สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน
สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน (อิตาลี: Football Club Internazionale Milano S.p.A.) หรือที่เรียกย่อว่า อินเตอร์นาซีโอนาเล หรือ อินเตอร์ หรือ อินเตอร์มิลาน ซึ่งนิยมเรียกกันนอกอิตาลี เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอิตาลี ตั้งอยู่ที่มิลานในแคว้นลอมบาร์เดีย โดยอินเตอร์เป็นเพียงสโมสรเดียวที่ไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดของฟุตบอลอิตาลี
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน | ||
---|---|---|---|
ฉายา | I Nerazzurri (ดำ-น้ำเงิน) La Beneamata (หัวแก้วหัวแหวน) Il Biscione (งูเขียวใหญ่) งูใหญ่ (ภาษาไทย) | ||
ก่อตั้ง | 9 มีนาคม ค.ศ.1908 | ||
สนาม | สตาดีโอจูเซ็ปเปเมียซซ่า | ||
ความจุ | 82,964 | ||
ประธาน | เอริก โตฮีร์ | ||
ผู้จัดการทีม | ซีโมเน อินซากี | ||
ลีก | เซเรียอา | ||
2020–21 | อันดับที่ 1 (ชนะเลิศ) | ||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | ||
| |||
สโมสรถือกำเนิดขึ้นจากการแตกแยกกันของสโมสรคริกเก็ตมิลานและสโมสรฟุตบอล (ปัจจุบันคือเอซี มิลาน) โดยอินเตอร์ได้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1908 และชนะเลิศลีกสมัยแรกใน ค.ศ. 1910 นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรจนถึงปัจจุบัน สโมสรชนะเลิศการแข่งขันในประเทศถึง 31 ครั้ง แบ่งเป็นลีก 19 สมัย, โกปปาอีตาเลีย 7 สมัย และซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา 5 สมัย โดยระหว่าง ค.ศ. 2006 ถึง 2010 สโมสรชนะเลิศลีก 5 สมัยติดต่อกัน ถือเป็นสถิติร่วมของการชนะเลิศลีกติดต่อมากที่สุดในเวลานั้น สโมสรชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก 3 สมัยในปี 1964, 1965 และ 2010 ซึ่งในปี 2010 สโมสรก็ชนะเลิศโกปปาอีตาเลียและสกูเดตโต ทำให้พวกเขาคว้าทริปเปิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาลนั้น นอกจากนี้ สโมสรยังชนะเลิศยูฟ่าคัพ 3 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 2 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย
สนามเหย้าของอินเตอร์คือสนามกีฬาซานซีโร ซึ่งพวกเขาใช้งานร่วมกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่างเอซี มิลาน สนามแห่งนี้เป็นสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลี โดยมีความจุ 75,923 ที่นั่ง สโมสรมีคู่ปรับที่สำคัญ ได้แก่ เอซี มิลาน ซึ่งการพบกันของทั้งคู่มีชื่อเรียกว่าแดร์บีเดลลามาดอนนีนา นับเป็นการแข่งขันฟุตบอลดาร์บีที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และยูเวนตุส ซึ่งการพบกันของทั้งคู่เรียกว่าแดร์บีดีตาเลีย อินเตอร์เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีผู้ชมนัดเหย้ามากที่สุดในอิตาลีและมากเป็นอันดับที่ 6 ในยุโรปในปี 2019 นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในอิตาลีและในโลก
ประวัติ
อินเตอร์มิลาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1908 โดยใช้ชื่อ ฟุตบอล คลับ อินแตร์นาซีโอนาเล ซึ่งมีสมาชิกที่บางส่วนที่แยกตัวมาจากสโมสร มีลาโนตคริกเกร็ตแอนด์ฟุตบอลคลับ (มีทั้งหมด 44 คน) และได้ร่วมตัวกันเป็นกลุ่มอิตาลีและสวิส (จอร์โจ มักกีอานี เป็นจิตรกรที่ได้ออกแบบตราสัญลักษณ์ของสโมสร) ในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ.1908 กลุ่มสมาชิก สโมสรมิลานโนตคริกเกร็ตแอนด์ฟุตบอลคลับ ที่มีทั้งหมด 44 คน ได้มีสมาชิกจำนวนหนึ่งได้แยกตัวออกก่อตั้งสโมสรแห่งใหม่ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการนักฟุตบอลหรือนักเตะ ที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลียลงสนาม นั้นก็หมายถึงชาวต่างชาติก็สามารถลงสนามให้กับทีมได้ จึงได้รวมตัวกันของชาวอิตาลีและสวิส ก่อตั้งสโมสรขึ้นมา สโมสรแห่งนี้จึงได้เป็นสโมสรอีกสโมสรหนึ่งแห่งเมือง มิลาน ที่ได้ขึ้นชื่อว่าก่อตั้งจากชนชั้นแรงงาน นั้นก็คือ สโมสร อินเตอร์ มิลาน นั้นเอง
Inter Milan FC หรือชื่อเต็มว่า อินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน ในภาษา อิตาลี (Football Club Internazionale Milano S.p.A.) ตั้งอยู่ในเมืองมิลาน เขตลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มฟุตบอล จี-14 และยังคงเป็นสโมสรเดียวในอิตาลี ที่ยังไม่เคยตกชั้นไปจากซีเรียอานับตั้งแต่มีการก่อตั้งลีกสูงสุดตั้งแต่ปี 1929 สนามเหย้าของสโมสร อินเตอร์ มิลาน มีชื่อว่า “สตาดีโอจูเซปเปเมอัซซา” สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1925 และเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อ กันยายน ค.ศ.1926 โดยมีความจุ 82,955 ที่นั่ง ซึ่งสนามแห่งนี้ ก็เป็นสนามของ เอซี มิลาน เช่นเดียวกัน แต่หาก เอซี มิลาน ใช้งานเป็นเจ้าบ้าน จะมีชื่อว่า “ซานซีโร” ซึ่ง “สตาดีโอจูเซปเปเมอัซซา” หรือ “ซานซีโร” เคยถูกใช้เป็นสนามสังเวียนนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ปี 2016 โดย รีล มาดริด สามารถคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะจุดโทษ อัตเลติโกเดมาดริด ไปได้
สโมสร อินเตอร์ มิลาน มีฉายาว่า I Nerazzurri (เนรัซซูรี) หรือ ดำ-น้ำเงิน และมีฉายาว่า Il Biscione งูใหญ่ ในส่วนของฉายางูใหญ่นั้นมีที่มาจาก ตราประจำตระกูล Visconti ซึ่งเป็นเจ้าเมืองมิลานเก่า ที่เคยเป็นประธานสโมสรในช่วงสั้นๆ นั้นเอง ในช่วงแรกๆ สโมสรจะใช่ตราโลโก้เป็นรูปงู และได้เปลี่ยนมาเป็นโลโก้ที่เป็นตัวอักษร I M และ C เป็นสัญลักษณ์สโมสร จากการออกแบบโดยนำตัวอักษรมาใช้เป็นโลโก้นั้น ทำให้หลายๆสโมสรได้นำแนวคิดนี้มาเป็นตราสโมสรเช่นเดียวกัน ซึ่งศิลปินชาวอิตาลี ที่ชื่อ “จอร์โจ มักกีอานี” เป็นคนออกแบบตราสโมสรในยุคแรก
ยุคสมัยของสโมสร
ช่วงยุคแรก
1908 ในช่วงต้นศตวรรษ ยังไม่มีมิลานดาร์บี้ มีเพียง"มิลานคริกเก็ตและฟุตบอลคลับ" (เวลานี้คือ เอซีมิลาน) และในวันที่ 9 มีนาคม 1908 กบถกลุ่มหนึ่งจัดตั้ง "ฟุตบอลคลับอินเตอร์นาซิอองนาล มิลาโน" ชื่อของสโมสรได้มาจากเจตจำนงของสมาชิกผู้ก่อตั้งที่ให้ยอมรับนักเตะต่างชาติเช่นเดียวกับผู้เล่นอิตาเลี่ยน ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าอินเตอร์นาซิอองนาล กัปตันทีมคนแรกเป็นนักเตะชาวสวิสชื่อเฮิร์นต์ แมงตี สีของสโมสรคือสีทอง ดำ และน้ำเงิน เป็นประเพณีซึ่งรักษาติดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
