ขีดจำกัดสายเลือด (นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ)
บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ขีดจำกัดสายเลือด (ญี่ปุ่น: 血継限界 โรมาจิ: Kekkei genkai ทับศัพท์: เคกเกเงนไก) หรือสายเลือดพิเศษ เป็นวิชาลับที่ส่งผ่านกันทางการมีทายาทสายเลือดเท่านั้น โดยจะไม่มีการเปิดเผยหรือส่งมอบให้ถ้าเสียชีวิต กรณีที่คนที่ไม่ใช่สายเลือดของขีดจำกัดสายเลือดจะใช้ได้ คือ ถ้าเป็นพวกคาถาผสมธาตุ จะนำเซลล์ของขีดจำกัดสายเลือดมาปลูกถ่ายเซลล์ แต่ถ้าเป็นพวกวิชาเนตรจะผ่าตัดเปลี่ยนตา ซึ่งคนเหล่านั้นจะส่งต่อพลังไปสู่ลูกเหมือนขีดจำกัดสายเลือดตัวจริงไม่ได้
อีกทั้งในเรื่องยังปรากฏวิชาลับที่เหนือกว่าขีดจำกัดสายเลือดอีก 2 ระดับ นั่นคือ สายเลือดคัดสรร (ญี่ปุ่น: 血継淘汰 โรมาจิ: kekkei touta ทับศัพท์: เคกเกโทวตะ) และระดับสูงสุด สายเลือดหลอมรวม (ญี่ปุ่น: 血継網羅 โรมาจิ: kekkei moura ทับศัพท์: เคกเกโมวระ)
=ขีดจำกัดสายเลือด รูปแบบดวงตา= เนตรแต่ละชนิดจะมีลักษณะเด่นและความสามารถที่แตกต่างกันออกไป
ต้นกำเนิด
เนตรสีขาว,เนตรสังสาระและเนตรวงแหวน มีต้นกำเนิดมาจากเจ้าหญิงโอสึสึกิ คางูยะกินผลไม้ต้องห้ามของต้นไม้เทพเจ้า(ร่างจริงของ 10 หาง) จนมีเนตรสีขาว จักระดวงตาที่ 3 คือเนตรสังสาระที่สามารถใช้วิชาเป็นอ่านจันทรานิรันดร์ จึงหลอมรวมกับต้นไม้เทพเจ้าคือพลังสถิตร่าง แต่ก็ลุ่มหลงในพลัง คนรอบข้างจึงกลัวและคิดว่าเธอคือปีศาจ
ต่อมาเธอให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด 2 คนคือ โอสึสึกิ ฮาโกโรโมะ และ โอสึสึกิ ฮามูระ ลูกทั้งสองเห็นว่าแม่หลงผิดจับคนไปสร้างกองทัพเซ็ตสึสีขาว จึงทรพีหยุดยั้งกับผนึกแม่ตัวเองไว้ต่างมิติ แต่ก่อนเธอถูกผนึกได้สร้างมวลจักระมีชีวิตคือเซ็ตสึสีดำเพื่อหาทางมาคืนชีพตน
ฮาโกโรโมะ คือ พลังสถิตร่างคนใหม่ของ 10 หางและเกรงกลัวว่าถ้าตนตายผนึกจะคลายจึงดึงจักระมหาศาลจากต้นไม้เทพเจ้าออกมา แยกจักระเป็น 9 ส่วน สร้างรูปลักษณ์กับชื่อที่ต่างกันไป กลายเป็นมวลสารจักระที่มีชีวิต คือสัตว์หางทั้ง 9 เซียนหกวิถีได้บอกเล่าถึงเด็กในคำทำนายก่อนจะส่งให้สัตว์หางกระจัดกระจายกันไป ส่วนต้นไม้เทพเจ้าที่ไร้จักระสัตว์หางกลายเป็นเทวรูปมารนอกรีต กับถูกหินจำนวนมากกลบและถูกทำให้ลอยขึ้นฟ้ากลายเป็นดวงจันทร์ โดยฮามูระคอยเฝ้ารักษาเทวรูปบนดวงจันทร์
ในบั้นปลายชีวิตของเซียน 6 วิถี ได้มีลูก 2 คน คนโตชื่อ อินดรา สืบทอดเนตรเซียน จักระจำนวนมาก ที่เชื่อว่าพลังกับอำนาจจำเป็นต่อสันติภาพ ส่วนคนน้องชื่อ อาชูร่า สืบทอดกายเซียน ที่ใช้คาถาผสมกับมีพรสวรรค์ด้านพลังชีวิต เชื่อว่าความรักจำเป็นต่อสันติภาพ
