fbpx
วิกิพีเดีย

ตำบลยม


ตำบลยม เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของตัวอำเภอ

ตำบลยม
คำขวัญ: 
สร้างท้องถิ่นให้ก้าวหน้า พัฒนาคนให้ก้าวไกล
ความสุขของประชาชนยิ่งใหญ่ คือหัวใจของ ... อบต. ยม
อักษรไทยตำบลยม
อักษรโรมันTambon Yom
จังหวัดน่าน
อำเภอท่าวังผา
พื้นที่
 • ทั้งหมด32.48 ตร.กม. (12.54 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2561)
 • ทั้งหมด4,592 คน คน
 • ความหนาแน่น147 คน/ตร.กม. (380 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 55140
รหัสภูมิศาสตร์550604
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

ประวัติการก่อตั้งเมือง

ตำบลยมก็คือเมืองยม ในสมัยพญาภูคาคือพื้นที่เมืองย่างหรือเมืองล่าง (เมืองย่างมีพื้นที่ครอบคลุมตำบลศิลาเพชร ตำบลยม ตำบลจอมพระ ตำบลอวน ในปัจจุบัน) บริเวณชุมชนโบราณเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำย่างและลำน้ำบั่ว

ตามประวัติการก่อตั้งกล่าวว่าเมื่อปี พ.ศ. 1820 พญาภูคาพร้อมด้วยราชเทวีคือนางจำปาหรือนางแก้วฟ้าและราษฎรประมาณ 220 คน ได้เดินทางมาจากเมืองเงินยาง มาพักอยู่ที่บริเวณบ้านเฮี้ย (ตำบลศิลาแลง) จากนั้นได้ออกสำรวจหาพื้นที่สำหรับตั้งเมือง และได้พบเมืองร้างบริเวณลุ่มแม่น้ำย่าง ซึ่งมีเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ ชื่อว่าบ้านกำปุงหรือบ่อตอง (ปัจจุบันคือบ้านป่าตอง) ราษฎรเป็นชาวลัวะ บริเวณชุมชนมีวัดร้างอยู่วัดหนึ่งชื่อ "วัดมณี" อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของบ้านกำปุง

พญาภูคาเห็นว่าบริเวณที่ได้สำรวจนี้เหมาะสมที่จะตั้งเมือง จึงได้พาราษฎรอพยพจากบ้านเฮี้ยมาสร้างบ้านเรือนอยู่ติดกับบ้านกำปุงทางทิศเหนือ และเนื่องด้วยพญาภูคาเป็นผู้มีความเมตตาโอบอ้อมอารี ราษฎรจึงได้ยกย่องขึ้นเป็นเจ้าเมืองล่าง เมื่อเดือน 3 เหนือ ขึ้น 2 ค่ำ พ.ศ. 1840 นับว่าท่านได้เป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ภูคา

เมื่อชาวเมืองเชียงแสนและเมืองใกล้เคียงได้ทราบข่าวว่าพญาภูคาได้ตั้งและได้ปกครองเมืองล่าง ก็พากันอพยพถิ่นฐานมาอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ตลอดจนชาวไทยลื้อสิบสองปันนาก็ได้อพยพมาอยู่เพิ่มขึ้นอีก จึงทำให้เกิดการตั้งชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณลุ่มน้ำย่างและน้ำบั่ว ครอบคลุมบริเวณตำบลศิลาเพชร ตำบลยม ตำบลจอมพระ ตำบลอวนในปัจจุบัน

พญาภูคามีราชบุตรกับนางจำปา 2 องค์ องค์โตชื่อ ขุนนุ่น องค์เล็กชื่อ ขุนฟอง เมื่อขุนนุ่นอายุได้ประมาณ 18 ปี พญาภูคาจึงให้ขุนนุ่นพาราษฎรจำนวนหนึ่งไปหาที่ตั้งเมืองใหม่ ขุนนุ่นจึงไปหาพญาเถรแตงที่ดอยติ้ว ดอยวาว (เขตติดต่อระหว่างอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กับอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยาปัจจุบัน)

พญาเถรแตงจึงได้พาขุนนุ่นข้ามแม่น้ำโขงไปทางฝั่งตะวันออกไปสร้างเมืองหลวงพระบางและปกครองอยู่ที่นั่น ส่วนขุนฟองผู้น้องให้ไปสร้างเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อว่า "วรนคร" อยู่ทางทิศเหนือของเมืองล่าง (ปัจจุบันคือตำบลวรนคร) ขุนฟองท่านมีราชบุตร 1 องค์ชื่อ เจ้าเก้าเกื่อน พญาภูคาปกครองเมืองล่างได้ 40 ปี ก็ถึงอนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 1890