1910 เป็นครั้งแรกที่อินเตอร์ชนะเลิศถ้วยอิตาเลี่ยนลีก กัปตันของทีมแชมเปี้ยนคือ เวอร์จิริโอ้ ฟอสซาติ ชึ่งเขาเสียชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่1 แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีฟอสซาติ อินเตอร์ก็ได้ครองแชมป์ครั้งที่ 2 ในปี 1920
ยุค30S
1930 ในช่วงยุคฟาสซิสต์ทางสโมสรถูกบังคับให้รวมตัวกับมิลานีสยูเนี่ยน สปอร์ติวา และทีมก็ชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้ชื่อ อัมบรอสเซียน่าอินเตอร์
1934 เนราซซูร์รี่ อัลเลมันดี , คาสเตลาซซี่ , เดมาเรีย และตำนานลูกหนัง กุยเซปเป เมียซซา ช่วยทีมชาติอิตาลี่ครองแชมป์ลูกหนังโลกในปี1934 อีก 2 ปีต่อมา ฟรอสซี่ และ โลคาเตลลี่ ช่วยพาทีมคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิคเบอร์ลิน
1938 นักเตะอินเตอร์ประกอบด้วย เฟอร์ราริสที่ 2 , เฟอร์รารี่ , โลคาเตลลี่และเมียซซา มีส่วนร่วมทีมอัซซูรี่ ที่ก่อตั้งขึ้นคว้าแชมป์ลูกหนังโลกปี 1938 ที่กรุงปารีส ในปีเดียวกัน อินเตอร์ ชนะเลิศลูกหนังสโมสรอิตาลี่เป็นครั้งที่ 4 ขณะที่ทางสโมสรประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ คอปปาอิตาเลียครั้งแรกในปี 1939
ยุค40S
และคว้าแชมป์ลีกได้อีกในปี 1940 ชื่อที่ใช้ในขณะนั้นคือ อัมบรอสเซียน่า และถูกสลัดทิ้งในเดือนตุลาคม 1945 โดยกลับมาใช้ชื่อสโมสรอินเตอร์เหมือนเดิม 1947 กรุยเซปเป้ เมียซซา ลงเล่นครั้งสุดท้ายเป็นการฟาดแข้งอย่างเป็นทางการนัดที่ 408 ในสีเสื้ออินเตอร์ ดาวซันโวอินเตอร์ ชึ่งสร้างตำนานด้วยการยิงได้ 287 ประตูให้กับสโมสร เขาเสียชีวิตในปี1979 และในปีถัดมาก็มีการตั้งชื่อสนามซานซีโร่เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
ยุค50S
1953 ทีมของเนราซซูรี่ คว้าแชมป์ครั้งที่ 6 ในปี 1953 และย้ำความสำเร็จได้ในปีต่อมา ต้องขอขอบคุณ 4 นักเตะดาวเด่น คือ เบนีโต "เวเลโน" ลอเรนซี แห่งอิตาลี่, สคอกลุนด์ จากสวีเดน นักเตะดัทช์ วิลเกส และไนเออร์ ชึ่งไม่ได้ระบุสัญชาติ
ยุค60S-ยุค70S
1963 เริ่มยุค "เกรทอินเตอร์" ประธานสโมสรคือ แองเจโล่ โมรอตติ โค้ชคือ เฮเลนิโอ เฮอร์เรร่า และบรรดานักเตะที่ไม่อาจลืมเลือนได้คือ ซาร์ติ ,เบิร์กนิค , ฟาคเชตติ , เบดิน , กวาร์เนรี่ , พิคชี , แจร์ , มาซโซล่า , มิลานี่(โดเมงกินี) , ซัวเรซ และคอร์โซ่ เกรทอินเตอร์ชนะเลิศซีรี่ เอ 3 สมัย (ในปี 1964, 1965 และ1966 ในปีหลังสุดเป็นการครองแชมป์สคัดเดตโต้ครั้งที่ 10 ซึ่งยอมให้สโมสรสวมเสื้อตราดาวทอง) ,คว้าถ้วยยุโรป 2ครั้ง(ในปี1964 พบกับกับเรอัล แมดริด และ1965 ปะทะกับเบนฟิกา) และคว้าถ้วยอินเตอร์คอนติเนนตัล 2สมัย (ในปี1964และ1965, โดยหวดกับอินดีเพนเดนเต้ทีมหินจากอาเจนตินาทั้ง 2ครั้ง) ในปี1964 ซัวเรซ ช่วยให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยุโรป 1968 เบิร์กนิช, โดเมนกีนี่, ฟัคเชตติ, กวาร์เนรี่ และมาสโซล่า มีส่วนช่วยให้ทีมชาติอิตาลี่ประสบความสำเร็จในศึกลูกหนังชิงแชมป์ยุโรปที่กรุงโรมในปี 1968 อีก 3 ปีต่อมา, เนราซซูร์รี่ ครองแชมป์ สคัดเดดโต้ ครั้งที่ 11 ภายใต้การนำของโค้ช จิอานนี่ อินเวอร์นิซซี่
