ประเทศกินี
พิกัดภูมิศาสตร์: 11°N 10°W / 11°N 10°W
กินี (อังกฤษ: Guinea; ฝรั่งเศส: Guinée) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐกินี (อังกฤษ: Republic of Guinea; ฝรั่งเศส: République de Guinée) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา มีพรมแดนด้านทิศเหนือจรดกินีบิสเซา และเซเนกัล พรมแดนด้านทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือจรดประเทศมาลี ตะวันออกเฉียงใต้จรดโกตดิวัวร์ ทิศใต้จรดไลบีเรีย และตะวันตกจรดเซียร์ราลีโอน เป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำไนเจอร์ แม่น้ำเซเนกัล และแม่น้ำแกมเบีย ชื่อกินี (ในทางภูมิศาสตร์แล้วเป็นชื่อที่ใช้เรียกดินแดนในเขตชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา ตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา และตอนเหนือของอ่าวกินี) มีต้นกำเนิดจากภาษาเบอร์เบอร์สามารถแปลได้ว่า "ดินแดนของคนผิวดำ"
สาธารณรัฐกินี République de Guinée (ฝรั่งเศส) | |
---|---|
เพลงชาติ: Liberté | |
เมืองหลวง และ ใหญ่สุด | โคนาครี |
ภาษาราชการ | ภาษาฝรั่งเศส |
การปกครอง | สาธารณรัฐ |
• ประธานาธิบดี | อาลฟา กงเด |
• นายกรัฐมนตรี | Ibrahima Kassory Fofana |
พื้นที่ | |
• รวม | 245,857 ตารางกิโลเมตร (94,926 ตารางไมล์) (77) |
ประชากร | |
• ประมาณ | 7,466,200 คน (83) |
30.4 ต่อตารางกิโลเมตร (78.7 ต่อตารางไมล์) (164) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2560 (ประมาณ) |
• รวม | $ 26.451 พันล้าน |
• ต่อหัว | $ 2,039 |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2560 (ประมาณ) |
• รวม | $ 9.183 พันล้าน |
• ต่อหัว | $ 707 |
จีนี (2012) | 33.7 ปานกลาง |
HDI (2019) | 0.477 ต่ำ · 178th |
สกุลเงิน | ฟรังก์กินี ((FG)) |
รหัสโทรศัพท์ | 224 |
ประวัติศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การเมือง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รัฐประหาร
เกิดการรัฐประหารในประเทศ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีล็องซานา กงเต ถึงแก่อสัญกรรม
เหตุการณ์สำคัญ
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552 เหตุการณ์นองเลือดในกินี หลังทหารสลายชุมนุมต้านประธานาธิบดีที่มาจากรัฐประหาร
ภูมิศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจและสังคม กินีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุ โดยเฉพาะบอกไซต์ ซึ่งมีปริมาณเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเป็นผู้ผลิตแร่บอกไซต์รายใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก นอกจากนี้ยังมีทองคำและเพชรและแร่ธาตุอื่น ๆ นับแต่ปี 2547 ความต้องการแร่ธาตุและราคาซื้อขายในตลาดโลกได้ส่งผลให้กินีมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และภาคเหมืองแร่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นร้อยละ 70 ของมูลค่าการส่งออก
ภาคเกษตรกรรมยังคงเป็นหัวใจหลักของกินี โดยประชากรกว่าร้อยละ 70 ของประเทศอยู่ในภาคเกษตรกรรม สินค้าเกษตรที่สำคัญได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าว และข้าวโพด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลิตผลทางด้านเกษตรกรรมยังคงมีมูลค่าเพียงร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และคิดเป็นร้อยละ 10 ของมูลค่าการส่งออก
แม้ว่าประเทศกินีจะมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศกินียังคงประสบปัญหาการพัฒนาทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากความไม่มั่นคงทางการเมือง การคอร์รัปชันที่มีอยู่สูง ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน การขาดแรงงานมีฝีมือ ประกอบกับสถานการณ์การสู้รบในกินี - บิสเซา เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ซึ่งส่งผลให้มีการอพยพจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในกินี ทั้งนี้ กินียังถูกจัดไว้เป็นลำดับที่ 9 ในตารางประเทศล้มเหลว (failed states)
อย่างไรก็ตาม กีนีเริ่มพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) เพื่อ รื้อฟื้นโครงการพัฒนาและความช่วยเหลือเพื่อการปลดหนี้ที่เคยถูกยกเลิกไป ตั้งแต่ปี 2546
สหประชาชาติจัดให้กินีอยู่ในอันดับที่ 160 จาก 177 ประเทศ ที่มีดัชนีการพัฒนาคน (Human development index - HDI) ต่ำที่สุด ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นมาตรฐานสุขภาพที่ย่ำแย่ของชาวกินีและสาธารณูปโภค ที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในกลุ่มแรงงานเหมืองแร่
ภายหลังการยึดอำนาจ ร้อยเอก Camara ได้ประกาศระงับการผลิต และส่งออกทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะบ๊อกไซด์ ทองและเพชร ซึ่งจะได้มีการเจรจากับบริษัทที่รับสัมปทานเพื่อให้กินีได้รับผลประโยชน์ตอบ แทนมากที่สุด
นโยบายต่างประเทศ ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี Conte กินีเอนเอียงเข้าหาตะวันตก โดยเฉพาะฝรั่งเศสและ EU ซึ่งปัจจุบันมีความสำคัญต่อกินีทั้งในด้านการค้าและการให้ความช่วยเหลือ ความสัมพันธ์ระหว่างกินีและประเทศเพื่อนบ้านไม่ค่อยราบรื่น เนื่องจากรัฐบาลกินีมักเข้าแทรกแซงกิจการภายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างไลบีเรียและเซียร์ราลีโอนได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องมาจากการคลี่คลายของปัญหาทางการเมืองของทั้งสองประเทศ
กินีและแอฟริกาใต้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น หลังจากการเยือนกินีของประธานาธิบดี Thabo Mbeki ในเดือนกรกฎาคม 2548 โดยแอฟริกาใต้ได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงโคนักรีของกินี รวมทั้ง บริษัทเพชร De Beers ได้เข้าไปดำเนินกิจการในกินีอีกครั้ง
กินีประสบปัญหาการอพยพเข้ามาของประเทศเพื่อนบ้าน นับแต่ปี 2543 มีจำนวนผู้อพยพจากเซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย กินี - บิสเซา เข้ามาในกินีประมาณ 750,000 คน โดยกินีได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้ามาแก้ปัญหานี้ ในปัจจุบัน กินียังมีผู้อพยพอยู่ประมาณ 39,000 คน
ประชาคมระหว่างประเทศได้ออกมาประณามการยึดอำนาจของร้อยเอก Camara และเรียกร้องให้มีการคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี Abdoulaye Wade แห่งเซเนกัลได้แถลงที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 ว่าทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุนร้อยเอก Camara โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านไม่ควรแทรกแซงกิจการภายในของกินี แต่ควรให้เวลากินีผลัดเปลี่ยนอำนาจอย่างสันติ ซึ่งคำแถลงดังกล่าวเป็นที่ประหลาดใจของหลายฝ่าย เนื่องจากสวนทางกับการประณามการยึดอำนาจโดยสหภาพยุโรป สหรัฐ ฯ รวมทั้งสหภาพแอฟริกา ซึ่งได้ประกาศยุติสมาชิกภาพของกินีในสหภาพ แอฟริกาเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ รัฐบาลของร้อยเอก Camara ยังได้รับการสนับสนุนจากนาย Muammar AL Gaddafi ประธานาธิบดีลิเบียซึ่งได้เดินทางเยือนกินีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2552 อีกด้วย
ประชากร
วัฒนธรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แหล่งข้อมูลอื่น
คุณสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับ ประเทศกินี ได้โดยค้นหาจาก โครงการพี่น้องของวิกิพีเดีย : | |
---|---|
หาความหมาย จากวิกิพจนานุกรม | |
หนังสือ จากวิกิตำรา | |
คำคม จากวิกิคำคม | |
ข้อมูลต้นฉบับ จากวิกิซอร์ซ | |
ภาพและสื่อ จากคอมมอนส์ | |
เนื้อหาข่าว จากวิกิข่าว | |
แหล่งเรียนรู้ จากวิกิวิทยาลัย |
- ข้อมูลประเทศกินีจากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ
- Country Profile from BBC News
- Guinea from UCB Libraries GovPubs
- ประเทศกินี ที่เว็บไซต์ Curlie
- ประเทศกินี ข้อมูลการท่องเที่ยวจาก วิกิท่องเที่ยว
- "GINI index (World Bank estimate)". World Bank. จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 January 2019. สืบค้นเมื่อ 10 January 2019.
- Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.