ผีเสื้อจักรพรรดิ
ผีเสื้อจักรพรรดิ | |
---|---|
ตัวเมีย | |
ตัวผู้ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Arthropoda |
ชั้น: | Insecta |
อันดับ: | Lepidoptera |
วงศ์: | Nymphalidae |
สกุล: | Danaus |
สปีชีส์: | D. plexippus |
ชื่อทวินาม | |
Danaus plexippus (Linnaeus, 1758) | |
ชื่อพ้อง | |
|
ผีเสื้อจักรพรรดิหรือผีเสื้อโมนาร์ช (อังกฤษ: Monarch butterfly) อยู่ในสายพันธุ์ Nymphalidaeมันเป็นผีเสื้อที่รู้จักกันดีในทวีปอเมริกาเหนือพวกมันจะผสมเกสรดอกไม้ทำให้ดอกไม้แพร่พันธุ์ได้ดีเสวมันมีปีกสีขาว,ส้ม.ดำและมีขนาดประมาณ 8.9-10.2 ซม. (3ครึ่ง-4 นิ้ว)พวกมันมีสีและลวดลายที่คล้ายคลึงกัน แต่มีขนาดเล็กและมีแถบสีดำเป็นพิเศษทีแตกต่างกันในแต่ละตัว มันมีสิ่งที่น่าสังเกตคือการอพยพในช่วงปลายฤดูร้อน - ฤดูใบไม้ร่วงจากภาคเหนือและภาคกลางของประเทศสหรัฐอเมริกาและทางใต้ของประเทศแคนาดาไปยังรัฐฟลอริด้าและประเทศเม็กซิโกผีเสื้อจักรพรรดิถูกส่งไปสถานีอวกาศและได้มีการทดลองกับมันที่นั้นด้วย
อนุกรมวิธาน
ชื่อของผีเสื้อจักรพรรดินั้นถูกตั้งเพื่อเป็นเกียรติแต่พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษซึ่งถูกอธิบายลักษณะโดยคาโรลัส ลินเนียสในหนังสือระบบธรรมชาติ (Systema Naturae) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ปี ค.ศ. 1758 ซึ่งถูกจัดอยู่ในสกุลPapilio
ลักษณะ
ผีเสื้อจักรพรรดิมีปีกสีขาว,ส้ม.ดำและมีขนาดประมาณ 8.9-10.2 ซม. (3ครึ่ง-4 นิ้ว)สีพื้นของปีกเป็นสีส้มมีขอบสีดำและมีจุดเล็กๆสีขาว ปีกด้านล่างของพวกมันจะมีลักษณะเหมือนกันแต่บางตัวอาจมีสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลเข้มและอาจมีจุดใหญ่สีขาวด้วยพวกมันจะมีสีที่เข็มขึ้นจนเป็นสีแดงในช่วงการอพยพ
ขนาดปีกของผีเสื้อจักรพรรดิไม่ได้อยู่ทีการอพยพแต่อยู่ที่ถิ่นกำเนิดถ้าผีเสื้อจักรพรรดิอยู่ในฝั่งตะวันออกจะมีปีกที่ใหญ่กว่าฝั่งตะวันตก
พวกมันบินค่อนข้างช้าความเร็วของของพวกมันคือประมาณ9 กม. / ชม. หรือ 5.5 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งช้ากว่าการวิ่งหย่อกๆของมนุษย์ซะอีก
ตัวผู้นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อยแต่ปีกของตัวผู้จะเบาและเล็กกว่าตัวเมียเล็กน้อยและยังมีอีกพวกหนึ่งที่พบในประเทศออสเตรเลีย,ประเทศอินโดนีเซีย,ประเทศมาเลเซียรวมถึงภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งเรียกว่า nivosus สีปีกของพวกมันจะมีสีขาวและมีสีส้มมันเป็นจำนวนประชากรเพียง1%ของผีเสื้อจักรพรรดิทั้งหมดอีกทั้งยังมีผีเสื้อจักรพรรดิจำนวนถึง10%ที่สามารถพบได้บนเกาะฮาวายอีกด้วย
การอพยพ