ยุค80S
1982 หลังจากครองแชมป์ซีรีส์ อา ครั้งที่12 ในปี 1980, อัลโตเบลลี่, เบอร์โกมี่, บอร์ดอน, มารินี่ และ โอเรียลี่ ช่วยให้ทีมอิตาลีคว้าถ้วยเวิลด์คับที่กรุงแมดริดในปี 1982 1989 อินเตอร์ชนะถ้วยสคัดเดดโต้ครั้งที่ 13 ในปี 1989 เก็บแต้มได้ 58 คะแนนจาก 34 นัด (ทีมชนะได้ 2คะแนน) ปีต่อมา ในศึกอิตาเลีย 90, สามดาวเตะเยอรมันของอินเตอร์ คือ เบรห์เม่ ครินส์มันน์ และแมทเธอุส ช่วยให้ทีมเยอรมันคว้าถ้วยเวิลด์คับที่กรุงโรม ในปีเดียวกัน โลธ่า เมทเธอุส เป็นผู้เล่นอินเตอร์คนแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมประปีของยุโรป
ยุค90S
1991 วันที่ 22 พฤษภาคม 1991, 26 ปีหลังจากประสบความสำเร็จระดับชาติ, อินเตอร์เฉือนโรมา ด้วยประตูรวม 2-1 ในศึกยูฟ่าคัพ นัดชิงชนะเลิศ แมทเธอุส และเบอร์ติ ยิงประตูให้เนราซซูรี่ ในการเตะนัดแรกที่เมซซา อินเตอร์ชนะซัลซ์เบิร์ก ในนัดชิงชนะเลิศ 3 ปีถัดมาคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพครั้งที่ 2 1998 โรนัลโด้ เป็นนักเตะอินเตอร์คนแรกที่ได้รับรางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า และเป็นคนที่ 2 ที่ได้รับเครื่องราชบอลลอน อินเตอร์ชวดแชมป์หลังจากเปิดศึกดวลแข้งกับยูเวนตุสคู่แข่งสำคัญ, แต่ชนะลาซิโอ 3-0 ที่ปารีสคว้าถ้วยยูฟ่าคัพเป็นครั้งที่ 3 จอร์เกฟฟ์ดาวเตะฝรั่งเศสสามารถดับรัศมีโรนัลโด้ดาวเตะบาซิลในศึกลูกหนังเวิลด์คัพนัดชิงชนะเลิศที่กรุงปารีสในปี 1998
ยุค2000S
2000 เมื่อวันที่ 12 เมษายน , แฟนลูกหนังทั่วโลกพาติดตรึงกับข่าวอาการบาดเจ็บของโรนัลโด้ในระหว่างทำศึกคอปป้าอิตาเลียนัดชิงชนะเลิศกับลาซิโอ้ โรนัลโด้กลับมาลงสนามและยิงประตูได้อีกในฤดูกาล2001/2002 ในขณะเดียวกันโลรองต์ บรอง กองหลังของเนราซซูร์รี่ก็มีส่วนช่วยให้ฝรั่งเศส พิชิตอิตาลีในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2000 2001 ฤดูกาลสิ้นสุดลงโดยอินเตอร์ทำแต้มเหนือ เอซี มิลาน ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ในศึกชิงแชมป์ซีรีส์ อา ในช่วงฤดูร้อน, มีการจัดงาน"วันโรนัลโด้" เพื่อฉลองการกับมาฟาดแข้งของฟีโนมีน่อน ในเดือนพฤศจิกายน, นักเตะตำนานของอินเตอร์คนหนึ่ง ฟูลแบ็คที่ไม่อาจลืมเลือนได้คือ เกียซินโต้ ฟาคเชตติ ได้เป็นรองประธานสโมสร โชคร้ายในเดือนธันวาคม กรุยเซปเป้ พริสโก้ รองประธานเบเนียมาตา เอฟฟ์ และแฟนลูกหนังชั้นดีของอินเตอร์ถึงแก่กรรมหลังจากครบรอบวันเกิดปีที่ 80 ได้ 2 วัน 2002 อินเตอร์ใกล้ที่จะคว้าแชมป์ครั้งที่ 14 ทีมนำกำลังจะเตะนัดสุดท้ายของฤดูกาลและมีแต้มนำยูเวนตุสอยู่ 1คะแนน พวกเขาแพ้ลาซิโอ้ในนัดเยือนที่สนามโอลิมปิคของกรุงโรมด้วยสกอร์ 2-4 ถ้วยชนะเลิศตกเป็นของยูเวนตุสขณะที่โรมาเฉือนอินเตอร์ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 เช่นเดียวกับเมื่อปี 1967 การเตะนัดสุดท้ายของศึกชิงแชมป์นับเป็นความเป็นความย่ำแย่ของเดอะเนราซซูร์รี่