เจ้าเก้าเกื่อนซึ่งมีศักด์เป็นหลานได้ปกครองเมืองล่างสืบแทน ในสมัยนั้นพญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา ได้ยกทัพมาตีเมืองวรนคร เจ้าเก้าเกื่อนได้ช่วยพ่อคือขุนฟองปราบข้าศึกจนพ่ายแพ้ไป ในครั้งนั้นได้รับสนับสนุนกองกำลังจากกรุงสุโขทัย ก่อนที่จะชิงเมืองคืนนั้นได้จัดทำสนามไว้สำหรับชุมชนช้างม้าที่เป็นพาหนะออกทำศึกในที่ดอนแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านดอนไชย) มีการสร้างคูเมืองและป้อมปราการเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกมากมาย บริเวณข้างพระธาตุจอมพริกและบนสันดอยม่อนหลวง (บ้านลอมกลางปัจจุบัน)

เมื่อได้รับชัยชนะต่อพญางำเมืองแล้ว เจ้าเก้าเกื่อนปกครองเมืองล่างอยู่นั้น ท่านได้พาราษฎรสร้างเจดีย์ขึ้นที่ม่อนพักหรือม่อนป่าสัก (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านดอนมูล) และได้สร้างองค์พระธาตุจอมพริกบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมอบจากกรุงสุโขทัยคราวไปขอกำลังเพื่อชิงเมืองจากพญางำเมือง เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่รบชนะพญางำเมือง และเจ้าเก้าเกื่อนได้นำต้นโพธิ์ที่ได้รับมาจากสุโขทัย มาปลูกไว้ใกล้กับบ้านบ่อตองทางทิศตะวันตก พร้อมทั้งสร้างเจดีย์องค์เล็ก ๆ 1 องค์ใกล้กับต้นโพธิ์ นำเอาเพชรนิลจินดาแก้วแหวนเงินทองของมีค่าต่าง ๆ บรรจุไว้ในเจดีย์ ปัจจุบันไม่ปรากฏเจดีย์ให้เห็น เนื่องจากต้นโพธิ์โตขึ้นครอบเจดีย์องค์เล็กจมหายลงไปในดินนานนับหลายร้อยปีแล้ว คงเหลือแต่ต้นโพธิ์ใหญ่ที่สุดในตำบลศิลาเพชร

พ.ศ. 1921 ต่อจากนั้นเมืองล่างจึงไปขึ้นกับเมืองวรนคร อยู่ในความปกครองของพญาผานองซึ่งเป็นราชวงค์ภูคาด้วยกัน พญาผานองได้เปลี่ยนชื่อเมืองล่าง เป็น "เมืองย่าง" โดยเรียกตามลำน้ำย่างที่ไหลผ่าน แล้วได้แต่งตั้งเจ้าผาฮ่องขึ้นปกครองเมืองย่างซึ่งปกครองได้ไม่นานก็สุรคต

ต่อมาพญากานเมือง กษัตริย์วรนครองค์ที่ 5 แห่งราชวงค์ภูคาได้ย้ายเมืองวรนครไปตั้งที่เมืองภูเพียงแช่แห้ง เมื่อ พ.ศ. 1902 ราษฎรเมืองย่างบางส่วนได้อพยพตามพญากานเมืองไปอยู่ที่ภูเพียงแช่แห้งด้วย เมืองย่างจึงอยู่ในความปกครองของกษัตริย์เมืองน่าน

ปี พ.ศ. 2246 สมัยพระเมืองราชาได้มีการฟื้นม่าน (ต่อต้านพม่า) แต่สุดท้ายพ่ายแพ้แก่กองทัพพม่า เมืองน่านทั้งเมืองถูกเผา และเมืองย่างก็เช่นกัน ถูกพม่าทำลายจนย่อยยับ ราษฏรถูกพม่าจับกุมและนำไปคุมขังไว้ที่ห้วยต้อและห้วยมัดเป็นจำนวนมาก (ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ตำบลอวน) ในครั้งนั้นเจ้าเมืองเล็นถูกพม่ายกทัพมาตีเมือง เจ้าเมืองเล็นทราบข่าวจึงพาชาวเมืองหลบหนีมาอยู่ที่เมืองล่างที่บ้านหัวทุ่ง ปัจจุบันคือบ้านนาคำ ตำบลศิลาเพชร และเจ้าเมืองเล็นได้เป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองล่างนับแต่นั้นมา

ในสมัยนั้นเมืองย่างมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีการสร้างวัดวาอาราม และศาสนสถานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อีกทั้งสร้างเหมืองฝายต่าง ๆ บริเวณน้ำบั่ว เมื่อเจ้าเมืองเล็นได้ถึงแก่กรรม เจ้าเมืองน่านแต่งตั้งแสนปั๋นขึ้นปกครองเมืองย่าง สมัยนั้นเมืองน่านสงบสุข แสนปั๋นกับชาวเมืองได้สร้างเหมืองฝาย สร้างนาเหล่าหม่อนเปรต (หม่อนเผด บ้านดอนมูล) บูรณะองค์พระธาตุจอมพริก บริเวณบนดอยสันจ้าง บนวัดทุ่งฆ้อง (ปัจจุบันพระธาตุจอมพริกอยู่ในเขตบ้านเสี้ยว)

ครั้นถึงสมัยที่มีการฟื้นม่านเมื่อราวปี พ.ศ. 2330 เกิดนโยบายเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมืองของเจ้ากาวิละ กองทัพเจ้าเจ็ดตน กองทัพเมืองน่านโดยเจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองแพร่ เจ้าเมืองลำปาง สยาม และหลวงพระบาง เจ้าจอมหงแห่งเชียงตุง ได้นำกองทัพขึ้นไปโจมตีหัวเมืองไทลื้อแถบสิบสองปันนา ทำให้หัวเมืองลื้อทั้งหมดพ่ายแพ้แก่กองทัพล้านนาและสยาม จึงเป็นเหตุให้มีการอพยพชาวไทลื้อ เมืองยอง เมืองยู้ เมืองเชียงลาบ จำนวนมากมาอยู่ในจังหวัดน่าน

ปี พ.ศ. 2345 แสนปั๋น เจ้าเมืองย่างถึงแก่กรรม เมืองย่างเกิดน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ โดยครั้งนั้นพญาอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่านได้มาตรวจสภาพพื้นที่เมืองย่าง เห็นว่ามีพื้นดินอุดมสมบูรณ์ดี มีพื้นที่ราบกว้างขวาง ประกอบกับในบริเวณเมืองย่างนั้นมีชาวไทลื้อที่เจ้าเมืองเล็นอพยพผู้คนมาตั้งบ้านเรือนบางส่วน อีกทั้งมีชาวไทลื้อที่อพยพมาในสมัยพญาภูคามาตั้งบ้านเรือนอยู่แล้วนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการปกครอง จึงพิจารณาเห็นสมควรโปรดให้ชาวไทลื้อที่ได้อพยพมาจากเมืองยอง เมืองยู้ เมืองเชียงลาบ ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งริมสองฟากฝั่งแม่น้ำย่าง โดยโปรดให้นำช่างปั้นหม้อชาวไทลื้อให้ตั้งบ้านเรือนที่บ้านดอนไชย (ปัจจุบันขึ้นกับตำบลศิลาเพชร) เมืองเชียงลาบให้ตั้งบ้านเรือนที่บริเวณลุ่มน้ำย่างใกล้พระธาตุจอมพริก ลื้อเมืองยองให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้พระธาตุจอมนาง และลื้อเมืองยู้ให้ตั้งบ้านเรือนที่ท้ายแม่น้ำย่าง

ในครั้งนั้นเจ้าอัตถวรปัญโญได้แต่งตั้งให้แสนจิณปกครองเมืองย่างสืบต่อจากแสนปั๋น

แต่ภายหลังเมื่อมีการจัดระเบียบหัวเมืองการปกครองนครน่านใหม่ในสมัยของพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ จึงแยกเมืองยมออกจากเมืองย่าง โดยให้ท้าวเมืองยมเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองยม และจัดระเบียบเมืองยมขึ้นอยู่กับแขวงน้ำปัว ซึ่งประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ ได้แก่ เมืองปัว เมืองริม เมืองอวน เมืองยม เมืองย่าง (ภายหลังเมืองย่างเปลี่ยนชื่อเป็นตำบลศิลาเพชร) เมืองแงง เมืองบ่อ ให้มีที่ว่าการแขวงตั้งที่เมืองปัว

พ.ศ. 2486 ทางการได้มีประกาศยุบเลิกตำบลศิลาเพชรให้ไปขึ้นอยู่กับการปกครองของตำบลยม อำเภอปัวในขณะนั้น ซึ่งมีนายอิทธิ อิ่นอ้าย เป็นกำนัน และให้ตำบลศิลาเพชร เป็นตำบลยม 2 อำเภอปัว

พ.ศ. 2490 จึงมีประกาศจากทางราชการให้กลับมาเป็นตำบลศิลาเพชรเหมือนเดิม

ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 ทางราชการประกาศจัดตั้งกิ่งอำเภอท่าวังผา โดยแยกตำบลยม อำเภอปัว ให้มาขึ้นกับกิ่งอำเภอท่าวังผา

ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ได้ประกาศแยกตำบลยมออกเป็นอีกหนึ่งตำบล คือ ตำบลจอมพระ

ปัจจุบันตำบลยมแบ่งการปกครองออกเป็น 10 หมู่บ้าน ดังนี้

  1. หมู่ที่ 1 บ้านเก๋ง
  2. หมู่ที่ 2 บ้านสบบั่ว
  3. หมู่ที่ 3 บ้านลอมกลาง
  4. หมู่ที่ 4 บ้านเชียงยืน
  5. หมู่ที่ 5 บ้านทุ่งฆ้อง
  6. หมู่ที่ 6 บ้านเสี้ยว
  7. หมู่ที่ 7 บ้านหนอง
  8. หมู่ที่ 8 บ้านพร้าว
  9. หมู่ที่ 9 บ้านน้ำไคร้
  10. หมู่ที่ 10 บ้านนานิคม

สภาพทั่วไป

สภาพภูมิศาสตร์มีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มระหว่างหุบเขา แม่น้ำย่าง และลำน้ำบั่ว ลำน้ำหมู ลำน้าฮาว ลำน้ำไคร้ และภูเขาสูง คือดอยภูคา มีการประกอบอาชีพด้านการเกษตรเป็นส่วนใหญ่

อาณาเขต

  • ทิศเหนือ ติดกับตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน
  • ทิศใต้ ติดกับตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน
  • ทิศตะวันออก ติดกับตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่าน
  • ทิศตะวันตก ติดกับตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา และ ตำบลตาลชุม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

ประชากร

จำนวนประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล 4,549 คน และจำนวนหลังคาเรือน 1,532 หลังคาเรือน

หมู่ที่ ชื่อหมู่บ้าน ประชากรชาย ประชากรหญิง ประชากรทั้งหมด จำนวนครัวเรือน
หมู่ 1 บ้านก๋ง 506 532 1,038 352
หมู่ 2 บ้านสบบั่ว 231 239 470 149
หมู่ 3 บ้านลอมกลาง 189 191 380 122
หมู่ 4 บ้านเชียงยืน 192 193 385 131
หมู่ 5 บ้านทุ่งฆ้อง 228 219 447 143
หมู่ 6 บ้านเสี้ยว 169 150 319 109
หมู่ 7 บ้านหนอง 174 194 378 125
หมู่ 8 บ้านพร้าว 312 325 637 224
หมู่ 9 บ้านน้ำใคร้ 191 160 351 110
หมู่ 10 บ้านนานิคม 72 82 154 53

กลุ่มชาติพันธุ์

ประชากรในตำบลยม แบ่งได้เป็น 2 ชาติพันธุ์ คือ
1. ชาวยวนเชียงแสน ประกอบด้วย

  • บ้านก๋ง
  • บ้านสบบั่ว
  • บ้านพร้าว
  • บ้านน้ำใคร้
  • บ้านนานิคม


2. ชาวไทลื้อ ประกอบด้วย

อาชีพ

อาชีพหลัก ทำนา ทำสวน/ ทำไร่

สถานที่สำคัญ

  • สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลยม
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยม บ้านก๋ง
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยม บ้านพร้าว
  • พระธาตุลอมตั้ง (สะดือเมือง) บ้านพร้าว
  • เสาหลักเมืองยม บ้านพร้าว
  • พระธาตุจอมพริก บ้านเสี้ยว
  • อ่างเก็บน้ำชลสิงห์ บ้านเสี้ยว
  • น้ำตกน้ำไคร้ บ้านน้ำไคร้
  • คือเมืองย่าง บ้านเสี้ยว
  • คือเมืองย่าง บ้านลอมกลาง
  • อ่างเก็บน้ำห้วยเมี่ยง บ้านลอมกลาง

ศาสนสถาน

ศาสนสถาน ที่สำคัญในตำบลยม ประกอบด้วยวัด 9 แห่ง และโบสถ์คริสตจักร 1 แห่ง
หมู่ 1 บ้านก๋ง : วัดศรีมงคล
หมู่ 2 บ้านสบบั่ว : วัดโพธิ์ไทร
หมู่ 3 บ้านลอมกลาง : วัดลอมกลาง
หมู่ 4 บ้านเชียงยืน : วัดเชียงยืน
หมู่ 5 บ้านทุ่งฆ้อง : วัดทุ่งฆ้อง
หมู่ 6 บ้านเสี้ยว : วัดพระธาตุจอมพริก
หมู่ 7 บ้านหนอง : วัดหนองช้างแดง
หมู่ 8 บ้านพร้าว : วัดสันติการาม
หมู่ 9 บ้านน้ำใคร้ : วัดน้ำใคร้
หมู่ 10 บ้านนานิคม : โบสถ์คริสตจักรพันธสัญญา

สถานศึกษา

สถานศึกษาในตำบลยม
มัธยมศึกษา

  • โรงเรียนเมืองยมวิทยาคาร
    โรงเรียนมัธยมประจำตำบลยม

ประถมศึกษา

  • โรงเรียนบ้านก๋งมงคลประชารังสรรค์ : บ้านก๋ง
  • โรงเรียนไตรราษฎร์วิทยา : บ้านทุ่งฆ้อง
  • โรงเรียนบ้านเสี้ยว : บ้านเสี้ยว
  • โรงเรียนบ้านพร้าว : บ้านพร้าว

อ้างอิง

  1. [1]
  2. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
  3. http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/views/showVillageData.php?rcode=55060604&statType=1&year=63