ตามธรรมชาติแล้ว ถ้าผีเสื้อชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศอเมริกาเหนือ ในทุกๆปี พวกมันจะบินอพยพหนีฤดูหนาวตามเส้นทางจากทางทิศตะวันออกของอเมริกาเหนือไปยังตอนกลางของประเทศเม็กซิโกที่มีอากาศอบอุ่นกว่า และเป็นผีเสื้อที่มีการนำทางในการบินโดยใช้กลไกนาฬิกาในร่างกาย เปรียบเสมือนมีเครื่องบอกเวลาอัตโนมัติให้กับตัวมันเอง ทำงานสอดคล้องกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา มาใช้นำทางการบินของพวกมัน มุ่งตรงไปยังทางทิศใต้ในระยะไกลมากๆถึง 4,000 กิโลเมตร ได้อย่างถูกต้อง
นักวิจัยกลุ่มนี้ได้พยายามหาวิธีตรวจสอบว่า ทำไมสมองของผีเสื้อชนิดนี้สามารถมองเห็นภาพรวมของเส้นทางการบินได้อย่างไร จากการทดลองพบว่า พวกผีเสื้อจักรพรรดินี้ได้อาศัยดวงอาทิตย์ช่วยกระตุ้นสัญญาณกระแสประสาทเหมือนใช้เป็นนาฬิกาบอกเวลาในระดับโมเลกุลตรงบริเวณหนวดของพวกมัน เพื่อให้พวกมันสามารถบินไปในระยะทางที่ไกลๆไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้ กลุ่มนักวิจัยนี้ได้ลองสร้างสมการคณิตศาสตร์นำมาจำลองทิศทางการบินของผีเสื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากผลของการคำนวณอัตราการกระพริบของสัญญาณกระแสประสาทที่หนวดของมัน และดวงตาทั้งสองข้างของผีเสื้อชนิดนี้จะมีวงจรรับแสงหันไปตามการเปลี่ยนตำแหน่งของดวงอาทิตย์ โดยที่ลำตัวของผีเสื้อจะทำมุมชี้ไปตามทิศทางของดวงอาทิตย์ในมุมที่ค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ ในที่สุดจะมีผลทำให้ผีเสื้อชนิดนี้บินทำมุมฉากกับตัวมันเองทำให้บินได้อย่างยากลำบากตรงตามที่คาดการณ์ไว้ในแบบจำลอง โดยการจำลองทางคณิตศาสตร์แบบง่ายๆนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะสามารถนำมาใช้ตรวจสอบการทำนายเส้นทางการบินของผีเสื้อจักรพรรดิจริงๆที่เลี้ยงไว้ในห้องทดลองได้ด้วย
วงจรชีวิต
1.ไข่. 2.หนอน 3.ดักแด้ 4.ผีเสื้อ
ไข่
ผีเสื้อจักรพรรดิเมื้อหลังจากผ่านการผสมพันธุ์แล้ว จะบินไปที่พืชที่เป็นอาหารของตัวหนอนเช่นใบอ่อนของต้น milkweed เพื่อวางไข่ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม่ผลิ ไข่จะมีสีครีมหรือสีเขียวอ่อนไข่ไก่และมีรูปทรงกรวยและมีขนาดประมาณ 1.2 × 0.9 มม ไข่มีน้ำหนักน้อยกว่า 0.5 มิลลิกรัม และอาจวางไข่ได้มากถึง290 ถึง 1180 ฟองไข่ใช้เวลา 3 ถึง 8 วันในการพัฒนาและฟักเป็นหนอน
หนอน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดักแด้
พวกมันกลายเป็นดักแด้แล้วกลายเป็นของเหลวจากนั้นก็จะกลายเป็นผีเสื้อเมือผีเสื้ออกจากดักแด้พวกมันจะมีสีที่ซีดและปีกที่เปียก
ผีเสื้อ
พวกมันจะกลายเป็นผีเสื้อแล้วออกมาจากเป็นดักแด้2สัปดาห์จากนั้นมันจะตากปีกให้แห้งเพื่อที่จะทำให้สามารถบินได้
อ้างอิง
- Committee On Generic Nomenclature, Royal Entomological Society of London (2007) [1934]. The Generic Names of British Insects. Royal Entomological Society of London Committee on Generic Nomenclature, Committee on Generic Nomenclature. British Museum (Natural History). Dept. of Entomology. p. 20.
- Scudder, Samuel H.; William M. Davis; Charles W. Woodworth; Leland O. Howard; Charles V. Riley; Samuel W. Williston (1989). The butterflies of the eastern United States and Canada with special reference to New England. The author. p. 721. ISBN 0-665-26322-8.
- "Conserving Monarch Butterflies and their Habitats". USDA. 2015.
- "Conserving Monarch Butterflies and their Habitats". USDA. 2015.
- ↑ Garber, Steven D. (1998). The Urban Naturalist. Courier Dover Publications. pp. 76–79. ISBN 0-486-40399-8.
- Groth, Jacob (10 November 2000). "Monarch Migration Study". Swallowtail Farms. สืบค้นเมื่อ 21 July 2014.
- "Monarch Migration". Monarch Joint Venture. 2013.
- ↑ "Petition to protect the Monarch butterfly (Danaus plexippus plexippus) under the endangered species act" (PDF). Xerces Society. สืบค้นเมื่อ 1 September 2014.
- Adams, Jean Ruth (1992). Insect Potpourri: Adventures in Entomology. CRC Press. pp. 28–29. ISBN 1-877743-09-7.
- Linnaeus, Carl (1758). Systema Naturae (ภาษาละติน). 1. Stockholm: Laurentius Salvius. p. 471. OCLC 174638949. สืบค้นเมื่อ 5 June 2012.
- ↑ Braby, Michael F. (2000). Butterflies of Australia: Their Identification, Biology and Distribution. CSIRO Publishing. pp. 597–599. ISBN 0-643-06591-1.
- Satterfield, Dara A.; Davis, Andrew K. (April 2014). "Variation in wing characteristics of monarch butterflies during migration: Earlier migrants have redder and more elongated wings". Animal Migration. 2 (1). doi:10.2478/ami-2014-0001.
- Klots, Alexander B. (1951). A Field Guide to the Butterflies of North America, East of the Great Plains (Tenth ed.). Boston: Houghton Mifflin Company. pp. 78, 79. ISBN 0395078652.
- "monarchscience". Akdavis6.wixsite.com. 31 December 2016. สืบค้นเมื่อ 6 January 2017.
- "Monarch, Danaus plexippus". คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 15 ธันวาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2008.
- Gibbs, Lawrence; Taylor, O.R. (1998). "The White Monarch". Department of Entomology University of Kansas. สืบค้นเมื่อ 17 July 2014.
- การอพยพ
- ↑ Oberhauser (2004), p. 3
- Lefevre, T.; Chiang, A.; Li, H; Li, J; de Castillejo, C.L.; Oliver, L.; Potini, Y.; Hunter, M.D.; de Roode, J.C. (2012). "Behavioral resistance against a protozoan parasite in the monarch butterfly". Journal of Animal Ecology. 81 (1): 70–9. doi:10.1111/j.1365-2656.2011.01901.x. PMID 21939438.
- "The other butterfly effect – A youth reporter talks to Jaap de Roode". TED Blog. สืบค้นเมื่อ 12 December 2014.
- "Monarch Butterfly Life Cycle and Migration". National Geographic Education. 24 October 2008. สืบค้นเมื่อ 15 August 2013.
- Oberhauser (2004), p. 23
- Oberhauser (2004), p. 51
- "Reproduction". Monarch Lab. Regents of the University of Minnesota. สืบค้นเมื่อ 13 December 2014.
- Flockhart, D. T. Tyler; Martin, Tara G.; Norris, D. Ryan (2012). "Experimental Examination of Intraspecific Density-Dependent Competition during the Breeding in Monarch Butterflies (Danaus plexippus)". PLoS ONE. 7 (9): e45080. Bibcode:2012PLoSO...745080F. doi:10.1371/journal.pone.0045080. PMC 3440312. PMID 22984614.