เซียน 6 วิถี เลือกอาชูร่า คือผู้สืบทอด กับหวังให้อินดราคอยสนับสนุน แต่อินดราถูกเซ็ตสึสีดำยุยง ทำให้พี่น้องทะเลาะกันจนเกิดสงครามทางสายเลือดจนมาสู่ลูกหลานมาถึงปัจจุบัน
ลูกหลานฝ่ายพี่คือ ตระกูลอุจิวะ กับลูกหลานฝ่ายน้องคือ ตระกูลเซนจู
พลังของขีดจำกัดสายเลือดจะถูกส่งผ่านยีนส์สืบพันธ์รุ่นสู่รุ่นเรื่อยไป
เนตรวงแหวน
เนตรวงแหวน หรือ ชาริงกัน-อังกฤษ (Sharingan) (ความหมายดวงตาลอกเลียนแบบ) พลังเนตรพิเศษของตระกูลอุจิวะ ว่ากันว่าเนตรนี้มีต้นกำเนิดจากเนตรสังสาระของเซียน 6 วิถี
พลัง
มองรูปแบบ นินจุตสุ (วิชานินจา), เกนจุตสุ (วิชาภาพลวงตา) และ ไทจุตสุ (กระบวนท่า) ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และ ผู้ใช้ก๊อปปี้กระบวนท่าและวิชาเดียวกันมาใช้ได้ นอกจากนี้ยังใช้คาถาการสะกดจิต และ อ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ส่วนการเลื่อนระดับกายภาพต้องได้มาจากการฝึกฝนหรือพรสวรรค์ของแต่ละคน ขีดจำกัดของเนตรนี้คือไม่สามารถเลียนแบบคาถาพวกขีดจำกัดสายเลือดอื่นได้
ไม้ตายของเนตรวงแหวน
1.อ่านทิศทางการโจมตีคู่ต่อสู้
2.มองการร่ายคาถา กับการเคลื่อนไหวทางกายภาพ ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ไม่รู้ว่าจะเคลื่อนไหวหรือกระทำอะไร และcopyได้แต่เลียนแบบคาถาของขีดจำกัดสายเลือด พลังสถิตร่างกับวัตถุไม่ได้
3.ใช้ภาพลวงตา
4.มองจักระคู่ต่อสู้
5.เข้าสู่ความทรงจำของผู้ที่โดนวิชาลวงตา (ความสามารถของซาสึเกะ)
6.ใช้ลบความทรงจำของผู้อื่นได้ (เป็นความสามารถของซาสึเกะ)
วิชาต้องห้าม
วิชาที่ใช้ครั้ง 1 ตาบอดไปข้างหนึ่ง
1.เทพบิดา อิซานางิ ใช้เปลี่ยนแปลงและบิดเบือนชะตากรรมของตนเอง ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้วิชา เช่น ความเจ็บปวด หรืออื่นๆ จะกลายเป็นเพียงความฝันหรือทำให้การโจมตีที่เป็นภาพลวงตากลายเป็นความจริงได้ ระยะเวลาทำงาน ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้
2.เทพมารดา อิซานามิ คาถาที่มาคู่กับอิซานางิ ใช้กำหนดโชคชะตาผู้อื่นได้ ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้โดนวิชานี้ติดอยู่ในวังวนที่ตั้งแต่เริ่มใช้จนเวลากลับมาแบบไม่มีที่สิ้นสุด จะเริ่มทำงานเมื่อเกิดการสัมผัสกัน แบบแตะตัวกันหรือฟันแทงกัน โดยจุดเริ่มต้นคือเหตุการณ์ตอนสัมผัสกับจุดท้ายคือการสัมผัสคล้ายกับเหตุการณ์แรกโดยจะวนลูฟไปมาไม่มีสิ้นสุด การจะหลุดออกจากลูฟได้ คือผู้โดนต้องยอมรับโชคชะตาของตัวเองเท่านั้น คือวิชาที่ใช้เตือนสติให้คนสำนึกกับคิดได้
เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา
พลังของเนตรจะเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบๆ เท่า การจะเบิกเนตรนี้คือต้องฆ่าคนสำคัญของตนเองด้วยตัวเองต่อหน้าเท่านั้น แต่ละคนจะมีพลังที่อยู่กับเนตรต่างกัน แต่มีผลข้างเคียงคือยิ่งใช้ติดต่อมาก ตายิ่งใกล้บอด และที่เพิ่มมาคือ
1.เทพวายุ สุซาโนโอะ คือเทพพิทักษ์ที่มีพลังโจมตีและป้องกันสูงสุดที่ปกป้องผู้ใช้ได้ ความสมบูรณ์ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้ ร่างต้นจะเป็นเพียงซี่โครงพัฒนาไปยังร่างโครงกระดูก จากนั้นพัฒนาไปยังร่างมนุษย์ยักษ์ จากนั้นก็พัฒนาไปยังร่างใส่เกราะ มี 4 แขน จากนั้นร่างสุดท้ายมีลักษณะคล้ายกับ เท็งงุ และแขน 2 ข้างส่วนเกินจะกลายเป็นปีก โจมตีทีเดียวผ่าภูเขาได้สบาย เงื่อนไขในการใช้ต้องมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาทั้งสองข้างไม่งั้นร่างกายจะรับภาระมากเกินไปที่จะรับได้ ถ้าใช้ติดต่อกันตายิ่งบอดเร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ใช้ติดต่อตาก็ไม่บอด ผู้ใช่ได้ อุจิวะ มาดาระ/ซาสึเกะ/อิทาจิ/ชิซุย,ฮาตาเกะ คาคาชิ
ร่างเทพวายุ สุซาโนโอะของซาสึเกะ เคยดูดจักระของสัตว์หางทั้ง 9 คือภาชนะแทนเทวรูปมารนอกรีต พัฒนาไปอีกขั้นแต่ขั้นนี้มีพลังมากที่สุด แต่จะใช้ร่างนี้ได้ต้องได้รับจักระของสัตว์หางทั้ง 9 ตลอดเวลา
2.อ่านจันทรา(สึคิโยมิ) ก็คือการสะกดภาพลวงตาขั้นสุดยอดด้วยตาข้างซ้ายเพื่อทำลายระบบประสาทอย่างหนักหน่วงของคู่ต่อสู้โดยตรง คาถาลวงตาควบคุมขังเหยื่อในมิติเวลา ทรมานเหยื่อในภาพลวงตาเป็นเวลา 3 วัน หากเวลาจริงผ่านไปเพียง 1 วินาทีเท่านั้น ผลกระทบจะทำร้ายจิตใจส่งผลถึงกายภาพไปถึงระบบประสาทเหยืออีกที หรือใช้เพื่อเล่าให้เห็นเหตุการณ์ความจริงของผู้ใช้หรือภาพลวงตาในอดีตแบบจำกัด ไม่ก็สะกดจิตก็ได้
3.เทวีสุริยา(อามาเทราสุ) หากใช้วิชานี้เนตรจะปล่อยไฟสีดำที่ไม่มีวันดับใส่สิ่งที่จ้องมอง เผาจนสิ่งที่ถูกจ้องจนไหม้หมด เมื่อเผาสิ่งที่สัมผัสจนหมดไฟก็จะดับไป
4.เทพต่างสวรรค์ วิชาลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นวิชาเนตรที่ควบคุมเหยื่อได้และเหยื่อเองจะไม่รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวิชาลวงตา เป็นวิชาเฉพาะของชิซุย
5.คามุย(kamui) วิชาเคลื่อนย้ายร่างของอุจิวะ โอบิโตะและฮาตาเกะ คาคาชิ สร้างมิติของตัวเองโดยมิตินี้ไม่ใช่โลกจริงแต่เคลื่อนย้ายตัวเองหรือผู้อื่นเข้าออกในมิตินี้ได้ หรือไปสถานที่ไกลๆได้ และที่สำคัญยังทิ้งร่างจริงในมิติเพื่อให้ร่างลวงตาในโลกจริงถูกโจมตีทะลุไม่โดน แต่ค้างนานสุดได้แค่ครั้งละ 5 นาที โดยเนตรขวาอยู่กับโอบิโตะและเนตรซ้ายอยู่กับคาคาชิก็เชื่อมถึงกัน วิชาเนตรนี้มีที่มาจากผลข้างเคียงของตอนโอบิโตะให้เนตรคาคาชิตอนเด็กและเบิกเป็นหมื่นบุปผาเมื่อทั้งคู่เห็นว่าฆ่ารินตายเอง เพราะ ตา 2 ข้างเชื่อมกัน จึงเบิกได้
ระดับการพัฒนา
ขั้นเบิกเนตร
1.เนตรวงแหวน วงแหวน 1 วงแทนสัญลักษณ์ที่อ่อนแอที่สุดของเนตรนี้ มีความสามารถมองความไวในการร่ายคาถา
2.เนตรวงแหวนชางิ วงแหวน 2 วงแทนเนตรที่ยังไร้พลังอันแข็งกล้า สามารถก๊อปปี้วิชาบางส่วนและอ่านจักระของผู้ต่อสู้ด้วยได้
3.เนตรวงแหวนชารินกัน วงแหวน 3 วงแทนเนตรที่ได้พลังมาแล้วเรียบร้อย ความสามารถในการก๊อปปี้วิชาและการอ่านวิชาของผู้ต่อสู่ด้วย
ขั้นเปิดนรก
ความลับในการเลื่อนระดับความสามารถของเนตรคือต้องได้รับความทุกข์จากการฆ่าคนรักหรือเพื่อนคนสำคัญ แลกพลังมา โดยเนตรวงแหวนนั้นแยกว่าตายจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าคนที่รักไม่ตายจะเบิกไม่ได้
4.เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา (มังเง็คคโยชาริงกัน) ใช้วิชาเนตรที่ทรงพลังได้ 3 อย่าง ซึ่งแตกต่างกันไปอย่างละข้าง และเทพวายุเทพพิทักษ์ที่หลับอยู่ในเนตรทั้งสองข้าง แต่ยิ่งใช้มากจะทำให้ตาบอดหรืออาจถึงแก่ความตายได้
5.เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ เป็นเนตรขั้นต่อจากเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา การเบิกได้คือ คนที่เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา 2 คนเปล่ยนปลูกตาลูกตากันเอง(เฉพาะสายเลือดอุจิวะเท่านั้น)ยิ่งใช้ตาจะไม่บอด เพราะใช้เนตรอีกต่อไปและจะได้รับพลังพิเศษที่เพี่มขึ้นมามากมาย บุคคลที่ได้รับ มี มาดาระ และซาซึเกะ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาและใช้เทพวายุ ซึชาโนะโอร่างสมบูรณ์ได้อีกด้วย
6.เนตรสังสาระ(Rinnegan) เป็นเนตรแบบพิเศษของเซียนหกวิถี การจะเบิกได้จะต้องเป็นผู้ที่สายเลือดของอุจิวะ และเซนจู คือคนนึงมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ อีกคนมีคาถาไม้ แต่ทั้งคู่ต้องเป็นร่างอวตารของอาชูร่าหรืออินดราเท่านั้น กับมีเนตรเหมือนทั้ง 2 ข้าง และจักระพิเศษถึงจะเบิกได้ ไม่งั้นจะเบิกไม่ได้ ถึงกับใช้พลังของอ่านจันทรานรันดร์ได้
7.เนตรสังสาระสูงสุด เป็นเนตรที่มีเนตรวงแหวนที่สมบูรณ์แบบแล้วรวมกับเนตรสังสาระอยู่ด้วยกัน ผู้ที่มีเนตร คางูยะ/ซาสึเกะ/มาดาระ(ก่อนที่จะกลายเป็นคางูยะ) ปัจจุบันเนตรของซาสึเกะมีอยู่ที่ตาข้างซ้าย ได้มาด้วยการมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ กับเซลล์ของฮาชิรามะ และได้รับจักระหกวิถีของเซียนหกวิถี ก่อนเนตรจะกลายเป็นเนตรสังสาระมีวงแหวน2ชั้นในเนตร สามารถมองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ร่างเงา(ลิมโบ้)ที่อยู่อีกภพหนึ่ง ซึ่งเคยมองกับมาดาระ ได้ในระยะไกลพอสมควร ประมาณ 1กิโลเมตร เนตรสังสาระนี้มีความสามารถของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์เทวีสุริยาข้างซ้ายเดิมของซาสึเกะอยู่ด้วย ซึ่งนอกจากมองเงาลิมโบ้มาดาระได้แล้ว ยังใช้เทวีสุริยาได้ ใช้สึซาโนะโอร่างสมบูรณ์ได้(ใส่เกราะมีปีกจมูกยาวมีดาบ รวมกับ9หางได้ และภายหลังได้ พลังสัตว์หางทั้ง9หลายเป็นร่างเกราะผอมที่ทรงพลังใช้แทนเทวรูปมารนอรีตได้) ใช้คาถาเรียกก้อนอุกาบาตที่ลงมาถล่มได้หลายลูกหรือเรียกมาจับสัตว์หางทั้ง9แทนเทวรูปมารนอกรีตได้ กดดึงคล้ายคลายเทพพิชิตฟ้าของเพนได้ในระยะ1กม. และที่เป็นเอกลักษณ์คือความสามารถสลับตำแหน่งเคลื่อนย้ายตัวเองได้ และ อีกอย่างที่เด่นมากกว่าโหมดเซียนและเนตรสีขาวคือพลังทะลุมิติไปหามิติศัตรูอยู่ได้ทันทีพร้อมพาพวกพ้องไปและกลับมาได้ 2สิ่งนี้ดูได้จากโบรูโตะ เนตรสังสาระซาสึเกะมีการปวดตาจากการใช้จักระมากจึงมีระยะเวลาพักเพื่อฟื้นเนตร ต่างจากเนตรสังสานะที่มาดาระ โอบิโตะ เพนนางาโตะใช้ที่ใช้ได้ตลอด
เนตรสีขาว
เนตรสีขาวหรือเรียก เบียคุกัน (白眼, びゃくがん, ความหมาย: ตาสีขาว)เป็นสายเลือดพิเศษในตระกูลฮิวงะ และ ตระกูลโอซึสึกิ สืบทอดต่อ ๆ กันมาจากตระกูล โอซึซึกิ ของ คางูยะ
พลัง
เนตรสีขาวความสามารถหลักคือสามารถมองทะลุสิ่งต่าง ๆ ได้ในระยะ 5,000 เมตรและมองเห็นรอบตัวได้ 340 องศา (มีจุดบอดทางด้านหลัง 20ํ) และผู้ใช้เนตรยังสามารถมองเห็นจุดพลังและเส้นพลังของจักระที่ไหลเวียนในร่างกายทั้งหมดในร่างกายได้
วิชาที่ใช้กับเนตรสีขาว
มวยอ่อน เป็นกระบวนท่าการต่อสู้สายฮิวงะ ซึ่งจะใช้ควบคู่กับเนตรสีขาวมีความสามารถ คือ สกัดหรือเพิ่มพูนการไหลเวียนของจักระในร่างกายของคู่ต่อสู้
คลื่นสววรค์ เป็นการปล่อยจักระจากทุกส่วนของร่ายกายแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็ว เป็นการป้องกันที่ไร้ช่องโหว่และยังสามารถใช้โต้กลับได้ด้วย
มวยแปดทิศ64ฝ่ามือ เป็นท่าที่อันตรายมาก ผู้ใช้จะสกัดกั้นการไหลเวียนของจักระทุกจุดของร่างกาย ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถรีดเร้นจักระได้ และเมื่อรีดเร้นจักระไม่ได้ก็ใช้วิถีนินจาไม่ได้อีก
ฝ่ามือว่างแปดทิศ
ฝ่ามือทลายภูผาแปดทิศ
ฝ่ามือคลื่นพลังสวรรค์
หมัดสิงห์คู่ เป็นท่าที่สกัดจุดของฝ่ายตรงข้ามและชกเข้าอย่างจัง เป็นท่าไม้ตายของฮินาตะ
เนตรสังสาระ
เนตรสังสาระ อังกฤษ: Rinnegan (รินเนะกัน) เนตรเฉพาะของเซียนหกวิถี ผู้เผยแพร่ลัทธินินชู คือลัทธิ เนตรนี้เป็นต้นกำเนิดของวิชานินจาทั้งหมดสามารถควบคุมจักระธาตุทั้ง 5 ได้อย่างสมบูรณ์ ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของเนตรสังสาระคือ วิชาหกวิถี วิชาพิเศษที่ถูกแยกออกจากทัณฑ์สวรรค์ ผู้ที่จะสามารถเบิกเนตรนี้ได้จำเป็นต้องมีพลังจิตจักระที่แข็งแกร่งมาก เงื่อนไขการเบิกเนตรนี้ไม่แน่นอน การที่จะเบิกเนตรสังสาระได้จำเป็นจะต้องมีจักระของเซียนหกวิถี ซึงจักระของเซียนหกวิถี แบ่งออกเป็น 2 สายคือ เนตรเซียน และ กายเซียน คนที่จะเบิกได้จำเป็นจะต้องมีจักระสองสายรวมเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะมีทั้งสองอย่างครบก็ไม่สามารถเบิกได้ทันที
คาถาพื้นฐานของเนตรสังสาระ
- วิถีเดรัจฉาน คาถาอัญเชิญสัตว์ต่าง ๆ สัตว์ที่วิถีเดรัจฉานจะมีเนตรสังสาระ
- วิถีเปรต คาถาดูดกลืนจักระการโจมตีจากคาถานินจาทุกชนิด
- วิถีนรก คาถาอัญเชิญและควบคุมคุมราชานรก ถ้าโกหกจะถูกเอาชีวิตไป นอกจากนี้ยังสามารถรวมวิญญาณเข้ากับร่างได้อีกด้วย
- วิถีสวรรค์ คาถาแรงดึงดูด (หมื่นลักษณ์เหนี่ยวสวรรค์) และคาถาแรงผลัก (ข่ายเทพพิชิตฟ้า)
- วิถีมนุษย์ คาถาอ่านจิตและดึงวิญญาณ
- วิถีอสูร เปลี่ยนร่างกายตนเองให้เป็นอาวุธเครื่องจักรกลต่าง ๆ
- นอกวิถี เป็นวิถีที่ 7 สามารถควบคุมความเป็นและความตายได้ คือสามารถคืนชีพให้คนที่ตายไม่ว่าจะมาก หรือน้อยก็ทำได้
นอกจากนี้วิชา 6 วิถี เนตรสังสาระยังสามารถใช้วิชาต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมและวิชาพิเศษอย่างอัญเชิญเทวรูปได้ด้วย รวมถึงมองการไหลเวียนของจักระ
เนตรสังสาระที่ซาสึเกะมีนั้น เป็นเนตรสังสาระที่รวมวงลูกน้ำของเนตรวงแหวนเข้าด้วยกัน มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายตนเอง หรือสร้างหลุมมิติเพื่อเดินทาง กับสามารถสลับตำแหน่งของตนเองกับสิ่งของในรัศมีที่มองใกล้ๆ ซึ่งต่อมาพัฒนาให้สลับตนเองกับบุคคลอื่นได้(ซาสึเกะสลับร่างกับซากุระระหว่างการต่อสู้กับชิน) และสามารถสลับคาถาตนเองกับวัตถุอื่นได้(สลับพันปักษาของตนเองกับคุไนของโบรูโตะระหว่างต่อสู้กับโมโมชิกิ)
ผู้ใช้เนตรนี้คือคือ เซียน6วิถี,อุจิวะ มาดาระ,นางาโตะ,อุจิวะ โอบิโตะ,อุจิวะ ซาสึเกะ,โอซึซึกิ โมโมชิกิ,โอซึซึกิ อุระชิกิ
เนตรจุติ
เนตรจุติ อังกฤษ: Tenseigan (เท็นเซย์กัน) คือเนตรของ โอซึซึกิ ฮามูระ มีความสามารถดังนี้ - ควบคุมจักระธาตุทั้ง 5 - สามารถในการใช้แรงดึงดูดและแรงผลัก(คล้ายวิถีสวรรค์ของเนตรสังสาระ) - ควบคุมทิศทางของดวงจันทร์ได้ - เพิ่มพลังทางกายภาพแก่ผู้ใช้ ทั้งความเร็ว ความเข็งแกร่ง - เพิ่มจักระแก่ผู้ใช้ มากพอๆกับนารูโตะในโหมด 9 หาง - ผู้ที่มีเนตรนี้สามารถใช้ลูกแก้วนอกวิถีได้ - วิชาเฉพาะของเนตรนี้ มีดังนี้
- ระเบิดกงล้อจุติ เป็นท่าที่สร้างพายุขนาดใหญ่เป็นท่าที่ทรงพลังมาก
- ระเบิดกงล้อจุติ เป็นท่าที่สร้างลำแสงขนาดยักษ์และสามารถผ่าดวงจันทร์เป็นสองซีกได้ในการโจมตีเดียว
- สามารถสร้างหุ่นเชิดยักษ์ที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ เนตรนี้สามารถเบิกได้โดยการรวมจักระของฮามูระ คือ เนตรสีขาว(ฮิวงะ) และ จักระของตระกูลโอซึซึกิ
ผู้ใช้คือโอซึซึกิ ฮามูระ โอซึซึกิ โทเนริ
เนตรโลหิตมังกร
เนตรโลหิตมังกร อังกฤษ: Ketsuryūgan เป็นเนตรในตระกูลชิโนะอิเกะ มีความสามารถคือสามารถใช้คาถาลวงตาที่มีอานุภาพสูงมากในการโจมตีเหยื่อหรือคู่ต่อสู้จนทำให้ถึงตายและมีความรุนแรงตั้งแต่ระดับปกติจนถึงมากที่สุดต้องที่ใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุบผาถึงจะสามารถคลายได้ วิชาที่ใช้ร่วมคือระเบิดมนุษย์โดยการสร้างบาดแผลที่เหยื่อและปล่อยจักระเข้าสู่สายเลือดจนร่างกลายเป็นระเบิด และมังกรเลือดที่ใช้เลือดของตนร่วมกับน้ำแร่ที่มีธาตุเหล็กสูงกับเนตรโลหิตมังกรจนเกิดเป็นมังกรร่างสีเลือดที่ใช้ต่อสู้ได้
ผู้ใช้คือชิโนะ เอน โอยาชิโระและตระกูลโอยาชิโระ
เนตรบริสุทธิ์
เรียกอีกอย่างว่าเนตรแห่งแสงหรือเนตรโจวกัน ผู้ครอบครองเนตรนี้คือ อุสึมากิ โบรูโตะ มีเนตรนี้ที่ตาขวา ลักษณะที่เห็นได้คือนัยตาเป็นสีฟ้าอ่อนที่สว่างจนแทบจะเป็นสีขาวแต่ตาขาวกลับเป็นสีดำ เกิดจากสายเลือดฮิวงะกับจักระด้านลบของตระกุลอุซึมากิ ในอนิเมะ โบรูโตะ ตอนที่ 8 โอสึสึกิ โทเนริได้พูดกับโบรูโตะผ่านทางความฝันว่าเนตรของโบรูโตะนั้นเป็นเนตรที่จะต้องส่องสว่างให้แก่โลก เป็นเนตรแห่งแสง ความสามารถของเนตรโจกันที่เปิดเผยแล้วคือ
1.เปิดประตูมิติได้
2.มองเห็นประตูมิติที่กำลังจะเปิดล่วงหน้าได้
3.มองเห็นจักระด้านลบ
4.มองเห็นเส้นไหลเวียนของจักระและจุดอ่อน
5.มองการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ขีดจำกัดสายเลือด รูปแบบจักระ
เป็นสายเลือดที่พิเศษเพราะมีการใช้จักระธาตุได้ 2 ธาตุในคาถาเดียวจึงเป็นความสามารถพิเศษที่แม้แต่คนตระกูลเองก็ไม่อาจใช้กันได้ง่าย ๆ แต่ถ้ามีคุณสมบัติธาตุที่เหมือนกันก็มีโอกาสที่จะใช้คาถาได้เหมือนกัน
คาถาไม้
ขีดจำกัดสายเลือดที่ตระกูลเซนจูไม่กี่คนใช้ได้ กับมีพลังฟื้นตัว และดูดชับจักระได้ และยังใช้ควบคุมสัตว์หางได้อีกด้วย แปลงคุณสมบัติของธาตุ ดิน และ น้ำ ใช้โดย เซ็นจู ฮาชิรามะ โฮคาเงะ รุ่นที่1
คาถาเดือดพล่าน
คาถากรดเกิดจากการแปลงคุณสมบัติของธาตุ ไฟ และ น้ำ ใช้โดย 5 หาง ฮาน มิซึคาเงะรุ่น 5 และ นารูโตะ
คาถาหลอมละลาย
คาถาหลอมละลาย หรือลาวา เกิดจากการแปลงคุณสมบัติของธาตุ ไฟ และ ดิน ซึ่งรูปแบบหลอมละลายสามารถใช้ได้ทั้งการโจมตี และป้องกัน รูปแบบของลาวา ใช้โดย 4 หาง โรชิ มิซึคาเงะรุ่น 5 คิวสุเกะ โดดาอิ นารูโตะ และ คุโรซึจิ เป็นขีดจำกัดสายเลือดระดับสูงที่มีพลังโจมตีที่อันตรายมาก
คาถาแผดเผา
เกิดจากการผสมของธาตุ ลม และ ไฟ ใช้โดย ปากุระ (จากหมู่บ้านซึนะ โดยปากุระนั้นได้ถูกอัญเชิญมาโดย คาบูโตะ ในสงครามนินจาครั้งที่ 4 โดยใครที่โดนวิชานี้เข้าไปจะเหมือนโดนความร้อนแผดเผาจนแห้ง จากตอน 522)
คาถาระเบิด
เกิดจากการผสมของธาตุ ดิน และ สายฟ้า ซึ่งคาถานี้ใช้โดย เดอิดาระ การิ (อดีตหน่วยวางระเบิด จากหมู่บ้านอิวะ โดยการิได้ถูกอัญเชิญมาโดย คาบูโตะ ในสงครามนินจาครั้งที่ 4 โดยมีท่า วิชากำปั้นระเบิดดิน โดยคนที่โดนท่านี้เข้าไปจะระเบิดในทันที จากตอน 522) และ เซคิเออิ
คาถาน้ำแข็ง
เกิดจากการผสมของธาตุ น้ำ และ ลม ใช้โดยฮาคุ และ เรียวกิ
คาถาแม่เหล็ก
เกิดจากการผสมของธาตุ ลม และ ดิน ใช้โดย 1 หาง คาเซะคาเงะรุ่น 3, 4 โทโรอิจากหมู่บ้านคุโมะ นารูโตะ และ ชินกิ
คาถาพายุ
เกิดจากการผสมของธาตุ สายฟ้า และ น้ำ ใช้โดยดารุยจากหมู่บ้านคุโมะ และ มาดาระ
ใช้กระดูกเป็นอาวุธ
ขีดจำกัดทางสายเลือดของตระกูลคางูยะ ใช้โดยคิมิมาโร่ งอกควบคุมกระดูกให้เป็นอาวุธ
ขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลของจูโกะ
สามารถดูดซับพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาเซียน แต่ก็มีผลเสียเพราะจะทำให้กลายเป็นคน 2 บุคลิก ใช้โดยจูโกะ โอโรจิมารุ คาบูโตะ และ มิซึกิ
ขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลคุรามะ
ขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลคุรามะ สามารถสร้างคาถาลวงตาที่ทำให้ร่างกายคนที่ตกอยู่ในคาถาได้รับความเสียหายและยอมรับความเสียหายจากภาพลวงตา ใช้โดยยาคุโมะ
ขีดจำกัดสายเลือดเฉพาะ (สายเลือดคัดสรร) รูปแบบจักระ
เป็นสายเลือดที่หายากยิ่งกว่าขีดจำกัดสายเลือดเพราะมีการใช้จักระธาตุได้มากกว่า 3 ธาตุในคาถาเดียว
คาถาธุลี
เกิดจากการผสมของธาตุ ดิน ไฟ ลม ใช้โดยซึจิคาเงะรุ่น 2, 3 คู และ คาโค.
อ้างอิง
จากหนังสือ Boom ฉบับที่ 14 22 23 24 32 ปี 2550 จากฉบับรวมเล่มของสำนักNED Comics นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ฉบับที่ 1-32 จากหนังลืงสือ โซเน็นจัมป์ ตอนที่ 200-232 และ 522-525 จากหนังสือ โซเน็นจัมป์ ตอนที่400-513