ตำบลยม, เป, นตำบลหน, งในอำเภอท, าว, งผา, งหว, ดน, าน, งอย, ทางท, ศตะว, นออกส, ดของต, วอำเภอตำบลคำขว, สร, างท, องถ, นให, าวหน, ฒนาคนให, าวไกลความส, ขของประชาชนย, งใหญ, อห, วใจของ, อบต, ยมอ, กษรไทยอ, กษรโรม, นtambon, yomจ, งหว, ดน, านอำเภอท, าว, งผาพ, นท, งหมด32. tablym epntablhnunginxaephxthawngpha cnghwdnan tngxyuthangthistawnxxksudkhxngtwxaephxtablymtablkhakhwy srangthxngthinihkawhna phthnakhnihkawiklkhwamsukhkhxngprachachnyingihy khuxhwickhxng xbt ymxksrithytablymxksrormnTambon Yomcnghwdnanxaephxthawngphaphunthi thnghmd32 48 tr km 12 54 tr iml prachakr 2561 thnghmd4 592 khn 1 khn khwamhnaaenn147 khn tr km 380 khn tr iml rhsiprsniy 55140rhsphumisastr550604swnhnungkhxngsaranukrmpraethsithy enuxha 1 prawtikarkxtngemuxng 2 sphaphthwip 3 xanaekht 4 prachakr 4 1 klumchatiphnthu 4 2 xachiph 5 sthanthisakhy 6 sasnsthan 7 sthansuksa 8 xangxingprawtikarkxtngemuxng aekikhtablymkkhuxemuxngym insmyphyaphukhakhuxphunthiemuxngyanghruxemuxnglang emuxngyangmiphunthikhrxbkhlumtablsilaephchr tablym tablcxmphra tablxwn inpccubn briewnchumchnobranepnthirablumaemnayangaelalanabwtamprawtikarkxtngklawwaemuxpi ph s 1820 phyaphukhaphrxmdwyrachethwikhuxnangcapahruxnangaekwfaaelarasdrpraman 220 khn idedinthangmacakemuxngenginyang maphkxyuthibriewnbanehiy tablsilaaelng caknnidxxksarwchaphunthisahrbtngemuxng aelaidphbemuxngrangbriewnlumaemnayang sungmiephiynghmubanelk xyu chuxwabankapunghruxbxtxng pccubnkhuxbanpatxng rasdrepnchawlwa briewnchumchnmiwdrangxyuwdhnungchux wdmni xyuthangdanthistawnxxkkhxngbankapungphyaphukhaehnwabriewnthiidsarwcniehmaasmthicatngemuxng cungidpharasdrxphyphcakbanehiymasrangbaneruxnxyutidkbbankapungthangthisehnux aelaenuxngdwyphyaphukhaepnphumikhwamemttaoxbxxmxari rasdrcungidykyxngkhunepnecaemuxnglang emuxeduxn 3 ehnux khun 2 kha ph s 1840 nbwathanidepntnkaenidkhxngrachwngsphukhaemuxchawemuxngechiyngaesnaelaemuxngiklekhiyngidthrabkhawwaphyaphukhaidtngaelaidpkkhrxngemuxnglang kphaknxphyphthinthanmaxyudwyepncanwnmak tlxdcnchawithyluxsibsxngpnnakidxphyphmaxyuephimkhunxik cungthaihekidkartngchumchnkhnadihykhunbriewnlumnayangaelanabw khrxbkhlumbriewntablsilaephchr tablym tablcxmphra tablxwninpccubnphyaphukhamirachbutrkbnangcapa 2 xngkh xngkhotchux khunnun xngkhelkchux khunfxng emuxkhunnunxayuidpraman 18 pi phyaphukhacungihkhunnunpharasdrcanwnhnungiphathitngemuxngihm khunnuncungiphaphyaethraetngthidxytiw dxywaw ekhttidtxrahwangxaephxthawngpha cnghwdnan kbxaephxechiyngkha cnghwdphaeyapccubn phyaethraetngcungidphakhunnunkhamaemnaokhngipthangfngtawnxxkipsrangemuxnghlwngphrabangaelapkkhrxngxyuthinn swnkhunfxngphunxngihipsrangemuxngxikemuxnghnungchuxwa wrnkhr xyuthangthisehnuxkhxngemuxnglang pccubnkhuxtablwrnkhr khunfxngthanmirachbutr 1 xngkhchux ecaekaekuxn phyaphukhapkkhrxngemuxnglangid 40 pi kthungxnickrrmemux ph s 1890ecaekaekuxnsungmiskdepnhlanidpkkhrxngemuxnglangsubaethn insmynnphyangaemuxng ecaemuxngphaeya idykthphmatiemuxngwrnkhr ecaekaekuxnidchwyphxkhuxkhunfxngprabkhasukcnphayaephip inkhrngnnidrbsnbsnunkxngkalngcakkrungsuokhthy kxnthicachingemuxngkhunnnidcdthasnamiwsahrbchumchnchangmathiepnphahnaxxkthasukinthidxnaehnghnung pccubnxyuinekhtbandxnichy mikarsrangkhuemuxngaelapxmprakaremuxngephuxpxngknkhasukmakmay briewnkhangphrathatucxmphrikaelabnsndxymxnhlwng banlxmklangpccubn emuxidrbchychnatxphyangaemuxngaelw ecaekaekuxnpkkhrxngemuxnglangxyunn thanidpharasdrsrangecdiykhunthimxnphkhruxmxnpask pccubnxyuinekhtbandxnmul aelaidsrangxngkhphrathatucxmphrikbrrcuphrabrmsaririkthatuthiidrbmxbcakkrungsuokhthykhrawipkhxkalngephuxchingemuxngcakphyangaemuxng ephuxepnxnusrnthirbchnaphyangaemuxng aelaecaekaekuxnidnatnophthithiidrbmacaksuokhthy maplukiwiklkbbanbxtxngthangthistawntk phrxmthngsrangecdiyxngkhelk 1 xngkhiklkbtnophthi naexaephchrnilcindaaekwaehwnenginthxngkhxngmikhatang brrcuiwinecdiy pccubnimpraktecdiyihehn enuxngcaktnophthiotkhunkhrxbecdiyxngkhelkcmhaylngipindinnannbhlayrxypiaelw khngehluxaettnophthiihythisudintablsilaephchrph s 1921 txcaknnemuxnglangcungipkhunkbemuxngwrnkhr xyuinkhwampkkhrxngkhxngphyaphanxngsungepnrachwngkhphukhadwykn phyaphanxngidepliynchuxemuxnglang epn emuxngyang odyeriyktamlanayangthiihlphan aelwidaetngtngecaphahxngkhunpkkhrxngemuxngyangsungpkkhrxngidimnanksurkhttxmaphyakanemuxng kstriywrnkhrxngkhthi 5 aehngrachwngkhphukhaidyayemuxngwrnkhriptngthiemuxngphuephiyngaechaehng emux ph s 1902 rasdremuxngyangbangswnidxphyphtamphyakanemuxngipxyuthiphuephiyngaechaehngdwy emuxngyangcungxyuinkhwampkkhrxngkhxngkstriyemuxngnanpi ph s 2246 smyphraemuxngrachaidmikarfunman txtanphma aetsudthayphayaephaekkxngthphphma emuxngnanthngemuxngthukepha aelaemuxngyangkechnkn thukphmathalaycnyxyyb rastrthukphmacbkumaelanaipkhumkhngiwthihwytxaelahwymdepncanwnmak pccubnxyuinphunthitablxwn inkhrngnnecaemuxngelnthukphmaykthphmatiemuxng ecaemuxngelnthrabkhawcungphachawemuxnghlbhnimaxyuthiemuxnglangthibanhwthung pccubnkhuxbannakha tablsilaephchr aelaecaemuxngelnidepnecaemuxngpkkhrxngemuxnglangnbaetnnmainsmynnemuxngyangmikhwamecriyrungeruxngmak mikarsrangwdwaxaram aelasasnsthantang epncanwnmak xikthngsrangehmuxngfaytang briewnnabw emuxecaemuxngelnidthungaekkrrm ecaemuxngnanaetngtngaesnpnkhunpkkhrxngemuxngyang smynnemuxngnansngbsukh aesnpnkbchawemuxngidsrangehmuxngfay srangnaehlahmxneprt hmxnephd bandxnmul burnaxngkhphrathatucxmphrik briewnbndxysncang bnwdthungkhxng pccubnphrathatucxmphrikxyuinekhtbanesiyw khrnthungsmythimikarfunmanemuxrawpi ph s 2330 ekidnoybayekbphkissaekbkhaisemuxngkhxngecakawila kxngthphecaecdtn kxngthphemuxngnanodyecaxtthwrpyoy ecaemuxngaephr ecaemuxnglapang syam aelahlwngphrabang ecacxmhngaehngechiyngtung idnakxngthphkhunipocmtihwemuxngithluxaethbsibsxngpnna thaihhwemuxngluxthnghmdphayaephaekkxngthphlannaaelasyam cungepnehtuihmikarxphyphchawithlux emuxngyxng emuxngyu emuxngechiynglab canwnmakmaxyuincnghwdnanpi ph s 2345 aesnpn ecaemuxngyangthungaekkrrm emuxngyangekidnathwmkhrngyingihy odykhrngnnphyaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnanidmatrwcsphaphphunthiemuxngyang ehnwamiphundinxudmsmburndi miphunthirabkwangkhwang prakxbkbinbriewnemuxngyangnnmichawithluxthiecaemuxngelnxphyphphukhnmatngbaneruxnbangswn xikthngmichawithluxthixphyphmainsmyphyaphukhamatngbaneruxnxyuaelwnn ephuximihekidpyhainkarpkkhrxng cungphicarnaehnsmkhwroprdihchawithluxthiidxphyphmacakemuxngyxng emuxngyu emuxngechiynglab tngbaneruxnxyurimfngrimsxngfakfngaemnayang odyoprdihnachangpnhmxchawithluxihtngbaneruxnthibandxnichy pccubnkhunkbtablsilaephchr emuxngechiynglabihtngbaneruxnthibriewnlumnayangiklphrathatucxmphrik luxemuxngyxngihtngbaneruxnxyuiklphrathatucxmnang aelaluxemuxngyuihtngbaneruxnthithayaemnayanginkhrngnnecaxtthwrpyoyidaetngtngihaesncinpkkhrxngemuxngyangsubtxcakaesnpnaetphayhlngemuxmikarcdraebiybhwemuxngkarpkkhrxngnkhrnanihminsmykhxngphraecasuriyphngsphlitedch cungaeykemuxngymxxkcakemuxngyang odyihthawemuxngymepnecaemuxngpkkhrxngemuxngym aelacdraebiybemuxngymkhunxyukbaekhwngnapw sungprakxbdwyhwemuxngtang idaek emuxngpw emuxngrim emuxngxwn emuxngym emuxngyang phayhlngemuxngyangepliynchuxepntablsilaephchr emuxngaengng emuxngbx ihmithiwakaraekhwngtngthiemuxngpwph s 2486 thangkaridmiprakasyubeliktablsilaephchrihipkhunxyukbkarpkkhrxngkhxngtablym xaephxpwinkhnann sungminayxiththi xinxay epnkann aelaihtablsilaephchr epntablym 2 xaephxpwph s 2490 cungmiprakascakthangrachkarihklbmaepntablsilaephchrehmuxnediminwnthi 1 tulakhm ph s 2505 thangrachkarprakascdtngkingxaephxthawngpha odyaeyktablym xaephxpw ihmakhunkbkingxaephxthawngphainwnthi 24 tulakhm ph s 2524 idprakasaeyktablymxxkepnxikhnungtabl khux tablcxmphrapccubntablymaebngkarpkkhrxngxxkepn 10 hmuban dngni hmuthi 1 banekng hmuthi 2 bansbbw hmuthi 3 banlxmklang hmuthi 4 banechiyngyun hmuthi 5 banthungkhxng hmuthi 6 banesiyw hmuthi 7 banhnxng hmuthi 8 banphraw hmuthi 9 bannaikhr hmuthi 10 bannanikhmsphaphthwip aekikhsphaphphumisastrmiphumipraethsepnthirablumrahwanghubekha aemnayang aelalanabw lanahmu lanahaw lanaikhr aelaphuekhasung khuxdxyphukha mikarprakxbxachiphdankarekstrepnswnihyxanaekht aekikhthisehnux tidkbtablpaklang xaephxpw cnghwdnan thisit tidkbtablxwn xaephxpw cnghwdnan thistawnxxk tidkbtablsilaephchr xaephxpw cnghwdnan thistawntk tidkbtablcxmphra xaephxthawngpha aela tabltalchum xaephxthawngpha cnghwdnan 2 prachakr aekikhcanwnprachakrinekhtxngkhkarbriharswntabl 4 549 khn aelacanwnhlngkhaeruxn 1 532 hlngkhaeruxn 3 hmuthi chuxhmuban prachakrchay prachakrhying prachakrthnghmd canwnkhrweruxnhmu 1 bankng 506 532 1 038 352hmu 2 bansbbw 231 239 470 149hmu 3 banlxmklang 189 191 380 122hmu 4 banechiyngyun 192 193 385 131hmu 5 banthungkhxng 228 219 447 143hmu 6 banesiyw 169 150 319 109hmu 7 banhnxng 174 194 378 125hmu 8 banphraw 312 325 637 224hmu 9 bannaikhr 191 160 351 110hmu 10 bannanikhm 72 82 154 53klumchatiphnthu aekikh prachakrintablym aebngidepn 2 chatiphnthu khux1 chawywnechiyngaesn prakxbdwy bankng bansbbw banphraw bannaikhr bannanikhm2 chawithlux prakxbdwy banlxmklang banechiyngyun banthungkhxng banesiyw banhnxngxachiph aekikh xachiphhlk thana thaswn thairsthanthisakhy aekikhsanknganxngkhkarbriharswntablym orngphyabalsngesrimsukhphaphtablym bankng orngphyabalsngesrimsukhphaphtablym banphraw phrathatulxmtng saduxemuxng banphraw esahlkemuxngym banphraw phrathatucxmphrik banesiyw xangekbnachlsingh banesiyw natknaikhr bannaikhr khuxemuxngyang banesiyw khuxemuxngyang banlxmklang xangekbnahwyemiyng banlxmklangsasnsthan aekikhsasnsthan thisakhyintablym prakxbdwywd 9 aehng aelaobsthkhristckr 1 aehnghmu 1 bankng wdsrimngkhlhmu 2 bansbbw wdophthiithrhmu 3 banlxmklang wdlxmklanghmu 4 banechiyngyun wdechiyngyunhmu 5 banthungkhxng wdthungkhxnghmu 6 banesiyw wdphrathatucxmphrikhmu 7 banhnxng wdhnxngchangaednghmu 8 banphraw wdsntikaramhmu 9 bannaikhr wdnaikhrhmu 10 bannanikhm obsthkhristckrphnthsyyasthansuksa aekikhsthansuksaintablym mthymsuksa orngeriynemuxngymwithyakhar orngeriynmthympracatablymprathmsuksa orngeriynbankngmngkhlpracharngsrrkh bankng orngeriynitrrasdrwithya banthungkhxng orngeriynbanesiyw banesiyw orngeriynbanphraw banphrawxangxing aekikh 1 rachkiccanuebksa prakaskrathrwngmhadithy eruxng karkahndekhttablinthxngthixaephxthawngpha cnghwdnan http stat bora dopa go th stat statnew statTDD views showVillageData php rcode 55060604 amp statType 1 amp year 63ekhathungcak https th wikipedia org w index php title tablym amp oldid 9374287, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม