พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง รามางกูร)
พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง) อดีตนายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม หรือผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม หรือนายกองบ้านธาตุพนมลำดับ ๕ พ.ศ. ๒๔๑๗-๒๒ (๒๓) ในราชวงศ์เวียงจันทน์ปกครองธาตุพนมลำดับ ๗ เดิมบรรดาศักดิ์ท้าวอุปละควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม เชื้อสายราชวงศ์เวียงจันทน์และจำปาศักดิ์ รับบรรดาศักดิ์พระพิทักษ์เจดีย์คนแรกของธาตุพนมจาก ร.๕ ราชทินนามนี้ปรากฏในบรรดาศักดิ์พระพิทักษ์เจดีย์ (แก้ว โคตรธรรม) นายกองข้าพระธาตุเชิงชุมเมืองสกลนครด้วย
พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง รามางกูร) | |
---|---|
นายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม หรือหัวหน้าผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม หรือนายกองบ้านธาตุพนม | |
ก่อนหน้า | ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร) |
ถัดไป | พระพิทักษ์เจดีย์ (แก่น รามางกูร) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ธาตุพนม |
เสียชีวิต | ธาตุพนม |
คู่สมรส | อาดยานางรัตนะจันทร์และอาดยานางแก้วบัวพา |
ศาสนา | ศาสนาพุทธ |
ประวัติ
พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง) นามเดิมท้าวสุวันนะคำถงหรือท้าวคำถง พื้นเมืองพนมออกนามเจ้าพระพีพักคำถุงหรือยาพ่อพระพีพัก นามเต็มพื้นพระบาทใช้ชาติระบุว่า ...หลานตน ๑ มีซื่อว่าอุปปะละสูวัณณะคำถงก็ตื่มแถมยดว่าเจ้าพระพีพักเจดีสีปะริสัดขัดตติยะวงสา... เป็นบุตรชายลำดับแรกและบุตรลำดับ ๒ ของท้าวอุปละ (มุง) หัวหน้าผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนมกับนางจันทาวะดี เป็นหลานพระอุปละ (คำมั่น) กรมการ เป็นเหลนพระมหาสุระนันทากับนางแก้วอาไพธิดาเจ้าพระรามราชฯ (ราม) ขุนโอกาสธาตุพนมคนแรก พ.ศ. ๒๔๑๗ เพี้ยอัคคะฮาชหรือท้าวอุปละ (มุง) บิดาถึงแก่กรรม ท้าวถงผู้บุตรเลื่อนเป็นท้าวอุปละควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนมแทน ท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระสมัครทำราชการขึ้นมุกดาหารเป็นเลกฉกรรจ์ขึ้นใหม่ ๙๖๗ นครพนม ๕๓๑ สกลนคร ๒๒๗ รวม ๑,๗๗๕ คน ท้าวอุปละ (มุง) เกณฑ์ท้าวเพี้ยตัวเลกมาปฏิสังขรณ์พระธาตุพนมเจ้าเมืองกรมการเมืองนครพนม มุกดาหาร และสกลนครขัดขวางไม่ยอมส่งให้ตามจารีต
ฟ้องกรมการมุกดาหาร