สีและสัญลักษณ์
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ชุดแข่งขันของอินเตอร์มิลาน |
หนึ่งในผู้ก่อตั้งอินเตอร์ จอร์โจ มักกีอานี ซึ่งเป็นจิตรกร เป็นผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์แบบแรกของอินเตอร์ใน ค.ศ. 1908 โดยสัญลักษณ์แบบแรกเป็นรูปตัวอักษร "FCIM" ฝังอยู่ตรงกลางวงกลม สัญลักษณ์ที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายยังคงถูกใช้งานมาจนถึงปัจจุบันพร้อมกับการปรับแต่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยในฤดูกาล 1999–2000 ได้มีการปรับตราสัญลักษณ์ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อวางชื่อสโมสรและปีที่ก่อตั้งทั้งด้านบนและด้านล่างของตราตามลำดับ
ใน ค.ศ. 2007 ตราสัญลักษณ์กลับไปใช้ตราเดิมในช่วงก่อนฤดูกาล 1999–2000 อีกครั้ง แต่ได้มีการปรับรูปลักษณ์ให้ดูทันสมัยขึ้นพร้อมใส่ดาว สกูเดตโต และสีโทนสว่าง ตราสัญลักษณ์แบบนี้ถูกใช้งานจนถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2014 เมื่อสโมสรตัดสินใจปรับภาพลักษณ์ของตัวสโมสรเอง โดยจุดแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดระหว่างตราใหม่กับตราก่อนหน้าคือการนำดาวออกไปจากตรา
นับตั้งแต่สโมสรก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1908 ผู้เล่นสวมเสื้อลายทางสีดำและน้ำเงิน ทำให้ได้รับฉายาว่า เนรัซซูรี (Nerazzurri) ตามธรรมเนียมแล้ว สีชุดแข่งถูกนำมาใช้เพื่อแสดงถึงท้องฟ้าตอนกลางคืน ประกอบกับเวลาที่ก่อตั้งสโมสรก็คือตอนกลางคืน ในเวลา 23 นาฬิกา 30 นาทีของวันที่ 9 มีนาคม ยิ่งไปกว่านั้น สีน้ำเงินยังเป็นสีที่ถูกเลือกโดยจอร์โจ มักกีอานี เพราะเขาเห็นว่าเป็นสีที่ตรงข้ามกับสีแดง ซึ่งเป็นสีชุดแข่งที่คู่อริอย่างสโมสรฟุตบอลและคริกเก็ตมิลานสวมใส่
อินเตอร์มีช่วงที่ไม่ได้สวมชุดแข่งขันสีดำ-น้ำเงินอยู่บ้างในฤดูกาล 1928–29 โดยใน ค.ศ. 1928 ชื่อและปรัชญาของสโมสรสร้างความไม่สบายใจแก่พรรคฟาสซิสต์ที่ปกครองอยู่ตอนนั้น ส่งผลให้สโมสรถูกรวมเข้ากับ สหภาพกีฬามีลาเนส (Unione Sportiva Milanese) และเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น สโมสรกีฬาแอมโบรเซียนา (Società Sportiva Ambrosiana) ซึ่งตั้งชื่อตามนักบุญองค์สมโภชของมิลาน และชุดแข่งขันซึ่งเดิมคือลายดำ-น้ำเงิน ก็ถูกแทนที่ด้วยลายธงประจำเมืองมิลาน (ลายกางเขนสีแดงบนพื้นสีขาว) แต่ต่อมาใน ค.ศ. 1929 ชุดแข่งขันสีดำ-น้ำเงินถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง และหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่ฟาสซิสล่มสลาย สโมสรก็เปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิม ต่อมาใน ค.ศ. 2008 อินเตอร์เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีด้วยการผลิตเสื้อแข่งขันลายกางเขนสีแดง ซึ่งสื่อถึงธงประจำเมือง และใช้เป็นชุดที่สาม ค.ศ. 2014 สโมสรใช้ชุดเหย้าสีดำซึ่งมีลายนิ้วมือสีน้ำเงินบนเสื้อ ก่อนที่จะย้อนกลับไปใช้ชุดแข่งขันลายประจำในฤดูกาลถัดมา
สัตว์มักถูกใช้ตั้งเป็นชื่อฉายาของสโมสรฟุตบอลอิตาลี โดยงูเขียวใหญ่ ซึ่งเรียกว่า Biscione เป็นฉายาของอินเตอร์ งูเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองมิลาน โดยปรากฏบนมุทราศาสตร์ของมิลาน เป็นรูปงูพิษขดตัวพร้อมกับมีผู้ชายเป็นเหยื่อในเขี้ยวของมัน สัญลักษณ์นี้ยังอยู่บนตราประจำตระกูลสฟอร์ซา (ซึ่งปกครองอิตาลีในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา), เมืองมิลาน, ดัชชีมีลาโน (รัฐของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอายุ 400 ปี) และอินเซอเบรีย (ภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ซึ่งครอบคลุมมิลาน) สำหรับในฤดูกาล 2010–11 มีการออกแบบให้มีรูปงูอยู่บนชุดเยือน
เกียรติประวัติ
อินเตอร์ชนะเลิศถ้วยรางวัลในประเทศ 31 รางวัล ประกอบด้วยลีก 19 สมัย, โกปปาอีตาเลีย 7 สมัย และซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา 5 สมัย สโมสรเคยชนะเลิศลีกถึง 5 ฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2010 นับเป็นสถิติร่วมของการชนะเลิศลีกติดต่อกันมากที่สุดก่อนที่ยูเวนตุสจะชนะเลิศลีก 6 สมัยติดต่อกันในปี 2017 อินเตอร์ชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก 3 สมัยในปี 1964, 1965 และ 2010 โดยการชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกครั้งล่าสุดนั้น ทำให้พวกเขาคว้าทริปเปิลแชมป์ร่วมกับการชนะเลิศโกปปาอีตาเลียและสกูเด็ตโต นอกจากนี้ สโมสรยังชนะเลิศยูฟ่าคัพ 3 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 2 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกหนึ่งสมัย
อินเตอร์เป็นสโมสรที่ไม่เคยตกชั้นจากลีกฟุตบอลสูงสุดของอิตาลี ทำให้พวกเขาเป็นสโมสรเดียวที่แข่งขันในเซเรียอาและลีกสูงสุดยุคก่อนหน้าครบทุกฤดูกาล เนรัซซูรีได้แข่งขันบนลีกสูงสุดถึง 106 ฤดูกาลติดต่อกัน หากนับในระดับทวีปแล้ว มีเพียงสโมสรบริติชเพียง 5 สโมสรที่แข่งขันในลีกสูงสุดติดต่อกันยาวนานกว่า
ประเภท | การแข่งขัน | ชนะเลิศ (สมัย) | ฤดูกาล |
---|---|---|---|
ระดับประเทศ | เซเรียอา | 19 | 1909–10, 1919–20, 1929–30, 1937–38, 1939–40, 1952–53, 1953–54, 1962–63, 1964–65, 1965–66, 1970–71, 1979–80, 1988–89, 2005–06, 2006–07, 2007–08, 2008–09, 2009–10, 2020–21 |
โกปปาอีตาเลีย | 7 | 1938–39, 1977–78, 1981–82, 2004–05, 2005–06, 2009–10, 2010–11 | |
ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา | 5 | 1989, 2005, 2006, 2008, 2010 | |
ระดับทวีปยุโรป | ยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก | 3 | 1963–64, 1964–65, 2009–10 |
ยูฟ่าคัพ/ยูฟ่ายูโรปาลีก | 3 | 1990–91, 1993–94, 1997–98 | |
ระดับโลก | อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ | 2 | 1964, 1965 |
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก | 1 | 2010 |
ผู้เล่น
ผู้เล่นทีมชุดแรก
- ณ วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2021
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
บุคลากร
ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
ผู้ฝึกสอน | ซีโมเน อินซากี |
ผู้ช่วยทางเทคนิค | จูเซปเป บาเรซี |
ผู้ช่วยทางเทคนิค | ลูกา วีจานี |
ผู้ฝึกสอนฟิตเนส | จูเซปเป ปอนเดรลลี |
ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู | นุนซีโอ ปาเปเล |
นักวิเคราะห์เกม | มีเกเล ซัลซารูโล |
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ | ปีเอโร วอลปี |
แพทย์ | ดานีเอเล กาซาลีนี |
แบรนด์ชุดแข่งและสปอนเซอร์
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2010-02-18. สืบค้นเมื่อ 2010-02-15.
- "Inter Milan arrives in Jakarta to prepare for two friendlies". The Jakarta Post. 24 May 2012. จากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2013. สืบค้นเมื่อ 25 July 2013.
- Grove, Daryl (22 December 2014). "10 Soccer Things You Might Be Saying Incorrectly". Paste. จากแหล่งเดิมเมื่อ 30 July 2017. สืบค้นเมื่อ 21 June 2017.
- ↑ "Italy – List of Champions". RSSSF.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Inter join exclusive treble club". uefa.com. จากแหล่งเดิมเมื่อ 11 November 2012. สืบค้นเมื่อ 9 August 2012.
- "Struttura". sansirostadium.com (ภาษาอิตาลี). San Siro. สืบค้นเมื่อ 22 January 2021.
- "Is this the greatest derby in world sports?". Theroar.com.au. 26 January 2010. จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 October 2011. สืบค้นเมื่อ 28 September 2011.
- "Best supported clubs who attract more than a million fans every season". talkSPORT. 31 March 2019. จากแหล่งเดิมเมื่อ 29 June 2019. สืบค้นเมื่อ 29 May 2019.
- "The World's Most Valuable Soccer Teams". Forbes. 17 April 2013. จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 July 2013. สืบค้นเมื่อ 13 July 2013.
- "Nerazzurri rebranding: new logo, same Inter". Inter.it. จากแหล่งเดิมเมื่อ 11 July 2014. สืบค้นเมื่อ 21 July 2014.
- "Inter rebranding in detail". Inter.it. จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 July 2014. สืบค้นเมื่อ 21 July 2014.
- "9 marzo 1908, 43 milanisti fondano l'Inter". ViviMilano.it. 24 June 2007. จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 December 2007. สืบค้นเมื่อ 23 October 2007.
- . FootballDerbies.com. 25 July 2007. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 13 September 2011. สืบค้นเมื่อ 18 May 2008.
- "Emeroteca Coni". Emeroteca.coni.it. จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2012. สืบค้นเมื่อ 7 January 2013.
- "Ambrosiana S.S 1928". Toffs.com. 24 June 2007. จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 October 2007. สืบค้นเมื่อ 23 October 2007.
- https://www.sbnation.com/soccer/2014/7/9/5882469/inter-milan-2014-2015-nike-home-kit
- "First Team". FC Internazionale Milano. สืบค้นเมื่อ 1 July 2021.