เรือนจำจี๊ฮหว่า
พิกัดภูมิศาสตร์: 10°46′37″N 106°40′08″E / 10.7769°N 106.669°E
เรือนจำจี๊ฮหว่า (เวียดนาม: Khám Chí Hòa หรือ Nhà Tù Chí Hòa) เป็นเรือนจำที่ตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เป็นเรือนจำหนึ่งในสิบสองแห่งของประเทศ ตัวเรือนจำเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างอยู่บนสถานที่ตั้งขนาด 7 เฮกตาร์ ซึ่งประกอบด้วยห้องกักกัน ห้องคุมขังนักโทษ กำแพงเรือนจำ หอคอย สิ่งอำนวยความสะดวกและที่ดินเพาะปลูกของนักโทษ ตัวเรือนจำสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมอินโดจีนฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1943 (หรือ ค.ศ. 1939) เพื่อใช้แทนที่เรือนจำกลางไซ่ง่อน เป็นเรือนจำที่รัฐบาลเวียดนามทุกยุคทุกสมัยใช้กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากความซับซ้อนและสถาปัตยกรรมอันมีประสิทธิภาพ เรือนจำดังกล่าวจึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นเรือนจำที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในเวียดนาม โดยในประวัติศาสตร์ของเรือนจำ พบว่ามีการแหกคุกได้สำเร็จเพียงสองครั้งเท่านั้น
ประวัติศาสตร์
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 เรือนจำกลางไซ่ง่อนซึ่งฝรั่งเศสสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1890 เกิดการแออัดเนื่องจากอัตราการเพิ่มจำนวนนักโทษอย่างไม่หยุดในเวลานั้น สถานการณ์ดังกล่าวเป็นสาเหตุให้รัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศสตัดสินใจจะสร้างเรือนจำใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเพื่อใช้แทนเรือนจำกลางไซ่ง่อน ใน ค.ศ. 1939 (หรือ ค.ศ. 1943 ในแหล่งข้อมูลระบุไม่ตรงกัน) รัฐบาลเริ่มก่อสร้างเรือนจำจี๊ฮหว่าโดยว่าจ้างผู้รับเหมาชาวฝรั่งเศสและใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมเวียดนามท้องถิ่น ในปี ค.ศ. 1945 การก่อสร้างหยุดชะงักไปเนื่องจากจักรวรรดิญี่ปุ่นโค่นล้มรัฐบาลฝรั่งเศสลง หลังจากฝรั่งเศสกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1950 การก่อสร้างได้ดำเนินต่อไปและกระบวนการก่อสร้างได้เสร็จสิ้นทั้งหมดในปี ค.ศ. 1953
หลังเรือนจำจี๊ฮหว่าก่อสร้างเสร็จ สมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งเวียดนาม ทรงตัดสินพระทัยปิดเรือนจำกลางไซ่ง่อนลงอย่างถาวรและเคลื่อนย้ายนักโทษไปยังเรือนจำใหม่ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป รัฐบาลของรัฐเวียดนาม (ในภายหลังคือ สาธารณรัฐเวียดนาม) ได้ใช้เรือนจำดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
หลังจากเวียดนามเหนือรวมกับเวียดนามใต้ใน ค.ศ. 1975 รัฐบาลใหม่ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้ใช้เรือนจำดังกล่าวต่อมาจนถึงปัจจุบัน ใน ค.ศ. 2010 ฝ่ายบริหารของนครโฮจิมินห์ได้ประกาศแผนการทำลายเรือนจำและสร้างบ้านจัดสรรบรรษัทเหนือพื้นที่เรือนจำเดิม
สถาปัตยกรรม
ตัวเรือนจำมีอาคารหลักซึ่งเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยมสามชั้นสร้างขึ้นโดยได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทฤษฎีแปดไทรแกรมของอี้จิง ตัวอาคารทั้งหลังประกอบขึ้นจากแนวอาคารหลังคากระเบื้อง 7 แนวและแนวอาคารหลังคาราบหันหน้าไปทางทิศเหนืออีก 1 แนว ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามชื่อของไทรแกรมทั้งแปดขิงอี้จิง ผนังด้านนอกและด้านในสร้างขึ้นแตกต่างกัน ผนังด้านนอกปิดด้วยกำแพงอิฐมีช่องอากาศ ส่วนด้านในเปิดด้วยที่ว่างสีเขียวไม่มุงหลังคาซึ่งนักโทษจะถูกแยกออกจากกันด้วยรั้วเหล็ก ในภายหลัง แนวอาคารทั้งแปดถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ซึ่งตั้งชื่อเรียงตามอักษร ได้แก่ พื้นที่เอ พื้นที่บี พื้นที่ซี พื้นที่ดี พื้นที่อี พื้นที่เอฟ พื้นที่จี และพื้นที่เอช พื้นที่ดังกล่าวประกอบกันขึ้นเป็นหกเขต ซึ่งได้รับการตั้งชื่ว่า เขตเอบี เขตบีซี เขตอีดี เขตเอฟจี เขตเอเอช และเขตไอดี ซึ่งทั้งหมดมีห้องคุมขังนักโทษทั้งสิ้น 238 ห้อง จำแนกตามเขตได้ดังนี้:
- เขตเอบี: 52 ห้อง
- เขตไอดี: 17 ห้อง
- เขตรักษาความปลอดภัย (เขตคุมขังเดี่ยว): 3 ห้อง
- เขตดี: 65 ห้องแคบ
- เขตที่เหลือ: 101 ห้อง
ใจกลางเรือนจำเป็นอ่างเก็บน้ำสูงและใหญ่ซึ่งยังใช้เป็นหอคอยหลักซึ่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถมองเห็นภาพโดยรวมของห้องคุมขังนักโทษทั้งหมดในเรือนจำได้ นอกเหนือจากจะมีห้องคุมขังนักโทษแล้ว อาคารหลักยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ต้องขัง ตลอดจนผู้บริหารเรือนจำและเจ้าหน้าที่
ในภายหลังได้มีการก่อสร้างโบสถ์คริสต์และวัดพุทธในพื้นที่โดยรอบอาคารหลัก แต่ปัจจุบันได้ถูกทำลายลงไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีผืนที่ดินเพาะปลูกขนาดเล็กและสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเช่น ร้านอาหารและห้องน้ำ สำหรับนักโทษในที่ดินนี้ ส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดของเรือนจำถูกแยกออกจากพ้นที่คุมขังนักโทษหลักโดยกำแพงอิฐทรงสี่เหลี่ยมและรั้วลวดหนาม มีหอคอยสี่แห่งตั้งอยู่ทั้งสี่มุมของกำแพง
ปฏิบัติการเรือนจำ
เรือนจำนี้มีชื่อเสียงที่ไม่ดีด้านสภาพที่ความโหดร้ายและสกปรกมาเป็นระยะเวลานานไม่ว่าผู้ดำเนินการจะผ่านไปกี่ชุดก็ตาม ในสมัยรัฐบาลอาณานิคมฝรั่งเศส นักโทษจะถูกคุมขังในห้องขังที่ไม่มีแสงและมักจะถูกล่ามโซ่
ในสมัยเวียดนามใต้ โดยปกติเรือนจำจะมีนักโทษอยู่ถึง 6,000-8,000 คน หรือบางครั้งอาจมีนักโทษเพิ่มขึ้นถึง 10,000 คน นักโทษเหล่านี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามประเภทของอาชญากรรมที่พวกเขาก่อ: กลุ่มแรก คือ ผู้ที่กระทำอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และกลุ่มที่สอง คือ นักโทษที่ก่ออาชญากรรมประเภทอื่น นักโทษชายและหญิงจะถูกคุมขังไว้ในห้องขังคนละห้องกันและนักโทษสามารถออกจากห้องขังได้เฉพาะเพื่อรับประทานอาหารหรือไปขับถ่ายเท่านั้น มักจะมีกองพันตำรวจหนึ่งกองพันคอยอารักขาเรือนจำอยู่เสมอ แม้ว่าจะเป็นเพียงเรือนจำ แต่ก็มีการประหารชีวิตสองครั้ง ณ เรือนจำจี๊ฮหว่า ได้แก่ การประหารชีวิตโง ดินห์ เกิ๊น และเหวียน วัน เตร่ย
หลังจากไซ่ง่อนล่มสลาย เรือนจำยังคงเปิดต่อไปและอยู่ภายใต้การจัดการของรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แต่กลับพบว่ามีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับปฏิบัติการของเรือนจำ มีข้อมูลคร่าว ๆ ในหนังสือเดอะแบล็กบุ๊กออฟคอมมิวนิสม์ ซึ่งอธิบายถึงสภาพของเรือนจำว่าเลวร้ายมาก
เรือนจำยังมีชื่อเสียงในด้านการรักษาความปลอดภัยที่สูง และเคยได้รับการพิจารณาว่าเป็นเรือนจำที่นักโทษไม่สามารถแหกคุกหนีออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการแหกคุกที่ประสบความสำเร็จสองครั้งในอดีต: ครั้งแรกเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1945 เมื่อเวียดมินห์อาศัยความได้เปรียบจากความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อโจมตีและปลดปล่อยสมาชิกของตนซึ่งถูกคุมขังไว้ในเรือนจำ โดยที่เรือนจำยังสร้างไม่เสร็จและได้รับการป้องกันอย่างเลว และการแหกคุกครั้งที่สองเป็นการแหกคุกของขโมยชาวเวียดนามที่มีชื่อเสียง ฟัก ตึม งน (ฟักแปดนิ้ว) ใน ค.ศ. 1995 เมื่อเขาสามารถปลดโซ่ตรวนของตนเองได้และหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการแหกคุกซึ่งตำรวจเวียดนามอธิบายว่าเป็น "การแหกคุกอย่างไม่น่าเชื่อ"
อ้างอิง
- Mitchel P. Roth, Prisons and prison systems: a global encyclopedia, page 288 Publisher: Westport, Conn.; Greenwood Press, 2006. ISBN 0313328560
- ↑ Vài nét về khám Chí Hòa - Giới thiệu, Government of Ho Chi Minh city, Accessed 10/12/2010
- ↑ “Lò bát quái” Chí Hòa - Những chuyện sau cửa ngục Công An Nhân Dân Newspaper, 24/06/2009. Accessed 10/12/2010 (เวียดนาม)
- TPHCM: Quy hoạch chung cư tại khu đất trại giam Chí Hòa 2010-06-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - 5/31/2010 - Thanh Niên Newspaper (เวียดนาม)
- Vụ xử bắn thứ nhất tại Chí Hòa, Công An Nhân Dân Newspaper. Accessed 10/12/2010 (เวียดนาม)
- Stéphane Courtois and Mark Kramer, The black book of communism : crimes, terror, repression, page 574, Harvard University Press ISBN 0674076087
- Phước "tám ngón" và vụ vượt ngục Chí Hoà Công An Nhân Dân Newspaper, 21/03/2010, Accessed 10/12/2010 (เวียดนาม)