ์เกอร์, สำนักวิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ นโยบาย และการปฏิบัติแห่งตระกูลคราวน์, สำนักวิชานโยบายสาธารณะแฮร์ริส, สำนักวิชาเทววิทยา, สำนักวิชาการศึกษาอิสระและการศึกษาต่อเนื่องเกรแฮม และสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์โมเลกุลพริตซ์เกอร์ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีวิทยาเขตและศูนย์การศึกษาอยู่ในลอนดอน ปารีส ปักกิ่ง เดลี และฮ่องกง รวมไปถึงใจกลางนครชิคาโก
นักวิชาการของมหาวิทยาลัยชิคาโกมีบทบาทเป็นอย่างมากในการพัฒนาระเบียบวิธีในเชิงวิชาการในหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ วรรณคดีวิพากษ์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ศาสนศาสตร์ สังคมวิทยา และสำนักพฤติกรรมศาสตร์แห่งรัฐศาสตร์ รวมทั้งก่อตั้งสำนักชิคาโกขึ้นในหลากหลายแขนง ห้องปฏิบัติการโลหะวิทยาของมหาวิทยาลัยชิคาโกผลิคเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ชิคาโก ไพล์-1 ที่มีเสถียรภาพ และเป็นเครื่องแรกที่มนุษย์สามารถผลิตได้ ซึ่งตั้งอยู่ใต้อัฒจรรย์ฝั่งมหาวิทยาลัยของสนามกีฬาสแตกก์ ความก้าวหน้าในด้านเคมีก่อให้เกิดการปฏิวัติกัมมันตรังสีคาร์บอนในการใช้คาร์บอน-14 ในการวัดอายุสิ่งมีชีวิตและวัตถุยุคโบราณ มหาวิทยาลัยยังมีความมุมานะในการวิจัยผ่านการบริหารห้องปฏิบัติการเร่งรัดแห่งชาติเฟอร์มี และห้องปฏิบัติการแห่งชาติอาร์กอนน์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการชีววิทยาทางทะเล มหาวิทยาลัยยังเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และได้มีการคาดการณ์ว่าศูนย์ประธานาธิบดีบารัก โอบามาจะตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยและจะประกอบไปด้วยทั้งห้องสมุดประธานาธิบดีโอบามาและสำนักงานของมูลนิธิโอบามา
นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัยชิคาโกประกอบไปด้วยผู้ได้รับรางวัลโนเบล 100 คน ณ ปี ค.ศ. 2020 ซึ่งทำให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับรางวัลโนเบลมากที่สุดลำดับที่ 4 ของโลก นอกจากนี้ คณาจารย์และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยยังเป็นผู้ได้รับเหรียญฟิลด์ 10 คน ผู้ได้รับรางวัลทูริง 4 คน ผู้ที่ได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิกของกลุ่มแมกอาเทอร์ 52 คน ผู้ที่ได้รับเกียรติให้เป็นนักปราชญ์มาร์แชลล์ 26 คน ผู้ได้รับรางวัลพูลิทเซอร์ 27 คน ผู้ได้รับเหรีญรางวัลนักมนุษยศาสตร์แห่งชาติ 20 คน เศรษฐีพันล้านที่จบการศึกษาไปและยังมีชีวิตอยู่ 29 คน และได้รับเหรียญโอลิมปิก 6 เหรียญ
ประวัติ
ช่วงเริ่มแรก
มหาวิทยาลัยชิคาโกได้รับการก่อตั้งให่เป็นสถาบันการศึกษาที่รับนักศึกษาทั้งสองเพศในช่วงปี 1980 โดยสมาคมการศึกษาแบปติสต์อเมริกัน (ABES) โดยใช้เงินทุน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐที่ ABES ได้รับการบริจาค ร่วมกับการบริจาคจากจอห์น ดี. รอกเกะเฟลเลอร์ เศรษฐีน้ำมัน และนักบริจาคชาวแบปติสต์ รวมทั้งที่ดินที่ได้รับการบริจาคโดยมาร์แชลล์ ฟิลด์ ในขณะที่ร็อกเกะเฟลเลอร์บริจาคเงินให้แก่การปฏบัติงานด้านวิชาการและเพื่อเป็นทุนในอนาคต แต่ก็ได้กำหนดว่าห้ามใช้ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับอาคารสถานที่ วิทยาเขตที่ไฮด์ พาร์กได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากการบริจาคของชาวเมืองชิคาโกที่ร่ำรวย เช่น ซิลาส บี. คอบบ์ ผู้สนับสนุนเงินทุนให้การสร้างอาคารบรรยายคอบบ์ ซึ่งเป็นอาคารเรียนหลังแรกในวิทยาเขต และตรงตามความต้องการของมาร์แชล ฟิลด์ ที่ต้องการให้อาคารมีมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้ให้การสนับสนุนคนอื่น ๆ ได้แก่ ชาร์ลส์ แอล. ฮัทชิงสัน (ผู้จัดการ เหรัญญิก และผู้บริจาคให้แก่อาคารรวมฮัทชิงสัน) มาร์ติน เอ. ไรเออร์สัน (ประธานคณะกรรมการผู้จัดการและผู้บริจารให้แก่ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์กายภาพไรเออร์สัน) อดอลฟัส เคลย์ บาร์ตเลตต์ และลีออน แมนเดล ผู้ให้เงินทุนก่อสร้างโรงยิมและหอประชุม และจอร์จ ซี. วอล์กเกอร์แห่งพิพิธภัณฑ์วอล์กเกอร์ ผู้เป็นญาติของคอบบ์ที่คอบบ์สนับสนุนให้ร่วมเป็นผู้บริจาคแรกเริ่มสำหรับการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างของมหาวิทยาลัย
วิลเลียม เรนีย์ ฮาร์เปอร์เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยในวันที่ 1 กรกฎาคม 1891 และวิทยาเขตไฮด์ ปาร์ก ได้จัดให้มีการเรียนเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 ตุลาคม 1892
สำนักวิชาธุรกิจได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1898 และสำนักกฎหมายได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1902 ฮาร์เปอร์เสียชีวิตในปี 1906 และได้รับการสืบทอดโดยอีกสามอธิการบดีจนกระทั่งในปี 1929 ในช่วงนี้ สถาบันตะวันออกศึกษาได้รับการสถาปนาขึ้นเพื่อสนับสนุนและตีความงานเชิงโบราณคดีที่ค้นพบในเขตตะวันออกใกล้ ซึ่งเป็นคำเรียกในขณะนั้น
ทศวรรษที่ 1920 - 1980
ในปี 1929 โรเบิร์ต เมย์นาร์ด ฮัตชินส์ นักปรัชญากฎหมายอายุ 30 ปี ผู้เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยคนที่ 5 ได้เริ่มเข้าทำงาน มหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนแปลงไปมากตลอด 24 ปีในการดำรงตำแหน่งนี้ ฮัตชินส์ได้ปฏิรูปหลักสูตรศิลปศาสตร์ของนักศึกษาปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า หลักสูตรแกนกลาง และได้จัดให้มีการแบ่งการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาออกเป็นสี่คณะ และกำจัดทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัย เนื่องจากมีความพยายามที่จะเน้นด้านวิชาการมากกว่าด้านการกีฬา ในวาระของเขา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชิคาโก (ปัจจุบันเรียกว่าศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยชิคาโก) ได้สร้างเสร็จและได้รับสมัครนักเรียนแพทยศาสตร์รุ่นแรก นอกจากนี้ ได้ให้กำเนิดสถาบันที่แยกย่อยออกไปจากมหาวิทยาลัยที่เน้นด้านปรัชญา ที่เรียกว่าคณะกรรมาธิการแนวคิดทางสังคม
เงินที่สามารถหาได้ในช่วงทศวรรษที่ 1920 และการสนับสนุนเงินทุนจากมูลนิธิรอกเกะเฟลเลอร์ช่วยให้มหาวิทยาลัยรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ไปได้ อย่างไรก็ดี ในปี 1933 ฮัตชินส์ได้นำเสนอแผนการที่จะควบรวมมหาวิทยาลัยชิคาโก และมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ให้เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ไม่สำเร็จ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้องปฏิบัติการโลหะวิทยาของมหาวิทยาลัยได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในโครงการแมนฮัตตัน มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่แรกที่สามารถแยกพลูโตเนียมได้ และนำมาสู่การผลิตเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์สังเคราะห์ที่สามารถจัดการให้มีเสถียรภาพได้ด้วยตนเองเครื่องแรก โดยเอนริโก เฟอร์มี ในปี 1942
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 การตอบรับเข้าเรียนจากนักเรียนลดลงเนื่องมากจากการเพิ่มขึ้นของคดีและคนจนในย่านไฮด์ ปาร์ก จนทำให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งกันที่เรียกว่าโครงการปรับปรุงชุมชนเมืองในไฮด์ ปาร์ก ซึ่งก่อให่เกิดการวางผังเมืองใหม่ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและถนนในย่านดังกล่าวเป็นวงกว้าง ในช่วงนี้ มากกว่า 10 มหาวิทยาลัย เช่น วิทยาลัยชิเมอร์ ได้ริเริ่มโครงการการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก่อนกำหนด ที่อนุญาตให้นักเรียนที่ยังเด็กอยู่สามารถเข้าวิทยาลัยนี้ได้ทันที และนักศึกษาที่เรียนที่ชิเมอร์สามารถที่จะโอนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยชิคาโกได้ทันทีเมื่อจบปีที่สอง หากสามารถเรียน หรือสอบผ่านวิชาที่มีลักษณะใกล้เคียงกันกับที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย
ทศวรรษที่ 1990 - 2010
ในปี 1999 ฮิวโก ซอนเนนเชน อธิการบดีในขณะนั้นได้ประกาศแผนที่จะลดจำนวนหลักสูตรแกนกลาง ซึ่งเป็นหลักสูตรที่โด่งดังของมหาวิทยาลัยจาก 21 เหลือ 15 และเมื่อหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทมส์ ดิอีโคโนมิสต์ และหนังสือพิมพ์อื่น ๆ เล่นเรื่องนี้ มหาวิทยาลัยได้กลายเป็นจุดสนใจในการโต้เถียงกันเกี่ยวกับด้านการศึกษาของประเทศ อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงนั้นได้เกิดขึ้น แต่ประเด็นนี้ได้นำไปสู่การตัดสินใจที่จะลาออกของซอนเนนเชนในปี ค.ศ. 2000
ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 2000 มหาวิทยาลัยได้ริเริ่มโครงการขยายเป็นจำนวนมากกว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2008 มหาวิทยาลัยชิคาโกได้ประกาศที่จะสร้างสถาบันมิลตัน ฟรีดแมน ที่เป็นจุดสนใจทั้งในเชิงสนับสนุนและเชิงต่อต้านจากทั้งคณาจารย์และนักเรียน สถาบันดังกล่าวมีต้นทุนการสร้างอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐและก่อสร้างบนตึกวิทยาลัยศาสนาชิคาโก ในปีเดียวกัน เดวิด จี. บูท นักลงทุนได้บริจาค 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่สำนักวิชาธุรกิจบูทของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการบริจาคครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย และมากที่สุดที่เคยให้แก่สำนักวิชาธุรกิจในมหาวิทยาลัยอื่น ในปี 2009 มีแผนและลงมือก่อสร้างหลายอาคาร โดยที่มากกว่าครึ่งมีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกันยายน 2015 มหาวิทยาลัยได้รับเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากมูลนิธิตระกูลเพียร์สันในการก่อตั้งสถาบันเพียร์สันเพื่อการศึกษาและการแก้ปัญหาความขัดแย้งระดับโลก และการประชุมระดับโลกเพียร์สันที่สำนักวิชานโยบายสาธารณะแฮร์ริส
ในปี 2019 มหาวิทยาลัยได้สร้างสำนักวิชาขึ้นมาใหม่ในรอบทศวรรษ นั่นก็คือสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์โมเลกุลพริทซ์เกอร์
วิชาการ
มหาวิทยาลัยชิคาโกประกอบไปด้วยวิทยาลัยที่ให้การศึกษาระดับปริญญาตรีหนึ่งแห่ง คณะที่เน้นด้านการวิจัยในระดับบัณฑิตศึกษาห้าแห่ง สำนักวิชาที่เน้นด้านการทำงานอีกหกแห่ง และสำนักวิชาการศึกษาอิสระและการศึกษาต่อเนื่องเกรแฮม มหาวิทยาลัยยังมีระบบห้องสมุด สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก และศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก รวมทั้งกำกับห้องปฏิบัติการอีกหลายแห่ง เช่น ห้องปฏิบัติการเร่งรัดแห่งชาติเฟอร์มี (เฟอร์มีแล็บ), ห้องปฏิบัติการแห่งชาติอาร์กอนน์ และห้องปฏิบัติการชีววิทยาทางทะเล มหาวิทยาลัยยังได้รับการรับรองจากคณะกรรมาธิการการศึกษาขั้นสูง
ระบบการเรียนของมหาวิทยาลัยใช้ระบบไตรมาส โดยที่หนึ่งปีการศึกษาจะถูกแบ่งออกไปสี่ภาคการศึกษา: ภาคฤดูร้อน ภาคฤดูใบไม้ร่วง ภาคฤดูหนาว และภาคฤดูใบไม่ผลิ นักศึกษาปริญญาตรีเต็มเวลาจะลงทะเบียนเรียนราวสามถึงสี่วิชาในแต่ละไตรมาส ซึ่งศึกษาเป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดสัปดาห์ก่อนปิดภาคเรียนในแต่ละไตรมาส ปีการศึกษาของมหาวิทยาลัยจะเริ่มในปลายเดือนกันยายน และสิ้นสุดในกลางเดือนมิถุนายน
การจัดอันดับ
การจัดอันดับทางวิชาการ | |
---|---|
ระดับชาติ | |
ARWU | 8 |
ฟอบส์ | 16 |
U.S. News & World Report | 6 |
ระดับโลก | |
QS | 9 |
ไทม์ | 10 |
ในปี 2021 การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของคิวเอส ได้จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก สำนักวิชากฎหมายและธุรกิจได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในห้าอันดับแรกของสำนักวิชาที่เน้นด้านการทำงานของสหรัฐอเมริกา สำนักวิชาธุรกิจถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่หนึ่งในสหรัฐโดยยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต และอันดับหนึ่งโดย ดิอีโคโนมิสต์ ในขณะที่สำนักกฎหมายอยู่อันดับที่สี่ในการจัดอันดับโดยยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต และอันดับหนึ่งโดยอโบฟเดอะลอว์
งานวิจัย
มหาวิทยาลัยชิคาโกเป็นที่ตั้งของการทดลองและการเคลื่อนไหวทางวิชาการที่สำคัญ ในด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมีส่วนสำคัญในการนำเสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับตลาดเสรี และจุดประกายให้เกิดสำนักวิชาเศรษฐศาสตร์ชิคาโก ซึ่งเป็นสำนักวิชาแนวคิดเศรษฐศาสตร์ที่สนับสนุนมิลตัน ฟรีดแมน และนักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคน คณะสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยเป็นคณะสังคมวิทยาที่เป็นเอกเทศที่แรกของสหรัฐอเมริกา และก่อให้เกิดสำนักวิชาสังคมวิทยาชิคาโก ในสาขาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเป็นที่ตั้งของชิคาโก ไพล์-1 (ส่วนหนึ่งของโครงการแมนฮัตตัน) การทดลองหยดน้ำมันของโรเบิร์ต มิลลิแกน ที่เป็นการคำนวณประจุอิเล็กตรอน และการพัฒนาการวัดอายุโดยใช้รังสีคาร์บอนโดยวิลลาร์ด เอฟ. ลิบบี ในปี 1947
ประชาคม
ณ ตุลาคม 2020 มีผู้ได้รับรางวัลโนเบลถึง 100 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยชิคาโก และจากในนั้นมีถึง 21 คนที่ในขณะที่ประกาศรางวัลยังคงทำงานวิจัยหรือเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัย โดยศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงและคณาจารย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยนั้นมีถึง 33 คนที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์
นอกจากนี้ ศิษย์เก่าหลายคนของชิคาโก และนักวิชาการยังได้รับรางวัลฟูลไบรท์ และมีถึง 54 คนที่ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิชาการโรดส์
ศิษย์เก่า
ในปี 2019 มหาวิทยาลัยชิคาโกมีศิษย์เก่ามากถึง 188,000 คน
ในภาคธุรกิจ ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงประกอบไปด้วยสัตยา นาเดลลา ผู้บริหารสูงสุดของไมโครซอฟต์ , แลร์รี่ เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งบริษัทออราเคิลและเศรษฐีอันดับหกของอเมริกา (ศึกษาเพียงภาคการศึกษาเดียวก่อนที่จะลาออกก่อนการสอบปลายภาค), จอน คอร์ซีน ผู้บริหารสูงสุดของโกลด์แมน แซคส์ และเอ็มเอ็ฟ โกลบอล รวมทั้งเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ , เจมส์ โอ แมคคินซีย์ ผู้ก่อตั้งแมคคินซีย์ แอนด์ คอมพานี และผู้เขียนหนังสือเรียนด้านการบัญชีบริหารเล่มแรก, ปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน ผู้ก่อตั้งร่วมของกลุ่มแบล็กสโตน, คลิฟฟ์ แอสเนสส์ ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทจัดการหลักทรัพย์เอคิวอาร์
ในสาขาวิทยาศาสตร์ ศิษย์เก่าประกอบไปด้วย คาร์ล เซเกน นักดาราศาสตร์ผู้ที่มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตนอกโลก, และเอ็ดวิน ฮับเบิล ผู้เป็นที่รู้จักจากกฎของฮับเบิล, จอห์น เอ็ม. กรันส์ฟิลด์ นักบินอวกาศขององค์การนาซา, เจมส์ วัตสัน นักพันธุกรรมศาสตร์ ผู้เป็นที่รู้จักจากการร่วมค้นพบโครงสร้างดีเอ็นเอ
ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ผู้เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือมิลตัน ฟรีดแมน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ที่ปรึกษาหลักของโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีพรรครีพลับลิกัน มาร์กาเรต แทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษพรรคอนุรักษ์นิยม และออกัสโต ปิโนเชต์ ผู้ปกครองชาวชิลี, จอร์จ สติกเลอร์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลและผู้เสนอแนะทฤษฎีการเข้าครอบงำในกฎกติกา, เฮอร์เบิร์ต ไซมอน ผู้ที่มีชื่อเสียงในการอธิบายการตัดสินใจเชิงองค์การสมัยใหม่, พอล แซมมิวเอลสัน ชาวอเมริกาคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ และยูจีน ฟามา ผู้ที่มีชื่อเสียงจากงานด้านทฤษฎีแฟ้มการลงทุน การประเมินราคาสินทรัพย์ และพฤติกรรมในตลาดหุ้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีโทมัส โซเวลล์ นักเศรษฐศาสตร์ นักทฤษฎีสังคม และนักปรัชญาการเมืองชาวอเมริกา และเปาโล กูเอเดส รัฐมนตรีเศรษฐกิจของบราซิล ก็ได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชิคาโกในปี ค.ศ. 1978
คณาจารย์
คณาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางด้านเศรษฐศาสตร์ประกอบไปด้วย แฟรงค์ ไนท์, มิลตัน ฟรีดแมน, จอร์จ สติกเลอร์, เจมส์ เฮกแมน, แกรี่ เบคเกอร์, โรเบิร์ต โฟเจล, โรเบิร์ต ลูคัส จูเนียร์ และยูจีน ฟามา นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับรางวัลเหรียญจอห์น เบตส์ คลาร์ก ที่ให้แก่นักเศรษฐศาสตร์ที่อายุต่ำกว่าอายุ 40 ปีดีที่สุด ถึง 4 คนที่เป็นคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย
คณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสาขาฟิสิกส์ประกอบด้วย เอ.เอ. มิเคลสัน ผู้คำนวณความเร็วแสง, โรเบิร์ต เอ. มิลลิแกน ผู้คำนวณประจุไฟฟ้า อาเทอร์ เอช. คอมป์ตัน ผู้ค้นพบปรากฎการณ์คอมป์ตัน เอนริโก เฟอร์มี ผู้สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องแรก เอดเวิร์ด เทลเลอร์ ผู้สร้างระเบิดไฮโดรเจน หลุยส์ วอลเตอร์ อัลวาเรซ หนึ่งในนักฟสิกส์เชิงทดลองที่เก่งที่สุดและผลิตงานได้มากที่สุดในศตวรรษที่ 20 เมอร์เรย์ เกล-มานน์ ผู้ค้นพบควาร์ก มาเรีย กอปเพิร์ต-เมเยอร์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลคนที่สองที่เป็นผู้หญิง หลี่เจิ้งเต้า ชาวอเมริกันที่เด็กที่สุดที่ได้รับรางวัลโนเบล และสุพรหมัณยัน จันทราเศขร นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์
ในสาขานิติศาสตร์ มีอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา, ริชาร์ด พอสเนอร์ นักกฎหมายที่ได้รับกรอ้างอิงมากที่สุดในศตวรรษที่ 20, โรนัลด์ โคส ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ก็เป็นส่วนหนึ่งของคณาจารย์ด้านนิติศาสตร์
คณาจารย์ในปัจจุบันประกอบไปด้วยนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ยูจีน ฟามา, เจมส์ เฮกแมน, ลาร์ส ปีเตอร์ แฮนเซน, โรเจอร์ ไมเออร์สัน, ริชาร์ด เทเลอร์ และโรเบิร์ต ลูคัส จูเนียร์ รวมทั้งสตีเวน เลวิตต์ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับความนิยมและเป็นผู้เขียนหนังสือ เศรษฐศาสตร์พิลึก นอกจากนี้ยังมีรากูรัม ราจัน ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย และออสทัน กูลส์บี อดีตประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา
อ้างอิง
- "World University Rankings". ShanghaiRanking Consultancy. สืบค้นเมื่อ October 19, 2013.
- "America's Top Colleges". Forbes.com LLC™. สืบค้นเมื่อ October 19, 2013.
- "Best Colleges". U.S. News & World Report LP. สืบค้นเมื่อ October 19, 2013.
- "University Rankings". QS Quacquarelli Symonds Limited. สืบค้นเมื่อ October 19, 2013.
- "World University Rankings". TSL Education Ltd. สืบค้นเมื่อ October 19, 2013.
- Guibert, Susan (April 18, 2014). "Chicago Booth's Gentzkow awarded 2014 Clark Medal". UChicago News (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ November 13, 2017.
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์มหาวิทยาลัยชิคาโก
- สมาคมนักเรียนไทยมหาวิทยาลัยชิคาโก
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ:
มหาวิทยาลัยชิคาโก