fbpx
วิกิพีเดีย

กล้องโทรทรรศน์หักเหแสง


กล้องโทรทรรศน์หักเหแสง (อังกฤษ: refracting telescope)เป็นกล้องโทรทรรศน์ประเภทแรกที่ได้รับการคิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 1608 โดย ฮานส์ ลิเพอร์ซี (Hans Lippershey)ช่างทำแว่นตาชาวฮอลแลนด์ ซึ่งค้นพบคุณสมบัติการขยายภาพเมื่อนำเลนส์นูนสองชิ้นมาเรียนกันในระยะที่เหมาะสม ต่อมา กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) เป็นบุคคลแรกที่ริเริ่มนำกล้องมาใช้สังเกตดวงดาวเมื่อปี ค.ศ. 1609

กล้องโทรทรรศน์หักเหแสง

หลักการทั่วไปของกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง

ใช้เลนส์สองชิ้น คือที่เห็นเป็นท่อนยาวๆ โดยมากจะเป็นกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงเพราะความยาวของกล้องเท่ากับความยาวโฟกัสของเลนส์วัตถุและเลนส์ใกล้ตารวมกัน กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงให้ภาพคมชัดที่สุดและสว่างที่สุดในบรรดากล้องโทรทรรศน์

ภาพดาวที่บันทึกด้วยกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงจะมีลักษณะเป็นจุดกลมที่สมบูณ์และคมชัดมากนอกจากนี้กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงมีเลนส์ทั้งบริเวณหน้ากล้องเข้าไปได้น้อย การดูแลรักษาทำได้ง่าย และการที่เลนส์ยึดอยู่กับตัวท่อของกล้องอย่างมั่นคงทำให้กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงไม่มีการวางตัวของระบบเลนส์ (Optical Alignment) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในกล้องโทรทรรศน์ประเภทอื่นๆ

ข้อจำกัดของกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง

  • ประการแรก เลนส์นูนที่ในเกิดจากการที่แสงความยาวคลื่นต่างกัน(สีต่างกัน)จะหักเหผ่านเลนส์เป็นมุมไม่เท่ากันและโฟกัสที่จุดต่างๆกัน ไม่รวมเป็นจุดเดียว ภาพที่สังเกตผ่านกล้องจึงมีสีรุ้งอยู่ทั่วไปและไม่ชัดเจนนัก
 
ภาพปัญหาความคลาดรงค์ของเลนส์นูนของกล้องโทรทรรศน์หักเหแสง

บเลนส์วัตถุเพื่อปรับปรุงจุดโฟกัสของแสงสีต่างๆให้อยู่ที่จุดเดียวกัน โดยระบบเลนส์ใหม่นี้เรียนกว่า เลนส์อรงค์ (Achromatic Lens) แปลว่า "ไม่มีสีเพราะปัญหาสีรุ้งในภาพจะลดน้อยลงจนแทบสังเกตไม่เห็น" วิธีการใช้เลนส์อรงค์สร้างกล้องเป็นวิธีที่ค่อนข้างใหม่ แต่ในสมัยปี ค.ศ. 1669 เป็กๆ ทำให้ปัญหาความคลาดสีปรากฏให้เห็นน้อยลง ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ แต่ตัวกล้องจะมีความยาวหลายสิบเมตรทำให้สังเกตได้ไม่คล่องตัวนัก ถ้าคิดว่าดีก็ทำต่อไปนะ

 
ภาพการใช้ช้เลนส์อรงค์แก้ปัญหาความคลาดรงค์ของเลนส์นูนของกล้องโทรทรรศน์หักเหแสง

ความคลาดรงค์และเลนส์อรงค์ ความคลาดรงค์ เกิดจากธรรมชาติของแสงที่หักเหผ่านเลนส์ ซึ่งแสงแต่ละความยาวคลื่นจะรวมกันที่จุดโฟกัสต่างกัน ปัญหาความคลาดรงค์สามารถแก้ไข้ได้โดยตินเลนส์เว้าอีกชิ้นหนึ่งเข้ากับเลนส์นูน ซึ่งจะช่วยให้แสงต่างช่วงคลื่น(ต่างสี)มารวมกันที่จุดเดียวกัน เลนส์คู่นี้มีชื้อว่า เลนส์อรงค์ หรือ Achromatic Lens