พ.ศ. ๒๔๒๑ ท้าวอุปละตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านธาตุพนมขณะเป็นหัวหน้าหมวดเลกข้าพระธาตุพนมกล่าวฟ้องกรมการมุกดาหารลงกรุงเทพฯ ว่า เขตแดนมุกดาหารต่อแดนนครพนมหน้าองค์พระธาตุพนมให้มุกดาหารและนครพนมรักษามีข้าพระธาตุพนมเป็นเลกข้าพระ ยกเว้นไม่ต้องเก็บส่วยแต่มีหน้าที่ดูแลรักษาเกณฑ์สิ่งของ เช่น อิฐ ปูน ทราย กรวด บูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุพนม ต่อมา พ.ศ. ๒๔๑๕ ท้าวอุปละเกณฑ์อิฐ ปูน ทองคำเปลว น้ำรักกับตัวเลกเพื่อซ่อมแซมพระธาตุพนม เจ้าเมืองมุกดาหารจะจับตัวจำขังตะราง ฝ่ายกรุงเทพฯ มีท้องตราพระราชสีห์ให้อำแดงล่าหรืออาดยานางหล่าพี่สาวท้าวอุปละถือขึ้นมาถึงผู้รักษาราชการเมืองมุกดาหาร ว่าให้เร่งแต่งท้าวเพี้ยกรมการผู้ใหญ่รู้ราชการบ้านเมืองพาตัวท้าวอุปละลงกรุงเทพฯ พร้อมอำแดงล่าโดยเร็ว จะได้ให้ตระลาการชำระตัดสินให้แล้วแก่กัน
วิวาทพระอัคร์บุตร
พ.ศ. ๒๔๒๒ ท้าวอุปละ (ถง) และพระอัคร์บุตร (บุนมี) บุตรเจ้าพระรามราชปราณีฯ (ศรี) ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่เพราะย่าทวดท้าวอุปละเป็นน้องสาวต่างมารดาเจ้าพระรามราชปราณีฯ (ศรี) วิวาทกันรุนแรง พระอัคร์บุตรอยากเป็นขุนโอกาสเพราะท้าวอุปละอายุน้อยและไม่ใช่บุตรขุนโอกาส มีเรื่องฟ้องร้องกันถึงกรุงเทพฯ พื้นพระบาทใช้ชาติระบุโดยละเอียดว่า ...พระยาทัมมิกะราดเจ้าตนมีบุรหนักจักเสกเอาลาดสะกุมมานเจ้าพระอักคคะบูตตะสูตตะสูวัณณะบุนมี แลว่าตนนี้อาดกว่าท้าวพระยาทังหลายว่าดังนี้ ว่าตนนี้แม่นหลานแลลูกพระยาเจ้าโอกาดสาสสะนานะครพระมะหาธาดตุเจ้าพระนมบุรรมมะสัถถานวิเสดแท้ดังนั้นแล จิงว่าเจ้าพระอุปปะละเกิดตามหลังบ่ให้เป็นใหย่ในกองข้อยน้อยใหย่ในเวียงพระมะหาธาดตุเจ้าแลว่าดังนั้นแล้วก็มีแท้ดีหลีแล...ทีนี้อุปปะละเจ้าคำถงก็จักมีใจเคียดจิงไปฟ้องเจ้าพระยาหลวงละคอร ๆ จักว่าความให้ยอมกันบ่ได้ด้วยเกงบุรปาระมีแห่งพระยาทัมมิกะราด จิงให้เจ้าทัง ๒ ตนลงไปเมืองบังกอกแลเฝ้าพระบาดเจ้าสีวิดก็มีแท้ดังนั้น พระเจ้าอัคคะบุตตตนอ้ายจักบ่ยอมด้วยบุรสมพพานแห่งพระยาทัมมิกะราดเจ้าแล จิงให้อาดยาพระอุปปะละคำถุงลงไปบังกอกแท้แล เจ้าจิงวิวาดใส่ความเจ้าพระยาละครบังมุกแลสะกลละคอรหนองละหานด้วยใจเคียดแท้ดังนั้น ฝ่ายตนผู้พี่จิงได้นั่งอยู่เป็นใหย่ในเวียงแก้วพระมะหาธาดตุเจ้าพระนมบุรมมะเจดีหัวอกพระพุทธะเจ้าแท้ดีหลีแล ว่าอั้นแล้วสาสสะนาบ้านเมืองจักเกิดโกละหนวุ่นวายยิ่งนัก พระยาทัง ๓ ก็มาวิวาดแลจักลบเลวกันแท้ดังนั้น ตนอ้ายเฮวตนน้อง ตนน้องเฮวตนอ้าย เจ้าเลวข้อย ไพ่เลวขุร พระยาเลวท้าว เพียเลวกวาน ผู้น้อยเลวผู้ใหย่ หลานเลวปู่ ลูกเลวพ่อ สิดเลวคู คะหัดเลวสังฆะ...
ฟ้องเจ้าเมืองทั้งสาม
พ.ศ. ๒๔๒๒ ปีเถาะ ท้าวอุปละเดินทางลงกรุงเทพฯ เขียนคำร้องทุกข์กราบทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ สำเร็จราชการกรมมหาดไทย ว่าเจ้าเมืองกรมการเมืองมุกดาหาร นครพนม สกลนคร ขัดเอาท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนมไม่ให้มาซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พระธาตุพนม เจ้าเมืองกรมการ ๓ เมืองเก็บเงินส่วยข้าวถังกับตัวเลกข้าพระธาตุพนมหรือพระเจ้าทาษพนมทุกปีไม่ขาด เมื่อร้องทุกข์แล้วสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหามาลาฯ โปรดฯ แต่งตั้งท้าวอุปละเป็นพระพิทักษ์เจดีย์นายกองข้าพระธาตุพนมเพื่อให้อำนาจปกครองเต็มที่
เป็นพระพิทักษ์เจดีย์
พ.ศ. ๒๔๒๓ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหามาลาฯ มีท้องตราถึงเจ้าเมืองมุกดาหารและนครพนมว่า ...ด้วยท้าวอุปละ (ถง) ท้าวเพี้ยข้าพระธาตุพนมลงไปทำเรื่องราวกล่าวโทษเจ้าเมืองมุกดาหารเจ้าเมืองนครพนมว่า กดขี่ข่มเหงกะเกณฑ์ใช้สอยถึงปีก็เก็บเอาข้าวเปลือกไปเป็นอาณาประโยชน์ตัวเลกข้าพระธาตุพนมได้รับความเดือดร้อน ความทั้งนี้จะเท็จจริงอย่างไรไม่แจ้งแต่ท้าวอุปละกับครอบครัวตัวเลกรายนี้ก็ปรนนิบัติรักษาพระอารามเจดีย์พระธาตุพนมมาช้านานหลายเจ้าเมืองแล้ว ถ้าจะไม่ตั้งเป็นหมวดเป็นกองไว้ท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุจะพากันโจทย์ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เลกข้าพระธาตุพนมก็จะร่วงโรยเบาบางลงจะเสียไพร่พลเมือง การปฏิสังขรณ์วัดวาอารามก็ไม่เป็นที่รุ่งเรืองขึ้นเหมือนแต่ก่อน พระจันทรสุริยวงษ์พระพนมนครานุรักษ์กรมการก็พลอยเสียชื่อเสียงไป หัวเมืองทั้งปวงก็จะว่ากล่าวติเตียนไปต่าง ๆ หาควรไม่ จึงให้ตั้งท้าวอุปละเป็นพระพิทักษ์เจดีย์นายกองควบคุมท้าวเพี้ยสำมะโนครัวตัวเลกญาติพี่น้องในหมวดท้าวอุปละ เป็นกองขึ้นเมืองมุกดาหารเมืองนครพนมแผนกหนึ่ง เป็นคนชรา ๘๔ พิการ ๔๘ ท้าว ๑๓ เพี้ย ๑๑๔ พระ ๔ หลวง ๒๖ เสมียน ๔ ทนาย ๙ รวม ๑๗๐ คน ชายฉกรรจ์ ๕๗๙ โสด ๔๕ ทาส ๖๔ รวม ๖๘๘ ครัว ชายหญิง ๑,๗๓๘ รวม ๒,๗๒๘ คน และให้พระพิทักษ์เจดีย์นายกองฟังบังคับบัญชาพระจันทรสุริยวงษ์เจ้าเมืองมุกดาหาร พระพนมนครานุรักษ์เจ้าเมืองนครพนมแต่ที่ชอบด้วยราชการ...
กองขึ้นเมืองมุกดาหารและนครพนม
แบบแผนปกครองสยามต่อหัวเมืองลาวจัดหมู่บ้านมีนายหมู่เป็นหัวหน้า หลายหมู่บ้านเป็นหมวดมีนายหมวดเป็นหัวหน้า หลายหมวดเรียกกองมีนายกองเป็นหัวหน้า มุกดาหารมีกองนอกกองส่วยรวม ๔ กอง กองนอก ๑ กองส่วย ๓ ธาตุพนมมีฐานะเป็นกองนอกเรียกกองข้าพระธาตุพนม ไม่ขึ้นมุกดาหารโดยตรงแต่อยู่ในความดูแลมุกดาหารและนครพนมร่วมกัน เนื่องจากแดนเมืองทั้ง ๒ แบ่งกันที่หน้าพระธาตุพนม หัวหน้ากองบรรดาศักดิ์พระพิทักษ์เจดีย์ ปลัดกองบรรดาศักดิ์หลวงโพธิ์สาราช พลเมืองเป็นเลกข้าพระเว้นไม่เสียส่วย แต่ถูกเกณฑ์อิฐ หิน ปูน ทราย แรงงาน สำหรับบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุพนม อยู่เวรยามถวายข้าวปลาอาหารดอกไม้ธูปเทียนบรรเลงดนตรีถวายพระธาตุพนม ถูกยกเลิกปลาย ร. ๕ อีก ๓ กองคือกองบ้านไผ่อยู่เขตเมืองชุมพร (จำพอนแก้งกอก) แขวงสุวรรณเขต นายกองบรรดาศักดิ์หลวงสุริยวงษาส่งส่วยหมากแหน่ง (ผลเร่ว) ปีละ ๑๐ หาบหลวง กองบ้านผึ่งแดดเป็นหมู่บ้านใหญ่ใน ลาว นายกองส่วยบรรดาศักดิ์ท้าวโพธิสารส่งส่วยหมากแหน่งปีละ ๑๔ หาบหลวง และกองส่วยบ้านโคก แขวงสุวรรณเขต นายกองส่วยบรรดาศักดิ์พระรัษฎากรบริรักษ์ ปลัดกองบรรดาศักดิ์หลวงพิทักษ์สุนทร
พี่น้องบุตรธิดา
พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง) มีพี่น้อง ๗ ท่านคือพระพิทักษ์เจดีย์ (ถง) หรือท้าวสุวันนะคำถง, ท้าวไซยะเสน (เหลา) หรือท้าวสุวันนะคำเหลา, เพี้ยไซยะบุตร (ลือ) หรือท้าวสุวันนะคำลือ, นางแดง, นางสุเทพา, นางปะทุมวะดี, นางหล่า มีภริยาปรากฏนาม ๒ ท่านคือนางพิทักษ์เจดีย์ (รัตนะจันทร์) กับยาแม่แก้วบัวพา มีบุตรธิดา ๖ ท่านคือพระพิทักษ์เจดีย์ (สุวันนะคำแก่น), พระพิทักษ์เจดีย์ (เทพพระสี), ท้าวเทพพระนม, นางเทพสวัสดิ์, นางเทพทุมมา, นางคำอ้วน
อนิจกรรม
ป่วยถึงแก่กรรมที่กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๔๒๒ (๒๓) ก่อนปฏิรูปการปกครองหัวเมืองลาวเป็นมณฑลเทศาภิบาลใน พ.ศ. ๒๔๔๔ ด้วยเหตุไปฟ้องร้องเจ้าเมืองนครพนม มุกดาหาร สกลนคร เรื่องแย่งชิงข้าเลขพระธาตุพนม แม้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกองแต่ไม่ได้เดินทางกลับว่าราชการธาตุพนมเพราะถึงแก่กรรมก่อน พื้นเมืองพระนมระบุไม่ได้ส่งร่างกลับธาตุพนมแต่พระราชทานเพลิงอยู่กรุงเทพฯ ท้าวโพธิสารเชิญอัฐิบรรจุธาตุทิศเหนือกำแพงแก้วธาตุพนมร่วมกับเจ้านายอื่น ต่อมารกร้าง พ.ศ. ๒๕๑๘ พระธาตุพนมถล่มจึงรื้อธาตุพังออกเหลือเพียงธาตุเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก
นามานุสรณ์
รองอำมาตย์เอก หลวงพิทักษ์พนมเขต (สีห์ จันทรสาขา) นายอำเภอธาตุพนมคนแรกตั้งสถานศึกษาประจำธาตุพนมคือโรงเรียนบ้านธาตุพนม (พิทักษ์วิทยา) (Banthatpanom (Pitakwittaya)) คำว่าพิทักษ์มาจากราชทินนามพิทักษ์พนมซึ่งมาจากราชทินนามพระพิทักษ์เจดีย์ ก่อตั้ง ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ หลังเปลี่ยนแปลงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย ๑ ปี ติดวัดหัวเวียงรังษี ริมฝั่งโขง หมู่ ๒ บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เปิดสอนระดับอนุบาลและประถมศึกษา รหัสโรงเรียน ๑๐ หลัก ๑๐๔๘๑๙๐๑๑๗ รหัส Smis ๘ หลัก ๔๘๐๑๐๑๒๑ รหัส Obec ๖ หลัก ๑๙๐๑๑๗
ก่อนหน้า | พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง รามางกูร) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร) | นายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม หรือผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม หรือนายกองบ้านธาตุพนม | พระพิทักษ์เจดีย์ (แก่น รามางกูร) |
อ้างอิง
- ประวิทย์ คำพรหม และคณะ, ประวัติอำเภอธาตุพนม: จัดพิมพ์โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม, (กาฬสินธุ์: ประสารการพิมพ์, ๒๕๔๕), หน้า ๑๐๘.
- พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), (ม.ป.ท.: วัดบวรนิเวศวิหาร คณะแดงรังสี, ม.ป.ป.), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
- ดูรายละเอียดใน สุรัตน์ วรางค์รัตน์ (บรรณาธิการ), ตำนานพงศาวดารเมืองสกลนคร ฉบับพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร), (สกลนคร: ภาควิชาประวัติศาสตร์ วิทยาลัยครูสกลนคร, ๒๕๒๔).
- พระครูสิริปัญญาวุฒิ (ขุนละคร ขันตะ) (คัดลอก). คัมภีร์เรื่อง พื้นพระบาทใช้ชาติหรือพื้นครุธฮาช (พื้นพระยาธัมมิกราช). วัดศรีสุมังค์ บ้านนาถ่อนท่า ตำบลนาถ่อน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม. เอกสารเขียนบนกระดาษ ๑ ฉบับ. อักษรธรรมลาว. อักษรลาวเดิม. ภาษาบาลี-ลาว. เส้นเขียน. ม.ป.ป. (ต้นฉบับ พ.ศ. ๒๔๔๙). ไม่ปรากฏเลขรหัส. ๒๓ ใบ ๖ หน้า. ไม่ปรากฏหมวด. หน้า ๓.
- พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
- ประวิทย์ คำพรหม และคณะ, ประวัติอำเภอธาตุพนมː: จัดพิมพ์โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม, หน้า ๑๐๘.
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ.เอกสาร ร. ๕ มท. เล่ม ๑๕ จ.ศ. ๑๒๔๐.
- พระครูสิริปัญญาวุฒิ (ขุนละคร ขันตะ) (คัดลอก). คัมภีร์เรื่อง พื้นพระบาทใช้ชาติหรือพื้นครุธฮาช (พื้นพระยาธัมมิกราช). หน้า ๓-๔.
- ประวิทย์ คำพรหม และคณะ, ประวัติอำเภอธาตุพนม: จัดพิมพ์โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม, หน้า ๑๐๘.
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสาร ร. ๕ รล. ตราน้อย เล่มที่ ๔ จ.ศ. ๑๒๔๒.
- ดูรายละเอียดใน ภูริภูมิ ชมภูนุช, "พัฒนาการของเมืองในแอ่งสกลนคร ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๑ ถึง ๒๔๓๖", วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๙), หน้า ๙๕, ๒๓๗-๒๔๕.
- สุรจิตต์ จันทรสาขา, เมืองมุกดาหาร, (มุกดาหาร: ม.ป.พ., ๒๕๔๓), หน้า ๒๖.
- พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
- เรื่องเดียวกัน.
- ประวิทย์ คำพรหม และคณะ, ประวัติอำเภอธาตุพนมː: จัดพิมพ์โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม, หน้า ๑๐๘.
- สัมภาษณ์นางสาวจันเนา รามางกูร เรื่อง ที่ตั้งธาตุบรรจุอัฐิขุนโอกาส อาชีพค้าขาย อายุ ๙๐ ปี เมื่อ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐.
- ดูรายละเอียดใน https://data.bopp-obec.info/emis/schooldata-view.php?School_ID=1048190117&Area_CODE=4801