อะโทรพีน

อะโทรพีน (Atropine) เป็นสารธรรมชาติชนิด tropane alkaloid สกัดจาก Atropa belladonna, Datura stramonium, Mandragora officinarum และพืชอื่นๆ ในวงศ์มะเขือ เป็น secondary metabolite ของพืชเหล่านี้ และมีประโยชน์เป็นยาที่มีฤทธิ์สำคัญหลายอย่าง สารนี้เป็น competitive antagonist ของ muscarinic acetylcholine receptor ชนิด M1, M2, M3, M4 และ M5 จัดเป็นยาต้านโคลีเนอร์จิก (พาราซิมพาโธไลติก) ชื่อสปีชีส์พืช "belladonna" มาจากที่ใช้ดั้งเดิมของสารนี้ซึ่งใช้ในการแต้มตาให้สตรีมีรูม่านตาโตดูสวยงาม ยานี้เป็นยาหลักในรายการบัญชียาสำคัญขององค์การอนามัยโลก

อะโทรพีน

ข้อมูลทางคลินิก
ชื่อทางการค้า	Atropen
AHFS/Drugs.com	Monograph
MedlinePlus	a682487
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์	US: C (ยังไม่ชี้ขาด)
ช่องทางการรับยา	Oral, IV, IM, rectal
รหัส ATC	A03BA01 (WHO) S01FA01
กฏหมาย
สถานะตามกฏหมาย	In general: ℞ (Prescription only)
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์
ชีวประสิทธิผล	25%
การเปลี่ยนแปลงยา	50% hydrolysed to tropine and tropic acid
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ	2 hours
การขับออก	50% excreted unchanged in urine
ตัวบ่งชี้
ชื่อตามระบบ IUPAC (RS)-(8-methyl-8-azabicyclo[3.2.1]oct-3-yl) 3-hydroxy-2-phenylpropanoate
เลขทะเบียน CAS	51-55-8^[CAS]
PubChem CID	174174
IUPHAR/BPS	320
DrugBank	DB00572^7
ChemSpider	10194105^7
UNII	7C0697DR9I
KEGG	D00113^7
ChEBI	CHEBI:16684^7
ChEMBL	CHEMBL195^7
ECHA InfoCard	100.000.096
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี
สูตร	C17H23NO3
มวลต่อโมล	289.369
แบบจำลอง 3D (JSmol)	Interactive image
SMILES CN3[C@H]1CC[C@@H]3C[C@@H](C1)OC(=O)C(CO)c2ccccc2
InChI InChI=1S/C17H23NO3/c1-18-13-7-8-14(18)10-15(9-13)21-17(20)16(11-19)12-5-3-2-4-6-12/h2-6,13-16,19H,7-11H2,1H3/t13-,14+,15+,16?^7 Key:RKUNBYITZUJHSG-SPUOUPEWSA-N^7
^7 7 (what is this?)  (verify)
สารานุกรมเภสัชกรรม

ฤทธิ์ทางสรีรวิทยาและที่ใช้

ในการกู้ชีพ

อะโทรพีนแบบฉีดมีบทบาทในการรักษาภาวะหัวใจเต้นช้า โดยยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทเวกัสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทพาราซิมพาเธติกของหัวใจที่มีหน้าที่ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ดังนั้นอะโทรพีนจึงมีฤทธิ์ทำให้หัใจเต้นเร็วขึ้น ในแนวทางปฏิบัติเดิมนั้นมีการบรรจุอะโทรพีนเอาไว้ในแนวทางการช่วยกู้ชีพสำหรับผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นชนิดที่ไม่มีคลื่นไฟฟ้าและชนิดที่มีคลื่นไฟฟ้าแต่ไม่มีการเต้นของหัวใจ แต่เมื่อมีการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่พบว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุนจึงถูกถอดออกจากแนวทางปฏิบัติฉบับปี 2010