  • ข้อจำกัดอีกประการหนึ่งของกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง คือ แสงแต่ละความยาวคลื่นจะถูกดูดกลืนไปโดยเลนส์ไม่เท่ากัน และแสงบางช่วงคลื่น เช่น รังสีอัตราไวโอเลตไม่สามารถผ่านเลนส์แก้วได้เลย หรือถูกดูดกลืนไปทั้งหมด นักดาราศาสตร์จึงไม่บบหักเหแสงสังเกตวัตถุท้องฟ้าในช่วงคลื่นอัลตราไวโอเลตได้
  • ข้อจำกัดประการสุดท้าย คือ กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงมีราคาแพงมาก เมื่อเทียบกับกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงที่มีขนาดเท่ากัน ทั้งนี้เนื่องมาจากขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนของการขัดเลนส์สำหรับสร้างกล้อง (การขัดเลนส์สำหรับกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงจำเป็นต้องขัดผิวแก้วทั้งสองด้าน ในขณะที่การขัดกระจกสำหรับกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงจะขัดเพียงด้านเดียวเท่ากันอีกที้งแก้วที่เลือกใช้เป็นวัสดุจะต้องเป็นแก้วคุณภาพสูงที่ปราศจากตำหนิใดๆ กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงส่วนใหญ่ในท้องตลาดจึงมีขนาดไม่เกิน180นิ้ว

กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงที่ใหญ่ทีสุดในโลกตั้งอยู่ที่หอดูดาวเ(Yerkes Observatory) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีขนาดหน้ากล้อง3.69 เมตร (90นิ้ว) และมีความยาวกล้อง 700.2 เมตร

อ้างอิง

  • วิภู รุโจปการ. เอกภพเพื่อความเข้าใจในธรรมชาติของจักรวาล. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บริษัทนานมีบุ๊คส์พับลิเคชั้นส์ จำกัด. 2546

กล, องโทรทรรศน, กเหแสง, งกฤษ, refracting, telescope, เป, นกล, องโทรทรรศน, ประเภทแรกท, ได, บการค, ดค, นข, นในป, 1608, โดย, ฮานส, เพอร, hans, lippershey, างทำแว, นตาชาวฮอลแลนด, งค, นพบค, ณสมบ, การขยายภาพเม, อนำเลนส, นสองช, นมาเร, ยนก, นในระยะท, เหมาะสม, อมา, กาล. klxngothrthrrsnhkehaesng xngkvs refracting telescope epnklxngothrthrrsnpraephthaerkthiidrbkarkhidkhnkhuninpi kh s 1608 ody hans liephxrsi Hans Lippershey changthaaewntachawhxlaelnd sungkhnphbkhunsmbtikarkhyayphaphemuxnaelnsnunsxngchinmaeriynkninrayathiehmaasm txma kalielox kalielxi Galileo Galilei epnbukhkhlaerkthirierimnaklxngmaichsngektdwngdawemuxpi kh s 1609klxngothrthrrsnhkehaesnghlkkarthwipkhxngklxngothrthrrsnaebbhkehaesng aekikhichelnssxngchin khuxthiehnepnthxnyaw odymakcaepnklxngothrthrrsnaebbhkehaesngephraakhwamyawkhxngklxngethakbkhwamyawofkskhxngelnswtthuaelaelnsikltarwmkn klxngothrthrrsnaebbhkehaesngihphaphkhmchdthisudaelaswangthisudinbrrdaklxngothrthrrsnphaphdawthibnthukdwyklxngothrthrrsnaebbhkehaesngcamilksnaepncudklmthismbunaelakhmchdmaknxkcakniklxngothrthrrsnaebbhkehaesngmielnsthngbriewnhnaklxngekhaipidnxy karduaelrksathaidngay aelakarthielnsyudxyukbtwthxkhxngklxngxyangmnkhngthaihklxngothrthrrsnaebbhkehaesngimmikarwangtwkhxngrabbelns Optical Alignment sungepnpyhasakhyinklxngothrthrrsnpraephthxunkhxcakdkhxngklxngothrthrrsnaebbhkehaesng aekikhprakaraerk elnsnunthiinekidcakkarthiaesngkhwamyawkhluntangkn sitangkn cahkehphanelnsepnmumimethaknaelaofksthicudtangkn imrwmepncudediyw phaphthisngektphanklxngcungmisirungxyuthwipaelaimchdecnnk phaphpyhakhwamkhladrngkhkhxngelnsnunkhxngklxngothrthrrsnhkehaesng belnswtthuephuxprbprungcudofkskhxngaesngsitangihxyuthicudediywkn odyrabbelnsihmnieriynkwa elnsxrngkh Achromatic Lens aeplwa immisiephraapyhasirunginphaphcaldnxylngcnaethbsngektimehn withikarichelnsxrngkhsrangklxngepnwithithikhxnkhangihm aetinsmypi kh s 1669 epk thaihpyhakhwamkhladsipraktihehnnxylng sungkepnwithihnungthichwyid aettwklxngcamikhwamyawhlaysibemtrthaihsngektidimkhlxngtwnk thakhidwadikthatxipna phaphkarichchelnsxrngkhaekpyhakhwamkhladrngkhkhxngelnsnunkhxngklxngothrthrrsnhkehaesng khwamkhladrngkhaelaelnsxrngkh khwamkhladrngkh ekidcakthrrmchatikhxngaesngthihkehphanelns sungaesngaetlakhwamyawkhluncarwmknthicudofkstangkn pyhakhwamkhladrngkhsamarthaekikhidodytinelnsewaxikchinhnungekhakbelnsnun sungcachwyihaesngtangchwngkhlun tangsi marwmknthicudediywkn elnskhunimichuxwa elnsxrngkh hrux Achromatic Lens khxcakdxikprakarhnungkhxngklxngothrthrrsnaebbhkehaesng khux aesngaetlakhwamyawkhluncathukdudklunipodyelnsimethakn aelaaesngbangchwngkhlun echn rngsixtraiwoxeltimsamarthphanelnsaekwidely hruxthukdudklunipthnghmd nkdarasastrcungimbbhkehaesngsngektwtthuthxngfainchwngkhlunxltraiwoxeltid khxcakdprakarsudthay khux klxngothrthrrsnaebbhkehaesngmirakhaaephngmak emuxethiybkbklxngothrthrrsnaebbsathxnaesngthimikhnadethakn thngnienuxngmacakkhntxnthikhxnkhangsbsxnkhxngkarkhdelnssahrbsrangklxng karkhdelnssahrbklxngothrthrrsnaebbhkehaesngcaepntxngkhdphiwaekwthngsxngdan inkhnathikarkhdkracksahrbklxngothrthrrsnaebbsathxnaesngcakhdephiyngdanediywethaknxikthingaekwthieluxkichepnwsducatxngepnaekwkhunphaphsungthiprascaktahniid klxngothrthrrsnaebbhkehaesngswnihyinthxngtladcungmikhnadimekin180niwklxngothrthrrsnaebbhkehaesngthiihythisudinolktngxyuthihxdudawe Yerkes Observatory praethsshrthxemrika odymikhnadhnaklxng3 69 emtr 90niw aelamikhwamyawklxng 700 2 emtrxangxing aekikhwiphu ruocpkar exkphphephuxkhwamekhaicinthrrmchatikhxngckrwal krungethph sankphimph bristhnanmibukhsphbliekhchns cakd 2546ekhathungcak https th wikipedia org w index php title klxngothrthrrsnhkehaesng amp oldid 8844062, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม