fbpx
วิกิพีเดีย

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้

สุสานฉินสื่อหวง (จีนตัวย่อ: 秦始皇兵马俑; จีนตัวเต็ม: 秦始皇兵馬俑; พินอิน: Qínshǐhuáng bīngmǎyǒng ฉินสื่อหวงปิงหมาหย่ง แปลว่า หุ่นทหารและม้าของฉินสื่อหวง) คือ ฮวงซุ้ยของจักรพรรดิจีนฉินสื่อหวงแห่งราชวงศ์ฉิน ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง ห่างจากเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน

สุสานจักรพรรดิฉินที่ 1 *
  แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
สุสานฉินสื่อหวง
ประเทศ จีน
ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม
เกณฑ์พิจารณา(i) (iii) (iv) (vi)
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน2530 (คณะกรรมการสมัยที่ 11)
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

สุสานฉินสื่อหวงได้ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ชื่อ หยางจื้อฟา ในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผา ที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี

ปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ภายในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า 25,000 ตร.ม. มีการคาดคะเนว่าอาณาเขตของสุสานฉินสื่อหวงจะมีพื้นที่มากกว่า 2,180 ตร.กม. สุสานฉินสื่อหวงได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2530

สุสานฉินสื่อหวงเริ่มก่อสร้างในสมัยฉินสื่อหวง ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 38 ปี ตั้งแต่ปี 246 - 208 ก่อนคริสตกาล ซึ่งอาณาเขตพื้นที่ของสุสานรวมทั้งสิ้น 2,180 ตร.กม. แบ่งออกเป็นพระราชฐานชั้นในและพระราชฐานชั้นนอก ภายในสุสานใช้บรรจุพระบรมศพของฉินสื่อหวง ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ตลอดจนกองกำลังทหาร นางสนมและนางกำนัล รถม้าและขุนพลทหาร จำนวนมาก เพื่อเป็นตัวแทนของข้าราชบริพารในการร่วมเดินทางไปยังปรโลกของฉินสื่อหวง

โครงสร้างและสถาปัตยกรรมโดยรวมของสุสาน มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความลึกเฉลี่ย 35 เมตร กว้าง 145 เมตร และ ยาว 170 เมตร

สำหรับห้องบรรจุพระบรมศพอยู่จุดกึ่งกลางของสุสาน มีความสูง 15 เมตร มีขนาดพื้นที่และความใหญ่โตมโหฬารราวกับสนามฟุตบอล

สำหรับภายใน ในส่วนที่ก่อสร้างจากหินนั้นยังคงได้รับการปิดผนึกอย่างดีโดยคงสภาพเดิมเอาไว้ และไม่เคยผ่านการขุดและรื้อทำลายมาก่อน โดยโครงสร้างของสุสานดังกล่าว มีรูปแบบโครงสร้างและการจัดสร้างที่มีความสลับซับซ้อน ขนาดของสุสานมีขนาดมหึมา ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติของจักรพรรดิจีนผู้รวบรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่น

ประวัติการค้นพบสุสาน

 
กองทัพทหารดินเผาภายในสุสานฉินสื่อหวง
 
หุ่นทหารดินเผาที่ขุดค้นพบภายในสุสานฉินสื่อหวง

เมืองซีอานเป็นนครแห่งวัฒนธรรม อันมีชื่อเสียงลือเลื่องทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ในประวัติศาสตร์เคยเป็นเมืองหลวง และราชธานีของราชวงศ์จีนรวมกว่า 10 ราชวงศ์ เป็นระยะเวลากว่าพันปี เคยเป็นแหล่งการต่อสู้ของชาวนาในหลายครั้งในการก่อตั้งอำนาจรัฐ ปัจจุบันเมืองซีอานยังคงหลงเหลือร่องรอยของโบราณสถาน และโบราณวัตถุให้พบเห็นได้ทั่วไป และในปี พ.ศ. 2517 ได้มีการขุดพบหลุมฝังรูปปั้นดินเผา รูปปั้นทหารและม้าในสมัยราชวงศ์ฉินขนาดใหญ่ ภายในหมู่บ้านซีหยาง เชิงเขาหลีซานในอำเภอหลินถง ทางทิศตะวันออกของเมืองซีอาน (34°23′5.34″N 109°16′26.11″E / 34.3848167°N 109.2739194°E / 34.3848167; 109.2739194)

การขุดค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 และตราบจนทุกวันนี้ ทางการรัฐบาลจีนถือว่า สุสานฉินสื่อหวง ที่ยังรอการขุดค้นนั้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณชิ้นที่ 8 กองทัพทหารดินเผาภายในสุสานและรถม้าสมัยราชวงศ์ฉิน จำนวนมาก มีขนาดใหญ่โตมโหฬารซุกซ่อนอยู่ภายใต้พื้นดิน ตามบันทึกในประวัติศาสตร์จีนถูกขุดพบโดยบังเอิญจากชาวนาตระกูลหยางจำนวน 7 คน ในหมู่บ้านซีหยาง เมืองหลินถง ในต้นของฤดูใบไม้ผลิในปี พ.ศ. 2517 ที่ขุดดินเพื่อหาบ่อน้ำไว้ใช้สำหรับเพาะปลูกในฤดูหนาวที่จะมาถึงภายในหมู่บ้าน ในวันที่ 5 ของการขุดดินเพื่อหาบ่อน้ำ เมื่อขุดลึกลงไปประมาณ 4 เมตร ก็พบกับวัตถุที่ทำด้วยดินเผาที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับเหยือกสำหรับใส่น้ำ จึงค่อย ๆ ขุดดินอย่างระมัดระวัง และเมื่อยิ่งขุดลึกลงไปก็พบกองทัพทหารดินเผาในชุดเกราะ คันธนูและลูกธนูทองเหลืองจำนวนหนึ่ง

หลังการขุดพบโดยบังเอิญ ชาวนาตระกูลหยางได้จุดธูปกราบไว้เพื่อขอขมาเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นวัดหรือโบราณวัตถุ หลังจากนั้นอีก 2 เดือน เจ้าหน้าที่ของทางการที่รับผิดชอบในการขุดหาแหล่งน้ำของจีน ได้เข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าของการขุดหาแหล่งน้ำของชาวบ้าน ก็ได้พบกับสิ่งที่ชาวนาตระกูลหยางค้นพบ และสังเกตเห็นถึงลักษณะของอิฐและรูปปั้นดินเผาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่สุสานของฉินสื่อหวง จึงได้รายงานไปยังทางการของมณฑลฉ่านซี หลังจากนั้นทางรัฐบาลจีนได้เริ่มทำการขุดค้นหาอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 เป็นต้นมา ผลของการขุดค้นพบรูปปั้นกองทัพทหารและรถม้าดินเผามากกว่า 8,000 ตัว และรถม้าไม้มากกว่า 100 คัน ในจำนวนหลุมภายในสุสานที่ขุดพบมีอาณาเขตพื้นที่รวมกันถึงกว่า 20,000 ตร.ม.

ต่อมา เจ้าคังหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมประจำอำเภอหลินถง ได้ไปตรวจสอบยังบริเวณพื้นที่ที่ชาวนาตระกูลหยางค้นพบ เพื่อทำการกว้านซื้อซากโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าที่ถูกขุดพบ และได้นำออกไปจำหน่ายก่อนหน้านี้ได้ 3 คันรถ เพื่อนำกลับไปยังห้องวิจัยเพื่อทำการศึกษา และต่อมาในต้นเดือนพฤษภาคม เจ้าคังหมินได้จำกัดพื้นที่ในบริเวณอาณาเขตที่ขุดพบจำนวน 120 ตร.ม. เพื่อทำการขุดหาซากของกองทัพดินเผาเพิ่มเติม รัฐบาลจีนได้เข้ามามีบทบาทในการขุดหาเพิ่มเติมของกองทัพทหารดินเผาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ ลิ่นอันเหวิ่น นักข่าวหนังสือพิมพ์ซินหัว ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่อำเภอหลินถงและพบกับสิ่งที่ชาวนาและเจ้าหน้าที่ขุดพบ เมื่อกลับสู่ปักกิ่ง ได้นำเรื่องกองทัพทหารดินเผาตีพิมพ์ลงในคอลัมน์ "ชุมนุมเหตุการณ์" ในหนังสือพิมพ์เหรินหมินยื่อเป้า

ต้นเดือนกรกฎาคม รองนายกรัฐมนตรีหลี่เซียนเนี่ยน ได้มีคำสั่งให้กองโบราณคดีและกรรมการมณฑลฉ่านซีของจีน ร่วมกันหามาตรการในการอนุรักษ์โบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ของจีนนี้ และในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 หยวนจงอี้ เจ้าคังหมิน ได้นำทีมนักโบราณคดี เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านซีหยางอีกครั้ง เพื่อทำการตรวจสอบและขุดค้นเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522 กองทัพทหารดินเผาภายใต้มหาสุสานฉินสื่อหวงได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2530 องค์การยูเนสโกได้ลงมติให้สุสานฉินสื่อหวง เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

ภายในสุสานประกอบไปด้วยหลุมทหารรูปปั้นดินเผาจำนวนมาก ขุดพบแล้วจำนวน 3 หลุมจากทั้งหมด 8 หลุม ซึ่งสรุปโดยรวมวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงคราม มีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ในหลุมสุสานที่มีอาณาเขตพื้นที่กว่า 25,000 ตร.ม.

กำเนิดสุสาน

 
ภายในสุสานกองทัพทหารดินเผา

ฉินสื่อหวงทรงสร้างสุสานกองทัพทหารดินเผาขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของพระองค์เอง แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการและสถาปัตยกรรมโบราณของจีน และศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ จักรพรรดิจีนทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์จะมีความใฝ่ฝันสูงสุดอยู่ 2 ประการคือ 1. ยาอายุวัฒนะ ถ้าหากพระองค์ยังเสาะแสวงหาไม่ได้ สิ่งที่พระองค์จะต้องทำก็คือ 2. การสร้างมหาสุสานขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร เพื่อเป็นที่ประทับชั่วกาลนาน

ชาวจีนในสมัยโบราณมีความเชื่อว่ามนุษย์นั้นมี 2 วิญญาณ วิญญาณแรกคือ โป (Po) ซึ่งจะมาพร้อมกับการเกิดของทารก อีกวิญญาณหนึ่งเรียกว่า ฮั่น (Han) เป็นวิญญาณที่สวรรค์ส่งมารวมกับวิญญาณแรกพร้อมกันตั้งแต่เกิด และเมื่อเจ้าของร่างตายลง วิญญาณแรกหรือโปจะคงอยู่ในร่างนั้น ส่วนฮั่นจะออกจากร่างกลับคืนสู่สวรรค์ไป ถ้าผู้ตายไม่ได้รับการฝังอย่างถูกต้องตามประเพณี โปจะอยู่อย่างไม่มีความสุข เที่ยวเร่ร่อนกลายเป็น กุย (Gui) หรือปีศาจอันชั่วร้าย ชาวจีนทุกคนจึงต้องได้รับการฝังอย่างถูกต้องตามประเพณีเมื่อถึงแก่กรรม โดยจะถูกบรรจุร่างไว้ภายในสุสานตามฐานะของผู้ตาย นอกจากนั้น พระองค์ยังโปรด ฯ ให้สร้างสุสานของพระองค์ทันทีตามโบราณราชประเพณี และอีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงใส่พระทัยเป็นพิเศษก็คือ มีพระราชบัญชาให้ นักพรตสีฝู่ นำตัวเด็กหญิงและเด็กชายพรหมจรรย์นับพันคน ลงเรือเดินทะเล เดินทางไปทางตะวันออกเพื่อแสวงหาเกาะเผิงไหล เกาะฟางเจ้า และเกาะอิ๋งโจว ทรงเชื่อว่าเป็นดินแดนหวงห้ามของมนุษย์ เนื่องจากเป็นที่พำนักของเซียนที่จะมอบยาอายุวัฒนะให้พระองค์ทรงมีชีวิตเป็นอมตะ แต่ทว่าตลอดพระชนมชีพของพระองค์ ข่าวคราวและชะตากรรมของคณะเดินทางที่พระองค์ทรงมอบหมายภารกิจเสี่ยงตายให้นั้น ไม่เคยได้ยินถึงพระกรรณของพระองค์เลยแม้แต่น้อย

หลังทรงขึ้นครองราชย์ในปี 247 ก่อนคริสตกาล ฉินสื่อหวงก็เริ่มสร้างสุสานของพระองค์แล้ว จนถึงในปี 210 ก่อนคริสตกาล เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง งานสร้างมหาสุสานก็ยังไม่แล้วเสร็จ จนมาเสร็จสมบูรณ์ในปีที่ 2 ของรัชสมัยฉินเอ้อซื่อ ผู้เป็นบุตรชาย (ปี 208 ก่อนคริสตกาล) รวมระยะเวลาในการก่อสร้างถึง 38 ปี และได้เรียกชื่อสุสานนี้ว่า หลีซานหยวน หรืออุทยานแห่งเขาหลีซาน ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างสุสานตั้งแต่ปี 246 - 208 ก่อนปีคริสต์ศักราช เพราะมีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของพระองค์ ทรงสร้างหุ่นกองทัพทหารดินเผาจำนวนมากรวมทั้งรถม้าและม้าศึก เพื่อให้ทั้งหมดนี้ติดตามไปรับใช้และอารักขาพระองค์ในปรโลก และเนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ทำให้หุ่นทหารดินเผา ม้าศึกและรถม้าจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ภายในสุสาน ล้วนแต่มีขนาดเท่าของจริงทุกประการ รวมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ ของหุ่นทหารดินเผาและการจัดทัพ ซึ่งเป็นการจัดตำแหน่งตามกระบวนทัพโดยแบ่งออกเป็น 11 แถว ประกอบไปด้วย

  • แม่ทัพฝ่ายบู๊
  • แม่ทัพฝ่ายบุ๋น
  • พลหอก
  • พลดาบ (ซึ่งอาวุธในมือส่วนใหญ่คืออาวุธจริง)
  • สารถีประจำรถม้า
  • ม้าศึก

หุ่นทหารดินเผาภายในสุสานมีขนาดรูปร่างที่แตกต่างกัน มีความสูงประมาณ 1.8 เมตร ลักษณะหน้าตา กริยาท่าทาง เครื่องแต่งกายไม่เหมือนกันแม้แต่ตัวเดียว รัฐบาลจีนที่รับผิดชอบในการขุดค้นสุสานประวัติศาสตร์นี้ เชื่อกันว่าหลุมกองทัพดินเผาของฉินสื่อหวง มีด้วยกันทั้งหมด 8 หลุม แต่ในปัจจุบันมีการขุดค้นเพียงแค่ 3 หลุมเท่านั้น เพราะรัฐบาลจีนยังไม่ต้องการทำการขุดค้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเกรงว่าสีของหุ่นทหารดินเผาที่ขุดพบนั้นจะหายไป ในอดีตเริ่มแรกของการขุดพบกองทัพทหารดินเผาจากสุสานใต้ดินนั้น หุ่นทหารเหล่านี้มีแก้มเป็นสีชมพู สวมเครื่องแต่งกายที่มีสีสันสดใสที่ทาสีเอาไว้อย่างสวยงาม โดยส่วนใหญ่จะสวมเสื้อสีชมพู กางเกงสีเขียวและฟ้า แต่ทว่าเมื่อหุ่นทหารดินเผาถูกอากาศและแสงแดด เกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้สีของหุ่นทหารดินเผาลอกหายไป เปลี่ยนเป็นสีดำอย่างน่าเสียดาย

จากการตรวจสอบขนาดของมหาสุสานนี้ในปัจจุบันพบว่า สุสานตั้งอยู่บนเนินดินที่เคยสูงประมาณ 115 เมตร มีขนาดคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อแรกสร้าง คือ จากทิศเหนือไปใต้ยาวประมาณ 350 เมตร จากทิศตะวันออกไปตะวันตกยาวประมาณ 345 เมตร ตัวสุสานเป็นหลุมขนาดใหญ่ มีความลึกกว่า 30 เมตร นักโบราณคดีประเมินคร่าว ๆ ว่าขนาดของพระราชวังใต้ดินถูกสร้างขึ้นในระดับที่ลึกที่สุดของหลุม มีขนาด 120 x 160 เมตร หรือเทียบเท่าขนาดของสนามบาสเกตบอล 40 สนามรวมกัน และจากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ยืนยันได้ว่า ภายในสุสานมีสารปรอทจำนวนมากผิดปกติ คือ สูงกว่าระดับปกติถึงกว่า 100 เท่า จึงไม่ผิดกับที่ ซือหม่า เสี่ยน ได้บันทึกในปูมประวัติศาสตร์มากว่า 2,000 ปีที่แล้วว่า "...ภายในมีสารปรอทไหลเวียนดุจแม่น้ำและทะเล..."

โครงสร้างและสถาปัตยกรรม

 
โครงสร้างและสถาปัตยกรรมภายในสุสาน

สุสานฉินสื่อหวง ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลินถง ห่างจากเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 35 กม. มีทำเลที่ตั้งอยู่อิงบริเวณเขาหลีซาน บริเวณด้านหน้าของสุสานหันไปทางแม่น้ำเว่ยเหอ โดยเฉพาะทางทิศใต้ของเขาหลีซานอุดมไปด้วยสินแร่ทองคำ ส่วนทางทิศเหนือก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่หยก ดังนั้นฉินสื่อหวงจึงทรงเลือกชัยภูมิที่มีฮวงจุ้ยอันดีเลิศนี้ เพื่อเป็นสุสานสำหรับฝังพระบรมศพของพระองค์ สุสานกองทัพทหารดินเผานั้นอยู่ห่างจากสุสานฉินสื่อหวงราว 1.5 กม.ทั้งหมดถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนแผ่นดินจีน พร้อมกับพระบรมศพของฉินสื่อหวง

สุสานฉินสื่อหวงที่คงหลงเหลืออยู่บนดินนั้น ตามข้อสันนิษฐานของนักโบราณคดี มีความน่าเชื่อถือได้ว่าแต่เดิมมีรูปพรรณสัณฐานเป็นพื้นที่หมวกสี่เหลี่ยมหัวกลับ มีความสูงถึง 115 เมตร ตั้งอยู่บนฐานกว้างราว 345 เมตร คูณ 350 เมตร จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกและทิศเหนือมายังทิศใต้ บริเวณสุสานมีการก่อสร้างเป็นกำแพงล้อม 2 ชั้น คือกำแพงชั้นนอกและกำแพงชั้นใน กำแพงชั้นในมีความยาวจากเหนือจรดใต้ถึง 1,355 เมตร และจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกความยาว 580 เมตร มีประตูสุสานอยู่ทางด้านทิศเหนือ ส่วนบริเวณกำแพงชั้นนอกมีความยาวจากเหนือจรดใต้ 2,165 เมตร ทางด้านตะวันออกจรดตะวันตก มีความยาว 940 เมตร มีประตูทางออกพร้อมหอคอยรักษาการณ์ทั้งสี่มุม ในระหว่างกำแพงชั้นนอกกับกำแพงชั้นในมีซากปรักหักพังหลงเหลือแสดงถึงร่องรอยที่ตั้งศาลาพิธีการและจวนที่พำนักของเจ้าพนักงานเฝ้าสุสาน

จากการตรวจสอบประวัติของมหาสุสานฉินสื่อหวง บันทึกทางประวัติศาสตร์ ระบุว่าสุสานแห่งนี้ได้จำลองเอาลักษณะของประเทศจีน ทั้งหมด ย่อส่วนลงจากจีนแผ่นดินใหญ่ให้กลายเป็นแผ่นดินจีนขนาดจิ๋ว ภายใต้พื้นดินที่มีความสูงถึง 47 เมตร ลักษณะของสุสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่กว่า 56 ตร.กม. แต่ละส่วนแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ บริเวณกลางสุสานเชื่อกันว่าคือสถานที่สำหรับฝังพระบรมศพของฉินสื่อหวง และตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่า เพดานของสุสานนั้นมีการประดับด้วยเพชรพลอยจำนวนมากเป็นรูปท้องฟ้าในยามค่ำคืน และมีการสูบเอาปรอทมาจำลองเป็นลำธารในแม่น้ำใหญ่หรือแม่น้ำหวางเหอ

สภาพของสุสานฉินสื่อหวงที่ถูกขุดค้นพบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้ดังเดิม ในรูปและลักษณะของสุสานมูลดินทรงพีระมิด มีความสูงประมาณ 70 กว่าเมตร ก่อสร้างบนฐานกว้างยาวประมาณ 8 เมตร พื้นที่บริเวณโดยรอบของสุสานถูกล้อมรั้วห้ามเข้าเนื่องจากเป็นเขตต้องห้ามที่นักโบราณคดีทำการขุดค้น จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีน บริเวณพื้นที่แห่งนี้เมื่อระยะเวลาเมื่อ 3,000 ปีมาแล้ว ฉินสื่อหวง ได้เคยเสด็จมาเลือกพื้นที่สำหรับก่อสร้างสุสานด้วยพระองค์เอง ตรงบริเวณเชิงเขาหลีซาน ซึ่งมีภูมิประเทศสวยงาม อุดมไปด้วยสินแร่ ทั้งแหล่งผลิตทองคำทางตอนใต้ และแหล่งผลิตหยกทางตอนเหนือซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเว่ยเหอ

สุสานของจักรพรรดิจีนโบราณ มักจะขุดลึกลงไปใต้ดินที่เป็นเนินเขาทำเป็นอุโมงค์ทางเดินไปสู่ห้องเก็บพระบรมศพ พร้อมกับสมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์นานาชนิด เพื่อไว้สำหรับใช้สอยหลังจากพระองค์สิ้นพระชนมชีพไปแล้ว ส่วนด้านบนพื้นดินเหนืออุโมงค์สุสาน มีธรรมเนียมสร้างถนนแห่งวิญญาณจากทิศใต้มุ่งสู่ประตูอุโมงค์สุสานทางทิศเหนือ โดยวางรูปสลักเทวดา คน สัตว์ต่าง ๆ สองข้างทางจนถึงปากอุโมงค์ซึ่งจะจัดตั้งหลักศิลาขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นที่สังเกต

ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของซื่อหม่า เสี่ยน ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (135-145 ปีก่อนคริสตกาล) ระบุว่า ฉินสื่อหวงทรงเริ่มก่อสร้างสุสานทันทีที่เสด็จขึ้นครองราชย์ มีทาส และชาวนาประชาชนจำนวนกว่า 700,000 คนถูกส่งมาใช้แรงงานก่อสร้างสุสาน โดยขุดผิวดินให้ลงไปจากชั้นดินดานถึง 3 ชั้น เพื่อก่อสร้างเป็นพระราชวังใต้ดิน ที่ตั้งพระศพห่อหุ้มด้วยทองแดงเป็นการจำลองแผ่นดินจีนทั้งหมดย่อส่วนเอาไว้ภายในใต้ดิน ช่างฝีมือได้ซ่อนค่ายกลป้องกันพวกลักขโมย เมื่อเข้าใกล้บริเวณสุสานเกาทัณฑ์ก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที

จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่า บริเวณพื้นดินส่วนกลางของสุสานฉินสื่อหวง มีรังสีจากสารปรอทปริมาณมากที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สารปรอทนั้นแผ่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ 1,200 ตร.ม. ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของซื่อหม่า เสี่ยน ตอนหนึ่งที่ว่า ปรอทใช้บรรจุไว้แทนทะเลและแม่น้ำ เป็นเหตุให้ทางรัฐบาลจีนต้องปิดประกาศเป็นเขตหวงห้าม ยกเว้นสุสานบริวาร 400 แห่งโดยรอบบริเวณกว่า 50 ตร.ม. ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีการสำรวจขุดค้น ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ทำให้นักโบราณคดีพบหลักฐานต่าง ๆ อีกมากมายจนสามารถเขียนแผนผังสุสานฉินสื่อหวงได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งก็ปรากฏที่ตั้งพระบรมศพฉินสื่อหวงเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งของสุสาน

โบราณวัตถุที่ขุดภายในสุสานฉินสื่อหวงทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงคราม ทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ในหลุมสุสาน 25,000 กว่าตารางเมตร บางหลุมกองทัพทหารดินเผา มีรถเทียมม้า บางหลุมมีตุ๊กตานกและสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงอุปนิสัยของฉินสื่อหวงที่โปรดการเสด็จประพาสป่า ล่าสัตว์ กองทัพทหารดินเผาและเหล่าม้าศึกที่เฝ้าคอยติดตามถวายอารักขาพระองค์หลังสิ้นพระชนม์ เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของฉินสื่อหวง เมื่อวิญญาณโปอยู่ในร่างของพระองค์ขณะมีพระชนมชีพ หรือเมื่อสิ้นพระชนมชีพ วิญญาณฮั่นก็จะนำเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์

 
ปิงหมาหย่ง อภิมหาประติมากรรม
 
กองทัพทหารดินเผาที่ขุดค้นพบภายในสุสาน
 
รถม้าและม้าศึกที่ขุดค้นพบภายในสุสาน

ตุ๊กตาทหารดินเผาทุกตัวจะมีตราประทับอักษรบนตัวมากกว่า 80 ชื่อ ทำให้นักโบราณคดีจีนมั่นใจว่าผู้ที่สร้างหุ่นทหารดินเผาทั้งหมด เป็นบรรดาช่างปั้นหม้อ ในสังคมสมัยฉิน ถือว่าพวกนี้เป็นพวกชั้นต่ำ บางพวกเคยทำงานรับใช้ในราชสำนัก ช่างปั้นดินเผาในสมัยจีนโบราณที่สืบทอดวิชาความรู้จากครูหรือบรรพบุรุษ มีเอกลักษณ์งานปั้นเฉพาะตัว รับคำสั่งเกณฑ์พลจากทุกแห่งเพื่อสร้างกองทัพทหารดินเผา

ผู้ที่จัดวางตำแหน่งของกองทัพทหารดินเผาภายในสุสาน ได้วางตำแหน่งอย่างเป็นระเบียบ ทหารดินเผาทุกตัวอยู่ในท่าเตรียมพร้อม ประกอบไปด้วยทหารดาบ ทหารเกาทัณฑ์ ทหารหอก และรถม้าศึก โดยเลือกชัยภูมิจัดผังออกแบบค่ายเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยกำแพงดินพูนสูงขึ้น และมีคูอยู่นอกกำแพงเมือง ถนนตัดอยู่ภายในเป็นทางเดินกองทหาร ตัดจากทิศเหนือไปถึงทิศใต้และตะวันออกไปตะวันตก มีด่านกันไฟเป็นระยะ ๆ ตรงกลางค่ายเป็นที่ตั้งกองบัญชาการ ล้อมด้วยเหล่าเสนาบดี ที่ปรึกษา หน่วยทหารที่เป็นหน่วยกล้าตายและองค์รักษ์ ทำหน้าที่คุ้มกันฉินสื่อหวง การจัดวางกองทัพทหารดินเผาเป็นการยืนยันถึงภาพที่ชัดเจนของตำราพิชัยสงครามซุนวู

ในยุคสมัยของฉินสื่อหวงสุสานแห่งนี้เคยถูกเผาทำลายหลายครั้ง โดยมีหลายข้อสันนิษฐาน เช่น การปะทุของก๊าซมีเทนใต้ผิวดิน หรืออาจถูกเผาจากหลังจากพิธีฝังพระบรมศพ

ทหารดินเผาที่ขุดพบได้นั้นมีลักษณะใบหน้าที่มองดูแล้วกลมเกือบคล้ายกัน บางหน้าเป็นรูปไข่ บางหน้าเป็นรูปเหลี่ยม ซึ่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเทคนิคของช่างแต่ละคน มีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน เช่นแผนกช่างนวดดิน ช่างปั้น ช่างทำพิมพ์ สำหรับอวัยวะต่าง ๆ เช่น มือ แขน ขา ศีรษะ เป็นหน้าที่ของช่างขึ้นรูป ที่ทำการปั้นขึ้นรูปศีรษะเป็นรูป ๆ ทำให้ใบหน้าแต่ละหน้าจึงไม่ซ้ำกัน ซึ่งอาจจะเป็นการจำลองจากบุคลิกของทหารจริงในเวลานั้น

ส่วนมากใบหน้าของกองทัพทหารดินเผามีสัณฐานสี่เหลี่ยม ริมฝีปากหนา ไว้หนวดเคราทรงผมนานาชนิด แล้วเอาส่วนต่าง ๆ มาประกอบเข้ากัน นำไปเผาไฟแล้วส่งต่อไปให้ช่างสีซึ่งใช้ฝุ่นสีฉูดฉาดเช่น สีแดง เขียว ฟ้า น้ำตาล เหลือง ดำ ม่วง น้ำเงิน ขาว มาระบายลงบนตัวทหารดินเผา แยกสีตามเหล่าทหารแต่ละกอง สำหรับการปั้นม้าจะแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ตามลักษณะของม้า ก่อนนำมาประกอบเข้าเป็นลำตัวที่กลวง ส่วนอื่นจะทึบตันหมด แล้วจึงเข้าเตาเผาไฟที่มีความร้อนสูงระหว่าง 950 ถึง 1,050 องศา เทคนิคงานปั้นดินเผาของจีนเริ่มมานานกว่า 2,000 ปี จนถึงปัจจุบันวิธีเก่าแก่นี้ก็ยังคงใช้อยู่ทั่วโลก

กองทัพทหารดินเผาทุกตัวเคยถืออาวุธจริงแต่ได้โดนยึดไปโดยพวกกบฏเป็นจำนวนมาก คงหลงเหลือกว่า 10,000 ชิ้น อาวุธส่วนมากสร้างขึ้นจากโลหะผสมทองแดงและดีบุก รวมทั้งนิกเกิลและสังกะสี ฝีมือประณีตโดยเฉพาะหัวลูกธนูจะผสมตะกั่วเท่ากับเป็นการอาบยาพิษอย่างแรง แต่ทั้งหมดได้รับการปลดออกมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางทหาร และเทคโนโลยี

จากการขุดค้นพบกองทัพทหารดินเผาและม้าศึกจำนวนกว่า 6,000 ตัว คาดว่าเมื่อรวมกับจำนวนของทหารดินเผาที่ยังไม่ได้ขุดค้น อาจมีประติมากรรมอันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมากถึง 8,000 ตัว กองทัพทหารดินเผาที่ขุดค้นพบทั้ง 3 หลุมนี้ ในแต่ละหลุมจะแยกจากกันอย่างมีแบบแผน มีการฝังลึกลงไปจากผิวดินในระยะทางประมาณ 5 เมตร มีแนวกำแพงดินพูนสูงราว 3 เมตร แยกจากกันเป็นช่วง ๆ ค้ำยันด้วยท่อนซุง โดยรายละเอียดต่าง ๆ ของกองทัพทหารดินเผา มีดังนี้

หลุมหมายเลข 1

หลุมหมายเลข 1 ที่รัฐบาลจีนทำการขุดค้นมีขนาดกว้างใหญ่ที่สุดในบรรดาหลุมทั้ง 3 หรือราว 230 เมตร จากเหนือไปใต้และกว้าง 62 เมตร จากตะวันออกไปตะวันตก เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื้อที่ 14,260 ตร.ม. มีขนาดความกว้างประมาณ 197 ฟุต (62 เมตร) ยาว 689 ฟุต (230 เมตร) และลึก 14.8 - 21.3 ฟุต (5 เมตร) ประกอบไปด้วยกองทัพทหารติดอาวุธครบมือจำนวนมากกว่า 6,000 ตัว รถศึกพร้อมม้าเทียมรถศึกอีกรวม 40 คัน แบ่งออกเป็น 4 เหล่า คือกองระวังหน้า ปีกซ้าย ปีกขวา และกองระวังหลัง ซึ่งจัดกองทัพทหารดินเผาออกเป็น 38 แถว กองทัพทหารดินเผาทุกนายภายในสุสานมีอาวุธประจำกายได้แก่ ดาบ เกาทัณฑ์ และ หอก อยู่ในที่ตั้งตามตำแหน่งอย่างชัดเจนไม่สับสน

รถม้าและรถศึก กองทัพทหารดินเผาและม้าศึกที่ได้ขุดพบนั้นมีขนาดใหญ่และเล็กเหมือนกับของจริงทุกประการ หุ่นดินเผาทุกตัวมีโครงหน้า สีหน้าและทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกันแม้แต่ตัวเดียว มีขนาดความสูงราว 5 ฟุต 8 นิ้ว จนถึง 6 ฟุต 5 นิ้ว ยืนตระหง่านเรียงรายอยู่เป็นหมวดหมู่ ภายในหลุมที่ 1 ซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านักโบราณคดีของจีนตั้งข้อสังเกตถึงรูปแบบการจัดเรียงของกองทัพทหารดินเผาที่ขุดพบในหลุมที่ 1 มีรูปแบบและแนวการจัดทัพตามบันทึกในตำราพิชัยสงครามซุนวู มีกองทัพทหารดินเผามากกว่า 6,000 ตัว

หลุมหมายเลข 2

หลุมหมายเลข 2 เป็นรูปตัว L ได้ขุดพบในปี พ.ศ. 2519 อยู่ห่างจากหลุมที่ 1 ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 20 เมตร ในอาณาเขตพื้นที่ประมาณ 6,000 ตร.ม. แบ่งออกเป็นพื้นที่ขนาด 4 ส่วน ความกว้างจากเหนือไปใต้ราว 98 เมตร มีความยาวจากตะวันออกไปตะวันตกราว 124 ภายในหลุมมีกองทัพทหารดินเผาจำนวน 4,000 ตัว รถม้าไม้ 89 คัน แบ่งออกเป็น 4 แถว ประกอบไปด้วยเหล่าขุนพลทหารม้า ขุนทหารประจำรถม้าศึก ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ สวมหมวกหนัง รองเท้าบูต มือข้างหนึ่งถือ ธนู ม้าศึกมีลักษณะแข็งแรงปราดเปรียว ทุกตัวถูกจัดตามลำดับแถว หลุมรูปปั้นกองทัพทหารดินเผาหลุมที่ 2 รัฐบาลจีนทำการขุดค้นหาพบหุ่นทหารดินเผาจำนวนกว่า 1,000 ตัว ม้าศึก 500 ตัวและรถม้าที่ทำจากไม้ 89 คัน เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมและศึกษาเกี่ยวกับโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ. 2538

หลุมหมายเลข 3

หลุมหมายเลข 3 เป็นรูปตัว U อยู่ห่างจากหลุมที่ 1 ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 25 เมตร หรือ 120 เมตร รัฐบาลจีนขุดค้นพบในปี พ.ศ. 2519 ทางทิศตะวันออกของหลุมที่ 2 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 520 ตร.ม. เป็นหลุมที่เล็กที่สุด แต่มีความสำคัญที่สุดยิ่งกว่า หลุมหมายเลข 1 และ 2 เนื่องจากเป็นกองบัญชาการสูงสุด โดยกองทัพทหารดินเผาทุกตัวมีอาวุธครบมือ เข้าแถวรักษาการณ์แบบเผชิญหน้ากันทางทิศเหนือกับทิศใต้ข้างละ 2 แถว เพื่อเป็นการคุ้มกันเหล่าแม่ทัพภายในกระโจมบัญชาการ นอกจากนี้ยังพบเขากวางและกระดูกสัตว์ ซึ่งใช้เป็นเครื่องรางของขลังซึ่งเข้าใจว่าเป็นเครื่องที่ใช้ในการประกอบพิธีบูชายัญในพิธีศพอีกด้วย ซึ่งหลุมที่ 3 นี้เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมในปี พ.ศ. 2532

ขบวนรถม้าสำริด

 
รถม้าสำริดที่ขุดค้นพบภายในสุสานฉินสื่อหวง

นอกจากการขุดพบกองทัพทหารดินเผาจำนวนมากแล้ว รัฐบาลจีนยังขุดพบโลงไม้ ยาว 7 เมตร กว้าง 2.3 เมตร ฝังอยู่ใต้พื้นดิน ห่างจากสุสานฉินสื่อหวงไปทางทิศตะวันตกราว 20 เมตร และเมื่อนำขึ้นมาเปิดฝาโลงออกก็พบกับขบวนรถม้าสำริดจำลองของฉินสื่อหวง ฝีมือประณีตสวยงาม ใช้เทคนิคงานโลหะผสม สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นรถม้าประจำพระองค์ในภพหน้า ปัจจุบันรถม้าสำริดที่ถูกขุดค้นพบ จัดแสดงไว้ในอาคารอีกหลังหนึ่งในบริเวณพิพิธภัณฑ์ กองทัพทหหารดินเผาประกอบด้วยรถม้าส่วนพระองค์ รถเทียมม้าบุกนำทาง มีองค์รักษ์ทำหน้าที่พลขับ

รถม้าบุกนำทาง มีความยาว 1.26 เมตร กว้าง 70 เซนติเมตร กั้นร่มคลุมแทนหลังคา ติดอาวุธพร้อม มีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ขนาดเล็กรวมทั้งหมดราว 3,064 ชิ้น ส่วนรถม้าส่วนพระองค์จำลองของฉินสื่อหวง มีความยาว 3.17 เมตร กว้าง 1.06 เมตร รูปทรงสี่เหลี่ยม คลุมด้วยหลังคารูปไข่ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบเป็นตัวรถม้าส่วนพระองค์จำลองรวม 3,462 ชิ้น ประดับด้วยทองคำและเงินจำนวนมากกว่า 1,000 ชิ้น นอกจากนี้ ยังมีเส้นทองแดงขดเป็นโซ่ขนาดเล็ก ขนาดเพียง 0.05 เซนติเมตร อยู่ภายใน

รถม้าทั้งสองคันเทียมด้วยม้าสำริดคันละ 4 ตัว แต่งเครื่องทรงเต็มยศ องครักษ์ สูง 51 เซนติเมตร แต่งเครื่องแบบเต็มยศเช่นกัน นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดอีกชิ้นหนึ่งที่ได้เคยค้นพบในประเทศจีน เป็นการลบภาพความเชื่อเดิม ๆ ที่ว่า ยุคทองของเครื่องสำริดได้หมดไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ซึ่งเหล็กได้เข้ามามีบทบาทแทนที่จนถึงสมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่น ที่ช่างสำริดได้สูญหายไปหมดแล้ว จากรูปสำริดเหล่านี้ นักโบราณคดีจีนสามารถจินตนาการขบวนรถม้าส่วนพระองค์ของจริงที่ฉินสื่อหวงทรงใช้ประทับแรมระหว่างเสด็จประพาสตามหัวเมืองต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

มรดกโลกทางวัฒนธรรม

กองทัพทหารดินเผาภายในสุสานฉินสื่อหวง ได้รับคัดเลือกให้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2530 ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์พิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลก ดังต่อไปนี้

  • (i) - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
  • (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
  • (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
  • (vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์

อ้างอิง

  1. ขนาดพื้นที่ของสุสาน
  2. เผยปริศนาในสุสานจิ๋นซี
  3. สุสานฉินสื่อหวง
  4. เที่ยว“สุสานจิ๋นซี” สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก, ผู้จัดการออนไลน์, 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 17:18 น.]
  5. http://whc.unesco.org/archive/repcom87.htm#441
  6. ระยะทางของสุสาน
  7. สถาปัตยกรรมจีน
  8. 1974 โลกตะลึงกองทัพทหารใต้สุสาน, ผู้จัดการออนไลน์
  9. ศ.ดร.ลูเซี่ยน ดับเบิ้นยู. พาย, จีนสามยุค, สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2543
  10. บุญศักดิ์ แสงระวี, ฉินสื่อหวง-ประวัติศาสตร์ชาติจีน, สำนักพิมพ์ สุขภาพใจ, 2543, หน้า 242
  11. http://whc.unesco.org/en/list/441/

แหล่งข้อมูลอื่น

  • แหล่งข้อมูลองค์กรยูเนสโก
  • สุสานฉินสื่อหวง
  • มรดกโลกทางวัฒธรรม
  • เกณฑ์การตัดสินมรดกโลก
  • เยี่ยมชมสุสานฉินสื่อหวง ในมุมมองแบบ 360 องศา

พิกัดภูมิศาสตร์: 34°23′5.34″N 109°16′26.11″E / 34.3848167°N 109.2739194°E / 34.3848167; 109.2739194

สานจ, นซ, องเต, สานฉ, นส, อหวง, นต, วย, 秦始皇兵马俑, นต, วเต, 秦始皇兵馬俑, นอ, qínshǐhuáng, bīngmǎyǒng, นส, อหวงป, งหมาหย, แปลว, นทหารและม, าของฉ, นส, อหวง, ฮวงซ, ยของจ, กรพรรด, นฉ, นส, อหวงแห, งราชวงศ, งอย, ตำบลหล, นถง, างจากเม, องซ, อาน, มณฑลฉ, านซ, ประเทศจ, นส, สานจ,. susanchinsuxhwng cintwyx 秦始皇兵马俑 cintwetm 秦始皇兵馬俑 phinxin Qinshǐhuang bingmǎyǒng chinsuxhwngpinghmahyng aeplwa hunthharaelamakhxngchinsuxhwng khux hwngsuykhxngckrphrrdicinchinsuxhwngaehngrachwngschin tngxyuthitablhlinthng hangcakemuxngsixan mnthlchansi praethscinsusanckrphrrdichinthi 1 aehlngmrdkolkodyyuensoksusanchinsuxhwngpraeths cinpraephthmrdkthangwthnthrrmeknthphicarna i iii iv vi prawtikarkhunthaebiynkhunthaebiyn2530 khnakrrmkarsmythi 11 chuxtamthiidkhunthaebiyninbychiaehlngmrdkolk phumiphakhthicdaebngodyyuensoksusanchinsuxhwngidkhnphbodybngexiyemux 29 minakhm ph s 2517 odychawnainhmubansihyang chux hyangcuxfa inkhnathikhuddinephuxthabxna briewnechingekhahlisan hangcaktwemuxngsixan ipthangthistawnxxkpraman 35 km 1 odyinrahwangthikhudnn kbngexiyphbkbsakkhxngthhardinepha thithrabphayhlngwamixayumakkwa 2 000 pipccubnrthbalcinkhudkhnphbwtthuobranthiepnkxngthphthhardinepha srrphawuth rthmaaelamasuk canwnthngsinkwa 7 400 chin phayinbriewnphunthihlumsusankwa 25 000 tr m mikarkhadkhaenwaxanaekhtkhxngsusanchinsuxhwngcamiphunthimakkwa 2 180 tr km 2 susanchinsuxhwngidrbkarkhdeluxkihepnmrdkolkthangwthnthrrminpi ph s 2530 3 susanchinsuxhwngerimkxsranginsmychinsuxhwng ichrayaewlakxsrangpraman 38 pi tngaetpi 246 208 kxnkhristkal sungxanaekhtphunthikhxngsusanrwmthngsin 2 180 tr km aebngxxkepnphrarachthanchninaelaphrarachthanchnnxk phayinsusanichbrrcuphrabrmsphkhxngchinsuxhwng thrphysmbtitang tlxdcnkxngkalngthhar nangsnmaelanangkanl rthmaaelakhunphlthhar canwnmak ephuxepntwaethnkhxngkharachbripharinkarrwmedinthangipyngprolkkhxngchinsuxhwng 4 okhrngsrangaelasthaptykrrmodyrwmkhxngsusan miphunthiepnrupsiehliymphunpha mikhwamlukechliy 35 emtr kwang 145 emtr aela yaw 170 emtrsahrbhxngbrrcuphrabrmsphxyucudkungklangkhxngsusan mikhwamsung 15 emtr mikhnadphunthiaelakhwamihyotmohlarrawkbsnamfutbxlsahrbphayin inswnthikxsrangcakhinnnyngkhngidrbkarpidphnukxyangdiodykhngsphaphedimexaiw aelaimekhyphankarkhudaelaruxthalaymakxn odyokhrngsrangkhxngsusandngklaw mirupaebbokhrngsrangaelakarcdsrangthimikhwamslbsbsxn khnadkhxngsusanmikhnadmhuma yingihysmphraekiyrtikhxngckrphrrdicinphurwbrwmpraethscinihepnpukaephn enuxha 1 prawtikarkhnphbsusan 2 kaenidsusan 3 okhrngsrangaelasthaptykrrm 3 1 hlumhmayelkh 1 3 2 hlumhmayelkh 2 3 3 hlumhmayelkh 3 4 khbwnrthmasarid 5 mrdkolkthangwthnthrrm 6 xangxing 7 aehlngkhxmulxunprawtikarkhnphbsusan aekikh kxngthphthhardinephaphayinsusanchinsuxhwng hunthhardinephathikhudkhnphbphayinsusanchinsuxhwng emuxngsixanepnnkhraehngwthnthrrm xnmichuxesiyngluxeluxngthangphakhtawntkechiyngehnuxkhxngcin inprawtisastrekhyepnemuxnghlwng aelarachthanikhxngrachwngscinrwmkwa 10 rachwngs epnrayaewlakwaphnpi ekhyepnaehlngkartxsukhxngchawnainhlaykhrnginkarkxtngxanacrth pccubnemuxngsixanyngkhnghlngehluxrxngrxykhxngobransthan aelaobranwtthuihphbehnidthwip aelainpi ph s 2517 idmikarkhudphbhlumfngruppndinepha ruppnthharaelamainsmyrachwngschinkhnadihy phayinhmubansihyang echingekhahlisaninxaephxhlinthng thangthistawnxxkkhxngemuxngsixan 34 23 5 34 N 109 16 26 11 E 34 3848167 N 109 2739194 E 34 3848167 109 2739194 karkhudkhnphbthangprawtisastrthiyingihythisudkhxngcin aelayingihythisudsinghnungkhxngolkinstwrrsthi 20 aelatrabcnthukwnni thangkarrthbalcinthuxwa susanchinsuxhwng thiyngrxkarkhudkhnnn epnsingmhscrrykhxngolkinyukhobranchinthi 8 kxngthphthhardinephaphayinsusanaelarthmasmyrachwngschin canwnmak mikhnadihyotmohlarsuksxnxyuphayitphundin tambnthukinprawtisastrcinthukkhudphbodybngexiycakchawnatrakulhyangcanwn 7 khn inhmubansihyang emuxnghlinthng intnkhxngvduibimphliinpi ph s 2517 thikhuddinephuxhabxnaiwichsahrbephaaplukinvduhnawthicamathungphayinhmuban inwnthi 5 khxngkarkhuddinephuxhabxna emuxkhudluklngippraman 4 emtr kphbkbwtthuthithadwydinephathimilksnaruprangkhlaykbehyuxksahrbisna cungkhxy khuddinxyangramdrawng aelaemuxyingkhudluklngipkphbkxngthphthhardinephainchudekraa khnthnuaelalukthnuthxngehluxngcanwnhnunghlngkarkhudphbodybngexiy chawnatrakulhyangidcudthupkrabiwephuxkhxkhmaenuxngcakekhaicwaepnwdhruxobranwtthu hlngcaknnxik 2 eduxn ecahnathikhxngthangkarthirbphidchxbinkarkhudhaaehlngnakhxngcin idekhamatrwcsxbkhwamkhubhnakhxngkarkhudhaaehlngnakhxngchawban kidphbkbsingthichawnatrakulhyangkhnphb aelasngektehnthunglksnakhxngxithaelaruppndinephathimilksnakhlaykhlungkbthisusankhxngchinsuxhwng cungidraynganipyngthangkarkhxngmnthlchansi hlngcaknnthangrthbalciniderimthakarkhudkhnhaxyangepnrabb erimtngaetpi ph s 2519 epntnma phlkhxngkarkhudkhnphbruppnkxngthphthharaelarthmadinephamakkwa 8 000 tw aelarthmaimmakkwa 100 khn incanwnhlumphayinsusanthikhudphbmixanaekhtphunthirwmknthungkwa 20 000 tr m txma ecakhnghmin ecahnathifaywthnthrrmpracaxaephxhlinthng idiptrwcsxbyngbriewnphunthithichawnatrakulhyangkhnphb ephuxthakarkwansuxsakobranwtthuxnthrngkhunkhathithukkhudphb aelaidnaxxkipcahnaykxnhnaniid 3 khnrth ephuxnaklbipynghxngwicyephuxthakarsuksa aelatxmaintneduxnphvsphakhm ecakhnghminidcakdphunthiinbriewnxanaekhtthikhudphbcanwn 120 tr m ephuxthakarkhudhasakkhxngkxngthphdinephaephimetim rthbalcinidekhamamibthbathinkarkhudhaephimetimkhxngkxngthphthhardinephasungepnewlaediywkbthi linxnehwin nkkhawhnngsuxphimphsinhw idedinthangklbipeyiymyatithixaephxhlinthngaelaphbkbsingthichawnaaelaecahnathikhudphb emuxklbsupkking idnaeruxngkxngthphthhardinephatiphimphlnginkhxlmn chumnumehtukarn inhnngsuxphimphehrinhminyuxepatneduxnkrkdakhm rxngnaykrthmntrihliesiyneniyn idmikhasngihkxngobrankhdiaelakrrmkarmnthlchansikhxngcin rwmknhamatrkarinkarxnurksobranwtthuthangprawtisastrkhxngcinni aelainwnthi 15 krkdakhm ph s 2517 hywncngxi ecakhnghmin idnathimnkobrankhdi edinthangekhaipynghmubansihyangxikkhrng ephuxthakartrwcsxbaelakhudkhnephimetimcnthungpccubn wnthi 1 tulakhm ph s 2522 kxngthphthhardinephaphayitmhasusanchinsuxhwngidepidihsatharnchnekhachmxyangepnthangkar aelaineduxnthnwakhm ph s 2530 xngkhkaryuensokidlngmtiihsusanchinsuxhwng epnmrdkolkthangwthnthrrm 5 phayinsusanprakxbipdwyhlumthharruppndinephacanwnmak khudphbaelwcanwn 3 hlumcakthnghmd 8 hlum sungsrupodyrwmwtthuobranthangprawtisastrthikhnphbthngthiepnhunthhardinepha srrphawuth rthmaaelamasukthiichinkarsngkhram micanwnrwmthngsinkwa 7 400 chin inhlumsusanthimixanaekhtphunthikwa 25 000 tr m kaenidsusan aekikh phayinsusankxngthphthhardinepha chinsuxhwngthrngsrangsusankxngthphthhardinephakhun ephuxichepnsthanthiekbphrabrmsphkhxngphraxngkhexng aesdngihehnthungwiwthnakaraelasthaptykrrmobrankhxngcin aelaskyphaphxnyingihykhxngphraxngkh ckrphrrdicinthukphraxngkhinprawtisastrcamikhwamiffnsungsudxyu 2 prakarkhux 1 yaxayuwthna thahakphraxngkhyngesaaaeswnghaimid singthiphraxngkhcatxngthakkhux 2 karsrangmhasusankhnadxnihyotmohlar ephuxepnthiprathbchwkalnanchawcininsmyobranmikhwamechuxwamnusynnmi 2 wiyyan wiyyanaerkkhux op Po sungcamaphrxmkbkarekidkhxngthark xikwiyyanhnungeriykwa hn Han epnwiyyanthiswrrkhsngmarwmkbwiyyanaerkphrxmkntngaetekid aelaemuxecakhxngrangtaylng wiyyanaerkhruxopcakhngxyuinrangnn swnhncaxxkcakrangklbkhunsuswrrkhip thaphutayimidrbkarfngxyangthuktxngtampraephni opcaxyuxyangimmikhwamsukh ethiywerrxnklayepn kuy Gui hruxpisacxnchwray chawcinthukkhncungtxngidrbkarfngxyangthuktxngtampraephniemuxthungaekkrrm odycathukbrrcurangiwphayinsusantamthanakhxngphutay nxkcaknn phraxngkhyngoprd ihsrangsusankhxngphraxngkhthnthitamobranrachpraephni aelaxiksinghnungthiphraxngkhthrngisphrathyepnphiesskkhux miphrarachbychaih nkphrtsifu natwedkhyingaelaedkchayphrhmcrrynbphnkhn lngeruxedinthael edinthangipthangtawnxxkephuxaeswnghaekaaephingihl ekaafangeca aelaekaaxingocw thrngechuxwaepndinaednhwnghamkhxngmnusy enuxngcakepnthiphankkhxngesiynthicamxbyaxayuwthnaihphraxngkhthrngmichiwitepnxmta aetthwatlxdphrachnmchiphkhxngphraxngkh khawkhrawaelachatakrrmkhxngkhnaedinthangthiphraxngkhthrngmxbhmaypharkicesiyngtayihnn imekhyidyinthungphrakrrnkhxngphraxngkhelyaemaetnxyhlngthrngkhunkhrxngrachyinpi 247 kxnkhristkal chinsuxhwngkerimsrangsusankhxngphraxngkhaelw cnthunginpi 210 kxnkhristkal emuxphraxngkhsinphrachnmlng ngansrangmhasusankyngimaelwesrc cnmaesrcsmburninpithi 2 khxngrchsmychinexxsux phuepnbutrchay pi 208 kxnkhristkal rwmrayaewlainkarkxsrangthung 38 pi aelaideriykchuxsusanniwa hlisanhywn hruxxuthyanaehngekhahlisan ichrayaewlainkarkxsrangsusantngaetpi 246 208 kxnpikhristskrach ephraamikhwamechuxekiywkbchiwithlngkhwamtaykhxngphraxngkh thrngsranghunkxngthphthhardinephacanwnmakrwmthngrthmaaelamasuk ephuxihthnghmdnitidtamiprbichaelaxarkkhaphraxngkhinprolk aelaenuxngdwyehtuphldngklawnithaihhunthhardinepha masukaelarthmacanwnmakthithukfngxyuphayinsusan lwnaetmikhnadethakhxngcringthukprakar rwmthngraylaexiydtang khxnghunthhardinephaaelakarcdthph sungepnkarcdtaaehnngtamkrabwnthphodyaebngxxkepn 11 aethw prakxbipdwy aemthphfaybu aemthphfaybun phlhxk phldab sungxawuthinmuxswnihykhuxxawuthcring sarthipracarthma masukhunthhardinephaphayinsusanmikhnadruprangthiaetktangkn mikhwamsungpraman 1 8 emtr lksnahnata kriyathathang ekhruxngaetngkayimehmuxnknaemaettwediyw rthbalcinthirbphidchxbinkarkhudkhnsusanprawtisastrni echuxknwahlumkxngthphdinephakhxngchinsuxhwng midwyknthnghmd 8 hlum aetinpccubnmikarkhudkhnephiyngaekh 3 hlumethann ephraarthbalcinyngimtxngkarthakarkhudkhnxyangtxenuxng ephraaekrngwasikhxnghunthhardinephathikhudphbnncahayip inxditerimaerkkhxngkarkhudphbkxngthphthhardinephacaksusanitdinnn hunthharehlanimiaekmepnsichmphu swmekhruxngaetngkaythimisisnsdisthithasiexaiwxyangswyngam odyswnihycaswmesuxsichmphu kangekngsiekhiywaelafa aetthwaemuxhunthhardinephathukxakasaelaaesngaedd ekidptikiriyathangekhmithaihsikhxnghunthhardinephalxkhayip epliynepnsidaxyangnaesiydaycakkartrwcsxbkhnadkhxngmhasusanniinpccubnphbwa susantngxyubnenindinthiekhysungpraman 115 emtr mikhnadkhlaysiehliymctursemuxaerksrang khux cakthisehnuxipityawpraman 350 emtr cakthistawnxxkiptawntkyawpraman 345 emtr twsusanepnhlumkhnadihy mikhwamlukkwa 30 emtr nkobrankhdipraeminkhraw wakhnadkhxngphrarachwngitdinthuksrangkhuninradbthilukthisudkhxnghlum mikhnad 120 x 160 emtr hruxethiybethakhnadkhxngsnambasektbxl 40 snamrwmkn aelacakkartrwcsxbdwyekhruxngmuxthangwithyasastrthithnsmy yunynidwa phayinsusanmisarprxthcanwnmakphidpkti khux sungkwaradbpktithungkwa 100 etha cungimphidkbthi suxhma esiyn idbnthukinpumprawtisastrmakwa 2 000 pithiaelwwa phayinmisarprxthihlewiynducaemnaaelathael okhrngsrangaelasthaptykrrm aekikh okhrngsrangaelasthaptykrrmphayinsusan susanchinsuxhwng tngxyuinekhtemuxnghlinthng hangcakemuxngsixanipthangthistawnxxkechiyngehnuxpraman 35 km 6 mithaelthitngxyuxingbriewnekhahlisan briewndanhnakhxngsusanhnipthangaemnaewyehx odyechphaathangthisitkhxngekhahlisanxudmipdwysinaerthxngkha swnthangthisehnuxkxudmsmburnipdwyaerhyk dngnnchinsuxhwngcungthrngeluxkchyphumithimihwngcuyxndielisni ephuxepnsusansahrbfngphrabrmsphkhxngphraxngkh susankxngthphthhardinephannxyuhangcaksusanchinsuxhwngraw 1 5 km thnghmdthukfngxyuphayitphunaephndincin phrxmkbphrabrmsphkhxngchinsuxhwngsusanchinsuxhwngthikhnghlngehluxxyubndinnn tamkhxsnnisthankhxngnkobrankhdi mikhwamnaechuxthuxidwaaetedimmirupphrrnsnthanepnphunthihmwksiehliymhwklb mikhwamsungthung 115 emtr tngxyubnthankwangraw 345 emtr khun 350 emtr cakthistawnxxkipthistawntkaelathisehnuxmayngthisit briewnsusanmikarkxsrangepnkaaephnglxm 2 chn khuxkaaephngchnnxkaelakaaephngchnin kaaephngchninmikhwamyawcakehnuxcrditthung 1 355 emtr aelacakthistawnxxkipthangthistawntkkhwamyaw 580 emtr mipratususanxyuthangdanthisehnux swnbriewnkaaephngchnnxkmikhwamyawcakehnuxcrdit 2 165 emtr thangdantawnxxkcrdtawntk mikhwamyaw 940 emtr mipratuthangxxkphrxmhxkhxyrksakarnthngsimum inrahwangkaaephngchnnxkkbkaaephngchninmisakprkhkphnghlngehluxaesdngthungrxngrxythitngsalaphithikaraelacwnthiphankkhxngecaphnknganefasusan 7 cakkartrwcsxbprawtikhxngmhasusanchinsuxhwng bnthukthangprawtisastr rabuwasusanaehngniidcalxngexalksnakhxngpraethscin thnghmd yxswnlngcakcinaephndinihyihklayepnaephndincinkhnadciw phayitphundinthimikhwamsungthung 47 emtr lksnakhxngsusanepnrupsiehliymphunphakhrxbkhlumxanaekhtphunthikwa 56 tr km aetlaswnaebngxxkepnhxngtang briewnklangsusanechuxknwakhuxsthanthisahrbfngphrabrmsphkhxngchinsuxhwng aelatambnthukthangprawtisastridbnthukexaiwwa ephdankhxngsusannnmikarpradbdwyephchrphlxycanwnmakepnrupthxngfainyamkhakhun aelamikarsubexaprxthmacalxngepnlatharinaemnaihyhruxaemnahwangehxsphaphkhxngsusanchinsuxhwngthithukkhudkhnphbtngaetxditcnthungpccubnyngkhngekbrksaiwdngedim inrupaelalksnakhxngsusanmuldinthrngphiramid mikhwamsungpraman 70 kwaemtr kxsrangbnthankwangyawpraman 8 emtr phunthibriewnodyrxbkhxngsusanthuklxmrwhamekhaenuxngcakepnekhttxnghamthinkobrankhdithakarkhudkhn cakbnthukthangprawtisastrkhxngcin briewnphunthiaehngniemuxrayaewlaemux 3 000 pimaaelw chinsuxhwng idekhyesdcmaeluxkphunthisahrbkxsrangsusandwyphraxngkhexng trngbriewnechingekhahlisan sungmiphumipraethsswyngam xudmipdwysinaer thngaehlngphlitthxngkhathangtxnit aelaaehlngphlithykthangtxnehnuxsungxyutidrimaemnaewyehxsusankhxngckrphrrdicinobran mkcakhudluklngipitdinthiepneninekhathaepnxuomngkhthangedinipsuhxngekbphrabrmsph phrxmkbsmbti khawkhxngekhruxngichswnphraxngkhnanachnid ephuxiwsahrbichsxyhlngcakphraxngkhsinphrachnmchiphipaelw swndanbnphundinehnuxxuomngkhsusan mithrrmeniymsrangthnnaehngwiyyancakthisitmungsupratuxuomngkhsusanthangthisehnux odywangrupslkethwda khn stwtang sxngkhangthangcnthungpakxuomngkhsungcacdtnghlksilakhnadihyiwihepnthisngekttambnthukprawtisastrkhxngsuxhma esiyn insmyrachwngshn 135 145 pikxnkhristkal rabuwa chinsuxhwngthrngerimkxsrangsusanthnthithiesdckhunkhrxngrachy mithas aelachawnaprachachncanwnkwa 700 000 khnthuksngmaichaerngngankxsrangsusan odykhudphiwdinihlngipcakchndindanthung 3 chn ephuxkxsrangepnphrarachwngitdin thitngphrasphhxhumdwythxngaedngepnkarcalxngaephndincinthnghmdyxswnexaiwphayinitdin changfimuxidsxnkhayklpxngknphwklkkhomy emuxekhaiklbriewnsusanekathnthkcaphungekhaisthnthicakkartrwcsxbthangwithyasastrphbwa briewnphundinswnklangkhxngsusanchinsuxhwng mirngsicaksarprxthprimanmakthiepnxntraytxmnusy sarprxthnnaephkracayxyuthwphunthi 1 200 tr m sungsxdkhlxngkbbnthukkhxngsuxhma esiyn txnhnungthiwa prxthichbrrcuiwaethnthaelaelaaemna epnehtuihthangrthbalcintxngpidprakasepnekhthwngham ykewnsusanbriwar 400 aehngodyrxbbriewnkwa 50 tr m sungidrbxnuyatihmikarsarwckhudkhn tlxdewla 1 pietm thaihnkobrankhdiphbhlkthantang xikmakmaycnsamarthekhiynaephnphngsusanchinsuxhwngidxyangkhxnkhangsmburn sungkpraktthitngphrabrmsphchinsuxhwngepnephiyngcudelk cudhnungkhxngsusanobranwtthuthikhudphayinsusanchinsuxhwngthngthiepnhunthhardinepha srrphawuth rthmaaelamasukthiichinkarsngkhram thngsinkwa 7 400 chin 2 inhlumsusan 25 000 kwatarangemtr banghlumkxngthphthhardinepha mirthethiymma banghlummituktankaelastwtang sungsathxnthungxupnisykhxngchinsuxhwngthioprdkaresdcpraphaspa lastw kxngthphthhardinephaaelaehlamasukthiefakhxytidtamthwayxarkkhaphraxngkhhlngsinphrachnm epnkarbngbxkthungkhwamepntwtnkhxngchinsuxhwng emuxwiyyanopxyuinrangkhxngphraxngkhkhnamiphrachnmchiph hruxemuxsinphrachnmchiph wiyyanhnkcanaesdckhunsusrwngswrrkh pinghmahyng xphimhapratimakrrm kxngthphthhardinephathikhudkhnphbphayinsusan rthmaaelamasukthikhudkhnphbphayinsusan tuktathhardinephathuktwcamitraprathbxksrbntwmakkwa 80 chux thaihnkobrankhdicinmnicwaphuthisranghunthhardinephathnghmd epnbrrdachangpnhmx insngkhmsmychin thuxwaphwkniepnphwkchnta bangphwkekhythanganrbichinrachsank changpndinephainsmycinobranthisubthxdwichakhwamrucakkhruhruxbrrphburus miexklksnnganpnechphaatw rbkhasngeknthphlcakthukaehngephuxsrangkxngthphthhardinephaphuthicdwangtaaehnngkhxngkxngthphthhardinephaphayinsusan idwangtaaehnngxyangepnraebiyb thhardinephathuktwxyuinthaetriymphrxm prakxbipdwythhardab thharekathnth thharhxk aelarthmasuk odyeluxkchyphumicdphngxxkaebbkhayepnrupsiehliymlxmrxbdwykaaephngdinphunsungkhun aelamikhuxyunxkkaaephngemuxng thnntdxyuphayinepnthangedinkxngthhar tdcakthisehnuxipthungthisitaelatawnxxkiptawntk midanknifepnraya trngklangkhayepnthitngkxngbychakar lxmdwyehlaesnabdi thipruksa hnwythharthiepnhnwyklatayaelaxngkhrks thahnathikhumknchinsuxhwng karcdwangkxngthphthhardinephaepnkaryunynthungphaphthichdecnkhxngtaraphichysngkhramsunwu 8 inyukhsmykhxngchinsuxhwngsusanaehngniekhythukephathalayhlaykhrng odymihlaykhxsnnisthan echn karpathukhxngkasmiethnitphiwdin hruxxacthukephacakhlngcakphithifngphrabrmsphthhardinephathikhudphbidnnmilksnaibhnathimxngduaelwklmekuxbkhlaykn banghnaepnrupikh banghnaepnrupehliym sungaetktangknipkhunxyukbethkhnikhkhxngchangaetlakhn mikaraebnghnathixyangchdecn echnaephnkchangnwddin changpn changthaphimph sahrbxwywatang echn mux aekhn kha sirsa epnhnathikhxngchangkhunrup thithakarpnkhunrupsirsaepnrup thaihibhnaaetlahnacungimsakn sungxaccaepnkarcalxngcakbukhlikkhxngthharcringinewlannswnmakibhnakhxngkxngthphthhardinephamisnthansiehliym rimfipakhna iwhnwdekhrathrngphmnanachnid aelwexaswntang maprakxbekhakn naipephaifaelwsngtxipihchangsisungichfunsichudchadechn siaedng ekhiyw fa natal ehluxng da mwng naengin khaw marabaylngbntwthhardinepha aeyksitamehlathharaetlakxng sahrbkarpnmacaaeykchinswntang tamlksnakhxngma kxnnamaprakxbekhaepnlatwthiklwng swnxuncathubtnhmd aelwcungekhaetaephaifthimikhwamrxnsungrahwang 950 thung 1 050 xngsa ethkhnikhnganpndinephakhxngcinerimmanankwa 2 000 pi cnthungpccubnwithiekaaeknikyngkhngichxyuthwolk 9 kxngthphthhardinephathuktwekhythuxxawuthcringaetidodnyudipodyphwkkbtepncanwnmak khnghlngehluxkwa 10 000 chin xawuthswnmaksrangkhuncakolhaphsmthxngaedngaeladibuk rwmthngnikekilaelasngkasi fimuxpranitodyechphaahwlukthnucaphsmtakwethakbepnkarxabyaphisxyangaerng aetthnghmdidrbkarpldxxkmaekbrksaiwinphiphithphnthsungepnkarsathxnihehnthungkhwamkawhnathangthhar aelaethkhonolyi 10 cakkarkhudkhnphbkxngthphthhardinephaaelamasukcanwnkwa 6 000 tw khadwaemuxrwmkbcanwnkhxngthhardinephathiyngimidkhudkhn xacmipratimakrrmxnepnsingmhscrrykhxngolkmakthung 8 000 tw kxngthphthhardinephathikhudkhnphbthng 3 hlumni inaetlahlumcaaeykcakknxyangmiaebbaephn mikarfngluklngipcakphiwdininrayathangpraman 5 emtr miaenwkaaephngdinphunsungraw 3 emtr aeykcakknepnchwng khayndwythxnsung odyraylaexiydtang khxngkxngthphthhardinepha midngni hlumhmayelkh 1 aekikh hlumhmayelkh 1 thirthbalcinthakarkhudkhnmikhnadkwangihythisudinbrrdahlumthng 3 hruxraw 230 emtr cakehnuxipitaelakwang 62 emtr caktawnxxkiptawntk epnrupsiehliymphunpha enuxthi 14 260 tr m mikhnadkhwamkwangpraman 197 fut 62 emtr yaw 689 fut 230 emtr aelaluk 14 8 21 3 fut 5 emtr prakxbipdwykxngthphthhartidxawuthkhrbmuxcanwnmakkwa 6 000 tw rthsukphrxmmaethiymrthsukxikrwm 40 khn aebngxxkepn 4 ehla khuxkxngrawnghna piksay pikkhwa aelakxngrawnghlng sungcdkxngthphthhardinephaxxkepn 38 aethw kxngthphthhardinephathuknayphayinsusanmixawuthpracakayidaek dab ekathnth aela hxk xyuinthitngtamtaaehnngxyangchdecnimsbsnrthmaaelarthsuk kxngthphthhardinephaaelamasukthiidkhudphbnnmikhnadihyaelaelkehmuxnkbkhxngcringthukprakar hundinephathuktwmiokhrnghna sihnaaelathrngphmthiepnexklksnechphaatw imehmuxnknaemaettwediyw mikhnadkhwamsungraw 5 fut 8 niw cnthung 6 fut 5 niw yuntrahnganeriyngrayxyuepnhmwdhmu phayinhlumthi 1 sungepnrupsiehliymphunphankobrankhdikhxngcintngkhxsngektthungrupaebbkarcderiyngkhxngkxngthphthhardinephathikhudphbinhlumthi 1 mirupaebbaelaaenwkarcdthphtambnthukintaraphichysngkhramsunwu mikxngthphthhardinephamakkwa 6 000 tw hlumhmayelkh 2 aekikh hlumhmayelkh 2 epnruptw L idkhudphbinpi ph s 2519 xyuhangcakhlumthi 1 ipthangthistawnxxkechiyngehnuxpraman 20 emtr inxanaekhtphunthipraman 6 000 tr m aebngxxkepnphunthikhnad 4 swn khwamkwangcakehnuxipitraw 98 emtr mikhwamyawcaktawnxxkiptawntkraw 124 phayinhlummikxngthphthhardinephacanwn 4 000 tw rthmaim 89 khn aebngxxkepn 4 aethw prakxbipdwyehlakhunphlthharma khunthharpracarthmasuk sungmiruprangsungihy swmhmwkhnng rxngethabut muxkhanghnungthux thnu masukmilksnaaekhngaerngpradepriyw thuktwthukcdtamladbaethw hlumruppnkxngthphthhardinephahlumthi 2 rthbalcinthakarkhudkhnhaphbhunthhardinephacanwnkwa 1 000 tw masuk 500 twaelarthmathithacakim 89 khn epidihsatharnchnidekhachmaelasuksaekiywkbobranwtthuthangprawtisastrinpi ph s 2538 hlumhmayelkh 3 aekikh hlumhmayelkh 3 epnruptw U xyuhangcakhlumthi 1 ipthangthistawntkechiyngehnuxraw 25 emtr hrux 120 emtr rthbalcinkhudkhnphbinpi ph s 2519 thangthistawnxxkkhxnghlumthi 2 mikhnadphunthipraman 520 tr m epnhlumthielkthisud aetmikhwamsakhythisudyingkwa hlumhmayelkh 1 aela 2 enuxngcakepnkxngbychakarsungsud odykxngthphthhardinephathuktwmixawuthkhrbmux ekhaaethwrksakarnaebbephchiyhnaknthangthisehnuxkbthisitkhangla 2 aethw ephuxepnkarkhumknehlaaemthphphayinkraocmbychakar nxkcakniyngphbekhakwangaelakradukstw sungichepnekhruxngrangkhxngkhlngsungekhaicwaepnekhruxngthiichinkarprakxbphithibuchayyinphithisphxikdwy sunghlumthi 3 niepidihsatharnchnidekhachminpi ph s 2532khbwnrthmasarid aekikh rthmasaridthikhudkhnphbphayinsusanchinsuxhwng nxkcakkarkhudphbkxngthphthhardinephacanwnmakaelw rthbalcinyngkhudphbolngim yaw 7 emtr kwang 2 3 emtr fngxyuitphundin hangcaksusanchinsuxhwngipthangthistawntkraw 20 emtr aelaemuxnakhunmaepidfaolngxxkkphbkbkhbwnrthmasaridcalxngkhxngchinsuxhwng fimuxpranitswyngam ichethkhnikhnganolhaphsm srangkhunephuxihepnrthmapracaphraxngkhinphphhna pccubnrthmasaridthithukkhudkhnphb cdaesdngiwinxakharxikhlnghnunginbriewnphiphithphnth kxngthphthhhardinephaprakxbdwyrthmaswnphraxngkh rthethiymmabuknathang mixngkhrksthahnathiphlkhbrthmabuknathang mikhwamyaw 1 26 emtr kwang 70 esntiemtr knrmkhlumaethnhlngkha tidxawuthphrxm mixupkrnesrimxun khnadelkrwmthnghmdraw 3 064 chin swnrthmaswnphraxngkhcalxngkhxngchinsuxhwng mikhwamyaw 3 17 emtr kwang 1 06 emtr rupthrngsiehliym khlumdwyhlngkharupikh chinswntang thiprakxbepntwrthmaswnphraxngkhcalxngrwm 3 462 chin pradbdwythxngkhaaelaengincanwnmakkwa 1 000 chin nxkcakni yngmiesnthxngaedngkhdepnoskhnadelk khnadephiyng 0 05 esntiemtr xyuphayinrthmathngsxngkhnethiymdwymasaridkhnla 4 tw aetngekhruxngthrngetmys xngkhrks sung 51 esntiemtr aetngekhruxngaebbetmysechnkn nbepnhlkthanthangprawtisastrthisakhythisudxikchinhnungthiidekhykhnphbinpraethscin epnkarlbphaphkhwamechuxedim thiwa yukhthxngkhxngekhruxngsarididhmdiptngaetsmyrachwngssang sungehlkidekhamamibthbathaethnthicnthungsmyrachwngschinaelarachwngshn thichangsarididsuyhayiphmdaelw cakrupsaridehlani nkobrankhdicinsamarthcintnakarkhbwnrthmaswnphraxngkhkhxngcringthichinsuxhwngthrngichprathbaermrahwangesdcpraphastamhwemuxngtang idxyangngaydaymrdkolkthangwthnthrrm aekikhkxngthphthhardinephaphayinsusanchinsuxhwng idrbkhdeluxkihepn mrdkolkthangwthnthrrminpi ph s 2530 dwykhxkahndaelahlkeknthphicarnaihepnaehlngmrdkolk dngtxipni 11 i epntwaethninkaraesdngphlnganchinexkthicdthakhundwykarsrangsrrkhxnchaychladkhxngmnusy iii epnsingthiyunynthunghlkthankhxngwthnthrrmhruxxarythrrmthipraktihehnxyuinpccubnhruxwathisabsuyipaelw iv epntwxyangxnoddednkhxngpraephthkhxngsingkxsrangxnepntwaethnkhxngkarphthna thangdanwthnthrrm sngkhm silpkrrm withyasastr ethkhonolyi xutsahkrrm inprawtisastrkhxngmnusychati vi mikhwamkhidhruxkhwamechuxthiekiywkhxngodytrngkbehtukarn hruxmikhwamoddednyinginprawtisastrxangxing aekikh khnadphunthikhxngsusan 2 0 2 1 ephyprisnainsusancinsi susanchinsuxhwng ethiyw susancinsi singmhscrryxndb 8 khxngolk phucdkarxxniln 9 phvsphakhm ph s 2548 17 18 n http whc unesco org archive repcom87 htm 441 rayathangkhxngsusan sthaptykrrmcin 1974 olktalungkxngthphthharitsusan phucdkarxxniln s dr luesiyn dbebinyu phay cinsamyukh sankphimphsukhphaphic 2543 buyskdi aesngrawi chinsuxhwng prawtisastrchaticin sankphimph sukhphaphic 2543 hna 242 http whc unesco org en list 441 aehlngkhxmulxun aekikhkhxmmxns miphaphaelasuxekiywkb susancinsihxngetaehlngkhxmulxngkhkryuensok susanchinsuxhwng mrdkolkthangwththrrm eknthkartdsinmrdkolk eyiymchmsusanchinsuxhwng inmummxngaebb 360 xngsa phikdphumisastr 34 23 5 34 N 109 16 26 11 E 34 3848167 N 109 2739194 E 34 3848167 109 2739194ekhathungcak https th wikipedia org w index php title susancinsihxnget amp oldid 9490883, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม